ตอนนี้เป็นตอนเฉลยเรื่องที่ไม่ได้เล่าในตอนที่แล้วนะคะ
แม้จะกล่าวถึงความสัมพันธ์ของเก็กบ๊วยเป็นหลัก
แต่แก่นจริง ๆ ที่ซ่อนอยู่
คือความสนิทสนมกลมเกลียวกันของเหล่าสมุนเลวที่เกิดขึ้นระหว่างที่ไม่มีบ๊วยเป็นกาวใจค่ะ
เราอยากให้ทุกคนสัมผัสได้ว่า...
ต่อไปข้างหน้า อดีตเดือนมหาลัยจะมีเพื่อนเพิ่มขึ้นในสารบบอีกสามคน
และทั้งหมด
จะวนเวียนอยู่ในชีวิตของกันไปจนวันสุดท้ายไม่ต่างอะไรกับความรักของพวกเขาแต่ละคู่ค่ะ
โดยเฉพาะ
เก็กกับฌอน... ที่สนิทกันมากตามประสารุก ๆ คุยกันเนอะ
ส่วนตอนหน้า
ใครที่รอฌอนอิ๊กงอน ง้อ เคลียร์ เพลีย ทะเลาะ... มาแน่ค่ะ นับถอยหลังได้เลย
อีกเจ็ดวันเจอกันนะคะ
^^ รักคนอ่านทุก ๆ ท่านเลยค่ะ
Ħ------------------------------------------------------------------------------------Ħ
The Special
Blessing#01
แผนการของพระเอก
|| 30 นาที หลังจากบ๊วยหายไป ||
“พี่ฌาน...
พี่ฌานรู้แล้วเหรอครับว่าบูบู้อยู่ไหน?” อดีตเดือนมหาลัยกระชากเสียงถามแฝดพี่อย่างร้อนรนหลังจากที่อีกฝ่ายออกปากรั้งตัวเขาเอาไว้กะทันหัน
การกระทำดังกล่าวทำให้พันธมิตรฉุกเฉินอันประกอบไปด้วยสมุนเลวบางส่วนกับรุ่นพี่ทั้งสามต้องแตกกระสานซ่านกระเซ็นกันไปคนละทาง
แต่เหตุที่ทำให้เก็กว้าวุ่นใจไม่สิ้นสุด
เห็นจะเป็นท่าทางเอ้อระเหยลอยชายไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งใดของร่างทรงหนุ่ม...
นึกจะลากเขากับสกลให้มานั่งจ่อมตรงล็อบบี้ด้านล่างอพาร์ทเมนท์ตริน
ฌานก็ทำง่าย ๆ โดยไม่เดือดร้อนจะอธิบายอะไร
แถมพอซักไซ้เกี่ยวกับแฟนตัวน้อยบ่อย
ๆ เข้า... แฝดพี่ก็ดูจะเมาคำถามจนทำหน้ามึนใส่เขาอยู่ตลอด ๆ อีกต่างหาก
“ยังหรอก”
นั่นปะไร!
ไม่ทันไรก็ทำท่าบื้อใบ้ใส่เขาอีกแล้ว!!
“พี่ฌาน... ถ้าเป็นเรื่องบูบู้
ผมไม่ใจเย็นหรอกนะครับ” เก็กจ้องตาแฝดพี่พลางคำรามรอดไรฟัน แต่ก่อนที่อริยะตรัยผู้น้องจะหุนหันดีดตัวผางออกไปตามหาร่างผอมแต่เพียงลำพัง
เสียงเรียกเข้าที่คุ้นหูพวกเขาเป็นอย่างดีก็ดังสะกดความสนใจของชายหนุ่มทั้งสามได้ทันการณ์พอดิบพอดี
“แล้วถ้าที่เจ้าแฝดพี่เรียกเจ้าออกมาคือคำสั่งจากข้าล่ะ...
เจ้าจะสงบจิตสงบใจลงได้บ้างหรือไม่?”
แม้จะเพิ่งปรากฏกายขึ้นตรงหน้าชายหนุ่มทั้งสามแค่ชั่วอึดใจก่อนหน้า
กระนั้น เจ้าพ่อไทรทองกลับรับช่วงต่อของบทสนทนาเมื่อสักครู่ได้อย่างไม่สะดุด
เทวบุตรสุดชิคถามลองเชิงลูกมนุษย์รูปงามให้หยุดใคร่ครวญ
แต่อริยะตรัยผู้น้องกลับอยู่ในโหมดชวนทะเลาะเพราะไม่พร้อมจะเสียเวลาไปอีกสักนาที
“เจ้าพ่อ?!! เจ้าพ่อมีอะไรเหรอครับ?!!” ธันวาตวัดหางเสียงถามอย่างไม่สบอารมณ์นัก
ในยามที่ความรู้สึกเป็นห่วงคนรักผู้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยไหลบ่าท่วมท้นจนเริ่มจะลนลานสุดพลัง
กระทั่งกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมีฤทธาอภินิหารย์ล้นเหลือ
หนุ่มหล่อดีกรีเดือนมหาลัยก็พร้อมจะไฝว้โดยไม่ไว้หน้า
ทว่าเสียงโวยวายของอคิราผู้โดนหามขึ้นบ่าของแฝดหัวจุกที่ดังแทรกขึ้นมากลางปล้อง
ทำให้เจ้าพ่อสายบู้ไม่อาจอธิบายจุดมุ่งหมายของการประชุมครั้งนี้ให้แก่คนใจร้อนได้รับฟังดั่งที่ตั้งใจ
“ปล่อยยยยยย!!! นายขอรับ!! นายจะมาจับตัวฉันแบบนี้ไม่ได้
ฉันยังไม่หายโกรธนายเลยนะเว่ย!!”
“ครบองค์แล้วครับเจ้าพ่อ”
แฝดพี่เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นน้องชายค่อย ๆ ปล่อยตัวอดีตเดือนบริหารลงกับพื้น “เชิญเจ้าพ่อชี้แจงเหตุผลที่เรียกพวกผมมารวมตัวกันได้เลยครับ”
แต่หลังจากร่างบางหน้าหวานออกอาการยุกยิกจนเหล่าสมุนเลวต้องคอยเหลือบมองเป็นระยะ
ๆ ...
ฌานจึงต้องตวัดสายตาดุ
ๆ ไปมองแฝดผู้น้องอีกรอบคล้ายออกคำสั่งกำราบคนของตนให้สงบสติอารมณ์ลงชั่วคราว
แฝดน้องจึงสวมกอดร่างเล็กเอาไว้จากด้านหลังโดยที่ยกมือข้างหนึ่งขึ้นประกบติดปิดผนึกริมฝีปากบางเอาไว้
จนอคิราไม่อาจส่งเสียงรบกวนผู้อื่นได้อีกต่อไป... ช่างถือเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่สร้างสรรค์และได้กำไรล้นเหลือเสียจริงๆ
“ข้าขอแสดงความยินดีกับพวกเจ้าด้วย
ที่ความพยายามของพวกเจ้าสัมฤทธิ์ผลเป็นที่เรียบร้อย...
.
...บัดนี้ พรของข้าที่เจ้ากังฟูเคยขอเอาไว้นั้น
ถูกลบออกจากระบบไปเป็นที่เรียบร้อยทันทีที่เจ้าสามคนนั่นตกลงคบหากันได้”
ยังไม่ทันที่เทวบุตรสุดชิคจะได้ตัดริบบิ้นเพื่อให้แขกผู้มีเกียรติได้ร่วมดื่มด่ำกับความสำเร็จของผลงานชิ้นโบแดง
อริยะตรัยผู้น้องก็เอ่ยแซงขึ้นคล้ายจะตัดบทอย่างไม่มีมารยาท
“ขอบคุณนะครับเจ้าพ่อไทรทอง...
แต่ถ้าเจ้าพ่อแค่ต้องการจะแสดงความยินดีกับพวกผม
ผมคงต้องขอตัว... ผมจ... / ช้าก่อนเจ้าเก็ก ยังมีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่าที่เบ๊บของข้าประสงค์จะบอกให้เจ้ารู้เอาไว้”
ธันวาลอบถอนหายใจอย่างหงุดหงิด
จริง ๆ หากเขาจะดื้อดึงแล้วเดินออกไป ก็คงไม่มีใครว่า...
แต่สีหน้าจริงจังของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งสอง
รวมทั้งสายตาห้ามปรามของแฝดพี่กลับตรึงร่างกายของเขาให้ยังนั่งติดที่ได้โดยไม่ปริปากบ่น
เมื่อเห็นว่าลูกมนุษย์รูปงามควบคุมตัวเองได้ระดับหนึ่ง
เจ้าพ่อไทรทองจึงผายมือเพื่อให้สัญญาณแก่บุตรแห่งเทพผู้เป็นที่รักในทันที
“เบ๊บครับ... เชิญครับ”
ขณะพูด... เทวบุตรสายบู้และบุ๋นต่างอมยิ้มและแลกเปลี่ยนสายตาซุกซนให้แก่กัน...
จริงอยู่ที่ทั้งคู่ไม่อาจเผยความลับ
หรือความรู้สึกนึกคิดของลูกมนุษย์ตนใดให้ลูกมนุษย์ตนอื่น ๆ ล่วงรู้
ทว่าหากเป็นพรที่เกี่ยวโยงพันตู
และดูจะมีผลกระทบกับสิ่งล้ำค่ายิ่งไปกว่าสิ่งของภายนอกของลูกมนุษย์อีกตน
เทวดา หรือ
เทวนารีผู้มีส่วนรับผิดชอบในกรณีนั้น ๆ สามารถใช้ดุลยพินิจว่าจะแจ้งเตือนลูกมนุษย์ฝ่ายที่จะได้รับผลกระทบจากพรดีหรือไม่
ครั้งที่อำนวยพรให้กรกฏ
เทวบุตรสุดชิคได้สร้างนิมิตแจ้งผ่านฝันบอกใบ้อนาคตอันไม่พึงประสงค์ให้แก่ธันวาไปคราหนึ่ง
ทว่าอดีตเดือนมหาลัยกลับหลงคิดผิดไปว่า
ตนถูกความเครียดจากการเรียนและกิจกรรมรุมทึ้งจนถึงขั้นต้องเก็บมาระบายในโลกที่ไม่มีวันเป็นจริง
เมื่อประจักษ์ว่าหนทางดังกล่าวหวังผลไม่ได้
เจ้าพ่อสายบุ๋นจึงสร้างเงื่อนไขให้ไม่มีลูกมนุษย์ตนใดรู้สึกรักใคร่อริยะตรัยผู้น้องได้คงทน
ควบคู่ไปกับอาการผิดปกติของร่างกายจนสามารถทำลายโอกาสในการสานสัมพันธ์กับผู้ชายทุกคนให้สิ้นไป
เพื่อจะได้ไม่ต้องพรากความรู้สึก
‘รัก’ ซึ่งถือเป็นสมบัติประจำมนุษย์ทุกผู้ไปจากใจของหนุ่มรูปงาม...
แค่ทำให้หวาดกลัวที่จะ
‘รัก’ ได้ ก็ถือว่าพรข้อนี้สำเร็จไปเรียบร้อยแล้ว
เพราะฉะนั้น...
การที่เทพทั้งสองจะช่วยอุ้มสมหนุ่มสถาปัตย์กับอดีตเดือนมหาลัยให้ได้ครองรักกันด้วยการแจงแจงรายละเอียดตามจริงของสิ่งที่เกิดขึ้นให้ลูกมนุษย์ผู้ได้รับผลกระทบจากพรได้รับรู้
จึงไม่ผิดกฏขององค์กรฯแต่อย่างใด
“เมื่อไม่กี่อึดใจก่อนหน้านี้
ระหว่างที่พวกเจ้าวุ่นวายอยู่กับเรื่องของเจ้ากังฟูและเนื้อคู่อยู่นั้น... เจ้าบ๊วยได้แอบปลีกตัวมาหาข้าที่ตำหนัก” สมุนเลวต่างทำหน้าแปลกใจกับข้อมูลที่เจ้าพ่อห่อไหล่เพิ่งเผยให้ได้ร่วมรับทราบ
ทั้งหมดต่างเพ่งสมาธิรอฟังคำอธิบายเพิ่มเติมของเหตุการณ์ที่เกิด
ณ ศาลท้ายมอกันอย่างจดจ่อโดยพร้อมเพรียง
“แรกเลย เจ้าบ๊วยมาขอล้างพรที่ตัวเองเคยขอ
ซึ่งข้าก็ได้ประสาทพรข้อนั้นให้กับเจ้าบ๊วยไปเป็นที่เรียบร้อย...
...แต่ยังมีพรอีกข้อ
ที่ข้ายังไม่ได้บันดาลให้กับเจ้าบ๊วยไปตามประสงค์...
...ด้วยเพราะข้าเห็นว่า...
คนที่เกี่ยวข้องกับพรข้อนี้โดยตรงอย่างเจ้า... เจ้าเก็ก เจ้าควรต้องได้รู้ว่าเจ้าบ๊วยขอพรเรื่องใด...
