Monday, October 19, 2015

Ħ บน บาน ศาล รัก Ħ The 32nd Blessing || 19.10.2015



ตอนนี้ก็ยังจะเป็นเนื้อหาที่เน้นหนักเกี่ยวกับกังฟูอยู่อีกตอนนะคะ
หากใครคิดถึงเจ้าพ่อ และเหล่าสมุนเลว กับสองหมี...
อดใจรอตอนหน้านะคะ พวกเขาจะกลับมาแล้วค่ะ
เตือนก่อนว่าตอนนี้ยาวมาก... อยากจะหั่นเป็นสองตอน แต่ใจไม่กล้าพอ
ตัดใจลงมันทีเดียวนี่แหละค่ะ... ทนอ่านกันหน่อยนะคะ (เค้าขอโทษ!!!)

รักคนอ่านทุกท่านมากๆค่ะ




Ħ------------------------------------------------------------------------------------Ħ




The 32nd Blessing        
ความพยายามอยู่ที่ไหน... ความพยายามก็ยังจะอยู่ที่เดิมอย่างนั้นแหละ



[8A]


“เฮียฟูครับ... เฮียฟูดื่มโกโก้ร้อนหน่อยนะครับ” บ๊วยว่าพลางยื่นถ้วยเครื่องดื่มหอมละมุนส่งให้รุ่นพี่ร่างเล็กพร้อมรอยยิ้ม

คืนนี้กังฟูย้ายมานั่งคิดเรื่อยเปื่อยตรงระเบียงหน้าห้องที่ร้างเงาผู้คนแทนที่จะยืนดูดาวอยู่หลังห้องเฉกเช่นวันเมื่อวาน  
การถ่ายโอนภาชนะจากมือสู่อีกมือทำให้หนุ่มสถาปัตย์กล้าพอจะขออนุญาตจับจองพื้นที่ข้างๆกรกฏ


“ขอผมนั่งด้วยคนได้ไหมครับ?”

“...” คนฟังปรายตาเหลือบมองที่ว่างตำแหน่งซึ่งถูกอีกฝ่ายหมายตาแล้วผงกหัวน้อยๆให้โดยไม่เอ่ยคำ กลายเป็นร่างสูงสมส่วนซึ่งเพิ่งเดินพ้นประตูห้องออกมาสมทบกัยสองหนุ่มเสียอีกที่ตีความบรรยากาศสงบสุขริมระเบียงผิดพลาดไปเสียฉิบ

“อ้าวบูบู้! ยืนทำอะไรอยู่ครับ? ทำไมไม่นั่งล่ะ? เฮียไล่เหรอ?...
.
...โอ๋ๆ มามะ เดี๋ยวเค้ากอดปลอบนะ ไม่ร้องนะครับ” คำพูดคำจาของอดีตเดือนมหาลัยทำให้คนเป็นพี่ค้อนขวับ  แต่แทนที่จะรู้สำนึก...หนุ่มรูปงามกลับอ้าวงแขนพุ่งเข้าหาร่างผอมที่ยืนทำหน้าไม่ถูกด้วยความกระดี๊กระด๊าร่าเริงถึงขีดสุด จนบ๊วยต้องรีบแก้ต่างให้ผู้เสียหายอย่างกังฟูแทบไม่ทัน  

“พี่หมีครับ เฮียฟูยังไม่ได้ว่าอะไรเค้าเลยครับ”

“ไม่เป็นไร...ถึงเฮียจะไม่ว่า แค่เค้าก็ยังจะกอดบูบู้อยู่ดีนั่นแหละ” พูดจบ เก็กก็คว้าหมับเข้าที่เอวบางที่คล้ายจะหักได้ของหนุ่มร่างแกร็น แล้วก้มหน้าฟัดซอกคอแฟนตัวน้อยให้พอหายอยาก...

จริงอยู่ แม้ช่วงนี้ร่างกายของธันวาจะไม่แสดงอาการผิดปกติหลังจากถึงเนื้อถึงตัวบ๊วยแล้วก็เถอะ
กระนั้น... หนุ่มวิศวะกลับหาโอกาสดีๆในการนัวเนียกับอีกฝ่ายให้เสร็จสมอารมณ์หมายจนร่างกายสูญเสียของเหลวได้สักที  

หรือจะเป็นไปได้ว่า นอกจากสังขารจะไม่อำนวยจนออกอาการผิดปกติน่าอับอายต่างๆแล้ว...
พรของเจ้าพ่อยังใจป้ำเหมารวมเหตุการณ์ขัดจังหวะทั้งหลายแถมเอาไว้เป็นออฟชันเสริมในแพ็คเกจ รักใครไม่ได้ ให้เสร็จสรรพกันหนอ?! ถ้าอย่างนั้น... พวกเขาก็ยิ่งต้องรีบล้างพรของเจ้าพ่อไทรทองให้ได้โดยเร็วเสียแล้วสิ!!


“พี่หมี!” ฝ่ามือเล็กฟาดเบาๆลงบนต้นแขนของแฟนหนุ่มค่าที่รุ่มร่ามไม่เข้าท่า  ทว่าอีกฝ่ายกลับทำหน้าทะเล้นใส่อย่างไม่ยี่หระ ก่อนจะจูงมือบ๊วยให้ลดตัวลงนั่งเกยไหล่ตน แล้งจึงโอบเอวบางเอาไว้หลวมๆสลับกับลูบไล้ไปมาเป็นระยะๆ

“อะแฮ่ม! คืองี้เฮีย... เก็กมีเรื่องอยากจะถามเฮียหน่อยว่ะ” อดีตเดือนมหาลัยเปิดฉากเกริ่นหลังจากกระเซ้าพี่ชายจนอีกฝ่ายหน้าหงิกได้ที่

“...” คนฟังจิกตามองพลางถอนหายใจหนักๆโดยยังไม่ยอมเปิดปากเจรจา... 

ธันวาไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับอาการวางเฉยของกรกฏมากนัก
เนื่องจากทุกครั้งที่พี่ชายมีเรื่องไม่สบายใจ กังฟูมักจะใช้เวลาอยู่กับตัวเองเป็นหลักจนกว่าจะตกผลึกทางความคิด...
ซึ่งอดีตเดือนมหาลัยหมายมั่นปั้นมือว่า บทสนทนาต่อไปนี้ จะช่วยเร่งให้กังฟูตาสว่างในชั่วข้ามคืน


“เอางี้... เฮียไม่ต้องตอบเก็กก็ได้ แค่ฟังเก็กให้จบได้ไหมเฮีย?”

“...” กรกฏปรายตามองหน้าน้องชายระหว่างจรดริมฝีปากลงบนปากแก้ว แล้วจึงเริ่มเป่าโกโก้ร้อนเบาๆเป็นจังหวะสม่ำเสมอ

“ที่เฮียฟิวส์ขาดเมื่อกลางวันเพราะเฮียเห็นพี่ด้วงกับพี่เต๋อทำท่าสนิทสนมกับคนอื่นใช่ป่ะ?”

!!!!!!” จากที่กำลังจะจิบเครื่องดื่มร้อนในแก้ว ร่างเล็กกลับชะงักงันทันทีที่ได้ยินคำถามเมื่อครู่ของผู้มีศักดิ์เป็นน้อง สัญชาตญาณสั่งให้กังฟูเสหลบสายตาสองคู่ที่จับจ้องใบหน้าเขาไม่วางไปมองทางอื่นเพื่อป้องกันไม่ให้หนุ่มรุ่นน้องสังเกตเห็นความตระหนกที่เด่นชัดในดวงเนตรตน

“แล้วที่เฮียกลับมานั่งจับเจ่าเป็นหมากระเป๋าเมายาสลบอยู่นี่  ก็เพราะเฮียรู้ว่ามีคนมาตามจีบพวกๆพี่สองคนนั่นใช่ไหม?”

“...” ประโยคคำถามของธันวาดึงเอาเศษเสี้ยวความทรงจำซึ่งไม่น่าอภิรมย์ให้ย้อนกลับมาฉายวนอยู่ในหัวของกรกฏได้อย่างง่ายดาย...

