Monday, December 21, 2015

«♥» บน บานฯ สาน รัก «♥» The 02nd Bonding|| 21.12.2015





อารมณ์ประดักประเดิดของสามหนุ่มลอยมากลบความเศร้าจากตอนที่แล้ว ๆ นะคะ
ขอย้อนช่วงเวลาที่เหตุการณ์ทั้งหลายในตอนนี้ไปในอดีตของภาคที่แล้วสักนิดนึงนะคะ...
นี่คือค่ำคืนแรกหลังจากสามหนุ่มตกลงคบหากันได้ใหม่ ๆ (เก็กเพิ่งรู้ว่าบ๊วยหายไป)
แต่หลังจากตอนนี้เป็นต้นไป จะไม่ย้อนอดีตอีกแล้วค่ะ... จะเป็นช่วงเวลาปัจจุบันถึงอนาคตแบบล้วน ๆ เลย

รักชอบประการใด ฝากความเห็นกันได้นะคะ เราชอบอ่านมากเลย
หากท่านใดต้องการติดตามข่าวสารเกี่ยวกับนิยาย แนะนำให้เข้าเพจได้เลยค่ะ
(แปะลิงค์เอาไว้ที่ลายเซ็นด้านล่างของทุก ๆ กระทู้ของเราแล้วเนอะ ^^)

ส่วนตอนหน้า... ใครรอพี่หมีกับบูบู้ถึงเนื้อถึงตัวกันเป็นครั้งแรก ฉากนั้นมาแน่ค่ะ
สุขสันต์วันคริสมาสต์ล่วงหน้าค่า!!!

ปล. แอบดีใจที่นางงามไทยเข้ารอบสิบคนสุดท้ายของเวทีนางงามจักรวาล
จนเรานี่อยากจะวาดสกลในชุดตุ๊ก ๆ เพื่อสรรเสริญความปังของน้องแนทกันเลยทีเดียว ฮ่า ฮ่า ฮ่า...
ทุกคนคิดอ่านกับประเด็นนี้อย่างไรคะ?



«»------------------------------------------------------------------------------------«»



 The 02nd Bonding
 ถอยกันคนละก้าว... เพื่อให้เราเดินไปพร้อมกันได้




“ไอ้เก็กมันเป็นน้องกูจริง ๆ หรือเปล่าวะ? ทำไมถึงชอบคิดอะไรไม่เข้าท่าอยู่เรื่อย?!...
.
.
...คอยดูนะ ถ้าบูบู้ไม่ยอมกลับมา กูจะสถาปนาตัวเองเป็นลูกคนเดียวแม่งเลย!” พอได้ตั้งสติคิดทบทวนถึงแผนการง้อแฟนของน้องชายดี ๆ อีกครั้ง กังฟูก็ถึงกับเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างหงุดหงิด...

มีอย่างที่ไหน... แทนที่พอทะเลาะกัน จะเปิดอกพูดคุย ไม่ก็ขอโทษขอโพยกันให้รู้เรื่อง
ไอ้น้องเวรกลับเสือกจะเล่นละครลองใจแฟนเสียอย่างนั้น  แต่นั่นยังไม่แย่เท่ากับการที่เขากับแฟนหนุ่มทั้งสองดันตบปากรับคำว่าจะให้ความช่วยเหลือไอ้เก็กไปเมื่อไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก่อนด้วยนี่สิ... นี่มันบ้าชัด ๆ เลย!   


“ใจเย็นก่อนนะฟู... ปล่อยเรื่องน้องบ๊วยให้เก็กกับพวกนั้นจัดการกันไปดีกว่า” วิญญูเอ่ยพลางคลอเคลียไม่ห่างกายเพื่อนรักผู้เลื่อนสถานะเป็นคนรักหมาด ๆ “ตอนนี้สิ่งที่พวกเราต้องทำ คือ เล่นไปตามบทที่เก็กบอกมานั่นแหละ  แค่แสดงออกว่าพวกเราเป็นแฟนกัน... คงไม่ยากเกินไปใช่ไหม?” คิวท์บอยสรุปจากสถานะล่าสุดระหว่างตนกับชายหนุ่มอีกสองคนตามที่ตนเข้าใจพลางปรายตามองพี่ชายอดีตเดือนมหาลัยสลับกับหนุ่มร่างหมีเพื่อขอความเห็น  

“... ก็คงไม่ยากอะไรหรอกมั้ง... หรือเต๋อว่าไง?” อริยะตรัยผู้พี่แบ่งรับแบ่งสู้โดยที่ไม่ละสายตาจากใบหน้าของแฟนหนุ่มอีกคนที่นั่งนิ่งอยู่ตรงปลายเตียง...

กับด้วง... เขาไม่นึกห่วงอะไร ด้วยที่รายนี้มักจะให้ความร่วมมือ แถมยังคอยถือหางตนเองอยู่เป็นนิจ
ทว่ากับเด็กสถาปัตย์นี่สิ ตั้งแต่น้องชายของเขากับเหล่าลิ่วล้อยกขโยงกลับกันไป  ตรินก็ตกอยู่ในภวังค์เอาแต่นั่งเงียบเสียเป็นส่วนใหญ่จนชายหนุ่มร่างเล็กเริ่มจะใจไม่ดี


“อืม  ก็คงงั้น... แล้วคืนนี้จะยังไงกันดีล่ะ?” เจ้าของห้องนอนเสหลบตาแล้วรับปากแบบขอไปทีก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อบทสนทนาจนอีกสองหนุ่มแทบจะตามไม่ทัน  กระนั้น... เมื่อเหลือบดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาแขวนข้างฝาที่ใกล้จะล่วงเลยเข้าสู่วันใหม่ในอีกไม่กี่อึดใจ หนุ่มวิศวะตัวสูงจึงเห็นดีเห็นงามกับคำถามของเต๋อโดยไม่คิดซักไซ้ใคร่ขวาง

“ฟูจะนอนไหนครับ?”

เพราะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศมาคุรอบ ๆ ตัวที่เริ่มจะปะทุรุนแรงขึ้นทุกขณะทันทีที่หนุ่มร่างหมีเปิดปาก  กังฟูจึงระงับความกระดากอายแล้วชะม้ายตามองแฟนทั้งสองทีละคนอย่างช้า ๆ  อย่างออดอ้อน ก่อนจะคลี่ยิ้มหวานละลายใจส่งให้เต๋อและด้วงไปพร้อม ๆ กับเอ่ยประโยคด้วยน้ำเสียงละมุนหูที่สุดเท่าที่เคยพูดกับสิ่งมีชีวิตใด ๆ ในโลกหล้า


“เต๋อกับด้วงนอนที่ไหน ฟูก็นอนที่นั่นน่ะแหละ”  พูดจบก็ยังยิ้มกว้างค้างเติ่งอยู่อย่างนั้นทั้งที่ร้อยวันพันปีแค่จะทำหน้าให้มันดี ๆ ยังยากเลย   แต่แทนที่ความพยายามดังกล่าวจะช่วยลดความมึนตึงกึ่งประดักประเดิดที่พวยพุ่งออกมาจากร่างสูงใหญ่ตรงปลายเตียง... ตรินกลับผุดลุกขึ้นแล้วเปรยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั้นห้วนคล้ายตัดรำคาญ

“งั้นฟูก็ไปอาบน้ำเถอะ วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” กระทั่งขณะที่กำลังตอบคำถามของอริยะตรัยผู้พี่  หนุ่มร่างหมีก็ยังพักสายตากับใบหน้าของวิญญูโดยไม่สนใจเหลียวดูกรกฏเลยสักนิด “ด้วง มึงเอาเสื้อผ้ามึงให้ฟูใส่ไปก่อนนะ ฟูคงใส่เสื้อผ้ากูไม่ได้ว่ะ... เดี๋ยวกูไปดูความเรียบร้อยของห้องก่อน” สั่งความกับด้วงจบ เต๋อก็หลบออกไปอย่างรีบร้อน


ความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์จากหน้ามือเป็นหลังมือของหนุ่มสถาปัตย์
ทำให้คนที่เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่หนึ่งถึงกับหน้าเสีย...

ที่เมื่อตอนหัวค่ำเต๋อนั่งร่วมวงคุยกับพวกรุ่นน้องได้อย่างปกติสุข คงเพราะเจ้าตัวเห็นแก่น้องรหัสเป็นสำคัญอย่างนั้นสินะ...
ตกลงว่า การใช้เวลาร่วมกันมันน่ากระอักกระอ่วนจนต้องคอยหาทางเลี่ยงอยู่ตลอดเลยเชียวหรือ?!
ลองว่าอีกฝ่ายไม่ให้ความร่วมมือกับเขาเสียตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นความสัมพันธ์  แล้วพวกเขาสามคนจะอยู่ด้วยกันอย่างตลอดรอดฝั่งได้อย่างไร?!!