.
.
...แต่ก่อนที่ข้าจะบอกเจ้าว่า
พรอีกข้อที่เจ้าบ๊วยขอนั้นคืออะไร...
...ข้าอยากให้เจ้าตอบข้ามาด้วยความสัตย์ว่า
เจ้ารู้สึกอย่างไรกับเจ้าบ๊วยกันแน่... หืม...เจ้าเก็ก?”
แม้จะไม่เข้าใจในจุดประสงค์ของเทวบุตรสายบุ๋นอย่างถ่องแท้
แต่เพราะความจริงจังหนักแน่นในน้ำเสียงของเจ้าพ่อ
กอปรกับเสียงเรียกร้องภายในใจที่อยากพิสูจน์ให้รู้กันไปว่า
ตนเองหลุดพ้นจากมนตร์ของเจ้าพ่อไทรทองแล้วหรือยัง
ทำให้ธันวาไม่นึกลังเลที่จะเอ่ยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อเด็กสถาปัตย์ร่างผอมต่อหน้าทุก
ๆ คน
“ผมรักบูบู้ครับ”
ทันทีที่คำว่า
‘รัก’ หลุดออกจากริมฝีปากของเขาเพื่อให้เหล่าสหายและเจ้าพ่อได้ประจักษ์โดยทั่วกัน...
ประกายสุกใสก็วาวโรจน์ขึ้นพลันก่อนจะหายลับเมื่อความรู้สึกผิดหวังเข้ามาแทนที่ความยินดีในชั่วพริบตา
จะดีสักแค่ไหน
หากการเอ่ยคำว่า ‘รัก’
ครั้งแรกหลังจากแตะต้องไม่ได้มาเกือบปีเมื่อสักครู่
คือขณะที่เขาได้อยู่เพียงลำพังกับเจ้าของรอยยิ้มสะกดสายตา...
ผู้ชายคนเดียวที่ทำให้หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นส่ำได้ทุกเวลาที่จ้องมอง
ไม่ใช่สารภาพความรู้สึกลึกซึ้งกันต่อหน้ากองทัพลิงค่างที่มีเทพจัดจ้างและสนับสนุนดังเช่นที่เป็นอยู่นี่
บูบู้แอบหนีเค้าไปอยู่ที่ไหนกันนะ?!!
“นั่นก็แสดงว่าข้าเข้าใจไม่ผิด”
โฮลี่ฮิปสเตอร์สรุปด้วยน้ำเสียงพึงพอใจ... สิ่งที่เขาคาดการณ์เอาไว้ตั้งแต่เมื่อได้ยินคำขอของหนุ่มสถาปัตย์ร่างผอม
น่าจะไม่ผิดพลาดกลับตาลปัตรกลายเป็นอื่นในตอนท้ายอย่างแน่นอน “เอาล่ะเจ้าเก็ก... เจ้าฟังข้าให้ดีนะ พรข้อใหม่ที่เจ้าบ๊วยขอจากข้าก็คือ...
.
...หากเจ้าไม่ได้รักเจ้าบ๊วยจากใจจริง...
...ขอให้เจ้าและทุก
ๆ คนลืมเรื่องที่เจ้าทั้งสองเคยคบหากันให้หมดสิ้น...
...และขอให้สถานะระหว่างเจ้าทั้งสอง
กลับสู่การเป็นเพียงคนแปลกหน้าต่อกันเท่านั้น”
“ห๊ะ?!! นี่บูบู้เพื่อนผมขออะไรบ้า ๆ แบบนั้นจากเจ้าพ่อจริง
ๆ เหรอครับ?”
สกลโพล่งคำถามด้วยน้ำเสียงตี่นตระหนก และเมื่อคำตอบรับของเทวบุตรทั้งสองอยู่ในรูปของการผงกหน้ารัว
ๆ เด็กเต็กหน้าแว่นก็รำพึงรำพันกับตัวเองอย่างอ่อนอกอ่อนใจ
“เฮ่ออออ!
บ๊วยนะบ๊วย...
นายจะทำแบบนั้นไปทำไมก็ไม่รู้?!...
.
.
...อุตส่าห์เฝ้าแอบรักคุณธันวาข้างเดียวมาตั้งหลายปี...
...แทนที่จะไหลตามน้ำจับตีหัวแล้วลากเข้าไปกระทำชำเราให้ตกอยู่ใต้อาณัติ...
...แล้วค่อยเอาคลิปที่แอบอัดเอาไว้มาขู่แบล็คเมล์บังคับให้เซ็นสัญญาว่าจะเลี้ยงดูไปตลอดชีวิต
เท่านี้ก็สิ้นเรื่อง...
...จะมามัวทำตัวเป็นคนดีแต่ไม่มีแฟนอยู่ทำม้ายยยย?!!” คนเห็นผีผู้ที่ออกอาการเดือดร้อนยิ่งกว่าอดีตเดือนมหาลัยตีอกชกหัวด้วยความไม่เข้าใจกับการกระทำของเพื่อนรัก
“หึ!”
น้ำเสียงเยาะเย้ยในลำคอที่ร่างสูงใหญ่ของแฝดน้องที่เปล่งออกมารับคำเพื่อนหัวไข่
บาดลึกเข้าไปในความรู้สึกของสกลจนเจ้าตัวต้องถลึงตาตี่ ๆ ใส่คล้ายอยากจะสิงสู่
ฝ่ายฌอนก็งัดเอาสายตาเหยียดหยันประมาณพระเอกแดกดันตัวโกงแบบไม่ต้องอาศัยคำพูดมาต่อสู้ด้วย
ก่อนจะช่วยชี้ชัดถึงแรงจูงใจของเพื่อนตัวน้อยให้ทุกคนได้ฉุกคิด
“ผมว่าผมรู้นะครับว่าทำไมบ๊วยถึงขอพรแบบนั้น”
เพียงประโยคสั้น
ๆ ที่น้องชายเอื้อนเอ่ย...
ร่างทรงหนุ่มก็นึกออกอย่างทันควันว่าตนเคยพูดจี้จุดชายกลางไปเมื่อไม่กี่วันก่อน
“สงสัยจะเป็นเพราะที่พี่ฌานพูดไปวันนั้นแหง
ๆ เลยว่ะ” ฌานยอมรับความผิดโทษฐานแสดงความคิดเห็นโดยไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดีก่อน สุดท้าย... ผลกระทบสุดร้ายกาจก็ย้อนเข้ามาทำลายความมั่นใจของเพื่อนตัวเองเสียหมดสิ้น
สีหน้าแบกรับความผิดกับคำสารภาพความนัยอย่างคลุมเครือ
กระตุ้นความสงสัยของชายหนุ่มผู้นิ่งงันไปนานสองนานให้ประคองสติเพื่อร่วมวงสนทนาได้อีกครั้ง
“พี่ฌานพูดอะไรเหรอครับ?”
อริยะตรัยผู้น้องถามด้วยความไหวหวั่น...
เรื่องราวอีกด้านที่รับรู้ผ่านปากแห่งองค์เทพเมื่อสักครู่
ทำให้เก็กหูอื้อตาลายไปชั่วขณะ
ถึงจะโดนใครด่าลับหลังว่าหลงตัวเองก็ช่าง...
แต่เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า จะมีใครกล้าสละสถานะแฟนของอดีตเดือนมหาลัยไปง่าย ๆ แบบที่ชายกลางตัดสินใจทำ
ตอนนึกอยากจะรัก...
อีกฝ่ายก็เที่ยวมาส่งยิ้ม
ทำตัวดี เอาใจใส่ แถมยังชอบทำหน้าแดงด้วยความเขินอายให้ดูบ่อย ๆ จนเขายกหัวใจให้ง่าย
ๆ
แต่ตอนจะทิ้งกัน...
ก็เล่นหายตัวไปเฉย ๆ ไม่เอ่ยปาก แถมยังจะพรากเอาความทรงจำดี ๆ ไปจากเขาและคนอื่น ๆ
ด้วยเสียอีก!
ใครบอกกันว่าคนน่ารักมักใจร้าย...
คนธรรมดา ๆ ที่ดูไม่มีพิษสงอะไรต่างหากที่จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตสุด
ๆ !!
บูบู้ใจร้าย!! บูบู้ไม่มีหัวใจ!!
บูบู้ทำแบบนี้กับเค้าลงคอได้ยังไงกัน?!!!
“ก็พี่ฌานดันไปทักบ๊วยว่า
ที่เก็กดูรักและหลงบ๊วยมากอย่างนี้ เป็นผลพวงจากพรที่เคยไปขอเอาไว้กับเจ้าพ่อห่อไหล่น่ะสิ”
สีหน้าของแฝดพี่ดูย่ำแย่เอาการ...
ฌานเอาแต่โทษตัวเองไม่เลิกรา...
เพราะวาจาที่ตนเอ่ยอย่างคะนองปากแท้ ๆ ที่ทำให้แผนการแปรเปลี่ยนเป็นตรงข้าม
คู่ที่ความรักงอกงามจวนเจียนจะได้กันอยู่รอมร่อ
ก็กลับต้องมาผิดใจกันทั้งที่ไม่ควร
“เจ้าพ่อห่อไหล่ครับ
พรเดิมที่บูบู้เคยขอ... / สบายใจเถอะ...ตราบใดที่พรของเจ้าพ่อไทรทองยังไม่ถูกทำลาย พรของข้าก็จะไม่อาจโน้มน้าวชักจูงใจเจ้าได้เป็นอันขาด
เพราะฉะนั้น...ความรู้สึกที่เจ้ามีต่อเจ้าบ๊วยตลอดสองเดือนที่ผ่านมา เกิดจากจิตปฏิพัทธ์ที่เจ้ามีต่อเจ้าบ๊วยอย่างแท้จริง”
“เก็ก...
พี่ฌานขอโทษนะ พี่ฌานไม่น่าพูดจาชี้นำบ๊วยแบบนั้นเลย ทั้ง ๆ ที่รู้ทั้งรู้ว่ารายนั้นไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองแท้
ๆ ”
เมื่อคำอธิบายของโฮลี่ฮิปสเตอร์ผนวกเข้ากับเรื่องราวทางฟากฝั่งของร่างทรงหนุ่ม
ธันวาก็พอจะเห็นภาพรวมได้ครบทุกแง่มุมแถมยังกระจ่างแจ้งชัดเจนกว่าครั้งไหน
ๆ
สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องใหม่...
จะว่าไป
มันเป็นศัตรูเพียงหนึ่งเดียวที่แทรกแซงความสัมพันธ์ของเขากับแฟนตัวน้อยมาโดยตลอด...
ความเชื่อใจที่จะช่วยเสริมสร้างศรัทธาในกันและกัน
คือ จุดบอดที่อาจจะทำให้ความรักนี้สะบั้นลงโดยง่าย...
ยิ่งเมื่อผสมกับคุณสมบัติเชื่อมั่นในตัวเองต่ำเตี้ยเรี่ยดินของอีกฝ่ายเข้าไป
เรื่องทั้งหมดจึงยุ่งเหยิงจัดการยากไปใหญ่ด้วยประการฉะนี้เอง
“มันไม่ใช่ความผิดของพี่ฌานหรอกครับ...
.
...ที่บูบู้ยังไม่เชื่อใจผมส่วนหนึ่งก็มาจากตัวผมเองนี่แหละ...
...แต่อีกส่วน
เขาเองก็ต้องหัดเรียนรู้ที่จะเชื่อใจผมให้มากกว่านี้ด้วยเหมือนกัน”
อดีตเดือนมหาลัยปลอบใจเพื่อนต่างคณะให้คลายกังวลด้วยน้ำเสียงและแววตาหนักแน่นมั่นคงจนแฝดพี่อดทักไม่ได้
“แสดงว่าคิดออกแล้วสิว่าจะทำยังไงต่อ?”
“ครับพี่ฌาน....
แต่คราวนี้ ผมคงต้องขอความร่วมมือจากเจ้าพ่อทั้งสอง ทุก ๆ คน แล้วก็พวกพี่ ๆ ” อดีตเดือนมหาลัยเกริ่นนำ
ด้วยการหาแนวร่วมที่จะช่วยหยิบยื่นบทเรียนราคาแพงให้ซึ้งถึงกระดองใจของคนรักผู้มักจะหาทางชิ่งหนีเขาอยู่เนือง
ๆ
แต่เรื่องไม่คาดฝันยิ่งไปกว่านั้นเห็นจะเป็น...
น้ำใจและความช่วยเหลือจากบุคคลผู้อยู่นอกเหนือแผนการที่ถาโถมกระหน่ำเข้ามาในยามวิกฤตนี่แหละ
“แล้วฉันล่ะ?
ฉันเกี่ยวไหม?” อคิราผู้ต่อสู้กับฝ่ามืออรหันต์ของแฝดน้องอย่างไม่ลดละก็ถึงแก่ชัยชนะในที่สุด พอสะบัดหน้าหลุดพ้นจากการเกาะกุม... ร่างบางก็ยิงคำถามใส่คนคุ้นเคยทันที...