ยิ่งเมื่อคิดถึงสีหน้าเบิกบานเป็นหมาไล่งับจานร่อนของไอ้สองตัวนั่นขึ้นมาทีไร กรกฏก็อดหงุดหงิดจนจิตตกไม่ได้ทุกที...
แต่ที่เลวร้ายยิ่งไปกว่านั้น  คือ ไอ้แฝดแคระหน้าเหมือนตุ๊กตายางแป๊ะหัวแดงหัวทองสองตัวที่บังอาจมาหมายตาคนของเขานั่นอย่างไรล่ะ


“เฮียฟังเก็กให้ดีๆนะ” ธันวาถือโอกาสเว้นวรรคเพื่อสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด พร้อมๆกับตรึงความสนใจของคนฟังให้จดจ่อกับเนื้อหาสำคัญที่ตนกำลังจะสื่อสาร
.
.
.
.
.
“ที่ผ่านมา เวลาเก็กตัดสินใจคบหากับใครสักคน  มันก็มีบ้างเหมือนกันแหละที่พวกเพื่อนสนิทเก็กจะออกอาการต่อต้าน...
...แต่อย่างมาก พวกมันก็แค่น้อยใจ ไม่ก็ออกอาการหวงบ้าง...
...แต่ไอ้ที่หวงนี่เพราะความเป็นห่วง หรือเพราะพวกมันกลัวว่าเก็กจะทิ้งพวกมันให้ต้องเหงาอยู่คนเดียวหรอกนะ ไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่น...เพราะสุดท้ายพวกมันแต่ละคนก็รับเก็กกับแฟนได้...
...ก็อาจจะมีด่าพ่อล่อแม่กันบ้างเวลาที่เก็กหายหน้าไปขลุกอยู่กับแฟนนานๆจนพวกมันไม่ค่อยได้เห็นหัวอ่ะนะ”

“...” ร่างเล็กยังจิบโกโก้นิ่งโดยไม่โต้ตอบ สายตาของกังฟูเหม่อลอยคล้ายกำลังตกอยู่ในภวังค์... 

เมื่อเห็นดังนั้น อดีตเดือนมหาลัยจึงหันไปสบตากับร่างผอมในวงแขน
หนุ่มสถาปัตย์ส่งยิ้มรับสายตาอบอุ่นของคนรักเพื่อส่งกำลังใจหนุนให้ธันวาช่วยกรกฏได้สำเร็จ... เห็นดังนั้น อริยะตรัยคนน้องจึงพูดต่อโดยเร็ว


“แต่ไอ้อาการโกรธจนหน้ามืดที่เฮียเป็นตอนเห็นพี่ด้วงกับพี่เต๋ออยู่กับเด็กแฝดนั่น มันเหมือนอะไรรู้ป่ะ?”

“...” ริมฝีปากบางที่ผละจากปากแก้วกะทันหันแล้วถูกขบเม้มจนกลายเป็นเส้นตรงโดยพลัน...  

สัญญาณดังกล่าวบอกให้เก็กรู้ว่า...
อีกฝ่ายน่าจะกำลังกลั้นหายใจเพราะลุ้นผลของอะไรบางอย่าง ไม่ก็กำลังตั้งใจเงี่ยหูฟังอย่างเต็มที่  
อดีตเดือนมหาลัยเลยเผลอยกยิ้มน้อยๆก่อนจะโปรยคำอธิบายเพิ่มเติมทีละนิด... ละนิด


“ที่เฮียโกรธเมื่อกลางวันเหมือนตอนเก็กเห็นบูบู้ยิ้มหวานให้คนอื่น... หรือต้องทนเห็นบูบู้ให้ความสำคัญกับคนอื่นมากกว่าเก็กเป๊ะๆเลยแหละ”

“...”

“คือ มันเหมือนจนเก็กอดคิดไม่ได้ว่า...หรือที่แท้อาการแบบนี้มันถ่ายทอดถึงกันผ่านทางพันธุกรรมกันแน่

“...”

“เฮียอยากรู้ไหมล่ะว่าอาการแบบนั้นน่ะ มันเรียกว่าอะไร?”

“...”

“มันเรียกว่า หึงหวง ยังไงล่ะเฮีย” หนุ่มวิศวะคนน้องตอกย้ำข้อความที่อีกฝ่ายควรรับทราบด้วยน้ำเสียงเริงรื่น  รอยยิ้มกว้างคลี่กินพื้นที่กว่าครึ่งของใบหน้าหล่อเหลาเมื่อปฏิกิริยาของพี่ชายไม่ผิดไปจากที่คาดไว้

!!!!!!!!” หนุ่มร่างเล็กนั่งเกร็งพลางถลึงตาอ้าปากหวอราวรูปปั้น...

จุดๆนี้... ลำพังความพยายามหักห้ามใจอย่างใหญ่หลวงที่เพียรทำมาตลอดก็ไม่อาจช่วยให้สงวนท่าทีได้อีกต่อไป... 
คำพูดของอดีตเดือนมหาลัยขุดบางสิ่งที่กรกฏพยายามซุกซ่อนลึกเอาไว้ข้างในให้โผล่ออกมาจนเป็นที่ประจักษ์โดยทั่วกัน...


...ใช่แล้วล่ะ!...

เขาหึงไอ้หมีควาย กับเพื่อนสนิทตัวเอง...
หึงพวกมันสองคนทั้งที่ไม่ควร... โดยเฉพาะกับด้วง
ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่อยากจะยอมรับกับใครทั้งสิ้น... กระทั่งกับตัวเองก็เถอะ  


“แล้วตอนเย็นที่เฮียหนีกลับมาที่ห้องก่อนทั้งที่ยังกินข้าวไม่เสร็จก็เพราะเฮียรับไม่ได้ที่รู้ว่าตัวเองมีคู่แข่ง” อริยะตรัยผู้น้องยังครองบทสนทนาต่อไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่น  สายตาธันวาวาววับราวกับสิ่งที่ตนกำลังเปรยถึงนั้นช่างสนุกสนานและน่าขบขันเสียเต็มประดา... ทว่ากับผู้ฟังแล้ว ความรู้สึกที่รออยู่ตรงปลายทางหาได้ใกล้เคียงไม่  

“เฮียกำลังกลัวว่า พี่ด้วงกับพี่เต๋ออาจจะสนใจคนใหม่มามากกว่าคนเก่าเจ้าอารมณ์ไม่มีใครเกินอย่างเฮียใช่หรือเปล่า?”

“...” เป็นครั้งแรกที่กังฟูเรียนรู้ว่า ริมฝีปากของตัวเองยืดหยุ่นและฉีกกว้างได้อย่างน่าอัศจรรย์... เอาเป็นว่า อ้ากว้างกว่าเมื่อกี๊ไปอีกนิ้วกว่าๆ สีหน้าตกอกตกใจของพี่ชายทำให้หนุ่มรูปงามยิ่งเร่งเติมเชื้อไฟริษยาและเป่าหูอีกฝ่ายอย่างไม่หยุดยั้ง  

“ถ้าเก็กเป็นเฮีย เก็กก็กลัวว่ะ...
.
...เพราะขนาดเก็กเป็นน้องแท้ๆคลานตามเฮียออกมา...
...เก็กยังอดคิดไม่ได้เลยว่า  โคตรของโคตรคนนิสัยเสียอย่างเฮียจะมีใครหลวมตัวมาหลงรักแน่ๆเหรอวะ?...
...ก็ใครมันจะทนมือทนไม้ แถมยังยอมให้เฮียโขกสับ ยอมให้เฮียพูดจาร้ายกาจใส่ได้ทุกวี่ทุกวันกันล่ะเนอะ”

“...” กรกฏที่สามารถดักจับคำด่าได้เป็นเลิศถึงกับงับปากสนิท แล้วจึงปรับสีหน้าจากตื่นตกใจเป็นกินเลือดกินเนื้อพร้อมลากสายตาจิกน้องชายด้วยหวังให้อีกฝ่ายถูกรังสีทำลายล้างบีมใส่จนกลายเป็นจุณไปเสียเดี๋ยวนั้น  ทว่าน้องชายผู้ผิวหน้าหนายิ่งกว่าผนังคอนกรีตกลับไม่สะท้าน

“แต่เฮียรู้ไหม...ว่าอะไรที่น่าเศร้ายิ่งไปกว่านั้น?...
...มันคือการที่เฮียเจอว่าที่แฟนตั้งสองคนแล้วแท้ๆ แต่เฮียก็เสือกไล่ทั้งคู่ไปให้คนอื่นเสียอย่างนั้น...
.
.
...แหม่ คิดแล้วมันน่าเสียดายแทนจริงๆเลยเนอะ!” น้ำเสียงวิพากษ์วิจารณ์กึ่งรำพึงกึ่งเสียดายประหนึ่งมีส่วนได้ส่วนเสียของเก็กทำเอากังฟูปรี๊ดแตก ร่างเล็กกระแทกแก้วโกโก้เปล่าลงข้างตัวอย่างไม่ปรานีปราศรัย ก่อนจะระเบิดเสียงใส่หน้าน้องชายเสียเต็มรัก

บิวท์พอแล้วไอ้สัด! แค่นี้กูก็ทรมานจะแย่อยู่แล้วเนี่ย!