“ด้วง... ที่กูขอพวกมึงมันไม่ผิดใช่ไหม?” คนตัวเล็กกว่าปรารภอย่างห่อเหี่ยว “กูไม่ได้เอาเปรียบจนทำร้ายความรู้สึกของมึงสองคนมากเกินไปใช่หรือเปล่า?” แค่เจ้าของห้องทำเมินเดินผละไปโดยไม่แยแสกับท่าทีโอนอ่อนของเขาเมื่อสักครู่ กังฟูก็ไม่รู้จะประคองสติอย่างไรให้ยังไม่ถอดใจไปเสียก่อน

“คบกันมาตั้งนาน รู้จักฟูมาตั้งกี่ปี ด้วงรู้นะว่า ถ้าเลือกได้ฟูคงไม่อยากรักทั้งเต๋อและด้วงจนสุดท้ายทุกอย่างบานปลายกลายมาเป็นแบบนี้หรอก...
.
.
...แต่พอคิดในมุมกลับ พวกเราสามคนก็โชคดีกว่าคนอื่นไม่ใช่เหรอ ที่พอได้รู้จักความรัก ก็ได้รักกับคนดี ๆ พร้อมกันทีเดียวตั้งสองคนน่ะ” หนุ่มวิศวะหน้าหยกผู้สังเกตการณ์ความเป็นไประหว่างกังฟูและเต๋อมาตั้งแต่แรกเริ่มคลี่ยิ้มบาง  ๆ พลางจุดประกายความคิดให้อีกฝ่ายได้วิเคราะห์ 

เมื่อเห็นว่าพี่ชายอดีตเดือนมหาลัยยังคงทำหน้ายุ่งพลางขมวดคิ้วแน่นด้วยความรู้สึกวิตกยังไม่บรรเทา  ด้วงจึงจูงมือคนรักให้ลุกขึ้นแล้วสวมกอดอีกฝ่ายเอาไว้หลวม ๆ ก่อนจะอธิบายเพิ่มเติมถึงการประเมินความคิดของเต๋อคร่าว ๆ ตามที่ตนพอจะเข้าใจ


“ถึงจะไม่มีใครรู้อนาคต แต่แค่รู้ว่า... ทางเลือกนี้จะทำให้พวกเรามีฟูอยู่ข้าง ๆ ไปเรื่อย ๆ ด้วงก็เต็มใจที่จะเลือกเดินไปกับฟูอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งมันน่าจะเป็นเหตุผลเดียวกันที่เต๋อเลือกเราสามคนมากกว่าจะปล่อยให้ไม่มีใครสมหวังสักคนเลยยังไงล่ะครับฟู”
.
.
.
.
.
.
.
.
“เหรอ?” กังฟูหลับตาพลางกดหน้าใบหน้าลงกับแผ่นอกของคนรักอย่างหมดเรี่ยวแรง...


ทั้งที่คิดว่าตัวเองน่าจะพอรับมือไหว แต่พอเอาเข้าจริง ตรินกลับใจแข็งกว่าที่เขาคิดเอาไว้เยอะมาก ๆ... 
ทำไมเขาต้องตัดสินใจเลือกทางเดินที่ยากเย็นเข็ญใจขนาดนี้ด้วยก็ไม่รู้?!



“ด้วงคงตอบคำถามแทนเต๋อไม่ได้หรอกนะฟู... ดีไม่ดี ความเห็นด้วงอาจฟังไม่เข้าท่าด้วยซ้ำ” วิญญูยอมรับอย่างจนแต้มเพราะฟันธงไม่ได้ว่า ข้อสันนิษฐานที่ตนใช้สร้างขวัญกำลังใจให้อีกฝ่ายไปเมื่อครู่ จะตรงกับสิ่งที่อยู่ในหัวของเต๋อจริงหรือไม่  

“เอาอย่างนี้ดีไหม เอาไว้ฟูเข้าไปอาบน้ำเสร็จแล้วเราค่อยถามเต๋อก่อนนอนพร้อมกัน ฟูจะได้ฟังทุกอย่างจากปากเต๋อด้วยตัวของตัวเอง”

“...แต่... / ไปเถอะครับฟู ค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ ทบทวน แล้วจะถามเจาะลึกกับทั้งเต๋อหรือด้วงเมื่อไรก็ได้ ยังไงพวกเราก็ไม่หนีไปไหนหรอก” ชายหนุ่มรูปหล่อรั้งตำแหน่งคิวท์บอยประจำมหาลัยเหลือบมองเวลาอีกครั้งระหว่างพยายามเกลี้ยกล่อมอีกฝ่าย สุดท้ายจึงรุนแผ่นหลังบางให้สาวเท้าเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะปิดประตูห้องน้ำเพื่อบังคับให้กังฟูรีบจัดการตัวเองให้เสร็จกลาย ๆ โดยไม่สนใจเสียงประท้วงจากคนข้างในเลยสักนิด

เรื่องอะไรเขาจะปล่อยให้คนรักเข้านอนดึกจนเกินไปตั้งแต่คืนแรกที่ตกลงคบหากัน...
อีกอย่าง ถึงด้วงจะไม่ต่อต้านสถานะ เราสามคน รุนแรงเท่ากับตริน ก็ใช่ว่าเขาจะไม่รู้สึกอึดอัดเวลาหมีไม่พอใจเสียหน่อย... ขืนเขาปล่อยให้ร่างเล็กยังอยู่ในสภาพไม่พร้อมนอนไปนาน ๆ  เต๋อคงจะยิ่งพาลแล้วเงียบไปกันใหญ่แน่ ๆ








ราว ๆ เกือบตีสองของคืนเดียวกันนั้นเอง  
ณ ขณะที่ตระหนักชัดแล้วว่า ความพยายามในการข่มตานอนกว่าชั่วโมงไม่เป็นผล...
ร่างเล็กผู้ครอบครองพื้นที่บนเตียงนอนระหว่างหมีทั้งสองโดยชอบธรรมก็ค่อย ๆ ขยับพลิกตัวด้วยไม่อยากทำให้เจ้าของอ้อมกอดหน้าหยกตื่นขึ้นเสียก่อน  เปลือกตาบางเบิกจ้องใบหน้ายามหลับของคนนอนอีกข้างที่เอาแต่กอดตัวเองแน่นหลังจากบ่ายเบี่ยงไม่ยอมต่อบทสนทนาก่อนนอนกับตนด้วยเหตุผลว่า รู้สึกเหนื่อยจนแทบลืมตาไม่ขึ้น

ความรู้สึกพิเศษที่มีต่ออีกฝ่ายทำให้เค้าโครงใบหน้าคมเข้มรวมทั้งรายละเอียดปลีกย่อยทางกายภาพทุกประการของตริน แจ่มชัดแม้ความมืดจะทำหน้าที่ของมันอย่างไม่บิดพลิ้ว     แทบไม่ทันรู้ตัว... ปลายนิ้วเรียวก็ยื่นไปแตะหัวคิ้วที่ย่นนิด ๆ ของอีกฝ่าย  นวดเบา ๆ เพื่อให้มันคลายออกจากกัน  แล้วจึงเลื่อนฝ่ามือไปลูบไล้แก้มสากโดยแทบไม่ลงน้ำหนักพลางเฝ้าถามตัวเองซ้ำ ๆ ว่า เขาควรทำอย่างไรกับวันพรุ่งนี้ดี?


คลื่นความหวั่นไหวระลอกแล้ว ระลอกเล่าพัดโหมกระหน่ำ  นำพาความรู้สึกเหน็บหนาวอ้างว้างซึ่งไม่ผิดแผกไปจากเมื่อสองคืนก่อนให้กลับมาหลอกหลอนกรกฏจนอกสั่นหวั่นไหวอีกครั้ง  


จริงอยู่... ถึงจะได้ในสิ่งที่ต้องการ... ได้อยู่ในความสัมพันธ์กับทั้งเต๋อและด้วงแล้วก็ตาม  
ทว่าท่าทีนิ่งเฉยกับความเงียบงันที่จับต้องได้  กลับย้ำเตือนให้กังฟูรู้แจ้งแก่ใจว่า หนุ่มสถาปัตย์ไม่อาจทำใจยอมรับสถานะที่เขาเรียกร้องได้เลยสักนิด


กระนั้น... แม้ความคิดทั้งหลายจะยังไม่ตกตะกอน แต่ที่สุดแล้ว ลำแขนแกร่งแสนอบอุ่นที่เขากำลังเกาะกุมอย่างหวงแหนอยู่นั้น ก็ไม่ต่างอะไรกับยานอนหลับชั้นดีที่กระซิบข้างหูแผ่ว ๆ ชวนให้เขายิ่งรู้สึกผ่อนคลายจนค่อย ๆ ปิดเปลือกตา...

สัมผัสนั้นเฝ้าย้ำกับเขาว่า  อย่างน้อย ๆ จนถึงวันพรุ่งนี้...  
เขาจะมีดวงอาทิตย์โคจรรอบตัวจนไม่ต้องเกรงกลัวความเหน็บหนาวหรือมืดมนอีกต่อไปแล้ว








หากความรู้สึกวิตกกังวลไม่ยอมจำนนต่อความง่วงงุนไปเสียก่อน
กรกฏคงได้ประจักษ์ไปนานแล้วว่า ทั้งตรินและวิญญูหาได้ตกอยู่ในห้วงนิทราอย่างที่เผลอเข้าใจ   


ฝ่ายแรกถูกความรู้สึกสับสนกับบทสรุปความสัมพันธ์ระหว่างตนกับหนุ่มวิศวะทั้งสอง
ฉุดรั้งตัวเขาให้ยังคงจมดิ่งอยู่ในห้วงความความคิดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด...

จะเป็นไปได้หรือที่มนุษย์เราจะสามารถรักใครอื่นในเชิงชู้สาวได้มากกว่าหนึ่งคนพร้อม ๆ กัน?!...
และถึงความเป็นไปได้ทำนองนั้นจะมีอยู่จริง  คนอย่างเขาเนี่ยะนะจะเกิดรู้สึกรักใคร่ และ ปรารถนาในตัวหนุ่มหน้าหยกได้อย่างรุนแรงเหมือนที่รู้สึกกับกังฟู?!  



ส่วนสาเหตุที่ทำวิญญูยังสลัดความกังวลทิ้งไปไม่ได้ มาจากสภาวะผิดปกติทางอารมณ์ของกรกฏเป็นสำคัญ เพราะยิ่งเต๋อออกอาการผลักไสไม่ใยดีอริยะตรัยผู้พี่มากเท่าไร  สุดที่รักของเขาก็ยิ่งเศร้าสร้อยจนเขาทนดูไม่ได้มากขึ้นเท่านั้น...   