แต่เมื่อเดาจากสายตาที่พร้อมจะคร่าวิญญาณหนุ่มสถาปัตย์หัวจุกที่พยายามตะปบฝีปากซึ่งขยับหลบอยู่ตลอดเวลาแล้ว
ไม่แคล้วว่าเจตนาที่แท้จริงของหนุ่มหน้าหวาน
คือการได้แก้แค้นคนใกล้ตัวมากกว่าจะแจกจ่ายน้ำใจไมตรีให้แก่เพื่อนผู้ร่วมโลกตาดำ ๆ
โดยทั่วถึงเป็นแน่เสียแล้ว
“อย่ามาจับ!! เดี๊ยวพ่อกัดหูขาดเลยนิ!!!”
บรรดาสมุนเลวซึ่งไม่นับรวมแฝดน้องต่างเห็นพ้องต้องกันอย่างเป็นเอกฉันท์ว่า สีหน้าของอิ๊กยามโฮกฮากขากแต่ละประโยคออกมานั้น
ดูโมโหปนโรคจิตอย่างไรบอกไม่ถูก
กระนั้น... เก็กกลับมองข้ามความเปรี้ยวซ่า
สีหน้ากรรโชกทรัพย์ กับกระแสอารมณ์อันรุนแรงของแฟนเก่า
แล้วน้อมรับข้อเสนอของอีกฝ่ายหลังจากคิดสะระตะคร่าว
ๆ เพียงไม่นาน
“เกี่ยวสิ
เกี่ยวมากเลยล่ะ ถ้าไม่มีนาย...
รับรองว่าแผนการครั้งนี้จะไม่มีวันสำเร็จอย่างแน่นอน!!” หนุ่มวิศวะรูปงามแย้มยิ้มอย่างยินดีที่ได้อคิรามาเสริมทัพ...
การที่บุคคลผู้เคยเป็นชนวนก่อความไม่สงบในชีวิตรักของเขากับบ๊วยพร้อมใจจะช่วยดัดหลังแฟนใหม่
ย่อมต้องช่วยให้แผนการในครั้งนี้มีปูมหลังน่าเชื่อถือขึ้นทันตา...
ถือว่าเหมาะแก่การเต้าข่าวลือต่าง
ๆ นา ๆ มาหลอกล่อแฟนตัวน้อยของเขาให้ติดกับโดยง่ายดายที่สุดเสียจริง ๆ
“โอเค! แต่ก่อนจะเผยแผนการยึดครองโลกของนาย... ช่วยกรุณาอธิบายให้ฉันฟังหน่อยได้ไหมว่าสองคนนี้เป็นใคร?”
อิ๊กชำเลืองมองเทวบุตรทั้งสองในชุดลำลองด้วยสายตาสับสน พลางออกคำสั่งทันทีที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของเหล่าสมุนเลว
โดยไม่สนสายตาดุดันของยักษ์ปักหลั่นที่ยืนกอดเอวรั้งร่างของเขาเอาไว้กับตัวแม้แต่น้อย
ทว่า...
ความปรารถนาของร่างบางช่างซักไซ้
กลับไม่ได้รับการตอบสนองจากเจ้าพ่อไทรทองแต่อย่างใด
“ถ้าพวกเจ้าได้ข้อสรุปเมื่อไรก็ค่อยตั้งจิตเรียกพวกข้าอีกคราก็แล้วกัน
...
.
สิ้นเสียงเรียกเข้าสุดคลาสสิค...
กายละเอียดของบุตรแห่งเทพทั้งสองที่ยืนประคองกันอย่างรักใคร่ให้เห็นเป็นบุญตาเมื่อสักครู่ก็หายลับไปทันที
การเปลี่ยนแปลงจำนวนของสมาชิกผู้ร่วมวงสนทนาแบบฉับพลันโดยไม่อาจหาคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์มารองรับได้นั้น
ทำให้หนุ่มบริหารผิวขาวเป็นหยวกหน้าซีดคล้ายกับใช้รองพื้นสว่างกว่าหนังหน้าไปสักสี่ห้าเบอร์
ทำให้หนุ่มบริหารผิวขาวเป็นหยวกหน้าซีดคล้ายกับใช้รองพื้นสว่างกว่าหนังหน้าไปสักสี่ห้าเบอร์
“เฮ่ย!!! ได้ไงอ่ะ? หายตัวได้ไง?!!! พวกพี่ไอดอลเกาหลีคู่เมื่อกี๊เป็นใครอ่ะ?!!” ร่างบางเหวอจนเหลอหลา...
อากัปกิริยาเสียสติไม่ปรึกษาใครทำเอาอดีตเดือนมหาลัยกลอกตาพลางถอนหายใจจนปีกจมูกกระพือ
นี่ถ้าไม่ถือว่าเป็นคนรักเก่าและแฟนใหม่เพื่อนสนิทผู้จะช่วยปิดการขายกับชายกลางได้
เขาคงไม่หวนกลับไปคบหาสมาคมกับอคิราให้เปลืองหน่วยความจำไปเปล่า
ๆ ปลี้ ๆ
“ฌอน...
มึงจัดการป้อนอาหารเม็ดให้ฮอบบิทมันสำรวมลงทีดิ๊ เดี๋ยวกลับขึ้นไปเจอพวกเฮียแล้วธาตุไฟแม่งแตกจนพูดจาหมาไม่แดกออกมาอีก”
ธันวาคุยกับแฝดน้องโดยไม่วายเหน็บแนมบุคคลที่สามด้วยน้ำเสียงติดรำคาญ
ฝ่ายงูเห่าก็รวบรวมลมปราณสะกัดกั้นความโกรธที่พลุ่งพล่านแล้วแสร้งคลี่ยิ้มหวานเอาใจแฟนเก่า
ทว่าในใจกลับรวบรวมความแค้นทั้งหลายเก็บซ่อนเอาไว้ในคลังแสงส่วนตัวเพื่อรอเวลาระเบิดใส่ชายหัวจุกในภายหลังอย่างขันแข็ง
“ว่าไงพวกมึง...
เจอบูบู้แล้วหรือยัง?” อดีตเดือนมหาลัยออกอาการอึกอักทันทีที่ได้ยินคำถามคาดคั้นของพี่ชาย...
กังฟูชักจะไม่ค่อยสบายใจเมื่อธันวาดูแบ่งรับแบ่งสู้คล้าย
ๆ ไม่เต็มใจจะเล่าความคืบหน้าให้เขาฟังสักเท่าไร
ซึ่งหลังจากที่นิ่งเงียบไปพักใหญ่
ๆ อริยะตรัยผู้น้องก็ยอมแบไต๋ออกมาให้คนโตกว่าทั้งสามได้รับรู้รายละเอียด
“เก็กทะเลาะกับบูบู้มาอ่ะเฮีย...
ทะเลาะกันแรงด้วย”
“อ้าวไอ้น้องเวร!! มึงไปทำอะไรไอ้บูบู้มัน?! บอกมาเดี๋ยวนี้นะ!!”
แค่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร...
กรกฏก็เลือกข้างได้โดยไม่ต้องคิด
แน่ล่ะ!
อย่างไรเสีย...
คนผิดย่อมต้องเป็นน้องชายเขาอย่างไม่ต้องสงสัย!!
“หรือจะให้กูไปคุยให้ก็ได้
คนอย่างไอ้บูบู้ไม่มีทางโกรธใครได้นานหรอก!!” สภาพน้องชายที่เอาแต่นั่งถอนหายใจทำหน้าไม่สนใจโลก
ทำให้คนเป็นพี่แทบจะกระโดดเข้าไปขี่คอแล้วถลกหนังหัวไอ้คนหล่อออกมาเสียจริง ๆ
“นั่นสิเก็ก
มีเรื่องอะไรกัน? ทำไมน้องกูถึงไม่กลับมาพร้อมมึง?” เต๋อซักไซ้พลางปราดเข้าไปลูบแผ่นหลังบางเบา
ๆ เพื่อไม่ให้คนรักกระอักเลือดด้วยความโกรธจนถึงแก่ความตายไปเสียก่อน
ฝ่ายที่ต้องตอบคำถามกลับส่ายหน้าช้า
ๆ คล้ายหนักใจ
แล้วจึงให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่รุ่นพี่ทั้งสามตามที่เจ้าตัวและสมัครพรรคพวกที่ยืนออกันอยู่ด้านหลังเห็นสมควร
ก่อนจะยกขโยงกันกลับขึ้นมายังห้องเพนท์เฮาส์ชั้นสูงสุดของหนุ่มร่างหมี
สมุนเลวทั้งหมดต่างเห็นชอบตรงกันว่า
พวกเขาจะไม่ปริปากเล่าถึงสาเหตุของเรื่องทั้งหมดให้ชายหนุ่มรุ่นพี่ทั้งสามฟังเป็นอันขาด...
ตัดไฟแต่ต้นลมคงจะดีเสียกว่าพร่ำพรรณนาพงศาวดารว่าด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำมหาวิทยาลัยซึ่งพิสูจน์ด้วยตาเปล่าไม่ได้ให้กลุ่มรุ่นพี่ผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรฟังแหง
ๆ
“ผมขอไม่อธิบายรายละเอียด
เหตุผลหรือตอบคำถามอื่น ๆ ก็แล้วกันนะครับ...
...แล้วก็ขออีกแค่อย่างเดียว...
.
.
...ขอแค่ให้พวกพี่ทุกคน...
รวมทั้งเฮียด้วย ช่วยเล่นละครให้เก็กหน่อย...
...ช่วยทำเหมือนพวกเราไม่เคยรู้ว่าเก็กกับบูบู้ไม่เคยคบกันเป็นแฟนมาก่อน...
...เก็กขอแค่นี้
เฮียกับพี่ ๆ ให้เก็กได้ไหมครับ?” หนุ่มหล่อดีกรีเดือนมหาลัยใช้น้ำเสียงจริงจังซ้ำยังฟังหนักแน่นยิ่งกว่าครั้งไหน
ๆ ระหว่างร้องขอความช่วยเหลือจากคี่รักทั้งสาม
จะแปลกอะไรหากคำอธิบายที่เต็มไปด้วยลับลมคมในดังกล่าว
จะได้รับฟีดแบ็กเป็นการเจริญพรอย่างก้าวร้าวจากปากพี่ชายแท้
ๆ เป็นรางวัล
“มึงเล่นอะไรของมึงเนี่ยเก็ก?!!! ถ้าทะเลาะกัน ทำไมไม่ไปคุยกันดี ๆ เล่า? มัวแต่เล่นละครบ้าบออะไรอยู่ได้...
.
...เดี๋ยวเถอะ! เดี๋ยวไอ้บูบู้ก็เปลี่ยนใจไปชอบคนอื่นเอาหรอก!!” หนุ่มวิศวะร่างเล็กบ่นอย่างหัวเสีย ทว่าอดีตเดือนมหาลัยกลับดื้อรั้นกว่าที่คนเป็นพี่คาดคิดเอาไว้มากนัก
“เฮีย...
เชื่อเก็กเถอะ ถ้าจะทำให้บูบู้ยอมกลับมาหาเก็ก... ก็ไม่มีทางอื่นแล้วล่ะเฮีย” อริยะตรัยผู้น้องยังคงยืนกรานเป็นมั่นเหมาะเพราะไม่อาจหาคำอธิบายที่ดีกว่านี้มาหว่านล้อมเหล่าพี่
ๆ ได้อีกแล้ว
“เอ๊ะ!!!! มึงจะลีลาทำไมเนี่ยไอ้เหี้ยเก็ก?
กูบอกแล้วทำไมไม่เสือกฟัง?...
.
.
...ไปง้อบูบู้มันเดี๋ยวนี้เลยนะ
หัวเด็ดตีนขาดยังไงกูก็ไม่มีทางเอาน้องสะใภ้คนอื่นหรอกนะเว่ย!!!” กังฟูเองก็ยืนกระต่ายขาเดียวด้วยความเด็ดเดี่ยวไม่แพ้กัน...
เพราะหากจะให้เขายอมรับเมียมีหนวดของน้องชายเข้าเป็นสมาชิกใหม่ในบ้านได้อย่างสนิทใจ
ตัวเลือกสุดท้ายจะต้องเป็นบูบู้เพียงคนเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ดี...
สายตาแน่วแน่ และการแสดงออกโดยรวมที่ดูมุ่งมั่นไม่สั่นคลอนหวั่นไหวเพียงเพราะโดนทัดทาน
ทำให้ชายหนุ่มหน้าหยกที่ลอบสังเกตการณ์มาครู่ใหญ่
ๆ
เกิดความเชื่อมั่นในแผนการแปลก
ๆ ของธันวาโดยไม่คิดหาเหตุผลสนับสนุน
เพราะหากจะพูดว่าท่าทางของน้องชายแฟนหมาด
ๆ ในตอนนี้
ช่างดูเหมือนกับตัวเองตอนสารภาพเรื่องหลงรักกังฟูต่อหน้าบุพการีเป็นครั้งแรกไม่มีผิด
“คิดดีแล้วใช่ไหมเก็ก?”