สงสัยคงต้องให้กรกฏกระหน่ำรัวกำปั้นลงยอดอกตัวเองรัวๆ
แล้วปีนเอ็มไพร์สเตทโดยหนีบบ๊วยติดง่ามนิ้วขึ้นไปห้อยโหนโจนทะยานอยู่บนยอดตึกก่อนเสียล่ะมั้ง  
ธันวาจึงจะเริ่มระวังกับระดับความวิกฤตทางอารมณ์ของกังฟูได้อย่างเหมาะสมสักที 
เพราะจวบจนตอนนี้... แม้พี่ชายจะจับจ้องตนจนตาเขียวปั้ด หนุ่มหล่อดีกรีเดือนมหาลัยกลับหาได้เกรงขามไม่


“ก่อนเฮียจะทุรนทุรายเพราะพิษรักแรงหึงจนถึงแก่ความตาย... เฮียช่วยตอบคำถามของเก็กก่อนได้ไหม” อริยะตรัยผู้น้องเอ่ยชิลๆพลางพิจารณาสารประกอบของขี้หูที่เพิ่งกู้ได้เมื่ออึดใจก่อน โดยไม่สังวรกับแววตากระหายเลือดของกรกฏแต่อย่างใด “เก็กอยากรู้ว่า ที่เก็กอุตส่าห์พล่ามน้ำไหลไฟดับมาตั้งนานสองนานจนปากยานไปถึงเข่าเนี่ย ตรงกับความรู้สึกของเฮียจริงๆใช่ไหม?”

โอ๊ย! ไม่รู้โว้ย!” กังฟูหวังใช้น้ำเสียงติดรำคาญชักจูงให้น้องชายยอมล่าถอย... แต่ยิ่งห้าม ก็เหมือนยิ่งคอยยุ  ยิ่งปัดป้อง... อีกฝ่ายกลับจ้องขุดคุ้ยไม่มีที่สิ้นสุด

“อ้าว! เฮียจะไม่รู้ได้ไง? ตะกี๊เฮียเพิ่งบอกเองว่าทรมานจะแย่...
.
...อ่ะแน่ะ! อย่ามาแถเสียให้ยากเลยดีกว่าเฮีย!” อดีตเดือนมหาลัยหรี่ตาจับผิดทุกๆอิริยาบทของพี่ชายอย่างไม่คิดจะปล่อยให้คลาดสายตา

กูไม่รู้! กูแค่ไม่ชอบให้ไอ้ด้วงกับไอ้เต๋ออี๋อ๋อกับใคร! สงสารไอ้เด็กแฝดสองคนนั่น... กูกลัวพวกมันหมดอนาคต! รุ่นพี่ร่างเล็กโกหก... เรื่องอะไรที่กรกฏจะต้องยอมสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงต่อหน้าไอ้รุ่นน้องพวกนี้ด้วยล่ะ?! เกิดพวกมันเอาไปปูดให้คนอื่นฟัง เขาจะไม่พังกันพอดีเหรอ?!

“อ๋อออออออออ! อย่างนี้นี่เอง!” ธันวาแสร้งพยักหน้าหงึกๆ แล้วไหลตามน้ำด้วยอารมณ์สนุก...

รู้จักกันมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก ทำไมเขาจะแยกไม่ออกกันล่ะว่าเมื่อไรพี่ชายพูดจริง และเมื่อไรอีกฝ่ายพูดปด
ในเมื่อกังฟูยังไม่ซื่อสัตย์กับความต้องการของตัวเองอยู่แบบนี้  เห็นทีเขาคงจะลดการ์ดแล้วปล่อยพี่ชายให้สำเริงสำราญใจตามอัธยาศัยไม่ได้อีกต่อไป


“แต่ถึงจะสงสารคนอื่นยังไง พวกเราก็คงจะทำอะไรไม่ได้หรอกมั้งเฮีย...
.
.
...ก็ตอนนี้ทั้งเฮียทั้งเก็กไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับพี่ๆสองคนนั้นอีกแล้วนิ...
...เนอะเฮียเนอะ” อดีตเดือนมหาลัยเอ่ยปลงๆ

“...” คนฟังก้มหน้างุดเพื่อปกปิดสายตาสับสนให้พ้นจากการจับผิดของรุ่นน้องทั้งสอง ถึงอย่างนั้น... โสตประสาทกลับยังลอบฟังสรรพเสียงต่างๆอย่างตั้งใจและจดจ่อ...โดยเฉพาะคำพูดของคนเป็นน้อง

“เว้นเสียแต่ว่า... จะมีใครแอบไปขัดขวางไม่ให้เด็กแฝดนั่นเข้าใกล้พี่เต๋อกับพี่ด้วงได้...
.
...แค่นี้ก็น่าจะทำให้พี่ๆทั้งสองคนไม่คิดเรื่องจะมีคนใหม่ได้แน่ๆ เฮียก็คิดแบบนั้นใช่ป่ะ?”

อดีตเดือนมหาลัยอ่อยเหยื่อตัวสุดท้ายอย่างนุ่มนวล  ที่เหลือก็แค่อดทนรอเวลาให้ปลาฮุบเหยื่อเท่านั้น  
ซึ่งหากปลาตัวที่เขาหมายตาคือปลาที่มีศักดิ์เป็นถึงพี่ชายร่วมสายเลือดแล้วล่ะก็...  
พรุ่งนี้เขาคงเย่อเจ้าปลาน้อยขึ้นบกได้แน่ๆ...แย่หน่อยนะเฮีย ที่เฮียเป็นคนความอดทนต่ำ แถมยังเป่าหูง่ายอีกต่างหาก หึ หึ


กูไม่รู้! กูง่วง! กูจะเข้าไปนอนแล้ว! รุ่นพี่ร่างเล็กตัดบทแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยก่อนจะผุดลุกขึ้นแล้วก้าวฉับๆมุ่งหน้าตรงไปยังประตูห้องสามศูนย์สามโดยไม่สนใจใคร  แต่ก่อนที่กังฟูจะเดินลับเข้าห้อง เก็กก็ยิงคำถามสุดท้ายของค่ำคืนซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นก่อนหน้าเลยสักนิด

“เดี๋ยวเฮีย... นี่เฮียกำลังปวดท้องหรือเปล่า?”

“มึงจะถามทำไม? อยู่ๆก็มาถามว่ากูปวดท้องหรือเปล่าตอนกูจะนอนเนี่ยนะ?... มึงบ้าป่ะวะ?!

“อืม ไม่ปวดก็ไม่ปวด เห็นกินโกโก้ก่อนนอนเลยกลัวว่ากินผิดเวลาแล้วปวดท้องก็เลยลองถามดู แค่นั้นแหละเฮีย...ไม่มีอะไรหรอก” 

“มึงนี่นับวันยิ่งประสาทขึ้นเรื่อยๆนะไอ้สัด!” กังฟูเหวี่ยงสั้นๆแล้วจึงเดินลิ่วนำน้องเข้าห้องไป

“เฮ่ออออ! งั้นเราก็ไปนอนกันบ้างเถอะครับบูบู้... เค้าง่วงแล้วล่ะ” หนุ่มรูปงามแกล้งหาวเสียงดังระหว่างกอดคอแฟนตัวน้อยออกเดินตามหลังพี่ชายเข้าห้องไปติดๆ...