หลังจากได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของคนในอ้อมกอด  คิวท์บอยคนล่าสุดก็กระชับวงแขนรวบแผ่นหลังเล็ก ๆ เข้าแนบอกพร้อมตกลงกับตัวเองว่า เมื่อฟ้าสว่าง เขาจะสร้างโอกาสงาม ๆ แก่คนรัก เพื่อที่กรกฏจะได้เคลียร์เรื่องค้างคาใจกับหนุ่มสถาปัตย์อย่างเป็นรูปธรรมให้สำเร็จ


«»------------------------------------------------------------------------------------«»


“มึงตื่นนานแล้วเหรอ?” วิญญูในสภาพเพิ่งตื่นนอนส่งเสียงถามคนยืนพิงเคาน์เตอร์ครัวอย่างเหม่อลอยระหว่างรอเครื่องชงกาแฟทำงาน  หนุ่มหน้าหยกเดินเฉียดอีกฝ่ายฉีกไปเสียบปลั๊กเครื่องปิ้งขนมปังพลางถามต่อ “เมื่อคืนนอนไม่หลับหรือไง?... เช้านี้มึงจะกินกี่แผ่น?” หนุ่มวิศวะชูขนมปังแถวใหญ่ขึ้นตรงหน้าอีกฝ่ายที่ยังยืนนิ่งไม่ตอบอะไรตั้งแต่เมื่อครู่  

เมื่อรู้สึกตัวว่าโดนกดดันด้วยสายตา  เต๋อก็ยอมเบือนหน้าไปจ้องเด็กหนุ่มต่างคณะครู่หนึ่งก่อนจะเบือนหน้ากลับไปจับจ้องสายน้ำสีเข้มหอมกรุ่นที่ค่อย ๆ หยดลงในช็อตอย่างอ้อยอิ่งแล้วก็นิ่งไปอีกคราว จนกลายเป็นด้วงเสียเองที่ต้องขุดเอาคำถามอื่น ๆ ขึ้นมาแงะปากหนัก ๆ ของอีกฝ่ายให้เปิดอ้า


“วันนี้มึงมีเรียนบ่ายใช่ไหม?”
.
.
.
.
.
.
.
.
“อือ” กว่าจะยอมตอบ หนุ่มร่างหมีก็ต้องรอให้มีเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอร่วมกับเสียงถอนหายใจของคนข้าง ๆ ดังคลอขึ้นอยู่นานสองนาน กระนั้น... คิวท์บอยคนล่าสุดก็ยังกัดไม่ปล่อย

“งั้นทำอะไรกินกันดีล่ะ?”

“จะทำอะไรก็ทำ... กูไม่หิว” ขาดคำ ร่างสูงก็ยกแก้วกาแฟขึ้นซดเสียครึ่งช็อต ทว่าอาณุภาพของกาแฟกลับไม่ได้ช่วยให้นัยน์ตาเลื่อนลอยนั่นกลับมาโฟกัสได้อีกครั้ง  วิญญูแสร้งทำไม่รู้ไม่ชี้กับท่าทางสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวของตรินแล้วเลี่ยงไปเปิดตู้เย็นค้นวัตถุดิบสำหรับเตรียมอาหารเช้าควบกลางวันให้แก่พวกเขาทั้งสามทันที  

“งั้นมึงช่วยไปปลุกฟูทีดิ  เดี๋ยวกูจะลองค้นของสดในตู้ดูก่อน” ฝ่ายที่ทำทีเป็นสาละวนอยู่กับผักหญ้าตรงหน้าขอร้องแกมบังคับคนว่างกว่าเพราะอยากจะทำตามความตั้งใจเดิมที่คิดเอาไว้เมื่อตอนก่อนนอน  กระนั้นแล้วกลับต้องอ่อนใจ เพราะคนฟังยังคงยืนซึมกระทืออยู่ที่เดิมจนต้องกระทุ้งไปอีกรอบ 

“เต๋ออออออ มัวแต่เหม่ออะไรอยู่วะ?... เร็ว ๆ ดิ สายแล้ว... ไปปลุกฟูมากินกาแฟรองท้องก่อน จะได้ไม่เป็นโรคกระเพาะ” ทันทีที่ได้ยินคำว่ากังฟู  หมีหนุ่มก็กลับมามีปฏิกิริยาอีกครั้ง...   

ด้วงมองตามแผ่นหลังกว้างของร่างสูงใหญ่ที่ดูจะหดลงเล็กน้อยหลังจากเจ้าตัวเล่นถอนหายใจหนักหน่วงจนตัวยอบด้วยความรู้สึกหลากหลาย  ใจหนึ่งก็ลุ้นให้กรกฏที่ตื่นขึ้นพร้อม ๆ ตนเมื่อสักครู่ได้โอกาสเคลียร์เรื่องไม่สบายใจกับอีกฝ่ายให้หายหน่วงกันเสียที  แต่อีกใจกลับรู้สึกสงสารหนุ่มสถาปัตย์ร่างหมีที่ค่อย ๆ ลากขาเดินเข้าไปในห้องนอนด้วยใบหน้าเฉกเช่นนักโทษคดีอุกฉกรรจ์กำลังก้าวสู่แดนประหารขึ้นมาตงิด ๆ   








แม้ความรู้สึกสับสนจะเล่นงานตรินจนเอาแต่ว่ายวนอยู่ในห้วงความคิดไม่เลิกรา  แต่ชายหนุ่มก็ยังจำได้อยู่หรอกว่า เหตุที่ต้องย้อนกลับเข้ามาในห้องนอนทั้งที่ไม่เต็มใจนี่เพื่อจุดมุ่งหมายอันใด กระนั้น... หลังจากที่เปิดประตูห้องเข้าด้านใน เขากลับไม่เห็นร่างเล็กหลับไหลอยู่บนเตียงอย่างที่วิญญูอ้างอิง  


ดีจริงที่ไม่ต้องเผชิญหน้ากับอริยะตรัยผู้พี่สองต่อสองในตอนนี้...
เขาอยากมีเวลาคิดทบทวนเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับอีกสองหนุ่มต่ออีกสักหน่อย


ทว่าจังหวะที่กำลังจะก้าวออกจากห้องนอนไปนั้น  ประตูห้องน้ำที่เปิดแง้มอยู่เพียงเสี้ยว ก็ทำให้เขาได้ยินสุ้มเสียงหงุดหงิดของใครอีกคนดังลอดออกมาจนต้องรั้งขาไม่ให้ออกเดิน


“นี่... คิดอะไรอยู่เหรอ? บอกฟูได้หรือเปล่า?” หลังจากประโยคเมื่อครู่จบลง ก็มีเสียงบ่นของเจ้าตัวดังส่งท้ายยาวเหยียด  “โว้ย!! ไม่เอาอย่างนั้นซี่... หน้าตานิ่งเป็นปลาตายแบบเมื่อกี๊แม่งโคตรดูไม่ได้! เสียงก็ธรรมดาไป ต้องพูดให้อ่อนโยนกว่านี้... เอาใหม่!

ประโยคที่เพิ่งได้ยินไปหมาด ๆ ทำเอาตรินต้องเปลี่ยนอิริยาบทจากเงี่ยหูฟังเป็นค่อย ๆ ย่องไปแนบดวงตาเข้ากับช่องแสงเล็ก ๆ ซึ่งเผยให้เห็นร่างของคนรักที่ส่งเสียงล้งเล้งทะเลาะกับตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ในห้องน้ำได้อย่างชัดเจน


“เต๋อ เต๋องอนฟูเหรอ? งื้ออออออ... ฟูขอโทษนะที่เอาแต่ใจเกินไป” อริยะตรัยผู้พี่ยกมือขึ้นกุมตรงหน้าอก กัดปากพลางทำหน้ากระเง้ากระงอดจนดูน่าตลกในสายตาของหนุ่มสถาปัตย์  “แล้วเมื่อกี๊จะงื้อทำไม? อีกนิดก็จะพูดจาไม่รู้เรื่องอยู่แล้ว!! อ้อนเว่ย ไม่ใช่ทำตัวปัญญาอ่อน!!!”  หลังจากถูหน้าตัวเองแรง ๆ จนคนแอบดูอดห่วงไม่ได้ พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยก็สูดลมหายใจเข้าจนสุด แล้วก็เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

“เต๋อ... มึงก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าถ้ากูไม่รักมึงซะอย่าง กูก็ไม่มีทางคิดเรื่องสามคนผัวเมียอะไรแบบนี้หรอกนะเว่ย!!!” ตรินกลั้นขำแทบไม่ทันเมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของกรกฏเมื่อสักครู่...  

ถ้าไม่ติดว่าแอบดูอยู่ คงได้เดินเข้าไปถามอีกฝ่ายแล้วว่า คนอ้อนมิติไหนกันถึงทำหน้าข่มขู่คล้ายหิวเงินใส่คนฟังบ้าง  
แต่คงไม่ต้องรอให้กระแสจิตของเต๋อส่งไปถึง เพราะลำพังคนทำก็แทบทนกับความพยายามครั้งก่อนหน้าของตัวเองไม่ได้


“พูดแบบนั้นแล้วไอ้หมีมันจะเข้าใจไหมล่ะ? เดี๋ยวก็น้อยใจไปอีก!! โอ๊ยยยยย!!! ทำไมมันยากอย่างนี้วะ?!!”  ร่างเล็กวักน้ำสาดหน้าตัวเองอย่างบ้าคลั่งจนต้องยืนหอบหายใจพักเหนื่อยอยู่นานสองนาน...  