วิญญูหยั่งเชิงอีกฝ่ายเพื่อทดสอบให้แน่ใจ ซึ่งเก็กก็ไม่ทำให้รุ่นพี่ผิดหวัง
“ครับพี่ด้วง”
“แน่ใจนะว่าวิธีนี้จะทำให้น้องกูกลับมาเป็นน้องสะใภ้ให้ฟูได้?”
ตรินถามย้ำแบบข้ามช็อตตามนิสัยไม่สนกลวิธีมากเท่าผลลัพธ์... เขาไม่จำเป็นต้องรับรู้แรงจูงใจของอีกฝ่าย
ขอแค่สุดท้ายน้องรหัสได้กลับมามีความสุขกับไอ้รูปหล่อตรงหน้าเหมือนเมื่อสองเดือนก่อนตามที่คนรักร่างเล็กปรารถนา
เท่านั้นก็ถือว่าดีพอแล้ว
“ครับพี่เต๋อ”
หนุ่มร่างหมีลอบสบตากับวิญญูครู่หนึ่ง
จนแน่ใจว่าอีกคนรับได้
ตรินก็ออกหน้ารับปากแทนพวกเขาทั้งสามโดยไม่เร้าหรือ
“โอเค...
งั้นพวกพี่จะยอมช่วย”
“เฮ่ย!! เต๋อ!! เต๋อพูดอย่างนั้นได้ไงอ่ะ? ฟูไม่ยอมหรอกนะ!!!” กังฟูหมุนตัวกลับไปประจันหน้ากับเจ้าของร่างสูงหนาเพื่อโวยวายใส่อย่างเอาแต่ใจ
กระนั้นอีกฝ่ายกลับคลี่ยิ้มละไมแล้วอธิบายอย่างใจเย็น
“ฟังน้องก่อนดีไหมครับฟู?
เต๋อว่าน้องต้องคิดมาดีแล้วนะ / น่าฟู... ลองฟังดูก็ไม่น่าจะเสียหายอะไรเลยนี่ ถ้าแผนของน้องไม่เวิร์ค...
เราก็จะได้ช่วยกันแนะนำทางออกอื่นให้น้องไง... ฟูว่าดีไหมครับ?”
พอโดนสองหมีเข้ามาประกบซ้ายขวาแล้วลูบหน้าลูบหลังพลางให้เหตุผลด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
ท่าทีของกรกฏก็อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด...
จนสุดท้าย
ร่างเล็กก็ไม่นึกอยากขัดขวางน้องชายตัวเองขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์
“อือ... เอาอย่างนั้นก็ได้”
ใช่ว่าโลกนี้จะปล่อยให้รุ่นพี่ทั้งสามทำตัวหวานใส่กันเรี่ยราดดั่งใจหมายไปเสียทุกครั้งเมื่อไร...
เพราะตราบใดที่ยังมีชายหนุ่มหัวไข่เสนอหน้าเข้าร่วมฉาก
ความสวีทวี้ดวิ้วของพวกเขาจะหลุดรอดจากฝีปากไร้น้ำใจของสกลไปได้อย่างไรกัน?!!
“หืยยยย! ว่านอนสอนง่าย ขอมือให้มือ... ตั้ลลั้กที่ซู๊ดดดดด!!!”
“เมื่อกี๊มึงพูดถึงใครไอ้สัดแนน?!!” พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยว้ากหนักมือยิ่งกว่าครั้งที่สอบสวนเต๋อกับด้วงเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน
“หู๊ยยย! ผมเปล่า ผมบอกว่างูเห่าอมมือฌอนศรีได้ตั้ลลั้กมั่ก
ๆ ครับ” รุ่นน้องหน้าแว่นปฏิเสธอย่างมีไหวพริบพลางดริฟท์หนีตายโดยเอาเพื่อนรักมาใช้เป็นข้ออ้างบังหน้า...
ไม่มีวันเสียหรอกที่สกลผู้ลื่นจนปลาไหลยังต้องอายจะยอมรับเอาโชคร้ายและปลายหมัดซัดเข้าหาตัว!!
“เดี๊ยะ
เดี๊ยะ!!” กังฟูชี้หน้าคาดโทษเด็กเต็กปากดีก่อนจะหันไปรีดเค้นข้อมูลจากคนเป็นน้องอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง
“เอาดี ๆ ... มึงมีแผนอะไรกันแน่เก็ก? ไหนลองว่ามาซิ”
“ผมอยากทำให้บูบู้เชื่อได้เสียทีว่าผมรักบูบู้คนเดียว...
รักมาก รักจนไม่คิดจะปล่อยเขาไปไหนอีกแล้วอ่ะเฮีย” เก็กเกริ่นโดยบอกจุดมุ่งหมายของแผนการอย่างสั้น
ๆ แต่นั่นไม่ได้ช่วยไขข้อข้องใจใด ๆ ให้แก่พี่ชายเลยสักนิด
“แล้วมันเกี่ยวกับการที่จะให้พวกกูทำเป็นไม่รู้ว่ามึงเคยคบกับไอ้บูบู้มาก่อนตรงไหน?”
ร่างเล็กกอดอกพลางกระดิกเท้ายิก ๆ ด้วยความใกล้จะเหลืออดกับลีลาและลวดลายของน้องชายร่วมสายเลือด
เมื่อเห็นดังนั้น... อริยะตรัยผู้น้องก็รีบประกาศคอนเซปต์ของการเอาคืนแฟนตัวน้อยให้รุ่นพี่ทั้งสามได้ฟังโดยไม่อ้อมค้อมอีกต่อไป
“ก็เหตุผลที่เราทะเลาะกัน
เพราะเขามักจะเชื่อคนอื่น ๆ มากกว่าเชื่อคำพูดของเก็กยังไงล่ะเฮีย...
.
...แผนการนี้จะทำให้บูบู้รู้ว่า
เรื่องของเรา...ไม่มีทางที่คนอื่นจะพูดความจริงกับเขาได้ถูกต้องเท่าเก็กอีกแล้ว”
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า
พรล่าสุดที่คนรักเอ่ยขอจากเจ้าพ่อห่อไหล่ทำเก็กน้อยใจถึงขีดสุด
เขาเฝ้าแต่ถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาด้วยไม่เข้าใจว่า
เขาจะต้องทำอย่างไร... ถึงจะสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ชายกลางได้?
เพราะที่ตลอดระยะเวลาที่ผันผ่าน
ขนาดเก็กเลือกใช้การกระทำมาตอกย้ำความในใจที่ไม่อาจเอ่ยออกไปได้อยู่ไม่เว้นวาง
อีกฝ่ายยังตัดช่องน้อยแต่พอตัวดอดหนีลี้ไปง่าย
ๆ โดยไม่คิดถึงหัวอกของเขาบ้างเลยสักนิด
ในเมื่อบอกก็แล้ว
แสดงออกก็แล้ว แต่ร่างผอมกลับยังไม่ยอมเชื่อใจกัน...
อดีตเดือนมหาลัยจึงมุ่งมั่นที่จะสอนให้บ๊วยรู้ว่า
การเชื่อคนอื่นมากกว่าคนรักของตน
คือหายนะแห่งความสัมพันธ์ของคนสองคนโดยแท้!!
“อะไรของมึงวะเก็ก?
กูตามมึงไม่ทันแล้วเนี่ย!!” กังฟูสาดคำด่าใส่น้องชายแต่อีกฝ่ายหาได้สะทกสะท้านไม่
“ไม่ต้องตามทันก็ได้เฮีย...
...เก็กขอแค่ให้เฮียกับพี่ด้วงแกล้งทำเป็นไม่รู้จักกับบูบู้มาก่อน...
.
.
...เอาแบบเริ่มต้นทำความรู้จักกันใหม่เลยอ่ะเฮีย
เฮียทำได้ป่ะ?”
“แล้วทำไมกูต้องทำอย่างนั้นด้วยล่ะ?
ปัญญาอ่อน!!” คนเป็นพี่ด่าซ้ำให้กับท่าทางตะบิดตะบอยจนน่าต่อยของน้องชายคนเล็ก...
ไอ้ที่พูดออกมาน่ะคิดแล้วใช่ไหม? อย่าหวังเลยว่าเขาจะยอมเล่นละครบ้าบออะไรก็ไม่รู้ให้ไอ้เด็กแนนมันลบหลู่เอาทีหลังได้!
“ด้วงว่าดีออกนะครับฟู”
ไม่ทันไร
คิวท์บอยคนใหม่ก็ขัดขึ้นทันควันเพราะเห็นโอกาสที่คนรักจะได้แก้ไขความผิดพลาดในอดีตกับบ๊วยเสียใหม่
เพราะเขาทนเห็นกรกฏบ่นหงุงหงิงด้วยความเป็นห่วงว่าที่น้องสะใภ้จนว้าวุ่นใจไม่ได้
“ฟูไม่อยากเริ่มต้นสร้างความทรงจำดี
ๆ กับน้องบ๊วยอีกครั้งเหรอครับ?...
.
...แบบที่ฟูจะได้ทำดีกับน้องเหมือนที่ฟูบ่นตอนที่เราคุยกันเมื่อกี๊ยังไงล่ะ...
ไม่ดีเหรอ? หืมมม” หนุ่มหน้าหยกชี้แนะร่างเล็กที่ยืนนิ่ง ๆ ให้เล่นผมได้ง่าย ๆ ทั้งที่เมื่อก่อนกระทั่งปลายก้อยยังไม่เคยเผลอไผลปล่อยให้เขาแตะต้อง
“นั่นสิ! เต๋อว่าเข้าท่านะ...
ฟูจะได้ไม่ต้องเสียใจที่เคยแผลงฤทธิ์ใส่น้องมันไปตั้งเยอะยังไงล่ะ” เต๋อสนับสนุนแข็งขันเนื่องจากคำแนะนำของวิญญูพ้องกับความต้องการของเจ้าของห้องร่างหมีเป็นที่สุด...
ที่ผ่านมา คนรักของเขามักจะพูดจาทำร้ายจิตใจของน้องรหัสอยู่เป็นประจำ...
หากกังฟูสามารถทำตัวใหม่แล้วค่อย
ๆ สร้างความทรงจำดี ๆ กับชายกลางได้
ตรินก็จะมั่นใจได้ว่า...
คนกลางระหว่างแฟนกับน้องรหัสอย่างเขา คงไม่ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์น่าอึดอัดกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอีกต่อไป
“ว่าไงครับฟู?”
เจ้าของห้องหรูกระตุ้นคนรักที่ชักจะนิ่งไปนานโดยไม่ยอมรามือจากการนวดเบา ๆ เพื่อคลายหัวคิ้วที่ขมวดเป็นปมให้กับอีกฝ่าย
สุดท้ายพี่ชายอดีตเดือนมหาลัยก็ยอมรับในเหตุผลของแฟนทั้งสองอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
“ก็ได้...
กูเอาด้วยก็ได้”
“ฮั่นหน่อวววว!!!
/ สกล...
อยากปรับความเข้าใจกับพวกพี่หน่อยไหมครับ?” ด้วงหักข้อนิ้วดังลั่นพลางตั้งคำถามเบรคเสียงแซวของรุ่นน้องต่างคณะหน้าแว่นนิ่ง
ๆ ตามสไตล์คุณชายยากูซ่า จนอีกฝ่ายหุบปากฉับเมื่อสังหรณ์ใจว่าชะตาชีวิตของตัวเองใกล้จะถึงฆาตเต็มแก่
“ดีเลยเฮีย ถ้างั้น... หลังจากวันพรุ่งนี้จนถึงวันเสาร์ พวกเราทุกคนมาช่วยกันโกหกบูบู้กันเถอะครับ!!” อดีตเดือนมหาลัยรีบฉวยโอกาสสรุปด้วยความยินดีก่อนที่หนุ่มหน้าแว่นจะนำพาบทสนทนาไหลออกทะเลจนหาทางกลับเข้าฝั่งไม่ได้ไปเสียฉิบ
Ħ------------------------------------------------------------------------Ħ
|| ราว ๆ 18 ชม.ให้หลัง ณ โรงอาหารกลาง ||
หลบหน่อยพระเอกมา!
พี่ฌาน...
บูบู้ไม่ยอมให้ผมนั่งด้วยครับ Y^Y
READ 00.03 PM
P’Charles:
อ้าว! แล้วนี่นั่งไหน?
เจ้าพ่อท่านไม่ได้ช่วยเหรอ?
00.03 PM
Shaun:
ก็นั่งข้างบ๊วยนั่นแหละครับพี่ชาย...
เจ้าพ่อท่านช่วยจบไปนานแล้วครับ
หล่อมันเวิ่นเรียกร้องความสนใจเฉย ๆ !
00.04
PM
Nan:
ขอต้อนรับสู่ชมรมสุนัขสุขภาพหนังหัวทราม
ในความอุปถัมภ์ของสกลอย่างเป็นทางการครับพี่หมี
00.04
PM
ตอนแรกก็ว่าไหวนะพี่ฌาน
แต่พอได้เห็นหน้าใกล้ ๆ
แล้วเสือกกอดไม่ได้...