อีกครั้งแล้วสินะที่กังฟูไม่ทันได้เห็นใบหน้าของน้องชายที่เอาแต่ยักคิ้วหลิ่วตาทำหน้าสุขสมอารมณ์หมาย
นัยว่า...ความทุกข์ทรมานของคนเป็นพี่ คือความยินดีปรีดาขั้นสูงสุดของเขาก็ไม่ปาน


Ħ------------------------------------------------------------------------Ħ


[9A]


“คุณธันวาครับ... คุณกรกฏลากพวกผมมากินข้าวที่นี่เพื่อประโยชน์อันใดเหรอครับ?” สกลชิ่งถามอดีตเดือนมหาลัยที่เดินนำหน้าตนเข้าโรงอาหารใหญ่ที่สุดประจำมหาวิทยาลัยด้วยความสับสน

หนุ่มสถาปัตย์หน้าแว่นไม่เข้าใจจุดประสงค์ของการยกขบวนแห่แหนกันมาหาสารอาหารถมที่ว่างในท้องกันถึงที่นี่
ทั้งที่โดยปกติ... กังฟูมักจะพึ่งพาบริการของโรงอาหารใกล้หอเพราะสะดวกสบายและผู้คนพลุกพล่านน้อยกว่าหลายเท่า
และที่ยิ่งแปลกไปกันใหญ่ คือ การที่รุ่นพี่ร่างเล็กเป็นฝ่ายส่งข้อความทางไลน์มากำชับพวกเขาด้วยตัวเองตั้งแต่เมื่อเช้าตรู่


“ไม่รู้ว่ะ ผมก็โดนเฮียลากมาอีกทีเหมือนกัน” ธันวาเองก็ยังงงไม่หาย เพราะฝ่ายนั้นเอาแต่เร่งให้เขากับบ๊วยรีบแต่งตัวก่อนจะขับพาพวกเขามาเจอกับเหล่าสมุนเลวที่นี่โดยไม่ได้แย้มพรายอะไรให้รู้ล่วงหน้า

“พวกมึงเงียบๆกันหน่อยจะได้ไหมวะ?!” รุ่นพี่ซึ่งทำท่าลุกลี้ลุกลนเหมือนโดนตามทวงหนี้หันมาตวาดทั้งหมดโดยไม่ยอมละสายตาที่กำลังแสกนส่องทั่วทุกตารางนิ้วของโรงอาหารอย่างละเอียดถี่ถ้วน

“ก็แล้วเฮียกำลังจะทำอะไรล่ะ? พวกเก็กจะได้ทำตัวถูก”

“แนน... มึงบอกว่าไอ้เต๋อกับไอ้ด้วงมันชอบมากินข้าวเช้าที่โรงกลางใช่ไหมวะ?” ... คนเป็นพี่เบือนหน้าไปซักไซ้หนุ่มสถาปัตย์หน้าแว่นเพื่อเลี่ยงคำถาม ทำให้เก็กเริ่มขมวดคิ้วนิ่วหน้าด้วยความหงุดหงิดกับอาการยึกยักของพี่ชาย  

กระนั้น... ชื่อของรุ่นพี่ทั้งสองที่อยู่ในประโยคคำถามของกรกฏก็ทำให้ทั้งอดีตเดือนมหาลัยและเหล่าสมุนเลวทั้งหลายเริ่มจะเข้าใจอะไรได้มากขึ้นโดยที่อีกฝ่ายไม่ต้องเสียเวลาอธิบาย


“ครับคุณกรกฏ”

“ดี!... ถ้างั้นก็เชิญพวกมึงไปหาอะไรแดกกันตามสบาย...
.
...ขออย่างเดียว  ถ้าพวกมึงเห็นไอ้เต๋อกับไอ้ด้วงเมื่อไร... พวกมึงต้องรีบกลับมาบอกกูทันที”

“ครับๆ ได้ครับคุณกรกฏ” กังฟูย้ำชัดจนสกลและแฝดยักษ์กดหน้ารับคำอย่างรวดเร็ว ก่อนจะผละไปปฏิบัติตามคำสั่งของจ่าฝูงร่างเล็กอย่างว่าง่าย

“เฮีย... เฮียคิดจะทำอะไรของเฮีย?” แม้จะเริ่มเห็นเค้าลางของแผนการที่พี่ชายวางเอาไว้ แต่ด้วยนิสัยชอบแหย่อีกฝ่ายให้หลุดปากด่าก็ทำให้ธันวายังไม่เลิกจองเวรอริยะตรัยผู้พี่... ดีเท่าไรแล้วที่กังฟูแค่แหวใส่อย่างไม่ใคร่จะอินังขังขอบนัก

“จะจิกกูหาพระแสงปืนต้นหรือไง? ไป! พาบูบู้มันไปหาข้าวกินสักทีดิวะ! กังฟูโบกมือไล่น้องชายโดยไม่ละสายตาจากประตูเข้า ออกโรงอาหารทุกๆบาน

“เฮียฟูจะกินอะไรครับ? ผมจะซื้อมาเผื่อ” รุ่นน้องสถาปัตย์ร่างผอมรั้งมือคนรักที่ตั้งท่าจะหมุนตัวเดินออกไปหาอะไรกินเพื่อถามไถ่กรกฏด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงไม่ต่างจากทุกที  ทว่าปฏิกิริยาของกังฟูที่มีต่อแฟนตัวน้อยของอดีตเดือนมหาลัยต่างหากที่ผิดไปจากความคาดหมายของธันวาไปหลายขุม

“มึงจะกินอะไรก็เบิ้ลมา... แต่มึงต้องห้ามกินเผ็ด!

จะด้วยความรู้สึกปรารถนาดีที่ส่งผ่านคำพูดและน้ำเสียงอบอุ่นเมื่อครู่มาถึงใจเขา หรือเพราะอะไรก็ตาม
แต่พอเป็นคำถามของบ๊วย...  
.
.
อริยะตรัยผู้พี่กลับยอมเบือนหน้ามาสบตาแล้วตอบคำถามแกมบังคับชายกลางอย่างจริงจังและตั้งอกตั้งใจ... ถึงจะเพียงแค่เสี้ยววินาทีเดียวก่อนร่างเล็กจะหันไปจับจ้องความเคลื่อนไหวในโรงอาหารต่อก็เถอะ  

การเลือกปฏิบัติของพี่ชายทำให้อดีตเดือนมหาลัยอดปลื้มใจไม่ได้...
หากจะบอกว่าเขาแอบดีใจที่พี่ชายลำเอียงแบบออกนอกหน้า แถมทำท่าจะเอ็นดูบ๊วยมากกว่าเขาซึ่งเป็นน้องชายแท้ๆ คนอื่นจะหาว่าตรรกะและประสาทรับรู้ของเขาผิดปกติหรือเปล่านะ?!


“ครับๆ” ร่างผอมอมยิ้มพลางรับคำของอีกฝ่าย  คำตอบเมื่อครู่ของกังฟูช่างสมกับความเอาแต่ใจของเจ้าตัวเสียจริงๆ  








หลังจากไล่ตะเพิดเหล่าสมุนเลวทั้งหมดจนแตกกระเจิงไปคนละทิศละทางเมื่อสักครู่ใหญ่ๆที่ผ่านมา
สกลก็วิ่งหน้าตั้งกลับมายังที่มั่นซึ่งพี่ชายอดีตเดือนมหาลัยใช้กบดานสังเกตความเคลื่อนไหวของเป้าหมายที่ตั้งใจมาดักเจอ


“คุณกรกฏครับ! พี่เต๋อกับพี่ด้วงมาแล้วครับ!!” รุ่นน้องหน้าแว่นรายงานข่าวล่ามาเร็วด้วยสีหน้าตื่นเต้นราวกับเป็นกรกฏเสียเอง

“ไหน? พวกมันอยู่ไหน?!!” กังฟูคาดคั้นพิกัดของเป้าหมายด้วยน้ำเสียงกระวีกระวาดไม่แพ้กัน จนสกลต้องละมือข้างหนึ่งจากจานข้าวเพื่อชี้นำสายตาให้อีกฝ่ายโดยพลัน

“โน่นครับ โต๊ะตรงหน้าร้านยี่สิบ... แต่...เอ่อ ดูเหมือนว่าจะมีคนอื่นนั่งอยู่ด้วยนะครับ” คนพูดรายงานด้วยน้ำเสียงลังเลที่แสนจะประดิษฐ์ประดอย...

เชื่อเถอะว่า ต่อให้สกลจะเล่นใหญ่ขนาดแผ่ตัวลงนอนร่ำไห้กลิ้งไปมากับพื้น
แต่กังฟูที่ยืนใจลอยเหม่อมองไปยังโต๊ะหน้าร้านยี่สิบเป็นที่เรียบร้อยคงไม่เหลือความสามารถในการจับผิดเขาได้

หนุ่มหน้าแว่นแทบจะอดใจคอยรับชมความสนุกสนานของเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ไม่ไหว  
ถ้าทำได้...สกลอยากจะอุ้มอีกฝ่ายไปส่งตรงหน้าเต๋อกับด้วงเสียเดี๋ยวนี้  อริยะตรัยผู้พี่จะได้ไม่ต้องเขย่งสุดปลายเท้าเพื่อชะเง้อคอมองหาคู่กรณีให้ต้องเปลืองพลังงานในการด่ากราดอีกฝ่ายโดยใช่เหตุ


“ข้าวมึงกูขอนะ... เดี๋ยวมึงกินข้าวกูที่ไอ้บูบู้ซื้อมาก็แล้วกัน”

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าร่างผอมสูงเป็นไม้เสียบผีของสกล
มือเล็กคว้าจานข้าวในมือสกลแล้วออกเดินไปหาเต๋อกับด้วงที่โต๊ะตามคำบอกใบ้ก่อนที่ประโยคดังกล่าวจะจบเสียด้วยซ้ำ
ปล่อยให้หนุ่มสถาปัตย์หน้าแว่นทำหน้าง้ำพลางมองตามแผ่นหลังเล็กๆด้วยสายตาละห้อยหา...
อาห์! เสียดายข้าวราดกุ้งผัดพริกขี้หนูสุดจัดจ้านที่อุตส่าห์ต่อแถวรออยู่ตั้งนานเป็นที่สุด!