อริยะตรัยผู้พี่กำลังชั่งใจเลือกระหว่างจะผดุงจิตวิญญาณของความเป็นชายชาตรีผู้รักศักดิ์ศรีไม่มีใครเกิน  กับยอมหลับหูหลับตารับบทพริตตี้เชิญชวนให้ทั้งสองหนุ่มตกหลุมรักตนเองอย่างหัวปักหัวปำจนไม่คิดจะขอเลิก  แต่พอคิดสะระตะถึงความรู้สึกแทบขาดใจที่สัมผัสไปเมื่อสองวันก่อน  หนุ่มวิศวะร่างกะทัดรัดก็ตัดสินใจได้


“ไม่ได้นะฟู มึงจะห่วงฟอร์มอยู่ไม่ได้...
...เอาแต่ใจขนาดนี้ ก็ต้องยอมถอย ยอมทำอะไรที่ไม่เคยทำเพื่อความสุขของพวกมันสองคนบ้างได้แล้ว...
.
.
...ถ้ารักพวกมัน อยากอยู่กับพวกมันสองคนไปตลอด... มึงก็ต้องห้ามป๊อดเป็นอันขาดนะฟู...
...ถึงเวลาที่มึงต้องยอมแสดงออกความรู้สึกออกให้พวกมันรู้เสียที  มึงเข้าใจไหม?!” ร่างเล็กพูดพลางชี้หน้าตัวเองในกระจกด้วยสายตามุ่งมั่นก่อนจะตะโกนเสียงดังเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้พร้อมจะสู้กับความอับอายทุก ๆ รูปแบบ  “ย้ากกกกกก!! สู้โว้ยยยยย!!!


ตรินไม่ได้อยู่รอฟัง หรือคอยดูว่าหลังจากเสียงสุดท้ายที่ได้ยินนั้น อริยะตรัยผู้ที่จะทำอะไรแผลง ๆ เพื่อปลุกปลอบตัวเองอีกหรือไม่  ความในใจจากปากคนรักที่เพิ่งได้ยิน สะท้อนวาบเข้ามาในหัวจนหนุ่มสถาปัตย์เริ่มจะฉุกคิดและมองทุก ๆ สิ่งในมุมที่ต่างออกไป...


แล้วตัวเขาล่ะ?
เขาควรทำอะไรบางอย่างเพื่อความรักครั้งนี้ได้แล้วหรือยัง?   







“อ้าว! แล้วฟูล่ะ?” เพราะไม่คาดหวังว่าตรินจะกลับออกมาเพียงลำพัง ด้วงที่นั่งเพลิดเพลินกับกาแฟและขนมปังอยู่หน้าทีวีจึงต้องถามถึงอีกคน

“ตื่นแล้ว... อยู่ในห้องน้ำ”

“อ๋อเหรอ” ด้วงรับคำแกน ๆ พลางปรายตามองสีหน้าหม่นหมองของตรินแล้วครุ่นคิด...  ออกมาเร็วขนาดนี้โดยที่ห้องนอนไม่ถล่มโลกยังไม่ล่มสลาย  สงสัยว่าเขาคงหนีตำแหน่งกาวใจของคนรักทั้งสองไปไม่พ้นเสียล่ะมั้ง “นั่งดิ กูปิ้งหนมปังเผื่อแล้ว  นั่นแก้วมึง... กูถือติดมือมาให้ด้วย” พูดจบ วิญญูก็กัดขนมปังปิ้งดังกร้วมก่อนจะตบเบาะเบา ๆ แล้วพูดชักชวนราวกับเป็นเจ้าของห้องเสียเอง

“ขอบใจว่ะ” เต๋อหย่อนตัวนั่งข้าง ๆ กันพลางนึกชมอีกฝ่ายอยู่ในใจที่ทั้งรอบคอบ และใส่ใจกับรายละเอียดเกี่ยวกับทุก ๆ คนเป็นอย่างดี  

“เต๋อ” คิวท์บอยรอให้คนนั่งข้างจิบกาแฟสักพักแล้วจึงเปิดประเด็นอย่างอึกอัก “มึงโอเคหรือเปล่าเนี่ย?”

“กูก็ปกติดี มึงถามทำไม?” แม้หนุ่มร่างหมีจะตอบเรียบ ๆ  แต่การเลิกอมขี้ฟันแล้วมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์คนอื่น ๆ บ้างก็ทำให้เด็กวิศวะพลอยโล่งใจจนกล้าสานต่อบทสนทนาโดยไม่รอช้า 

“แต่ปกติมึงไม่เงียบแบบนี้ มึงเงียบเหมือนตอนที่มึงกังวลเรื่องฟูวันนั้นเลย” วิญญูหรี่ตามองหาพิรุธบนใบหน้าคมเข้ม “มึงรับไม่ได้เรื่องที่ต้องคบกับฟูโดยที่มีกูอยู่ด้วยใช่ไหม?” หนุ่มหน้าหยกยิงตรงเข้ากลางเป้าอันเป็นต้นตอของปัญหาหนักอกของอีกฝ่ายโดยไม่ต้องใคร่ครวญ... สาเหตุที่อีกฝ่ายทำหน้าหงิกติดพันมาตั้งแต่เมื่อวาน ก็เพราะมันยังทำใจเรื่องของตนกับกังฟูไม่ได้แน่ ๆ  

“ไม่ตอบแปลว่ายอมรับ” พอโดนเค้นมาก ๆ เข้าก็กลายเป็นว่าทั้งสองต่างก็ถอนหายใจใส่อีกฝ่ายหนัก ๆ ประหนึ่งกำลังประลองพลังวัตรกันอยู่  “เต๋อ... มึงยอมรับมาเถอะ ปัญหาคือกูใช่ไหม?” หนุ่มหน้าหยกจ้องเสี้ยวหน้าคู่สนทนาไม่วาง 

“เปล่าหรอก ปัญหาจริง ๆ คือกูต่างหาก” ด้วงนั่งฟังเงียบ ๆ  ปล่อยเวลาให้หมุนผ่านไปอย่างช้า ๆ เพราะไม่อยากคาดคั้น    ส่วนหนุ่มสถาปัตย์ก็กำลังเรียบเรียงประโยคที่จะตอบคำถามของอีกฝ่ายได้อย่างรวบรัดที่สุด
.
.
.
.
.
.
.
“กูคิดมาตลอดว่า  ความสัมพันธ์ฉันท์คนรัก คือ การคบหาดูใจกันของคนสองคนที่รู้สึกตรงกัน... 
...แต่พอต้องมากันสามคนโดยไม่ทันได้เตรียมใจ  กูก็ไม่รู้ว่ากูต้องทำตัวยังไง หรือควรอยู่ตรงไหนเวลาฟูอยู่กับมึงดี...
.
.
...จนตอนนี้ กูก็ยังห้ามตัวเองไม่ให้คิดว่ากูเป็นส่วนเกินระหว่างมึงสองคนไม่ได้เลย”  คำสารภาพของหนุ่มร่างหมีถูกตอกกลับอย่างฉับพลันด้วยคำถามผ่านน้ำเสียงเย้ยหยันระคนประชดประชันของคนฟัง

“มึงเลยทำตัวเป็นอากาศธาตุ ไม่ออกความเห็น ไม่ส่งเสียง... เนี่ยนะวิธีแสดงออกของมึง?!! / ก็กูไม่เคยคิดเรื่องจะแบ่งฟูกับใครมาก่อนเลยนี่หว่า... ถึงผู้ชายอีกคนจะเป็นมึงก็เถอะ!!!” ตรินหลุดปากขึ้นเสียงใส่อีกฝ่ายอย่างสุดทน  ทว่าคิวท์บอยคนล่ากลับไม่ได้เต้นตาม  

“เต๋อ... ถ้ามึงยังไม่เลอะเลือน มึงคงรู้นะว่า ที่ผ่านมา... กูก็ไม่ได้เตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้มาก่อนเหมือนกัน   เมื่อวานตอนที่ฟูบอกว่ารักมึง กูก็เจ็บนะเว่ย” วิญญูอธิบายจุดยืนของตัวเองที่แทบจะไม่แตกต่างกับอีกฝ่าย ตราบจนเมื่อได้เห็นใบหน้าขาวเนียนของคนที่ตัวเองเฝ้าแอบรักมาตลอดชีวิตเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา เขาก็ยอมแพ้ไม่เป็นท่าในชั่วพริบตาเดียว

หึ!

ไม่จำเป็นต้องพูด เด็กวิศวะก็รู้ว่าเสียงหัวเราะเยาะในลำคอเมื่อสักครู่ สื่อความหมายเช่นไร  ชายหนุ่มหน้าหยกหลับตาพลางสูดลมหายใจเข้าจนสุดเพื่อระงับโทสะที่ผุดขึ้นหลังจากการโต้คารมเมื่อสักครู่ให้มอดลง  ในเมื่อทางโน้นร้อนรุ่ม เขาก็จะไม่คุ้มคลั่งสร้างปัญหาเพิ่ม


“เต๋อ ที่กูถามมึงเนี่ย ไม่ใช่จะเพราะหาเรื่องอะไรมึงหรอกนะ” ด้วงพูดช้า ๆ อย่างใจเย็น “แต่เพราะกูอยากจะบอกมึงว่า กูรักฟูมาก... รักมากเสียจนกูยอมให้มึงเป็นอีกคนที่จะอยู่ดูแลฟูไปพร้อม ๆ กันได้ ถ้านั่นจะทำให้ฟูยิ้มและมีความสุขทุก ๆ วัน...
.
.
...แล้วมึงล่ะ?...
...มึงคนที่บอกว่ารักฟูไม่น้อยไปกว่ากู มึงพร้อมจะทำเพื่อฟูได้ไหม?”  คำถามนี้ทำเอาคนตอบสบตาด้วงด้วยสายตาเคลือบแคลงคล้ายไม่ไว้ใจในเจตนาเบื้องหลังจนเจ้าตัวจำต้องอธิบายตัวเองให้วุ่นวาย “อย่ามองกูแบบนั้น... ที่มาคุยเนี่ยฟูไม่เกี่ยวอะไรด้วย... เมื่อกี๊ก็อุตส่าห์เปิดโอกาสให้มึงกับฟูได้เคลียร์กันแท้ ๆ สงสัยจะกะจังหวะได้ไม่ดีเท่าไร” หนุ่มวิศวะบ่นกับตัวเองเบา ๆ

นอกจากจะทำตัวเป็นปกติแถมดูจะรับมือกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานได้ดียิ่งกว่าเขาหลายเท่าตัวแล้ว
ท่าทางไม่เดือดร้อนกับความสัมพันธ์แปลกประหลาดเกิน ๆ ขาด ๆ ของพวกเขาทั้งสามที่วิญญูแสดงออกอย่างเป็นธรรมชาติเหลือเกิน คือ สิ่งที่ตรินยังไม่เข้าใจ


“ด้วง... มึงไม่รู้สึกแปลก ๆ เหรอวะถ้าต้องเห็นกูกับฟูจู๋จี๋กันน่ะ?”