ผมแม่งโคตรหน่วงเลยว่ะ
READ 00.05 PM
P’Charles:
เฮ่ย! อดทนหน่อยดิวะเก็ก!!
แป๊บ...พี่ฌานซื้อข้าวก่อน
00.05 PM
Shaun:
ขอร้อง... อย่าให้กูต้องซ้ำ
บอกแล้วว่าแผนนี้จะทำมึงหมดหล่อ
00.06
PM
ก็กูนึกว่ากูไหว...
ที่ไหนได้ เพื่อนมึงแม่งใจแข็งสัดอ่ะฌอน
READ 00.06 PM
Nan:
พี่หมีก็กระแซะคืนไปเลยดิครับ
00.07
PM
Nan:
ผมเห็นบูบู้ดูครั่นเนื้อครั่นตัวชอบกลมาตั้งกะเมื่อเช้า
รับรอง... โดนตัวแล้ววูบวาบยอมเดินตามกลับห้องชัวร์
00.08 PM
Nan:
ถึงตอนนั้น... ก็เล่นมอญซ่อนผ้ากันเลย
ชัดเจน ตรงประเด็น แถมยังเห็นผลทันตา!!
00.08
PM
หนูแนนครับ...
ถ้ายังอยากหายใจ...
ไม่ลามปามบ๊วยนะ
READ 00.09 PM
Nan:
โห่ว!! คนเราอุตส่าห์หวังดี
ไปเม้าท์กับเจ๊สี่ต่อดีกว่า... เชอะ!!!
00.09
PM
Shaun:
แต่กูว่า... ทำแบบที่แนนซี่บอกก็ดีนะมึง
กูว่ามึงทนห่างบ๊วยไม่ไหวหรอก...
แตะนิดแตะหน่อย เพื่อนกูไม่สึก เชื่อดิ
00.10
PM
แต่กูนี่แหละที่จะทนไม่ไหวไงสัด!!
READ 00.10 PM
แล้วนั่นเพื่อนมึง...
ช่วยหวงแหนแทนกูด้วยครับ!
READ 00.11 PM
Shaun:
ตามใจ... กูถือว่ากูชี้ทางสว่างให้แล้ว
มึงหยิ่งเอง ช่วยไม่ได้!
00.11
PM
ฌอน...
READ 00.11 PM
กูว่า...
.
.
.
.
มึงควรจะจัดแมทช์กระชับมิตรกับฮอบบิทให้ว่อง
กูว่ามึงเสี้ยนจนนิสัยเหี้ยเกินไปแล้วว่ะ!!
READ 00.12 PM
Shaun:
เดี๋ยวกูซื้อก๋วยเตี๋ยวหลอดให้แฟนมึงดีกว่า...
ไหน ๆ แฟนกูก็ไม่ยอมคุยด้วย...
แทะแฟนเพื่อนเล่นไปพลาง ๆ ก่อนแล้วกัน
00.12
PM
บูบู้ไม่ชอบกินเตี๋ยวหลอด...
มึงสั่งอย่างอื่นกินเด้!!
READ 00.13 PM
Shaun:
เมื่อกี๊กูบอก
ไม่ได้ขออนุญาต
จบนะครับมึง
00.13
PM
เดี๋ยวกูพาฮอบบิทไปถีบลงปล่องภูเขาไฟเลยนิ!!
READ 00.14 PM
Shaun:
ไม่ดิ้นครับหล่อ...
เชื่อกู ต่อให้กูซื้อของชอบให้
แฟนมึงก็ไม่ทันได้แตะหรอก
00.13
PM
Shaun:
ถ้ามึงวางแผนให้เจ้าพ่อช่วยแปลงสารให้แบบนั้นน่ะนะ
00.14 PM
P’Charles:
อ่ะแฮ่ม! ระวังภาษากันหน่อยเด็ก ๆ
00.15 PM
ขอโทษครับพี่ฌาน
READ 00.15 PM
P’Charles:
ช่างเถอะ... พี่ฌานกับแว่นจะเข้าฉากแล้วนะ
00.16 PM
ครับ ๆ
READ 00.17 PM
Nan:
ฮั่นหน่อวววว!!
เมื่อกี๊ผมเห็นพี่หมีกระแซะเพื่อนบูบู้เต็ม ๆ สองตาเลยนะครับ
00.29
PM
Shaun:
สรุปที่บ๊วยเดินออกไปนั่น
เพราะได้ยินเรื่องของตัวเองเป็นเรื่องของอิ๊กใช่ไหม?
00.29 PM
ก็เออดิ
READ 00.30 PM
P’Charles:
เข้าใจคิด...
ให้เจ้าพ่อท่านช่วยทำให้บ๊วย
เข้าใจผิดด้วยเรื่องของตัวเอง
00.30 PM
ผมขอแอบตามไปดูได้ไหมครับพี่ฌาน?
READ 00.31 PM
Shaun:
ไม่เป็นไร... เดี๋ยวไปให้เอง
เอาของไปให้อิ๊กด้วย... แลกกัน
00.32
PM
เออ ๆ ก็ได้
READ 00.32 PM
Nan:
นั่นแน่ฌอนศรี... เดี๋ยวนี้เปิดตัวหราาาาาา?
00.33
PM
Shaun:
แนนซี่...ไม่เผือกเอาเท่าไร?
ซื้อต่อได้ไหม จะได้หายนิสัยเสีย?
00.33
PM
Nan:
พี่ฌานครับ...
ฌอนศรีกรรโชกน้อง...
.
.
.
น้องเฟ้งฟ้าง T^T
00.34
PM
P’Charles:
ไปเหอะน้องชาย
เดี๋ยวทางนี้พี่ฌานปลอบแว่นให้เอง
โอ๋..นิ่งเตะ นิ่งเตะนะแว่น...
00.35 PM
ผมไปหาอิ๊กก่อนนะพี่ฌาน
เดี๋ยวเลิกเรียนเจอกันครับ
READ 00.36 PM
P’Charles:
เออ ๆ ถ้ามีไร
พี่ฌานจะไลน์ไป
00.36 PM
Ħ------------------------------------------------------------------------Ħ
|| 1 วัน กับ 12 ชม.ที่ไม่มีบ๊วย ||
“ถามจริงเหอะวะ
ทำไมกูต้องตามมาเฝ้าฮอบบิทเป็นเพื่อนมึงทุกเช้าด้วยเนี่ย? เมียกูรึก็เปล่า!!!” เก็กบ่นกระปอดกระแปดระหว่างปฏิบัติหน้าที่หมาเฝ้ากระดูกข้อไก่ใต้ตึกบริหารเป็นเพื่อนฝาแฝดคนน้องตั้งแต่ยังไม่แปดโมงเช้า
“มึงไม่อยากรู้เหรอว่ากลางวันนี้พวกกูจะไปกินข้าวที่ไหน?”
ฌอนอ่อยเหยื่อโดยไม่ละสายตาไปจากร่างบางที่นั่งเม้าท์มอยฝอยสนั่นกับบรรดาเพื่อน ๆ กลุ่มใหญ่
ณ โต๊ะม้าหินห่างออกไปไม่ถึงสามเมตร
“โห!! วันนี้มึงดูหล่อและราศีจับมากเพื่อน” จากที่คิดว่าจะด่าเพื่อนสนิทต่างคณะให้เฉาตาย
พอได้ยินอีกฝ่ายจั่วหัวมาอีหรอบนี้ อริยะตรัยผู้น้องจึงกลับลำหันมาเชลียร์คนฟังอย่างกวนประสาทมันเสียเลย
“ทีนี้บอกกูมาได้หรือยังว่าพวกมึงจะไปแดกข้าวกันที่ไหน?”
สาเหตุที่ทั้งสองกลายมาเป็นเพื่อนรักกันได้แม้ในช่วงเวลาสั้น
ๆ
ไม่ใช่แค่เพราะฝ่ายหนึ่งเป็นแฟนเก่าของแฟนใหม่ตน
หรือเพราะอีกฝ่ายเป็นเพื่อนสนิทของคนรัก
หากแต่เป็นเพราะต่างเท่าทันกันในความคิด
ไหวพริบ และความยียวนกวนอวัยวะเบื้องต่ำพอ ๆ กันนั่นเอง
“หึ! โรงกลางเหมือนเดิม / สัด! โคตรจะลีลา!!”
“กูล้อเล่น! วันนี้น่าจะกินโรงหอว่ะ / ไอ้เหี้ย!!”
“โอ่เอ๊
ไม่เบะนะครับหล่อ... เอางี้ เดี๋ยวกูให้อิสระมึงกับน้องบ๊วยยี่สิบนาที โอไหม?” ด้วยรู้ถึงแผนการประจำวันเป็นอย่างดี
แฝดน้องจึงยอมคายข้อมูลปะเหลาะเอาใจอดีตเดือนมหาลัยที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับหลังจากโดนตบหัวแล้วลูบหลังไปสองครั้งติด
“อย่ามาน้องบ๊วย! นั่นคนของกู!! และมึงไม่มีน้อง!!” เก็กสวนทันควันด้วยน้ำเสียงกระแทกกระทั้นค่าที่อีกฝ่ายใช้สรรพนามเรียกแฟนตัวน้อยของเขาแบบใกล้ชิดเกินเหตุ...
นอกจากพี่สาวสามคนและเขาแล้ว หนุ่มรูปงามจะไม่ยอมให้ใครเรียกบ๊วยอย่างหนุงหนิงว่าน้องเป็นอันขาด
แต่ดูเหมือนเขาจะประมาทอีกฝ่ายเกินไป
“ก็อย่าฮอบบิทดิวะ!!” ฌอนแสยะระหว่างเล่นเกมจ้องตากับอดีตเดือนบริหาร...
ฝ่ายเขาน่ะกำลังง้อเต็มอัตรา ส่วนทางนั้นก็กำลังกระเง้ากระงอดเข้าขั้นบ้า ๆ บอ ๆ กันเลยทีเดียว
หลังจากนั้นแฝดน้องก็เข้าสู่โหมดปะทะคารมตอบโต้กับเพื่อนวิศวะรูปหล่อแบบออโต้ไพลอต
“สูงไม่เท่าไหล่
ไม่เรียกแคระนี่ก็ถือว่ากูให้เกียรติ / ฮอบบิทเตี้ยกว่าคนแคระเหอะ!!”
“อ้าว! เหรอ?! กูเพิ่งรู้นะเนี่ย?!! / หึ!
สันดาน!!”
“หึ!! ก็พอกันแหละว้า!...
.
...มึงเฝ้าฮอบบิทไปก่อน
ขอกูไลน์บอกแผนเฮียเดี๋ยว” อริยะตรัยผู้น้องควักมือถือออกมาทันทีโดยไม่รอฟังคำอนุญาตจากอีกฝ่าย
เพราะต่อให้รอไป...
ฌอนก็ไม่สนใจสิ่งใดนอกเหนือไปจากแฟนร่างเตี้ยตะแหมะแขะของตนเองอยู่ดี
Big Bro
เฮีย...
READ 08.03 AM
เที่ยงนี้ เฮียมาที่โรงหอหน่อยได้ไหม?
READ 08.04 AM
ฝากเอาเสื้อยืดติดมาให้ด้วยดิครับ
READ 08.04 AM
เดี๋ยวเก็กมีเรียนต่อเลยอ่ะ...
กลับห้องไปเอาไม่ทัน โทษทีนะเฮีย
READ 08.05 AM
Big Bro:
นี่พี่ด้วงเองนะ...
ฟูยังนอนอยู่เลย...
เดี๋ยวพอตื่นแล้วพี่จะบอกให้แล้วกัน
08.05 AM
อ่อ... ครับ ขอโทษที่ปลุกครับพี่!
READ 08.06 AM
ฝากบอกเฮียให้ด้วยนะครับ
READ 08.06 AM
Big Bro:
ไม่เป็นไร จะใช้เสื้อตอนเที่ยงใช่ไหม?
นัดเจอที่ไหนก็บอกพวกพี่อีกทีแล้วกัน
08.07 AM
ครับ พวกพี่มาตอนเที่ยงกว่า ๆ ก็ได้ครับ
เดี๋ยวผมไลน์ไปบอกอีกทีว่าจะเจอกันที่ไหน
READ 08.08 AM
Big Bro:
โอเค... ไว้เจอกัน
08.09 AM
“เอ้านี่! เสื้อมึง กูอุตส่าห์กลับเข้าไปเอามาให้...
.
...เดินอวดนมมาตั้งไกล
หน้าด้านได้คนข้างบ้านจริง ๆ เลยมึงเนี่ย!!” กังฟูสวดน้องชายในสภาพเปลือยท่อนบนเสียยับเยิน จนวิญญูต้องช่วยชีวิตอดีตเดือนมหาลัยเอาไว้ด้วยการถามไถ่ถึงผลลัพธ์ของการเผชิญหน้าระหว่างทั้งสองคนเมื่อสักครู่
“แล้วเป็นไงมั่ง?
สำเร็จไหม? ได้นัดน้องบ๊วยหรือเปล่า?”