“ด้วง” เสียงขานเรียกหวานหูทำเอาเจ้าของร่างหนาที่นั่งหันหลังให้ถึงกับผินหน้ากลับไปยังทิศทางต้นเสียงแทบไม่ทัน  แต่เมื่อเห็นว่าอะไรเป็นอะไรเต็มสองตา วิญญูกลับอึ้งหนักยิ่งกว่าเก่า...

“ขอฟูนั่งด้วยคนได้ไหมครับ?” กรกฏขออนุญาตพลางส่งรอยยิ้มสะกดสายตาแบบที่นานๆจะเห็นเป็นบุญตาสักครั้งไปให้อีกฝ่ายชื่นชม

“...เอ่อ...” ด้วงอึกอัก

“เชิญครับ” สุดท้าย...กลับกลายเป็นเด็กหนุ่มร่างบอบบางเจ้าของเรือนผมสีทองที่เป็นฝ่ายเชื้อเชิญให้พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยนั่งร่วมโต๊ะแทนชายหนุ่มอีกคนที่กลายเป็นใบ้ไปชั่วขณะตั้งแต่ประจัญหน้ากับกังฟูไปเมื่อสักครู่  กรกฏพยายามข่มความรู้สึกไม่พอใจเอาไว้ข้างใน เพื่อดำเนินแผนการที่หมายใจไว้ตั้งแต่เมื่อคืนให้ลุล่วง

“ถ้างั้นผมไม่เกรงใจแล้วนะ” ร่างเล็กถือวิสาสะนั่งประกบแนบกายด้วงจนแทบจะขี่ แต่นั่งยังไม่ทันก้นร้อนดี ร่างเล็กหัวแดงก็เดินยิ้มแก้มปรินำหน้าหนุ่มสถาปัตย์ปีสามกลับมาที่โต๊ะ  

“คนกลาง... เค้าซื้อน้ำใบเตยมาฝาก พี่เต๋อบอกว่าร้านนี้อร่อยแถมพี่เต๋อยังสั่งแบบไม่หวานให้เค้าได้อีกตังหาก” เจ้าของประโยคเอ่ยด้วยน้ำเสียงร่าเริงจนกังฟูแอบเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้...

แค่ไปซื้อข้าวก็ยิ้มร่าเหมือนได้รางวัลอคาเดมีอวอร์ด
ไอ้หัวแดง... มึงแอบไปอัดกัญชาเข้าปอดมาก็ยอมรับกับสังคมเสียดีๆเถอะ!

ด้วยความไม่พอใจเมื่อเห็นแขกไม่ได้รับเชิญมานั่งร่วมโต๊ะ
หนุ่มร่างหมีที่เดินปิดท้ายมาเงียบๆ ก็ส่งสายตาเย็นเยียบไปให้เพื่อนร่วมห้องคนใหม่ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด


“ด้วง! ย้ายไปนั่งโต๊ะอื่น!

“ทำไมต้องย้ายโต๊ะด้วยล่ะครับพี่เต๋อ นั่งนี่ก็ได้ ที่ตั้งเยอะแยะ...
.
.
...แค่มีคุณคนนี้มานั่งด้วยก็ไม่เห็นจะต้องย้ายไปไหนเลย...
...ตัวเขานิดเดียว คงไม่เบียดพี่เต๋อกับพี่ด้วงเท่าไรหรอกมั้งครับ” หนุ่มหัวแดงที่เพิ่งลดตัวนั่งข้างๆฝาแฝดของตนเอ่ยทัดทานพร้อมให้เหตุผลจนคนฟังไม่อาจปฏิเสธได้เต็มเสียงนัก

“แต่พ...     ก่อนที่หนุ่มร่างหมีจะได้พูดอะไร กรกฏก็ชิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงน้อยอกน้อยใจขึ้นมาเสียก่อน

“ถ้าเต๋อรังเกียจฟูขนาดนั้น... ฟูย้ายไปนั่งที่อื่นเองก็ได้ครับเต๋อกับด้วงจะได้ไม่ลำบาก” ร่างเล็กเสหลบตาก้มหน้าจนคางติดอก สภาพจนแต้มไร้ทางสู้และดูอ่อนแอเป็นที่สุด  กอปรกับถ้อยคำที่สะท้อนความเจียมเนื้อเจียมตัวของคนพูดทำให้เต๋อเกิดอาการใบ้แดกตามด้วงไปติดๆ  

“...เอ่อ...”  ตรินเอ่ยระหว่างลอบมองหน้าด้วงเพื่อขอความเห็นจากผู้ร่วมประสบการณ์น่าพิศวงตรงหน้า  

กระนั้น... กิริยารยักไหล่พร้อมส่งสีหน้างุนงงละม้ายปลาโดนทุบหัวของอีกฝ่ายให้นั้น ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น
ที่สุดแล้ว... หนุ่มร่างหมีจึงจำต้องศิโรราบให้กับความหน้ามึนของอาคันตุกะผู้ไม่พึงประสงค์เข้าจนได้

เมื่อครอบครองที่นั่งตรงกลางระหว่างสองหนุ่มปีสามได้ตามที่คาดหมาย
กังฟูก็เปิดฉากซักฟอกฝาแฝดซึ่งนั่งอยู่อีกฝั่งด้วยท่าทางข่มขวัญบวกกับน้ำเสียงคุกคามวางก้ามทันที


“พวกนายเป็นใคร?!”  พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยเท้าศอกลงกับโต๊ะแล้วยื่นหน้าลากสายตาดูแคลนสำรวจฝาแฝดแต่ละคนโดยละเอียดชนิดที่ว่าถ้วนทั่วทุกรูขุมขนจนถึงสเต็มเซลล์   แต่กรกฏกลับต้องเฟลแรงเมื่อร่างบอบบางซึ่งนั่งประจันหน้าอยู่อีกฟากฝั่งโต๊ะกินข้าวส่งรอยยิ้มงดงามน่ามองกลับมาทักทายโดยไร้วี่แววของความหวาดเกรง

“ผมชื่อคนกลาง ส่วนนี่น้องผมชื่อคนเล็กครับ” พูดจบ...ฝาแฝดหัวทองก็กระหน่ำยิ้มเข้าตาซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับต้องการยั่วยุให้กรกฏโกรธจนเส้นเลือดในสมองแตกตายเสียตรงนั้น  หนุ่มวิศวะจึงเพิ่มความเข้มข้นในการข่มขวัญแฝดสองให้ล้ำหน้าขึ้นไปอีกขั้น

“แล้วพวกนายมาวุ่นวายกับสองคนนี่ทำไม?” ร่างเล็กวางฝ่ามือลงบนไหล่หนาของสองร่างซึ่งนั่งขนาบข้างซ้ายขวา แล้วลูบไล้ไปมาเบาๆเพื่อแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของแบบอ้อมๆ  ทีนี้ล่ะ... ไอ้รักยมมันจะได้รู้สึกตัวเสียทีว่าพวกมันไม่ควรมายุ่มย่ามกับคนของเขา
.
.
.
.
.
.
“พี่เต๋อ... พี่ด้วง... พวกเราทำให้พี่ๆวุ่นวายเหรอครับ?” คนเล็กถามพลางช้อนดวงตากลมฉ่ำมองทั้งเต๋อและด้วงอย่างน่าสงสาร พาลให้ชายหนุ่มที่ดูร้ายกาจเพียงหน้าตาอดปลอบไม่ได้

“ไม่หรอก ไม่ต้องคิดมากนะ... พี่บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าพวกพี่เต็มใจ”

“คงจะได้ยินแล้วใช่ไหมครับคุณ... เอ่อ...     เด็กหนุ่มหัวแดงหน้าตาจิ้มลิ้มหรี่ตาทำหน้าลุ้นระหว่างเว้นช่องไฟเพื่อให้กรกฏช่วยเติมคำในช่องว่าง...