“ไม่รู้ดิ ถ้ามึงทำอะไรฟู... กูก็คงจะทำแบบนั้นกับฟูมั่งล่ะมั้ง เรื่องอะไรกูจะปล่อยให้มึงมีความสุขกับฟูได้ตามใจกันล่ะ?” วิญญูยักไหลพลางลอยหน้าลอยตาตอบจนคนมองถึงกับอึ้ง... อะไรมันจะใจกว้างเป็นมหาสมุทรได้ขนาดนั้นวะ?!!

“มึงไม่รู้สึกแปลก ๆ เหรอ?” ในเมื่ออีกฝ่ายเล่นตอบมาแบบนี้ หนุ่มร่างหมีก็ไม่อาจระงับความสงสัยเอาไว้ได้อีกต่อไป “มึงไม่หวง? ไม่หึงฟูเลยเหรอ?”

“เต๋อ... ถ้ามึงแอบรักฟูมาเป็นสิบ ๆ ปีแล้วฝันว่าจะได้รับความรักตอบแทนมาตลอด แค่เขายอมให้กูกอด ให้กูหอม ยอมให้กูอยู่ใกล้ ๆ ด้วยความเต็มใจโดยที่กูไม่ต้องแอ๊บทำตัวเป็นอย่างอื่น กูก็สุขจนแทบไม่คิดหน้าคิดหลังอะไรแล้วว่ะ...
.
.
.
...มันก็จริง... ที่มึงจะได้ทำโน่นนี่นั่นกับเขาเหมือน ๆ กัน...
...แต่ตราบใดที่ฟูรักกูไม่น้อยไปกว่าที่รักมึง กูก็ไม่ขออะไรมากไปกว่านี้แล้วจริง ๆ นะเว่ย”  เสียงถอนใจของด้วงในรอบนี้ไม่ได้มาพร้อมกับความรู้สึกหนักอก...

หากได้ลองสังเกตใบหน้าและแววตาของคิวท์บอยหน้าหยกอย่างใกล้ชิด  จะรู้ได้ทันทีว่า ที่เจ้าตัวต้องระบายลมหายใจอย่างหนักหน่วง  เป็นเพราะสุดท้าย ตนเองก็สามารถยอมรับความสัมพันธ์แบบ เราสามคนได้อย่างหน้าตาเฉย   และที่น่าตกใจยิ่งไปกว่านั้นก็คือ เขาดันกล้าเอ่ยเรื่องนี้ออกมาต่อหน้าต่อตาว่าที่แฟนในความรู้สึกอย่างไม่มีอาการเก้อกระดากแต่อย่างใดนี่สิ!  


“กระทั่งเรื่องอย่างว่ามึงก็โอเคงั้นเหรอ? / เรื่องนั้นไว้กูค่อยคิดมากอีกทีตอนที่เขาให้มึงแล้วไม่ให้กูก็แล้วกัน!” แม้ความรักสุดมักน้อยของวิญญูจะจุดประกายความสงสัยของตรินให้ลุกโชติช่วง แต่แล้วด้วงก็รวบรัดตัดความจนเต๋อไม่มีโอกาสอ้าปากถามในเรื่องที่กระทั่งเจ้าตัวก็ยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถรับมือได้ดีเหมือนที่ประกาศออกไปเมื่อกี๊จริงหรือเปล่า

“กูไม่ได้ใจกว้างกับใครก็ได้หรอกนะเต๋อ...
...แต่เพราะกูรู้ดีว่า กว่าฟูจะยอมรับตัวเองได้น่ะไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ  กูถึงได้ยอมรับเงื่อนไขของเขาโดยไม่มีข้อแม้ยังไงล่ะ...
.
...แค่คนที่เกลียดเกย์ยิ่งกว่าอะไรอย่างฟู ยอมลดทิฐิมาสารภาพรักกับผู้ชายแถมยังเต็มใจจะแบกรับสถานะเกย์ที่มีคู่ขาถึงสองคนนี่ยังไม่ทำให้มึงซึ้งได้อีกเหรอวะ?”  


กับคำถามเมื่อครู่ ด้วงไม่ได้หวังจะฟังคำตอบแต่อย่างใด...
มันถูกเอ่ยออกไปเพื่อกระตุ้นให้อีกฝ่ายได้ตระหนักถึงความยากลำบากในการตัดสินใจเลือกทางเดินชีวิตของอริยะตรัยผู้พี่ หาใช่คำถามที่เขาตั้งใจจะใช้มันเรียกสติของเต๋อให้กลับมาโดยเร็วก่อนทิ่อริยะตรัยคนพี่จะหดหู่ยิ่งไปกว่านี้ อย่างที่กำลังจะเอ่ยนี่อย่างไรล่ะ


“กูจะปล่อยให้มึงได้ไตร่ตรองดูเอาเองก็แล้วกัน แต่ก่อนหน้านั้น... ฝากมึงถามตัวเองดูอีกทีนึงนะเต๋อ...
.
.
...ที่มึงรับคำขอของฟูไม่ได้... เพราะมึงห่วงว่าฟูจะไม่แฮปปี้ หรือกลัวตัวเองจะไม่มีความสุขกันแน่?”


ประโยคของวิญญูเหมือนหมัดฮุคที่ยิงตรงกระแทกหัวใจตรินเข้าอย่างจัง
อิทธิพลของมัน ตอกย้ำความรู้สึกที่ยังไม่มีข้อสรุปหลังจากที่ได้ยินกังฟูคุยกับตัวเองในห้องน้ำไปเมื่อครู่

ใช่... ตกลงแล้ว เขากำลังกลัวอะไรกันแน่?!
ที่เมื่อวานรับปากกรกฏไป เพียงเพราะไม่ต้องการเห็นน้ำตาหรือสีหน้าโศกเศร้าเสียใจของอีกฝ่ายไม่ใช่หรือ?
แล้วการที่เอาแต่อมทุกข์อยู่ทุกขณะจิตอย่างที่เป็นอยู่นี่ ก็ใช่ว่าพี่ชายอดีตเดือนมหาลัยจะสัมผัสไม่ได้เสียหน่อย
ดีไม่ดี... นับตั้งแต่หัวค่ำที่ผ่านมา ท่าทีดังกล่าวของเขาอาจจะทำให้อีกฝ่ายเสียใจไปหลายครั้งแล้วก็ได้... ใครจะรู้


ถ้าหากสิ่งที่เขาเป็น คือ การมีชีวิตอยู่เพื่อรักกรกฏสุดหัวใจ
และในเมื่อกังฟูเลือกเขา... เขาก็ควรจะดื่มด่ำกับความสุขนั้นให้เต็มที่
แค่มีด้วงเพิ่มเข้ามาอีกคน ก็ไม่เห็นจะเป็นเรื่องใหญ่อะไรเลยนี่นา


ลุก!” เต๋อสั่งพลางยืดตัวขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมกับส่งมือข้างหนึ่งให้คู่สนทนาที่ตกอยู่ในสภาวะเอ๋ออย่างกะทันหัน

“อะไร?!” 

ไปกับกู! / ไปไหน?” หนุ่มสถาปัตย์ไม่รอให้วิญญูตั้งสติ  ร่างสูงใหญ่โน้มตัวลงไปฉุดแขนอีกคนให้ลุกตามกัน ซึ่งท่าทางหุนหันพลันแล่นไม่มีแบบแผน ไม่มีบอกกล่าวแบบนั้นทำให้ด้วงยิ่งสับสนไปกันใหญ่

เดี๋ยวสิ! มึงจะรีบไปไหนเนี่ย?” คนถูกจูงถามด้วยเสียงตื่นตระหนก ด้วงไม่ได้กำลังวิตกทำนองว่าจะโดนอีกฝ่ายลากไปประทุษร้ายแต่อย่างใด แต่เพราะไอ้อาการนั่งนิ่งไปนาน ๆ แล้วอยู่ ๆ ก็เกิดเปลี่ยนใจ ลุกขึ้นเคลื่อนไหวอย่างฉับไว ถือว่าอยู่นอกเหนือความรับผิดชอบที่ต้องคิดหาคำตอบด้วยตัวเองได้จริง ๆ

”กูจะไปคุยกับฟูเรื่องของพวกเรา” สีหน้าว่างเปล่าของหนุ่มวิศวะที่บอกกลาย ๆ ว่า ตนเองไม่น่าจะเกี่ยวกับแผนการดังกล่าวแต่อย่างใด ทำให้ตรินต้องสาธยายรายละเอียดอย่างเสียไม่ได้อย่างรวดเร็ว “ไหน ๆ ก็ตัดสินใจจะร่วมหัวจมท้ายกันแล้ว เวลาจะคุยเรื่องอะไรก็คุยตอนอยู่พร้อมหน้ากันทีเดียวนี่แหละ จะได้ไม่มีปัญหาตามมาทีหลัง” 




หลังจากเปิดประตูผางเข้าไปด้านในห้องนอน หนุ่มร่างหมีก็ลากคิวท์บอยถูลู่ถูกังตรงไปคว้าข้อมือของร่างเล็กที่ทำหน้ายุ่งยืนหมุนไปหมุนมาอยู่ตรงหน้าตู้เสื้อผ้าติดมือเพิ่มมาอีกคน  สุดท้ายแล้ว... เจ้าของห้องก็พาแฟนทั้งสองไปหย่อนตัวนั่งลงตรงปลายเตียง