“ได้ครับ” หนุ่มรูปงามรับคำพลางสวมเสื้อยืดตัวใหม่อย่างคล่องแคล่ว
แต่สีหน้าขมขื่นเหมือนโดนบังคับให้กลืนยาหม้อทั้งที่แผนการลุล่วงดังใจทำให้พี่เขยจากต่างคณะอดทักออกมาด้วยความเป็นห่วงไม่ได้
“ได้นัดน้องกู
แล้วมึงจะทำหน้าเป็นตูดแบบนั้นทำไมวะ?”
“โหพี่เต๋อ...
ลองให้พี่เต๋อไม่ได้เจอเฮียสักสองสามวัน แล้วกลับมาเจอกันสองต่อสองแต่พี่เต๋อกอดเฮียไม่ได้ดูไหมล่ะครับ?”
เมื่อจี้ถูกจุด ความรู้สึกที่พลุ่งพล่านอยู่ข้างไหนก็ไหลบ่าเป็นท่อประปาแตก
อริยะตรัยผู้น้องจึงเผลอแดกดันยอกย้อนหนุ่มร่างหมีผู้เป็นพี่เขยอย่างไม่นึกเกรงกลัว...
ก็ไอ้อารมณ์เห็นอยู่ตรงหน้าแต่คว้ามาเชยชมไม่ได้นี่มันทรมานน้อยเสียเมื่อไร
ทั้งที่เมื่อก่อน...
นึกอยากจะกอด หอม หรือดอมดมอีกฝ่ายให้ชื่นใจเมื่อใด
เขาก็สามารถหาความสุขจากสัมผัสร่างกายและไออุ่นของอีกฝ่ายได้มาก
และบ่อยครั้งดั่งใจต้องการแท้ ๆ
“แหม่! เล่นซะกูเห็นภาพเลยนะหล่อ!!” ทั้งที่ปากส่งคำด่าสวนกลับไป
ทว่าตรินก็อดเห็นใจหนุ่มรุ่นน้องไม่ได้... เพราะความเจ็บปวดดังกล่าว คือสิ่งที่เขาและด้วงเคยประสบมาเมื่อไม่กี่วันก่อนนี่เอง
“ก็มันเจ็บจริงนี่ครับพี่เต๋อ...
อยู่ใกล้แค่เอื้อมแต่คว้ามากอดไม่ได้นี่ทำผมแทบทรุดนะครับ” ธันวาอุทธรณ์อย่างน่าสงสาร
ทว่านั่นกลับซื้อใจของพี่ชายร่วมสายเลือดผู้แปรพักตร์ไปเข้าข้างว่าที่สะใภ้ไม่ได้เลยสักนิด
“จิ๊!!
อดทนหน่อยสิมึง
เป็นน้องกูประสาอะไร!!...
...ดูดิ๊
กูยังอดทนไม่ด่ามึงได้เลยที่มึงทำบูบู้กูกระเจิงไปตั้งหลายวัน!...
.
.
.
...แล้วถ้าสุดท้าย
บูบู้ของกูงอนจนไม่ยอมกลับมา มึงเตรียมตัวโดนเฉดหัวออกจากกองมรดกได้เลย!!” กังฟูชี้นิ้วพลางด่าทอน้องชายอย่างไม่ไว้หน้า คนเกิดทีหลังแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเมื่อต้องทนเห็นชายหนุ่มผู้มีศักดิ์เป็นพี่เลือกข้างแฟนตัวน้อยจนพลอยทำให้เขากลายเป็นหมาหัวเน่าไปเสียแล้ว!
“เฮ่ยเฮีย!! เก็กน้องเฮียนะเว่ย!!” หนุ่มรูปหล่อดีกรีเดือนมหาลัยทักท้วงทวงสิทธิ์ของตน
แต่ตนโตกว่ากลับวางท่าเอาแต่ใจตามประสาคนที่โดนสปอยล์มาตลอดชีวิตจนไม่คิดจะเปลี่ยนนิสัยไปเสียแล้ว
“ไม่รู้ล่ะ
ก็กูรักบูบู้... กูจะเอามันมาเป็นน้องสะใภ้...
.
...ถ้ามึงทำไม่ได้...
มึงก็ไม่สมควรขึ้นชื่อว่าเป็นลูกชายคนเล็กของป๊ากับม้า!” กรกฏลั่นวาจาด้วยท่ากอดอกแน่นพลางชิดหน้าแล้วปรายตาจิกน้องในไส้อย่างโหดร้ายและเลือดเย็นเป็นที่สุด
“โห่!!!! ไรเนี่ย?! คนยิ่งเครียด ๆ อยู่... เจอแฟนก็กอดไม่ได้ พี่ชายคนเดียวยังจะมาด่าเอาอีก!!” เก็กบ่นน้ำไหลไฟดับพลางนึกสังเวชตัวเองไม่หาย
โธ่...
อริยะตรัยผู้น้องที่น่าสงสาร!
แทนที่จะได้รับความเห็นใจจากคนในครอบครัว
กลับต้องมาโดนด่ารัว
ๆ ทั้งที่หัวอกเจ็บหน่วงจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่เต็มที
“น่า! อย่าเพิ่งคิดมากไปเลยเก็ก...
.
...ฟูแค่เป็นห่วงเก็กกับน้องบ๊วยมากไปหน่อยเท่านั้นแหละ...
มีอะไรให้พวกพี่ช่วยอีกไหมล่ะ?” สุดท้ายก็เป็นวิญญูผู้คลุกคลีกับสองพี่น้องมาเป็นสิบ
ๆ ปีที่ตั้งตนเป็นกรรมการเข้ามาห้ามศึกสายเลือดให้ยุติลงได้อีกครั้ง
“เดี๋ยวเอาไว้ไปถามตอนกินข้าวแล้วกัน
เดี๋ยวมึงกับฟูเข้าเรียนคาบบ่ายสายพอดี” เต๋อรวบรัดตัดความเมื่อเห็นว่าเวลาล่วงเลยใกล้ชั้นเรียนภาคบ่ายของแฟนทั้งสองเต็มที
ซึ่งคิวท์บอยก็เห็นดีด้วย
“ไปเก็ก
ไปกินข้าวกับพวกพี่... เดี๋ยววันนี้พี่เป็นเจ้ามือเอง” ด้วงอาสาด้วยหวังว่าข้อเสนอของพวกเขาจะทำให้รุ่นน้องอารมณ์ผ่องใสขึ้นได้บ้าง
แต่เมื่อเห็นว่าอดีตเดือนมหาลัยยังไม่หือไม่อือ
ตรินจึงงัดไม้เด็ดขึ้นมาล่อลวงเก็กให้ติดเบ็ดของพวกเขาโดยง่ายทันที
“เอาน่า! เดี๋ยวกูเล่าเรื่องไอ้บูบู้ให้ฟังเอง... รับรอง
มึงต้องอยากรู้แน่ ๆ ”
แล้วก็จริงดังคาด...
เพราะแม้ ‘บ๊วย’
จะเป็นคำที่มีความหมายไม่ต่างจากห่วยสักเท่าไรในสายตาคนทั่ว ๆ ไป
แต่กับอดีตเดือนมหาลัยแล้ว
‘บ๊วย’ คือคำ ๆ เดียวที่มีอิทธิพลเหนือสิ่งสำคัญอื่นใดในโลก...
เพราะสำหรับเก็กแล้ว ‘บ๊วย’ เท่ากับ ‘หัวใจ’
“ครับ ๆ ” ทันทีที่ได้ยินคีย์เวิร์ด
หนุ่มวิศวะรูปงามก็ยอมรับปากแต่โดยดีผิดกับไม่กี่นาทีก่อนหน้าแบบลิบลับ
แน่นอนว่า...
ไม่ว่าใจจะทำอะไร ที่ไหน อย่างไร เมื่อไร โดยเฉพาะกับใคร
เขาก็ไม่หวังให้ข้อมูลเกี่ยวกับหัวใจของเขาเล็ดรอดผ่านสายตาไปไหนได้อีกเลย
Ħ------------------------------------------------------------------------Ħ
|| วันเสาร์ 17.02 น. ||
ฌานถือถุงเซเว่นใบใหญ่ที่ดูจะหนักไม่เบาเดินนำขบวนอีกสองหนุ่มเข้ามาหาธันวาที่นั่งจ๋องอยู่บนอัฒจันทร์อย่างเดียวดาย
ได้ข่าวว่าจนป่านนี้
เพื่อนสนิทตัวจ้อยของพวกเขายังไม่โผล่มาให้อดีตเดือนมหาลัยหายเครียดเสียที
เขาจึงนำสมุนเลวที่เหลือมาให้กำลังใจและสมน้ำหน้าอีกฝ่ายไปพร้อม
ๆ กัน
“หึ หึ หึ...
เป็นไง? ไหวไหมเก็ก?” ร่างทรงหนุ่มพูดทักทายเพื่อนสนิทคนล่าสุดด้วยเสียงกลั้วหัวเราะเพราะอดขำไม่ได้เมื่อรู้ว่าเกย์หนุ่มสุดหล่อผู้เป็นที่หมายปองของเกย์ทั้งมหาลัยกลับต้องมาตกม้าตายเพราะคนกลาง
ๆ อย่างเพื่อนรักของเขา
“พอได้อยู่ครับพี่ฌาน”
เก็กตอบด้วยสีหน้าปูเลี่ยน ๆ ... จริง ๆ แล้ว เขาก็แอบเตรียมใจเอาไว้แล้วแต่เนิ่น
ๆ ด้วยไม่อยากจะช็อคตาตั้งเมื่อรู้ว่า แฟนตัวน้อยปล่อยให้เขาต้องนอนตบยุงรออยู่ที่นี่ทั้งคืนโดยไม่ยอมโผล่มาตามนัด
“เอ้านี่ พวกพี่ฌานซื้อน้ำกับขนมมาฝาก กินเกลือแร่เสียหน่อย
จะได้ไม่วูบไปก่อนที่บ๊วยจะมา” ฌานยื่นถุงของกินถุงใหญ่ให้อีกฝ่ายตามที่ได้โฆษณาสินค้าพอสังเขปไปเมื่อครู่
“ขอบคุณครับ”
“อะแฮ่ม!!
ขอผมรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับสถานะของเพื่อนบูบู้ในตอนนี้ก่อนนะครับทุกคน”
สกลรีพอร์ทช่วงชิงพื้นที่สื่อทันทีที่เห็นว่าสมุนเลวคนอื่น ๆ ยังไม่เริ่มบทสนทนาใด
ๆ เป็นพิเศษ
“หลังจากคุณกรกฏอ่านข้อความที่คุณธันวาส่งเข้าเครื่องเมื่อตอนบ่ายสามให้ทุกคนได้ฟัง...
...ความทุกข์ทรมานแสนสาหัสเพราะยังทำความสะอาดห้องไม่เสร็จก็กัดกินใจเพื่อนบูบู้ของผมจนต้องฝากเสื้อสื่อรักไว้ที่คุณกรกฏในนาทีสุดท้ายเพื่อจะได้กลับมาทำห้องให้เรียบร้อยโดยไม่ต้องพะวงเรื่องคืนเสื้อให้ถึงมือคุณธันวาอีก...
.
.
...สายตาสลดหดหู่ที่ปิดไม่มิดของเพื่อนบูบู้ตอนที่พี่เต๋อไปส่งที่หอ...
...ทำให้ผมแน่ใจเป็นอย่างยิ่งว่า
ตอนนี้เพื่อนบูบู้คงกำลังทำความสะอาดห้องอย่างรู้เช่นเห็นชาติตัดขาดทุกอณูฝุ่นน่ะครับ...
...น่าสงสารคุณธันวาเหลือเกินครับที่กระทั่งไรฝุ่นในห้องยังมีความสำคัญมากกว่า”
ถ้าไม่ห่วงว่าจะดูโอเวอร์เกินไป หนุ่มหน้าแว่นคงได้บีบน้ำตาระหว่างขมวดปมปิดท้ายให้สมกับเนื้อหาดราม่าที่มีเค้าโครงมาจากเรื่องจริงไม่ถึงครึ่ง
จนแฝดพี่จำต้องห้ามปรามเพื่อดึงสติเพื่อนหัวไข่เพื่อไม่ให้ไถลออกนอกเรื่องยิ่งไปกว่านี้
“ทีหลังแค่เล่าว่าเกิดอะไรขึ้นก็พอนะสกล
ไม่ต้องแปลงสาร เดี๋ยวงานจะเข้าบ๊วยไปเสียก่อน” สายตาตำหนิของฌานหาได้ทำให้เจ้าของชื่อสลดไม่
แฝดพี่จึงลอบถอนใจเหนื่อยหน่ายอย่างสั้น ๆ แล้วจึงหันไปบอกเล่าสถานการณ์ที่แท้จริงแก่ธันวาในท้ายที่สุด
“อย่าไปสนใจแว่นมันเลยนะเก็ก
สรุปก็คือ... บ๊วยเชื่อเฮียฟูหมดใจโดยไม่มีคำถามใด ๆ ทั้งสิ้น” ร่างทรงหนุ่มรวบรัดตัดความ
ก่อนจะหยั่งความเห็นของอดีตเดือนมหาลัยด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง “ไงล่ะ
เพื่อนพี่ฌาน ทำหนักใจมากไหม?”