อย่างนี้ก็เท่ากับว่า มันกำลังบังคับให้เขาจำต้องแนะนำตัวตามมารยาทแม้จะไม่อยากบอกชื่อแซ่กับอีกฝ่ายเลยสักนิด!!
ฮึ่ย! คอยดูเถอะ... เดี๋ยวเขาจะเอาคืนให้สาสมจนต้องกลับไปนอนอมนิ้วที่บ้านเสียวันนี้พรุ่งนี้เลยทีเดียว!


กังฟู!” พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยกระแทกเสียงใส่คนเล็กอย่างไม่สบอารมณ์นัก...

ปฏิกิริยาของฝาแฝดที่สู้ยิบตาเหนือความคาดหมาย กับวาจาให้ท้ายของตริน  ทำให้อริยะตรัยผู้พี่เพิ่งจะตระหนักได้ว่า...
คู่แข่งหน้าหวานทั้งสอง  ไม่ใช่เงาะกระป๋องที่เคี้ยวคล่องลื่นคออย่างที่เคยปรามาสเอาไว้ แถมไอ้หมีควายยังเสือกจะถือหางพวกมันอีกต่างหาก

ถึงอย่างนั้น ต่อให้ต้องโดนฉีกหน้าให้อับอายยิ่งไปกว่านี้ กังฟูก็จะไม่ปล่อยให้ตาอยู่คู่แฝดดอดมาคว้าพุงปลาไปเป็นอันขาด
เพราะเขารู้แจ้งแก่ใจว่า คนที่ทั้งเต๋อและด้วงรักและอยากคบหาด้วย...ย่อมต้องเป็นตัวเขาอยู่วันยันค่ำ...
และทันทีที่อาหารมื้อนี้จบลง ฝ่ายที่ต้องม้วนเสื่อซมซานหลบลงรูไปจะต้องเป็นไอ้รักยมหัวสีคู่นี้... ไม่ใช่คนดีๆอย่างเขาแน่นอน!!


“ชื่อน่ารักจังเลย... ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”  ฝาแฝดหัวทองทักทายพร้อมรอยยิ้มกว้างไม่ต่างจากคนน้อง ก่อนจะหันไปหาเพื่อนสนิทของกังฟู “พี่ด้วง... คนกลางอยากกินเต้าหู้น่ะครับ ขอคนกลางชิมชิ้นนึงได้ไหม?”

“เอาสิ อยากกินชิ้นไหนคนกลางก็ตักไปได้เลย”

“คนกลางอยากกินชิ้นนั้นน่ะครับแต่คนกลางตักไม่ถึง พี่ด้วงตักให้หน่อยได้ไหมครับ?” คนกลางบุ้ยใบ้ชี้มือชี้ไม้ไปที่ก้อนเต้าหู้สีเหลือละมุนในจานข้าววิญญูพร้อมส่งสายตาเว้าวอนจนหนุ่มวิศวะอดใจอ่อนอำนวยความสะดวกแก่อีกฝ่ายไม่ได้

“อ่ะ... นี่ครับ” ก้อนเต้าหู้ชิ้นพอคำถูกตักใส่ช้อนโดยมีที่หมายเป็นจานข้าวของอีกฝ่าย แต่แฝดหัวทองกลับยกตัวขึ้น แล้วงับเต้าหู้จากช้อนของด้วงโดยตรง

“ขอบคุณครับ...อื้มหืม... อร่อยจังเลย!” กังฟูถึงกับกระแทกช้อนลงกับจานด้วยความหมั่นไส้

แต่ยังไม่ทันที่พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยจะได้ตอบโต้การกระทำอันอุกอาจของฝาแฝดหัวทองเมื่อสักครู่  
เสียงใสๆเจื้อยแจ้วที่กระตุกต่อมอิจฉาของกรกฏได้ชะงัดเหลือเกินก็ดังออกมาจากปากบางของหนุ่มหน้าหวานหัวแดง
หากแต่คราวนี้...เป้าหมายคือเจ้าของร่างหมีที่นั่งอยู่อีกข้างของหนุ่มร่างเล็กนั่นต่างหาก


“พี่เต๋อครับ... คนเล็กกินข้าวไม่หมด พี่เต๋อช่วยคนเล็กกินหน่อยได้ไหมครับ?”

“กินไม่หมดแต่สั่งมาตั้งเยอะเนี่ยนะ? เรานี่น้า... แล้วถ้าไม่ได้กินกับพี่ ใครจะช่วยล่ะครับ หื้มมมม?” ถึงปากจะบ่นแต่น้ำเสียงของเต๋อกลับแฝงความเอ็นดูอีกฝ่ายอยู่ไม่น้อย จนคนเล็กอมยิ้มแก้มพองน่าดีดให้แตกมากในความคิดของกังฟู และดูเหมือนจะยิ่งน่าแสดงความรักด้วยการขยี้ให้หัวแบะหลังจากที่เด็กแฝดแตะประเด็นต้องห้ามเข้าอย่างจัง

“ก็กับข้าวร้านที่พี่เต๋อพาไปซื้อมันน่ากินหมดเลยนี่ครับ โดยเฉพาะทอดมันกุ้ง... ชิ้นเบ้อเริ่มเลย!

เมื่อรู้ว่าเมนูสุดที่รักถูกอีกฝ่ายใช้เป็นเครื่องมืออี๋อ๋อกับคนของเขาต่อหน้าต่อตา
ขีดความอดทนของกรกฏก็ถึงคราขาดสะบั้น


ไอ้ สัด หมี! มึง กล้า ดี ยัง ไง ถึง ได้ ให้ ไอ้ ลูก กรอก หัว วุ้น นี่ กิน ของ โปรด กู!!!


“หึ หึ หึ พูดมากจริงเรา... เอ้า! ตักมา” หนุ่มร่างหมีเลื่อนจานตัวเองไปใกล้กับฝาแฝดหัวแดงที่นั่งยู่หน้าอย่างน่ารักขณะที่เริ่มตักแบ่งอาหารกว่าค่อนจานให้กับตริน 

ภาพการเอาใจใส่ชายหนุ่มแปลกหน้าที่เต๋อกำลังแสดงให้เห็นจะๆ ทำให้อริยะตรัยผู้พี่ขบกรามแน่น
กระนั้น... ทั้งๆที่โกรธจนหูดับ แต่กังฟูกลับได้ยินเสียงเพรียกจากฝาแฝดอีกคนอย่างจะแจ้ง  


“แล้วคุณกังฟูจะนั่งจ้องจานข้าวอยู่อย่างนั้นเหรอครับ? ไม่คิดจะกินข้าวหน่อยเหรอ? หรือว่าอาหารไม่อร่อยกันครับ?”

พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยตีความคำพูดของหนุ่มหัวทองเทียบเท่าสาส์นท้าทาย
ร่างเล็กจึงไม่แม้แต่จะชายตามองฝักพริกขี้หนูแหลกๆกับเศษกุ้งชิ้นเท่าข้อนิ้วที่จ่อจะแลนดิ้งเข้าสู่ภายในปากเลยสักนิด


กินสิ!/ เฮ่ย! /ไอ้ด้วง!” กรกฏ / วิญญู / ตริน ต่างส่งเสียงสื่อความตามเจตนาของตน รวมทั้งรับผลของการกระทำที่แตกต่างกันไป...