เต๋อจะทำอะไร?!” กรกฏถามด้วยน้ำเสียงตกอกตกใจ ทว่าพี่ชายอดีตเดือนมหาลัยก็ตั้งตัวได้อย่างรวดเร็วหลังจากได้ยินคำอธิบายของคนรักหน้าคม  

“เต๋อมีเรื่องอยากคุยด้วยครับ” สีหน้าจริงจังกับแววตาที่แฝงไปด้วยอารมณ์อันหลากหลายทำให้กังฟูพอจะเดาเรื่องที่อีกฝ่ายอยากจะพูดได้  อริยะตรัยผู้พี่จึงชิงอาศัยจังหวะที่คนรักอยู่กันพร้อมหน้าเปิดประเด็นเป็นคนแรกค่าที่ไม่อยากให้ตัวเองฝ่อไปเสียก่อน

“เดี๋ยว! ขอฟูพูดก่อนได้ไหม?.... ฟูก็มีเรื่องอยากบอกเต๋อเหมือนกัน นะเต๋อนะ” คนตัวเล็กกว่าออดอ้อนเสียงอ่อนเสียงหวาน จนหนุ่มสถาปัตย์ไม่กล้าขัดใจ ก่อนจะหันไปหาคิวท์บอยเพื่อขออนุญาตแบบพอเป็นพิธี  “ด้วง... อย่าเพิ่งโกรธนะ ขอฟูคุยกับเต๋อแป๊บนึง ด้วงฟังเฉย ๆ ก่อนได้ไหม?”  วิญญูพยักหน้ารับอย่างไม่มีข้อสงสัย...  ลำพังแค่กรกฏพูดดีด้วย คิวท์บอยผู้มักน้อยก็แทบจะละลาย นับประสาอะไรกับการพูดจาภาษาดอกไม้ในสไตล์ออดอ้อนแบบเต็มสตรีมกันล่ะ

เมื่อได้รับสัญญาณไฟเขียวจากทั้งสองหนุ่ม อริยะตรัยคนพี่จึงลุกขึ้นแล้วแทรกตัวเข้าตรงกลางหว่างขาของร่างสูงใหญ่ซึ่งยังนั่งอยู่ สองมือช้อนประคองใบหน้าคมเข้มเอาไว้เพื่อให้ลูกแก้วสีน้ำตาลทั้งสองดวงอ่อนได้กดมองอีกฝ่ายในมุมที่แปลกตา

“เต๋อ... ฟูรักเต๋อมากนะ ฟูขอโทษที่ฟูเอาแต่ใจ แต่ถ้าต้องเสียเต๋อกับด้วงไป... ฟูยอมไม่ได้หรอก”  กรกฏเอนตัวเข้าหาแล้วจรดหน้าผากกับอีกฝ่ายก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนระโหยที่ทำเอาคนฟังใจจะขาด “ถ้าเต๋อยังรับไม่ได้ ฟูขอเวลาเต๋อได้ไหม... นะ... ขอให้เราลองอยู่ด้วยกันแบบนี้ไปก่อน ค่อย ๆ เรียนรู้ ค่อย ๆ ปรับตัวเข้าหากันแบบไม่รีบร้อน...
.
.
.
...ฟูอยากให้เต๋อเปิดใจ อย่าทำตัวห่างเหินเหมือนเมื่อวานอีกจะได้ไหมครับ?” ขาดคำ เจ้าของประโยคอ้อนวอนยาวเหยียดส่งริมฝีปากตามมากดสัมผัสกันเบา ๆ

“นะ... รับปากฟูได้ไหมครับ? นะ” พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยย้ำจูบซ้ำ ๆ แทนคำขอร้องนับหมื่นนับพันที่ดังสนั่นกึกก้องอยู่ในใจเจ้าตัว  

“เต๋อจะให้ฟูทำอะไรแลกก็ได้ ขออย่างเดียว อย่าหมางเมินกันอีกนะ...
.
...ฟูไม่ชอบเลย... เห็นเต๋อทำอย่างนั้นทีไร ฟูหายใจไม่ออกไปเสียทุกที” กระทั่งตอนนี้ กังฟูก็ยังประทับกลีบปากนุ่มลงบนปากของอีกฝ่ายอย่างเอาอกเอาใจ จนผู้ถูกกระทำถึงกับยกยิ้มน้อย ๆ ตรงมุมปากด้วยความรู้สึกยินดีเหลือประมาณ   

“หืม  ถึงกับหายใจไม่ออกเลยเหรอ? แล้วเป็นอะไรอย่างอื่นอีกหรือเปล่าครับฟู? เต๋อต้องพาไปหาคุณหมอไหม?” ตรินยกมือขึ้นคล้องรอบเอวของคนรักเอาไว้พลางตะล่อมถามด้วยน้ำเสียงนุ่มละมุนคล้ายกำลังกล่อมเด็ก ๆ  ให้ยอมเข้านอน

“...ก็เป็น... สองวันมานี่ฟูคิดถึงเต๋อมากเลยนะ เต๋อหายไป... เต๋อใจร้าย”  โดยไม่ทันรู้ตัว ความรู้สึกน้อยใจก็ทำให้ร่างเล็กเผลอขบริมฝีปากล่างพลางทำหน้ากระเง้ากระงอดแบบที่เจ้าตัวเรียกว่าปัญญาอ่อนได้เต็มปาก... ทว่าความเป็นธรรมชาติของท่าทางน่ารักดังกล่าว ทำเอาหนุ่มสถาปัตย์เริ่มจะเข้าใจความรู้สึกของวิญญูที่เชิดชูกิริยาสุดโมเอะสุดพลังของกังฟูขึ้นมาตงิด ๆ  

“โธ่ฟูครับ! ไม่งอนเต๋อนะ เต๋ออยู่นี่แล้ว หลังจากนี้เต๋อจะไม่หายไปไหนอีกแล้วนะ ไม่โกรธเต๋อนะครับคนดี”คนพูดฉวยโอกาสกดจูบหนัก ๆ คนรักไปอีกหลายทีจนอีกฝ่ายส่ายหน้าส่งเสียงฮื้อฮ้าในลำคอคล้ายจะห้ามอยู่หลายที หนุ่มร่างหมีจึงยอมหยุดคุยด้วยดี ๆ อีกครั้ง  

“แล้วนอกจากคิดถึงเต๋อแล้ว ฟูเป็นอะไรอีกหรือเปล่าครับ? ไอ้ที่อยากจะคุยกับเต๋อน่ะ... หมดหรือยัง หืมมมมม?” ตรินถามพลางกวาดตามองใบหน้าขึ้นสีที่ผละห่างของคนรักด้วยความอิ่มเอมใจ ฝ่ายกรกฏที่อายจนไม่รู้สึกอะไรอีกต่อไปก็ใคร่ครวญถึงสิ่งที่ยังหลงเหลืออยู่ในใจครู่หนึ่งก่อนจะยอมรับออกมาตามจริง

“พอเต๋อไม่สนใจฟู ฟูก็เจ็บตรงนี้” ฝ่ามือเล็กเลื่อนไปประกบกันอยู่เหนือหน้าอกด้านซ้ายพลางเอ่ยเสริมอย่างเคอะเขิน “แล้วก็หนาวไปทั้งตัวด้วย”

“อะไรกัน? เมื่อคืนก็เห็นด้วงกอดฟูอยู่ตลอด ฟูยังหนาวได้อีกเหรอครับ?” หนุ่มร่างหมีแสร้งทำท่าเฉยเมยพลางเลิกคิ้วยั่วเย้าอีกฝ่ายจนเริ่มลุกลี้ลุกลน...  พอยิ่งเห็นกังฟูอ้อนง้อขอคืนดีกับเขาแบบเท่าไรเท่ากัน เต๋อก็ยิ่งอยากแกล้งแหย่ให้อีกฝ่ายขยันทำตัวน่ารักยิ่ง ๆ ขึ้นไปให้เขาได้ชื่นชมหนักมือขึ้นเรื่อย ๆ

แต่มีเรื่องเดียวที่เต๋อยังคาดไม่ถึง...
นั่นคือ การก่อกวนด้วยระดับสิว ๆ เพียงเท่านี้  ไม่อาจทำให้พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยในเวอร์ชันอัพเกรดเพื่อสามีและลูกน้อยเรียบร้อยแล้วสะดุ้งสะเทือนได้สักกระผีกนั่นอย่างไร


“ก็หนาวน่ะสิ... ก็ถ้าจะกอดให้อุ่น ๆ มันก็ต้องกอดกันสามคนแบบนี้ยังไงล่ะ” หนุ่มวิศวะหน้าหวานว่าพลางดึงแขนด้วงให้เขยิบมานั่งติดกับเต๋อแล้วอ้าวงแขนสองข้างสวมกอดคนรักทั้งซ้ายและขวาโดยพร้อมเพรียงกัน  

“หึ หึ หึ... แล้วตอนนี้อุ่นหรือยังครับ?” ตรินส่ายหัวให้กับความช่างคิดของคนตัวเล็ก แต่นี่ยังถือว่าเป็นแค่ออร์เดิร์ฟเท่านั้น

“ยังเลย ด้วงกอดฟูหน่อยได้ไหม?”