คำถามของแฝดพี่
กระตุ้นให้ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจของหนุ่มหล่อดีกรีเดือนมหาลัยฟุ้งกระจายขึ้นมาอีกหน
ตลอดสองวันมานี่...
ไม่มีใครแสดงความเห็นอกเห็นใจเขาอย่างเป็นรูปธรรมเลยสักคน...
กระทั่งพี่ชายที่คลานตามกันมาก็เถอะ
ความชอกช้ำที่ถูกละเลยจึงถูกถ่ายทอดออกมาเป็นประโยคตัดพ้อตามประสาน้องคนเล็กงอแงเรียกร้องความสนใจ
แต่คนฟังกลับคิดไพล่ไปว่า
ความท้อถอยอาจจะทำให้ธันวายอมแพ้แล้วปล่อยมือจากชายกลางไปง่าย ๆ กลางคัน...
ทั้ง ๆ ที่นั่นไม่ใช่สิ่งที่คนพูดหวังจะให้เกิดขึ้นจริง
ๆ แต่อย่างใด
“ผมก็หวังนะครับ
หวังว่าหลังจากเรื่องครั้งนี้ เขาจะเรียนรู้แล้วเปลี่ยนแปลงตัวเองได้...หึ หึ” มาถึงตรงนี้
อริยะตรัยผู้น้องก็เว้นช่องไฟด้วยการหัวเราะขื่น ๆ ในลำคอซ้ำ ๆ ให้กับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง
ก่อนจะว่าต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนระโหยโรงแรง “เพราะถ้าจะให้ผมคอยสร้างความมั่นใจให้เขาอยู่ตลอด
ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมจะหมดแรงย้ำให้เขาฟังเอาวันไหน”
“เฮ่ย! อย่าบอกนะว่าเรื่องคราวนี้ทำเอาเก็กท้อจนคิดทิ้งเพื่อนพี่ฌานเอาดื้อ
ๆ น่ะ?!”
ร่างทรงหนุ่มโวย ก่อนจะทั้งขู่ทั้งปลอบเพื่อนต่างคณะไม่ให้ถอดใจจากเพื่อนรักของตน
“ไม่ได้นะเว่ย!! บ๊วยมันรักเก็กมานานแล้วนะ... อย่าถอดใจง่าย ๆ ดิวะ!!”
แต่แทนที่จะควบคุมตัวเองให้กลับมาเป็นปกติได้...
ไอ้ลูกคนสุดท้องที่เกิดจะขาดความอบอุ่นขึ้นมากะทันหันก็ดันติดลมกับท่าทางเดือดร้อนของฌานจนเหลิงไปเสียนี่
“โธ่พี่ฌาน...
ผมมันก็คนธรรมดา ๆ เองนะครับ...
...หัวใจผมมันก็เจ็บ
ก็ทรมานเป็นเหมือนคนอื่นเขา...
.
...พี่ฌานคงไม่รู้หรอก
ตอนแรกที่ผมรู้ว่าบูบู้ไปขอให้เจ้าพ่อทำให้ผมกับเขาเป็นแค่คนแปลกหน้าของกันและกัน...
...ผมเสียใจจนพูดอะไรไม่ออก
ยืนเป็นเบื้อฟังพี่ฌาน ฟังหนูแนนคุยกับเจ้าพ่ออยู่ตั้งนานสองนาน...
...แล้วทำไมทีนี้พี่ฌานไม่คิดบ้างล่ะครับว่าบูบู้ใจดำกับผมเกินไป?...
...คิดดู บูบู้ยังไม่ทันได้ถาม ยังไม่ทันได้ให้ผมอธิบายดี
ๆ เขาก็ด่วนตัดสินใจแทนผมไปแล้วเรียบร้อย...
...แล้วอย่างนี้เขาจะมีผมเอาไว้ทำอะไรวะครับ?”
เก็กโอดครวญอย่างหงุดหงิด...
กระนั้น... แทนที่การเปิดอกพรั่งพรูความรู้สึกที่อัดอั้นจวนระเบิดออกมาให้สมุนเลวที่เหลือได้รับฟังจะสร้างกระแสห่วงใย
กลายเป็นว่า ผู้สนับสนุนแผนการทั้งสามรายตรงหน้ากลับตั้งท่าพร้อมรบสยบความคิดด้านลบของว่าที่เขยกลุ่มทันที
“เฮ่อออ!
คุณธันวาครับ
คุณธันวาต้องไม่ลืมนะครับว่าเพื่อนผมกับคุณธันวาคือสิ่งมีชีวิตคนละไฟลัมกัน...
...คนเจิดจ้าอยู่บนจุดสูงสุดอย่างคุณธันวาไม่มีทางเข้าใจความรู้สึกไม่มั่นใจของคนข้างล่างที่จืดจางและกระจอกอย่าบอกใครอย่างพวกผมหรอก...
.
...แต่ในเมื่อคุณธันวาเลือกรักเพื่อนผม...
...ผมก็อยากจะขอให้คุณธันวาเห็นใจ
และเข้าใจเพื่อนผมด้วย...
.
.
...บ๊วยไม่เคยรักใคร
โตมาก็มีแต่ครอบครัว มีแต่ไร่...
...หน้าตาก็ไม่ได้ดีเด่อะไร
ออกจะเป็นแกะดำในบ้านจนโดนใครต่อใครล้ออยู่ตลอด...
...แถมการที่บ๊วยยอมโง่ทนคบเพื่อนกาก
ๆ อย่างผมมาตั้งหลายปี ก็ยิ่งทำให้คนอื่นมองข้ามเราสองคนมากขึ้นเรื่อย ๆ ...
...แล้วไอ้คนที่ไม่มีอะไรให้อวดอย่างบ๊วย
จะเอาอะไรที่ไหนมาบอกให้ตัวเองเชื่อมั่นได้ว่าตัวเองควรคู่กับเดือนมหาลัยที่ใคร ๆ ใฝ่ฝันอยากได้เป็นแฟน?...
.
.
...คุณธันวาเข้าใจที่ผมพูดใช่ไหมครับ?”
สกลเบิกโรงด้วยใบหน้าจริงจังบวกกับน้ำเสียงเป็นการเป็นงานซึ่งผิดมาตรฐานการแสดงออกตามปกติไปลิบลับราวกับเป็นคนละคน
“...ก็...
อืม... เข้าใจ” ธันวารับคำด้วยน้ำเสียงสับสนกับมาดจริงจังของอีกฝ่าย
ทว่านั่นกลับเป็นแค่จุดเริ่มต้น...
เพราะการออกโรงปกป้องบุคคลอันเป็นที่รักซึ่งถูกพาดพิงโดยไม่มีโอกาสแก้ตัวของหนุ่มสถาปัตย์ทั้งสามที่แท้จริง
กำลังจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
ณ บัดนี้
“เก็ก...
พี่ฌานมีความลับจะบอก...
.
.
.
...เก็กรู้ไหม
ว่าเหตุผลจริง ๆ ที่ทำให้พี่ฌานเสนอให้เก็กกับบ๊วยแกล้งเป็นแฟนกันเพื่อล้างพรเจ้าพ่อไทรทองคืออะไร?”
แฝดพี่พินิจใบหน้าหล่อเหลาของคู่สนทนาอย่างตั้งอกตั้งใจ จนอีกฝ่ายอดประหม่ากับสายตาจับพิรุธของร่างทรงหนุ่มไม่ได้
“ไม่ใช่เพราะอยากให้เฮียเข้ามาก้าวก่ายยุ่มย่ามกับความรักของผมเพื่อล่อลวงพี่เต๋ออีกทอดหนึ่งหรอกเหรอครับ?”
ธันวาย้อนถามด้วยเหตุผลที่ตนจำได้ขึ้นใจ
“หึ หึ หึ นั่นเป็นเหตุผลที่พี่ฌานจงใจบอกให้เก็กรู้ต่างหาก”
แฝดพี่แย้มพราย...
แม้ฌานจะยังยิ้มและโอภาปราศรัยเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ
แต่เก็กกลับสัมผัสได้ถึงมวลอากาศหนักอึ้งที่รายล้อมอยู่โดยรอบ
ที่ทำเอาขนอ่อนบริเวณท้ายทอยเริ่มเซ็ทตัวตั้งฉากกับผิวหนังเป็นระยะ
ๆ ...
นี่เองสินะ ที่ทำให้ใครต่อใครต่างลอบบูชากราบไหว้ชายหนุ่มผู้นี้ลับหลังอยู่เป็นประจำ
“ลองคิดตามพี่ฌานนะเก็ก...
...ถ้าหากเรื่องทั้งหมดมันไม่ได้เป็นแบบนี้...
ถ้าสมมติว่าไม่มีเจ้าพ่อ ไม่มีพรของเฮียฟู...
...แล้วอยู่มาวันหนึ่ง
บ๊วยรวบรวมความกล้าที่มีอยู่น้อยนิดเพื่อเดินเข้าไปสารภาพรักกับเก็กที่ยังไม่คบใคร...
...เก็กว่า
เก็กจะสนใจคำร้องขอของผู้ชายหน้าตาไม่น่าจดจำ... ผู้ชายที่ถ้าเดินควงด้วยคงยิ่งทำให้ภาพพจน์อดีตเดือนมหาลัยดูตกต่ำลงไหมล่ะ?”
ประเด็นที่แฝดพี่ยกขึ้นมาเป็นเหมือนน้ำเย็นที่สาดเข้าใบหน้าของอริยะตรัยผู้น้องเข้าอย่างจัง
จนเขาจำต้องพยักหน้ารับแทนการตอบกลับด้วยยังไม่อาจสังเคราะห์เหตุผลใด
ๆ มาโต้แย้งได้
ซึ่งพอเห็นว่าอดีตเดือนมหาลัยกำลังจมอยู่ในห้วงความคิด
หัวกะทิของกลุ่มก็กระทุ้งต่อโดยไม่รอฤกษ์
“พี่ฌานเดาว่า
หากไม่ใช่เพราะพรหมลิขิตหรือเทวดาเล่นตลก...
.
...คนระดับเก็กคงไม่ชายตาแลเพื่อนพี่ฌานหรอก...
จริงไหม?”
และก็เป็นอีกครั้งที่เก็กทำได้เพียงแค่กดคางลงชิดอกซ้ำไปซ้ำมาเพื่อสื่อว่าตนเองยอมรับด้วยความเข้าอกเข้าใจ
เพราะเขาก็ปฏิเสธไม่ได้จริง
ๆ นั่นแหละว่า ครั้งแรกที่ได้เสวนากับชายกลางอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ตัวเขาเคยปฏิเสธความรู้สึกของบ๊วยโดยไม่ยั้งคิดถึงใจอีกฝ่ายมาแล้ว
“ถ้าเป็นแบบนั้น...
เก็กคิดว่า หลังจากโดนคนที่ตัวเองแอบรักมาหลายปีปฏิเสธโดยไร้เยื่อใย คนหน้าตาบ้าน
ๆ คนนั้น จะต้องใช้เวลาอีกนานสักแค่ไหนเพื่อสะสมความมั่นใจในตัวเองให้กลับคืนมาได้อีกครั้ง?” ร่างทรงหนุ่มซักเด็กต่างคณะต่อโดยไม่ปล่อยให้ขาดช่วง
“ก็น่าจะนานอยู่แหละครับ
/ หรืออาจไม่มีวันนั้นอีกเลยก็ได้
ใครจะไปรู้... ใช่ไหมล่ะ?” ฌานสวนอย่างไม่ลังเล ก่อนจะผูกขาดบทสนทนาหลังจากนั้นทันทีโดยอาศัยแค่หลักเหตุผลดังกล่าวมาโต้กลับจนอีกฝ่ายยิ่งอับจนคำพูดไปกันใหญ่
“นั่นแหละคือคำอธิบายว่าทำไมพี่ฌานจึงตัดสินใจผูกเก็กกับบ๊วยเอาไว้ด้วยกันตลอดเวลาที่พวกเราช่วยกันล้างพร...
.
.
...เพราะพี่ฌานแน่ใจว่า
ถ้าเก็กได้เปิดใจมองเนื้อแท้ของบ๊วยโดยไม่มีอคติ และไม่คาดหวัง...
...ความดีที่มีค่าเหนือรูปสมบัติของเพื่อนพี่ฌานคนนี้
จะทำให้ตัวมันก้าวเข้าไปยืนอยู่ในหัวใจของเก็กได้โดยที่ไม่ต้องอาศัยความเชื่อมั่นใด
ๆ ... พี่ฌานพูดถูกใช่ไหมเก็ก?” แฝดพี่เลิกคิ้วพลางส่งยิ้มมุมปากให้เด็กหนุ่มต่างคณะที่ดูเหมือนจะเข้าใจอะไรต่อมิอะไรได้มากขึ้น
“ครับ... ถูกทุกข้อเลยครับพี่ฌาน”
เก็กยอมจำนนกับทุกถ้อยคำของฌาน...