ร่างเล็กที่โชว์เหนือด้วยการตักข้าวเข้าปากแล้วเคี้ยวกร้วมๆกำลังตาลุกโพลงเพราะพระเพลิงกองย่อมในโพรงปาก
ด้วงที่ตั้งท่าจะคว้ามือข้างถือช้อนของกรกฏเอาไว้ กลับต้องจัดระเบียบร่างกายอย่างว่องไวเมื่อได้ยินเสียงห้ามของเต๋อ
ส่วนหนุ่มร่างหมีที่หลุดปากว๊ากรูมเมทคนใหม่ ก็อาศัยช่วงชุลมุนลอบมองพี่ชายอดีตเดือนมหาลัยด้วยความเป็นห่วงไม่ได้
แต่กลับกลายเป็นแฝดหัวแดงที่แย่งคิวพูดของทุกคนไปหน้าตาเฉย


“อร่อยไหมครับ?” สิ้นคำ...คนเล็กถึงกับตัวโยกเนื่องจากกำลังกลั้นยิ้มและเสียงหัวเราะอย่างสุดพลัง  เมื่อเห็นดังนั้น... กังฟูผู้ยอมตายดีกว่าเสียหน้าจึงมีแรงฮึดกลืนเปลวไฟลงคออย่างไม่ยากเย็นเท่าที่เผลอกังวล

“หึ หึ หึ อร่อย” คนพูดพยายามซ่อนสีหน้ากล้ำกลืนจนฝาแฝดจับสังเกตได้ หนุ่มหัวทองจึงใช้จังหวะนี้บอกใบ้ความใกล้ชิดของพวกตนกับชายหนุ่มรุ่นพี่ทั้งสองแบบอ้อมๆเสียเลย  

“อร่อยงั้นก็กินเยอะๆนะครับ” คนกลางพูดพลางเหลือบสบตาน้องชายฝาแฝดที่อยู่ในโหมดสนุกไม่แพ้กัน “พี่เต๋อ พี่ด้วง เรากินข้าวกันต่อเถอะครับ เดี๋ยวพวกพี่ๆก็ไปเรียนสายหรอก เห็นบ่นตั้งแต่เมื่อคืนแล้วไม่ใช่เหรอครับว่าไม่อยากเข้าเรียนสายอีกวัน?”

บ่นตั้งแต่เมื่อคืน?!...
เมื่อคืน?!!...
.
.
.
.
.
.
แล้วไอ้ท่าทางไม่เดือดร้อนของไอ้เหี้ยเต๋อ กับไอ้สัดด้วงนี่หมายความว่าอะไร?
ใจคอพวกมึงจะไม่ปฏิเสธหน่อยหรือ?


อย่า บอก นะ ว่า เมื่อ คืน ไอ้ หมี ห่า พา แฝด รัก ยม กลับ ไป นอน ด้วย?!!!!


เฮ่ย! นี่มันชักจะข้ามหน้าข้ามตากันเกินไปหน่อยแล้ว!!
หนอย...ไอ้บีหนึ่งบีสอง มึงคิดจะเล่นสกปรกใช่ไหม?

ได้!...
พวกมึงนั่นแหละที่จะต้องพ่ายแพ้อย่างหมดรูป!!!


กรกฏสูดลมหายใจเข้าช้าๆจนเต็มปอดอยู่หลายรอบเพื่อรวบรวมสมาธิและความกล้า
จากนั้นก็ถึงเวลาทวงของๆตัวเองกลับมาจากผู้ท้าชิงทั้งสองเสียที


“ด้วง... ฟูอยากกินเต้าหู้มั่งอ่ะครับ” พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยทอดสายตาหวานฉ่ำทำเสียงอ้อนหนุ่มหล่อผู้มีศักดิ์เป็นเพื่อนสนิทจนหนุ่มร่างใหญ่ทั้งสองเหวอไปตามๆกัน

หา?!” สีหน้าแตกตื่นของวิญญูไม่ได้ทำให้กรกฏเสียความตั้งใจ ร่างเล็กโผเข้ากอดแขนรูมเมทแล้วเอนซบบ่าอีกฝ่ายด้วยความถวิลหาขั้นสูงสุดพลางออดอ้อนเสียงอ่อนเสียงหวานใส่ด้วงไปอีกคำรบ

“ป้อนฟูหน่อยได้ไหมครับ? นะ...นะด้วงนะ”

จากที่เคยคิดว่า กิริยาหนุงหนิงมิ้งมุ้งที่ตนทำอยู่คืออาการของพวกสารเคมีในสมองบกพร่อง ไม่ก็ปัญญาอ่อนเฉียบพลัน
ทว่าวินาทีนี้ ชายหนุ่มร่างเล็กกลับยินดีที่จะงัดกระบวนท่าออดอ้อนคลอเคลียทั้งหลายที่เคยด่าใครต่อใครลับหลังเอาไว้ออกมาใช้เสียเอง ซึ่งดูเหมือนจะได้ผลเป็นเลิศ... โดยเฉพาะกับเพื่อนรักของตนคนนี้  


“เอ่อ... อืม... ก็ได้ / ไอ้ด้วง!” ฝ่ายที่เดือดร้อนกับการตอบสนองของวิญญูยิ่งกว่าใครเห็นจะเป็นหนุ่มร่างหมีที่ร้องเสียงหลงออกมาหลังจากด้วงป้อนเต้าหู้เข้าปากกังฟูแบบซึ่งๆหน้านั่นแหละ

“ฮื้มมมม อร่อยเนอะ!” พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยยิ้มจนตาปิดชวนให้คนมองอดยิ้มตามไม่ได้ “ด้วงกินนี่สิ... กุ้งผัดพริกขี้หนู คนผัดใจดี ใส่พริกให้ทั้งปากคลองเลยมั้ง... อร่อยมากๆเลยนะ ลองชิมดู...เชื่อฟูสิครับ”

“ก็ได้... เรากินก็ได้” พอเห็นร่างเล็กเชื้อเชิญด้วยท่าทางกุลีกุจอทั้งที่ไม่เคยทำ ด้วงก็ถลำตัวตอบรับข้อเสนอสุดประหลาดของอีกฝ่ายทันที แต่สิ่งที่กรกฏต้องการกลับพิลึกพิลั่นมหัศจรรย์เหนือจริงยิ่งไปกว่าที่วิญญูคาดคิดอยู่มากโข

“ฮื่อออออ... ไม่เอาสิครับ  ไม่ตักเองนะ... ให้ฟูป้อนด้วงคืนบ้างดีกว่าเนอะคนเก่ง” แทบไม่ทันรู้ตัว ช้อนที่ตักข้าวโปะกุ้งและพริกจนพูนก็แตะลงบนริมฝีปากของด้วงโดยไม่ต้องร้องขอ เมื่อสบสายตาเว้าวอนของร่างเล็ก หนุ่มวิศวะก็ตกอยู่ภายใต้อำนาจของอีกฝ่ายโดยไม่มีข้อแม้

“...เอ่อ... เอาสิ... /ไอ้สัดด้วง! ไอ้คนทรยศ!! / อ้ามมมมม! ” แทนที่จะรู้สึกผิดกับเพื่อนต่างคณะร่างหมีที่กำลังฟาดงวงฟาดงา ด้วงกลับส่งสายตาเย้ยหยันไปให้เต๋อ ค่าที่ตนเองได้รับการปรนเปรออย่างเลอเลิศจากร่างเล็กโดยไม่ต้องร้อขอ

“น่ารักที่สุดเลยคนนี้เนี่ย!

การตบมือเปาะแปะตามด้วยเลื่อนฝ่ามือทั้งสองไปประคองใบหน้าหล่อเหลาของวิญญูแล้วเขย่าไปมาเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว
คือรางวัลที่อริยะตรัยผู้พี่มอบให้เพื่อนสนิทในฐานะที่ยอมทำตามความพอใจของตัวเขาอย่างเต็มที่...  
ลงทุนทำถึงขนาดนี้ หวังว่าไอ้หัวแดงหัวทองจะสำเหนียกถึงสถานะของตัวเองได้เสียที!!

แต่ดูเหมือนกังฟูจะลืมสิ่งสำคัญบางอย่างไป...
เพราะเมื่อรู้ตัวอีกที เสียงหวานของแฝดหัวแดงก็ดังทักท้วงขึ้นมาเสียก่อน จนกรกฏอดร้อนใจไม่ได้


“พี่เต๋อ... พี่เต๋อเป็นอะไรหรือเปล่าครับ? ทำไมพี่เต๋อทำหน้าแบบนั้นล่ะ?” น้ำเสียงและสีหน้าที่บอกถึงความกังวลอย่างออกนอกหน้าของฝาแฝดคนน้องทำให้เต๋อสงบอารมณ์ลงได้อย่างว่องไว

“พี่ไม่เป็นอะไรหรอกครับคนเล็ก กินข้าวต่อเถอะ” หนุ่มสถาปัตย์ก้มหน้ากินข้าวในจานโดยไม่ปรายตามองร่างเล็กที่นั่งไหล่ชนไหล่กับตนอีกเลย ท่าทางเพิกเฉยของเต๋อทำให้กังฟูเปลี่ยนเป้าหมายทันควัน

“เต๋อ... เต๋อเป็นอะไรครับ? เต๋องอนฟูเหรอ?... ไม่เอา ไม่งอนฟูนะครับ” พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยพาดใบหน้าหมดจดลงบนต้นแขนแน่นแล้วช้อนตามองอีกฝ่ายด้วยสายตาลูกกวางน้อยเผด็จศึก  

“เต๋อ... ฟูอยากกินของโปรดจังเลย  เต๋อป้อน ไอ้นั่น ให้ฟูหน่อยได้ไหมครับ?”