“ได้เลยครับผม! / ฮื่อออออ ไม่เอา... ด้วงกอดเต๋อด้วยสิ!” ด้วงรับนโยบายของว่าที่เมียแต่โดยดี ทว่าทันทีที่โอบกรกฏด้วยสองมือดั่งตั้งใจ เขากลับโดนสั่งให้เปลี่ยนที่หมายของแขนข้างหนึ่งเป็นหมีใหญ่ตัวข้าง ๆ  วิญญูลอบมองหน้าตรินแล้วยิ้มให้เขิน ๆ  แต่สุดท้ายก็ยอมกอดหนุ่มสถาปัตย์แต่โดยดี  

“ทีนี้อุ่นแล้วหรือยังครับฟู?” ร่างเล็กส่ายหัวดิกจนหนุ่มหน้าหยกต้องบุ้ยใบ้ให้คิวกับคนหน้าเข้ม  ตรินหัวเราะในลำคอพลางรวบกอดทั้งสองร่างพร้อม ๆ กัน ก่อนจะทิ้งน้ำหนักพาเอาก้อนกลม ๆ ล้มระเนระนาดกองกับที่นอน 

หลังจากแลนดิ้ง คนเอาแต่ใจที่สุดก็พลิกตัวนอนหงายในวงล้อมของสองหนุ่มแล้วมองหน้าคนรักทั้งสองสลับกันไปมาด้วยความรู้สึกตื้นตัน แต่ก่อนที่กังฟูจะได้เอื้อนเอ่ยคำใด ด้วงก็ชิงถามแทรกด้วยน้ำเสียงน้อยอกน้อยใจออกมาเสียก่อน

“ถึงเวลาเอาใจด้วงได้หรือยังครับฟู?” ว่าแล้ว หนุ่มหน้าหยกก็พองแก้มอ่อยเจ้าของใบหน้าหวานอย่างน่าหมั่นไส้  เห็นดังนั้น หนุ่มวิศวะร่างตัวเล็กจึงเลื่อนฝ่ามือไปปิดตาของหนุ่มสถาปัตย์เอาไว้ก่อนจะยื่นหน้าไปจูบเอาใจวิญญูตามคำขอ  ฝ่ายหนุ่มร่างหมีที่ไม่ยอมอยู่นิ่งก็เลื่อนมือนุ่มเหนือเปลือกตาตัวเองมาพรมจูบเบา ๆ ไปตามปลายนิ้ว ก่อนจะผละจากเพื่อฝังปลายจมูกสูดดมกลิ่นหอมของผิวอ่อนตรงซอกคอของคนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จหมาด ๆ 


เมื่อเริ่มรู้สึกถึงการรุกรานอย่างหนักหน่วงจากศึกหน้าและศึกหลังที่ตีกระหนาบแนบชิดจุดยุทธศาสตร์จนร่างกายไร้เรี่ยวแรง  พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยก็ถอนจูบจากแฟนหน้าหยก แล้วรีบพลิกตัวนอนหงายยกมือทั้งสองขึ้นส่งสัญญาณขอเวลานอกพลางกอบโกยอากาศเข้าปอดอย่างเอาเป็นเอาตาย


“เดี๋ยว! อย่าเพิ่ง!! เราต้องคุยกันให้รู้เรื่องก่อน! / แต่ว่... / ไม่แต่! เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลัง ตอนนี้คุยก่อน... นะ นะครับ” กรกฏหันไปกดจูบบนริมฝีปากบางเฉียบของวิญญูเร็ว ๆ เพื่อต่อรอง

“ครับๆ” ด้วงรับคำอย่างจำยอม ส่วนอีกหนึ่งหนุ่มก็ส่งยิ้มพลางพยักหน้าให้พี่ชายอดีตเดือนมหาลัย

“สรุปว่าเต๋อจะไม่ทำแบบเมื่อวานนี้แล้วใช่ไหม? / ไม่ทำแล้วครับ”

“สัญญานะ! / สัญญาแล้วครับคนดี หึ หึ” เจ้าของห้องตอบคำถามกลั้วเสียงหัวเราะเพราะสายตาเอาเรื่องของร่างเล็กฟ้องชัดว่ายังไม่หายเคืองเรื่องเมื่อวานเสียทีเดียว

“เราจะอยู่ด้วยกันสามคนแบบนี้ไปเรื่อย ๆ นะ / ตกลงครับ”

“เต๋อจะรักฟูกับด้วงได้ใช่ไหม?”  กับคำถามนี้ ตรินให้เวลาตัวเองใคร่ครวญครู่หนึ่ง แล้วจึงตอบอีกฝ่ายด้วยความสัตย์จริง  

“ตอนนี้น่ะรักฟูหมดหัวใจเลยครับ แต่ถ้าต้องรักด้วงด้วย เต๋อคงต้องแบ่งความรักจากฟูมาให้ด้วง ถ้าเต๋อจะทำแบบนั้น... ฟูยอมได้ใช่ไหมครับ?” คนฟังทำหน้ายุ่งพลางถอนหายใจอย่างหงุดหงิด...

จริงอยู่ที่เขาเป็นคนต้นคิดเรื่อง เราสามคน  แต่พอต้องมาได้ยินว่าหมีหนุ่มต้องแบ่งใจให้คนรักหน้าหยกแบบจัง ๆ  กรกฏก็อดชักสีหน้าไม่ได้    ทว่าเมื่อทบทวนดี ๆ  ปริมาณความรักที่มีต่อใครสักคน คงไม่อาจถูกชั่งตวงวัดอย่างเที่ยงตรงได้  กังฟูจึงเข้าใจความหมายที่ตรินซุกซ่อนเอาไว้ได้ทันที...

ที่อีกฝ่ายพูดแบบนี้ หาใช่จะจะออกตัวว่าจะรักเขาน้อยลงหรอก
หากแค่ต้องการบอกให้เตรียมใจยอมรับอนาคตที่จะเกิดหลังจากอีกฝ่ายเปิดใจรับวิญญูเป็นคนรักอีกหนึ่งคนต่างหาก  


“ถ้าเป็นคนอื่นฟูไม่ยอมหรอก แต่เพราะเป็นด้วง... ฟูยอมก็ได้! แต่พอเต่อรักด้วงแล้ว เต๋อต้องเติมความรักฟูที่หายไปให้เยอยิ่งกว่าเดิมให้ได้เร็ว ๆ นะ”

“หึ หึ หึ... จะพยายามครับ” ตรินชอบใจกับคำตอบที่ได้ยินจนต้องหอมแก้มเนียนให้รางวัลเสียเต็มฟอด ฝ่ายคนกลางที่เพิ่งโดนเอาเปรียบไปอีกรอบก็รีบสลัดความรู้สึกเคอะเขินทิ้งแล้วหันไปเอาอกเอาใจคนรักอีกหนึ่งหน่อเพื่อความเท่าเทียม
 
“ด้วง... ฟูขอบคุณด้วงมากนะที่เข้าใจฟู ฟูรักด้วงนะครับ / ด้วงก็รักฟูมากนะครับ” ไหน ๆ เพื่อนสนิทผู้ควบตำแหน่งคนรักก็ เพิ่งบอกรักไปหยก ๆ  กังฟูจึงรีบถามย้ำถึงจุดยืนของอีกฝ่ายอีกครั้งเพื่อความสบายใจของตัวเอง

“ด้วงจะรักเต๋อด้วยใช่ไหม? / ครับ... ด้วงจะรักเต๋อให้เหมือนกับที่รักฟูเลยครับ” น้ำเสียงขึงขังของวิญญูเรียกสายตาของตรินให้ผินไปมองเสี้ยวหน้าของคนพูดอย่างพินิจพิเคราะห์  ฝ่ายคนถูกมองที่เพิ่งจะรู้สึกตัวก็วาดสายตามาประสานด้วย แต่เพราะอะไรบางอย่างทำให้หัวใจของหนุ่มวิศวะหน้าหยกเต้นผิดจังหวะจนต้องเสหลบสายตาอีกฝ่ายมองไปอีกทางทันควัน โดยไม่ทันรู้ว่า ใบหน้าของตัวเองขึ้นริ้วสีแดงจนหนุ่มสถาปัตย์ลอบยกยิ้มมุมปากด้วยความชอบใจ

“ดีมาก!” ฝ่ายกังฟูผู้ตกอยู่ในวงล้อมของอ้อมกอดหนาแน่นก็สรุปด้วยความโล่งอก น้ำเสียงรื่นเริงของร่างเล็กทำให้คนรักผู้ฝักใฝ่กับการสัมผัสร่างกายนุ่มนิ่มเป็นที่สุดก็กลับมามีไฟอีกครั้ง

“งั้นเรามาต่อจากเมื่อกี๊ที่ค้างไว้ดีไหมครับ?” ด้วงเปิดประเด็นด้วยสายตาวิบวับ ทว่ากรกฏกลับปรามเสียงแข็งขึ้นเสียก่อน

“อย่าเพิ่ง! ยังมีเรื่องที่พวกเราต้องตกลงกันให้รู้เรื่องก่อนอีกตั้งเยอะเลยด้วง”

“อืม... เต๋อว่าก็ดีเหมือนกันนะ  เพราะถ้าจะคบกันไปนาน ๆ  พวกเราต้องทำข้อตกลงร่วมกันให้เป็นกิจลักษณะเสียก่อน”  เต๋อเสริมพี่ชายอดีตเดือนมหาลัยทันทีเพราะนอกจากเหตุผลที่เพิ่งเอ่ยไป ชายหนุ่มร่างหมียังอดหมั่นไส้ความกระตือรือล้นในการลวนลามคนรักตัวเล็กอยู่ตลอดเวลาของหนุ่มหน้าหยกไม่ได้   

“โอเคๆ คุยก่อนก็คุยก่อนครับ” หนุ่มหน้าหยกยกมือเสมอไหล่อย่างผู้แพ้...