เพราะหากไม่ได้ความหลักแหลมของอีกฝ่ายช่วยเอาไว้
เขาคงแค่ตั้งใจจะล้างพรให้มันเสร็จ
ๆ ไป โดยไม่มีโอกาสได้รู้จักกับคนรัก
และความรักที่เขาเฝ้าตามหามาโดยตลอดเสียที
“เพราะฉะนั้น...
ถ้าแค่อยากบ่นเพื่อให้คนสนใจ...
...ก็ขอให้ใช้โอกาสนี้
เวลานี้บ่นกับพวกพี่ฌานให้หนำใจเป็นครั้งสุดท้ายก็แล้วกันนะ...
.
.
...เพราะถ้าหลังจากนี้
พี่ฌานได้ยินว่าเก็กจะปล่อยมือจากเพื่อนพี่ฌานอีกทีเมื่อไร...
...ต่อให้เก็กมาร้องไห้อ้อนวอน
หรือขอพรเจ้าพ่อองค์ไหนในโลกก็ตาม
พี่ฌานก็จะทำทุกอย่างเพื่อขัดขวางไม่ให้เก็กได้ทำร้ายหัวใจเพื่อนพี่ฌานอีกแน่ ๆ ” ถึงร่างทรงหนุ่มจะใช้รอยยิ้มที่ดูเป็นมิตรปิดท้ายคำขมขู่ให้ดูซอฟท์แล้วก็ตาม
แต่ระดับความคุกคามและเย็นยะเยือกของห้วงเวลาเมื่อสักครู่ กลับฝังอยู่ในใจของหนุ่มหล่อดีกรีเดือนมหาลัยไม่รู้ลืม
“ผมสัญญา...
ผมจะไม่บ่นพร่ำเพรื่ออีกแล้วครับพี่ฌาน” เก็กรับปากเป็นมั่นเหมาะด้วยความยินยอมพร้อมใจ...
และความหวาดกลัวว่าจะโดนทำของใส่อีกนิดหนึ่ง
“หึ! ที่มึงเป็นอยู่น่ะมันคืออาการน้อยใจและผิดหวังกับการตัดสินใจของน้องบ๊วย
ไม่ใช่มึงท้อจนจะหยุดรักเพื่อนกูหรอก...
...มึงอย่าให้ความรู้สึกพวกนั้นมันมาบ่อนทำลายความรู้สึกดี
ๆ ที่พวกมึงสองคนมีให้กันดิวะ...
.
...หนักแน่นหน่อยหล่อ
จะได้สมกับหน้าที่พ่อ หน้าที่สามี” ฌอนที่นั่งนิ่งอยู่ข้าง ๆ ธันวามาตั้งแต่แรกตบบ่าเพื่อนรักหนัก
ๆ หลังเอ่ยวาจาให้กำลังใจอีกฝ่ายพอเป็นพิธี
“พวกพี่ฌานอาจจะฝากความหวังเอาไว้กับเก็กมากไปหน่อยนะ...
...แต่ตั้งแต่รู้จักกันมา...
พวกพี่ฌานรักและดูแลบ๊วยเหมือนเป็นน้องแท้ ๆ ของตัวเอง...
...ยิ่งบ๊วยดีเท่าไร
พวกพี่ฌานก็ยิ่งอยากให้บ๊วยมีความสุขที่สุด...
...และก็ไม่อยากให้เพื่อนคนนี้ต้องเจอกับเรื่องเจ็บปวดหัวใจจากคนที่มันรักมากขึ้นเท่านั้น...
.
.
...อาจจะฟังแล้วรู้สึกว่าพวกพี่ฌานลำเอียง
ฝากภาระไว้บนบ่าเก็กมากกว่าเพื่อนตัวเอง...
...แต่ทำไงได้
ก็นี่มันหน้าที่สามีอย่างที่น้องชายว่ามานั่นแหละ... เข้าใจพี่ฌานนะ” แฝดพี่สำทับอีกครั้งพลางเดินเข้ามาตบบ่าเข้าให้อีกคน
“ครับ
เข้าใจครับ”
“ไม่ต้องห่วงไปหรอก
ความทรมานจนแทบจะตรอมใจตลอดสองวันกว่า ๆ ที่ผ่านมาน่าจะทำให้เพื่อนพี่ฌานคิดได้...
.
...อีกอย่าง...
บ๊วยมันไม่ได้เป็นคนขี้ดื้อหรือมีทิฐิอะไรมากมาย...
...เรื่องไหนที่มันรู้ตัวว่าแย่
มันก็พร้อมจะแก้ไขให้ดีขึ้นอยู่แล้วล่ะ”
“ขอบคุณครับพี่ฌาน”
คำรับรองของฌานทำให้เก็กสบายใจขึ้นมากพอตัว
“จริง ๆ ปัญหานี้แก้ง่ายมากเลยนะ”
แฝดน้องเสริมนิ่ม ๆ “คนไม่มั่นใจน่ะต้องใช้คำพูดและความสม่ำเสมอเข้าช่วยมากกว่าคนอื่นนิดหน่อย
เพราะฉะนั้น มึงก็แค่ต้องบอกรักและแสดงออกว่ารักน้องบ๊วยของพวกกูบ่อย ๆ ...
.
.
...ว่าไงหล่อ แค่นี้...มึงทำให้น้องบ๊วยของพวกกูได้หรือเปล่า?”
“ได้ดิวะ ไม่งั้นกูจะยอมมานั่งรอบูบู้อย่างไม่มีความหวังอยู่อย่างนี้เหรอ?!!” คำถามทำนองกระเซ้าเย้าแหย่ของฌอนได้รับการตอบสนองเป็นอย่างดีจากอดีตเดือนมหาลัยผู้ตกเป็นจำเลยหนึ่งเดียวในศาลของเหล่าสามทหารเสือแห่งชายกลางผู้เป็นที่รักยิ่งของทุกคน
แม้จะดูคล้ายกับการตบหัวหมู่แล้วลูบหลังเดือนดังต่างคณะไปสักหน่อย
แต่ฌานก็ยอมบอกใบ้เวลาที่การรอคอยของอีกฝ่ายจะสิ้นสุดลงเพื่อสร้างกำลังใจให้แก่คนนั่งรอเพิ่มขึ้นอีกนิด
“หึ หึ หึ... เอาน่า
นั่งเล่นรออีกสักชั่วโมงจะเป็นไร...
.
...ขี้คร้านอีกหน่อยพอได้คบกับเพื่อนพี่ฌานแล้วเก็กอาจจะมาบ่นกับพี่ฌานว่าอยากหาเวลาอยู่คนเดียวดูบ้างก็ได้นะ”
แฝดพี่เลิกคิ้วพลางส่งยิ้มมุมปากคล้ายจะล้อเลียนคนฟัง ฝ่ายธันวาที่เลิกดราม่าแล้วกลับสู่โหมดคลั่งรักแบบเต็มตัวจึงเถียงกลับอย่างหน้ามืดตามัวไม่มีใครเกิน
“ไม่มีทางหรอกครับพี่ฌาน!!... ผมน่ะติดบูบู้จะตาย แค่ไม่ได้เจอ ไม่ได้กอดสองสามวันนี่ก็แย่เต็มทนแล้วครับ”
“ได้ยินแบบนี้แล้วพี่ฌานก็ค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย...
ยังไงก็ฝากบ๊วยด้วยนะ” จากเมื่อกี๊ที่แค่ตบบ่าให้กำลังใจ คราวนี้ฌานกลับเอื้อมมือไปบีบไหล่คนฟังเบา
ๆ ราวกับพ่อที่พร้อมจะยกลูกสาวให้กับชายหนุ่มอย่างไรอย่างนั้น เก็กจึงให้คำมั่นกับเสาหลักของเหล่าสมุนเลวทั้งห้าอย่างหนักแน่นพอกัน
“ครับ
ขอบคุณครับพี่ฌานที่ไว้ใจให้ผมดูแลบูบู้”
“คุณธันวาได้เพื่อนผมแล้วก็อย่าทิ้งขว้างบ๊วยนะครับ
ไม่งั้นผมจะบอกให้พี่เสมาไปเห่บทสักวากล่อมก่อนนอนสักครึ่งปีดีไหมครับ?” โชคดีที่ธันวาสบสายตากับเจ้าของประโยคสี่ตาพอดิบพอดี
เก็กจึงรู้ได้ในทันทีว่า... สิ่งที่สกลเพิ่งเอ่ยออกมานั้นหาใช่การล้อกันเล่นขำ ๆ อย่างที่เจ้าตัวชอบทำไม่...
หากจะให้อริยะตรัยผู้น้องเปรียบเทียบสไตล์ของเหล่าผู้พิทักษ์ชายกลางแต่ละคน
ฌานคงหนีไม่พ้นสายโหดที่เล่นเขาจนขวัญเสีย
ส่วนฌอนก็เหมาะกับการเป็นสายสนับสนุนกึ่งซ้ำเติมอย่างทีเล่นทีจริง
แต่ต้องไม่ลืมสายพึ่งพิงผีสางนางไม้อีกหนึ่งหน่อ
ซึ่งพอทั้งหมดมารวมตัวกัน... ก็ช่วยผลักดันให้องครักษ์กลุ่มนี้ยิ่งขลังระเบิดระเบ้อไปกันใหญ่
“โอ้! ไม่ต้องลำบากพี่เสมาหรอกสกล ยังไงพี่หมีก็ไม่มีวันทิ้งบูบู้แน่
ๆ ” เก็กบอกปัดอย่างเกรงอกเกรงใจ
และแล้ว
อดีตเดือนมหาลัยก็ได้ข้อสรุปว่า...
ถ้าอยากจะใช้ชีวิตที่เหลืออย่างมีความสุขโดยปราศจากการรังควาญของภูติผีปีศาจและสิ่งที่จับต้องไม่ได้ทั้งหลายแล้วล่ะก็
หลังจากคืนดีกับบ๊วยเป็นที่เรียบร้อย...
เขาจะต้องคอยพะเน้าพะนอเอาใจว่าที่เมียรักให้จงหนัก
“หึ! แย่หน่อยนะหล่อ... ถึงน้องบ๊วยจะมีเพื่อนน้อย แต่พอดีทุกคนไม่ธรรมดาเหมือนหน้าตาหรอกนะ”
ฌอนเย้าเพื่อกระชากอารมณ์หม่น ๆ ระคนหวาดหวั่นของธันวาให้กลับมาร่าเริงอีกครั้ง คนฟังจึงได้ที... เอาคืนเพื่อนรักด้วยการชกใต้เข็มขัดผ่านคำพูดอ้างอิงถึงหัวข้ออ่อนไหวของอีกฝ่ายอย่างจะแจ้ง
“หึ หึ หึ! ถล่มตัวไปหรือเปล่าครับคุณ?...
.
...ถ้าหน้าตาคุณธรรมดา...
ผมว่าฮอบบิทไม่มีทางหลงมาติดบ่วงของคุณหรอกนะครับ” เก็กจงใจย้ำสรรพนามที่ใช้เรียกแทนอดีตเดือนบริหารที่ยังงอนฌอนไม่หาย
ซึ่งนั่นทำเอาแฝดน้องแยกเขี้ยวใส่เพื่อนต่างคณะด้วยความไม่พอใจทันที กระนั้น...
กลับมือบุคคลที่สามผู้ที่ดีแต่โลกสวยไปวัน ๆ เข้ามาแจมในบทสนทนาของสองหนุ่มโดยไม่มีใครเชื้อเชิญ
“คุณธันวาพูดถูกครับ...
นอกจากบ๊วยแล้ว เพื่อนผู้วิเศษทั้งสามที่เหลือนี่หล่อดีกรีหนุ่มคลีโอกันทุกคนเลยนะครับ”
พูดจบ สกลก็โพสท่าประหนึ่งกำลังอยู่หน้ากล้องขณะโดนพี่ลูกเกดสั่งให้ทำตัวสตรองซ้ำ
ๆ ก็ไม่ปาน แต่บรรยากาศถ่ายแบบในมโนสำนึกของหนุ่มหน้าแว่นกลับต้องหยุดกึ้กลงทันทีที่แฝดน้องออกความเห็นจากสิ่งที่เห็นตามจริง
“หนุ่มคลีโอน่ะแค่ฌอนกับพี่ชาย
ส่วนแนนซี่นี่แอบเป็นคลีโอพัตราอยู่คนเดียวหรือเปล่า?”
“ฌอนศรี... พูดเล่นแบบนี้ผมเสียหายนะครับ!!!”
เหล่าสมุนเลวทั้งสามต่างหัวเราะกันอย่างอร่อยเอร็ดกับสีหน้าเหมือนอมบอระเพ็ดของหนุ่มหน้าแว่นหัวไข่...
และนั่นก็ช่วยทำให้ช่วงเวลารอคอยคนรักของธันวา
ไม่เหว่ว้าเหงาหงอยจนเกินไปนัก
Ħ------------------------------------ TBC ------------------------------------Ħ
No comments:
Post a Comment