สิ่งแรกที่วิญญูได้เรียนรู้ในความสัมพันธ์ เราสามคนคือ การออกเสียงโหวตตามหลักประชาธิปไตย
และสายตากดดันของคนรักทั้งสอง ทำให้เจ้าตัวต้องจำยอมลดระดับความหื่นของตัวเองลงโดยไม่มีทางเลือก


«»------------------------------------------------------------------------------------«»


“มัวแต่มองอะไรกันอยู่ล่ะ? เร็ว ๆ ซี่ เดี๋ยวก็ไปเรียนสายหรอก!” กังฟูที่ยืนอยู่หน้าประตูเร่งสองหนุ่มที่เอาแต่จด ๆ จ้อง ๆ มองอีกฝ่ายไปมาด้วยสีหน้าของคนใกล้ตาย กรกฏจึงงัดไม้ตายสุดท้ายขึ้นมาใช้บังคับคนรักทั้งสองให้ลงมือทำ สิ่งที่ควรทำ เสียที  

“ไหนตอนคุยกันบอกว่าพวกเราทุกคนต้องทำตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัดยังไงล่ะ?!!...
.
...ฟูยังยอมไม่พูดคำหยาบตลอดเวลาเลยนะ! เร็วซี่... ถ้าวันนี้ฟูไปเรียนสายสักนาทีเดียว คืนนี้ฟูไม่ให้นอนกอดจริง ๆ ด้วย!!” ตรินหน้าซีดในขณะที่วิญญูต้องห้ามเสียงครางอย่างเจ็บปวดเป็นพัลวัน

มึงหลับตาดิวะด้วง! / เฮ่ย! ขอกูก่อน! / หลับตาเร็ววววว!!!!” เต๋อกลั้นใจแล้วยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มด้วงด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน แล้วจึงยืนค้างท่าพลางหลับตาปี๋เพื่อรอให้อีกคนหอมกลับ  

วิญญูเองก็แทบจะกระอักเลือดตายเมื่อต้องแปะปลายจมูกลงบนแก้มสากของหนุ่มหน้าเข้มตามกฏของการอยู่ร่วมกันของพวกเขาทั้งหมด  ทั้งนี้เมื่อพิธีกรรมผิดผีดังกล่าวสิ้นสุดลงอย่างน่าใจหายใจคว่ำ... คนดูที่ยิ้มกว้างจนแก้มแทบปริ ก็โผเข้าไปหาสองหนุ่มก่อนจะโน้มคอทั้งสองลงมาเพื่อประกบปากกับทั้งคู่เร็ว ๆ  แล้วพูดปิดท้ายอย่างร่าเริง


ไปเรียนกันเถอะ!” ขาดคำ อริยะตรัยผู้พี่ก็ก้าวออกนอกประตูไปกดลิฟท์รอสองหนุ่มด้วยท่วงท่ากระฉับกระเฉง  ฝ่ายตรินผู้รับหน้าที่ปิดประตูห้องก็อดบ่นกับคิวท์บอยหน้าหยกที่วิญญาณเพิ่งหลุดออกจากร่างจนต้องเดินเซื่อง ๆ อยู่ข้าง ๆ ไม่ได้

“ให้ตายเหอะ! รู้งี้ตอนก่อนคุยกันกูห้ามมึงไม่ให้หื่นเสียก็ดี... ดูดิ๊งานเข้าเลยเห็นไหมเนี่ย?!!

“ตอนนั้นมึงก็เคลิ้มเหอะ!” วิญญูแย้งพลางถูแก้มตัวเองอย่างแรง

“มึงห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกใครเป็นอันขาดนะด้วง โดยเฉพาะพวกไอ้เก็กเนี่ย... ห้ามหลุดปากเด็ดขาด!

“มึงเห็นกูเป็นพวกปากโป้งหรือไง รู้กันแค่สามคนกูยังอายฉิบหาย!

“อ้าว! เร็วซี่ ลิฟท์มาแล้ว ไม่อยากไปเรียนกันหรือไง?” เสียงตะโกนของคนรักร่างเล็กดังแทรกกลางจนเต๋อต้องยกนิ้วชี้หน้าหนุ่มวิศวะร่างสูงอย่างเอาเรื่องเพื่อกำชับอีกครั้ง

“ใครปากโป้งเป็นหมา! / เออ! ใครพูดเป็นหมา!” ที่สุด เมื่อทั้งคู่ตกลงกันได้ก็ต่างรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินตามกังฟูเข้าลิฟท์ไปทันที   








“ด้วง... สรุปว่าวันนี้พวกเราต้องไปช่วยอะไรไอ้เก็กมันหรือเปล่า?” พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรกับข้อตกลงนอกรอบของสองหนุ่มเมื่อครู่ถามขึ้นหลังจากกล่องสี่เหลี่ยมค่อย ๆ ลดระดับลงอย่างช้า ๆ

“ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษนะฟู เราแค่ต้องสวมบทเป็นแฟนกันให้แนบเนียนมาก ๆ เท่านั้นเอง”

“งั้นเริ่มจากหลังเลิกเรียนแล้วไปทะยอยย้ายของใช้ของฟูกับมึงมาไว้ที่ห้องกูก่อนเลย... เดี๋ยววันนี้เลิกเรียนกูจะไปจอดรถรอหน้าคณะแล้วกัน มึงก็รีบพาฟูลงมา อย่าให้ใครมาเกาะแกะได้ล่ะ” กลายเป็นว่า การกระทำผิดผีเมื่อครู่ทำให้วิญญูอารมณ์ขึ้นไปเสียทุกครั้งที่ได้ยินเสียงเข้ม ๆ คล้ายจะข่มของเต๋อไปเสียทุกรอบ

ได้ทีสั่งใหญ่เลยนะมึง!” ด้วงแดกดันหนุ่มสถาปัตย์อย่างเหลืออด ฝ่ายชายหนุ่มจากต่างคณะก็หาได้ลดราวาศอกไม่

“ลองให้กูเข้าเรียนกับพวกมึงได้ กูคงทำไปแล้วเหอะ!

“...เต๋ออออออออ... ด้วงงงงงงงงงง...” กังฟูลากเสียงเรียกทั้งสองหนุ่มอย่างยานคาง พลางเพิ่งตระหนักเป็นครั้งแรกว่า การเป็นคนกลางระหว่างหมีหนุ่มทั้งสองไม่ง่ายเลย แถมยังเปลืองตัวชะมัด

“หืม? ว่าไงครับฟู / อะไรเหรอฟู?”

“ไหนบอกว่าไม่อยากให้ฟูพูดไม่เพราะด้วย...  แล้วทำไมเต๋อกับด้วงถึงยังพูดหยาบคายอยู่อีกล่ะ?” หนุ่มสถาปัตย์ร่างหมีรีบส่งสายตาเพื่อบอกให้ด้วงออกหน้า

“ก็เวลาฟูพูดเพราะ ๆ มันน่าฟังกว่าเยอะเลยนี่ครับ” วิญญูใช้คำหวานมาหว่านล้อมตะล่อมให้กังฟูหมดข้อสงสัย แต่หมีทั้งสองคงประเมินความช่างสงสัยของคนรักร่างเล็กต่ำเกินไปเสียกระมัง

“แต่มันไม่ยุติธรรมเลยนะ เต๋อกับด้วงพูดได้... แต่ฟูพูดไม่ได้ทั้งที่พูดแบบนั้นมาตลอดชีวิตเนี่ย!!” กรกฏอุทธรณ์เสียงอ่อนอย่างไม่ค่อยพอใจกับคำตอบที่ได้ยินเท่าไรนัก

นั่นจึงทำให้คิวท์บอยรีบบุ้ยใบ้ทำหน้าทำตาส่งซิกให้เต๋อมารับช่วงตะล่อมต่อด้วยหวังว่า เมื่อถึงมือตรินแล้ว เรื่องนี้จะยุติลงตามความต้องการของพวกเขาทั้งสอง  ทว่าอีกฝ่ายกลับเอาแต่มองด้วยสายตากวนประสาทพลางยกยิ้มมุมปากด้วยความชอบใจคล้ายจะไม่ให้ความร่วมมืออย่างไรอย่างนั้น


“ไปเรียนกันเถอะครับฟู” หนุ่มร่างหมีทำทีเป็นดึงเช็งกับทั้งด้วงและกังฟู ก่อนจะบ่ายเบี่ยงโดยอาศัยจังหวะที่ลิฟท์ลงมาถึงชั้นล่างเป็นข้ออ้าง กระนั้น... พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยก็ยังจะดื้อดึง

เดี๋ยวซี่ ตอบก่อน! อย่าเพิ่งไป!!” ร่างเล็กคว้าข้อมือของแฟนทั้งสองเอาไว้ สุดท้ายวิญญูก็ต้องยอมปริปากขอความช่วยเหลือจากคนรักหน้าคมอย่างเสียไม่ได้

เต๋อ มึงบอกฟูทีดิ๊!” อีกฝ่ายยิ้มร้ายอย่างสมใจให้ แล้วรั้งร่างเล็กเอาไว้ในอ้อมกอดก่อนจะกระซิบเบา ๆ แค่ให้เจ้าตัวพอได้ยิน

“ใคร ๆ ก็อยากฟังเมียตัวเองพูดหวาน ๆ ให้ชื่นใจกันทั้งนั้นนี่ครับฟู  หรือฟูว่าไม่จริง?”  กรกฏที่หน้าแดงแป๊ดหลังได้ยินประโยคดังกล่าวก็ต้องยิ่งหน้าแดงไปกันใหญ่เมื่อเห็นสายตากระลิ้มกระเหลี่ยของวิญญูที่กดเปิดประตูลิฟท์รอ

“คอยดูเถอะ... ฟูจะไปคิดกฏแผลง ๆ มาเอาคืนให้ร้องขอชีวิตเลย!” อริยะตรัยผู้พี่ชี้หน้าแฟนทั้งสองก่อนจะเดินกระทืบเท้าปึงปังออกจากลิฟท์ไป ปล่อยให้อีกสองหนุ่มยืนหัวเราะชอบใจกับท่าทางแก้เก้อของอีกคนที่ดูยังไงก็น่ารักน่าใคร่เสียเหลือเกิน




 






«»------------------------------------ TBC ------------------------------------ «»
















No comments:

Post a Comment