หลังส่งเสียงงุ้งงิ้งบัญชาอีกฝ่ายอย่างน่ารักแถมยังกำกวมจนอดคิดลึกตามไปไม่ได้
หนุ่มร่างเล็กก็กอดแขนหนุ่มร่างหมีพลางกระดิกนิ้วชี้ไปยังอาหารโปรดของตนในจานเต๋อ   
ทว่าท่าทีแข็งขืนของอีกฝ่ายก็ทำให้กรกฏเริ่มจะคิดหนักขึ้นทุกที... รายนี้ท่าจะไม่พอใจกับการกระทำเมื่อครู่ของเขาน่าดู


“คุณก็ไปซื้อเอาสิ ข้าวแกงร้านสิบแปดน่ะมีเต็มถาด” จากเดิมที่หน้าดุเป็นทุน... ยิ่งเมื่ออารมณ์ขุ่นแบบนี้ ใบหน้าของคนพูดยิ่งดูถมึงทึงไม่รับแขกไปกันใหญ่ กระนั้นพี่ชายอดีตเดือนมหาลัยกลับไม่คิดจะถอดใจง่ายๆ เพราะไม่ว่าจะเป็นเต๋อ หรือ ด้วง... กังฟูก็จะไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือเป็นอันขาด

“ฮื่อออออ ไม่เอา... ฟูอยากกินชิ้นที่อยู่ในจานเต๋อ เต๋อป้อนฟูหน่อยนะครับ” กรกฏทำปากบึน ก่อนจะคลี่ยิ้มหวานเอาใจพร้อมส่งสายตาดื้อดึงแก่นเซี้ยวจนน่าเหนี่ยวตัวมากอดรัดฟัดเหวี่ยงเป็นที่สุด แต่ตรินหาได้สะดุดตกหลุมพรางไม่  

“อยากกินก็กิน ผมไม่ได้ห้าม” ตรินเอ่ยเนิบๆ...

ลำพังอาการตายซากไม่อยากจะมองหน้าของหนุ่มสถาปัตย์ร่างหมีนี่ไม่ทำให้อริยะตรัยคนพี่สะเทือน
แต่เพราะการแทรกแซงของฝาแฝดทั้งสองที่สอดขึ้นทั้งที่ไม่มีใครถามต่างหากล่ะ ที่เหมือนจะทำให้กังฟูปรี๊ดแตกได้ในชั่วอึดใจ


“คุณกังฟูอย่ากดดันพี่เต๋อแบบนั้นสิครับ กินของผมนี่ก็ได้...ยังไงผมก็กินไม่หมดอยู่แล้วล่ะ” แฝดคนน้องนำหน้า ตามหลังมาด้วยเหตุผลสนับสนุนจากแฝดหัวทองที่ถองใต้เข็มขัดเข้าอย่างจังจนร่างเล็กแทบจะหงายหลังตึง  

“ใช่ครับ... ถ้าคุณมัวแต่วุ่นวายกับพี่เต๋อพี่ด้วงจนไม่เป็นอันกินแบบนี้  พี่ๆสองคนคงได้เข้าเรียนสายเพราะคุณกันพอดี”


เขา วุ่น วาย อย่าง นั้น เรอะ?!!...

ไอ้บีหนึ่งนี่มันร้ายนัก!!!
ตั้งแต่เกิดมา ยังไม่เคยมีคนแปลกหน้าที่ไหนกล้าหักหน้ากังฟูให้เจ็บแสบด้วยการย้อนพูดคำที่เขาเคยใช้ด่าให้สะท้อนเข้าตัวเขามาก่อน


“เดี๋ยวเถ...  กรกฏแทบจะอัญเชิญวิญญาณเจ้าแม่กาลีโหมดทำลายล้างมาประทับร่างเพื่อโปรดฝาแฝดได้อยู่แล้วเชียว ติดอยู่ที่ว่า คนตัวโตที่นั่งมึนตึงมาตลอดกลับยกช้อนที่ตักของโปรดชิ้นพอดีคำยื่นมาตรงหน้าเสียก่อน

“เอ้า! อ้าปากสิ / อะแฮ่ม!!” เสียงกระแอมของด้วงลอยลมมาทันทีที่หนุ่มร่างหมีประคองช้อนป้อนของกินเข้าปากกังฟูอย่างนุ่มนวล  แต่ก่อนที่บรรยากาศบนโต๊ะจะยิ่งกระอักกระอ่วน และก่อนที่หนุ่มร่างเล็กจะหาเรื่องมาให้ปวดหัวยิ่งไปกว่านี้ เต๋อก็ชิงเตือนสติดักคอพี่ชายอดีตเดือนมหาลัยขึ้นมาอย่างทันท่วงที

“เมื่อกี๊ป้อนแล้ว... ตอนนี้ก็ตั้งหน้าตั้งตากินข้าวเสียที วิชาเช้านี้อาจารย์ดุไม่ใช่เหรอ?”

“อืม” กรกฏตอบหงอยๆ เพราะไม่ค่อยพอใจกับผลลัพธ์สักเท่าไร  ถึงอย่างนั้น... บทโศกกลับนำโชคมาสู่กังฟูมากกว่าการทุ่มทุนอ้อนเต๋ออย่างหนักหน่วงไปเมื่อครู่อยู่อักโข  

“เอ้านี่... แลกกัน...” ตรินจัดแจงตักแบ่งกับข้าวครึ่งจานของตนเพื่อแลกกับกุ้งผัดนรกในจานกังฟูเพราะรู้ดีว่าร่างเล็กกินเผ็ดไม่ได้  ซึ่งนั่นทำให้วิญญูไม่อาจนิ่งนอนใจปล่อยให้หมีคว้าใจของเพื่อนรักไปได้ง่ายนัก

“เออ เราก็อยากกินกุ้งผัดพริกอยู่พอดี...
.
...เอาผัดเต้าหู้กับไก่ทอดไปแทนแล้วกันนะ” พูดจบด้วงก็สลับจานข้าวตัวเองกับกังฟูโดยไม่ต้องเสียเวลาตักข้าวไปมาเหมือนเด็กเต็กปีสาม

การกระทำที่สื่อถึงความเอาใจใส่ภายใต้สีหน้าและแววตาเย็นชาของตรินและวิญญูเมื่อไม่กี่อึดใจที่ผ่านมา
พาให้น้ำตารื้นขึ้นในหน่วยตากลมใสของกรกฏอย่างช่วยไม่ได้  กระนั้น... คู่แข่งหัวใจหัวทองกับหัวแดงกลับทำลายช่วงเวลาน่าประทับใจของอริยะตรัยผู้พี่เสียปี้ป่น
  

“พี่เต๋อกับพี่ด้วงนี่ใจดีจังครับ... ใครได้เป็นแฟนนี่ต้องดีใจตายแน่ๆเลยเนอะ” คนกลางแจกจ่ายยิ้มเรี่ยราดจนกังฟูอยากจะเอาหนังยางมามัดปากแฝดหัวทองเอาไว้ไม่ให้ยิ้มได้อีกเลย... ทว่าดูเหมือนศัตรูของเขาจะมีมากกว่าหนึ่ง และไอ้ตัวน้องดันเสือกทะลึ่งพูดจาหมาไม่แดกให้เขาฟังอีกต่างหาก

“ใช่ๆ... คนเล็กยังอยากได้แฟนแบบพี่เต๋อกับพี่ด้วงเลย” แฝดหัวแดงทำตาเยิ้มหยดย้อยกับเล่นหูเล่นตานิดหน่อยให้พอน่ารักใส่ทั้งเต๋อและด้วง พาลทำให้กรกฏอยากจะควงไม้ตียุงแล้วช็อตหนังหน้าของอีกฝ่ายเสียให้เข็ด

“อืม นั่นสิ” แฝดคนพี่เสริมทันทีที่น้องพูดจบ...

ขวัญและกำลังใจที่เฝ้ากอบกู้ผ่านการคิดร้ายต่อฝาแฝดยังกลับมาไม่ได้เท่าไร
ความลื่นไหลของบทสนทนาของทั้งสี่หนุ่มกลับชะความแน่วแน่และมั่นใจของกรกฏให้หายไปได้ในชั่วพริบตา

สาบานได้ว่าเจ้าของร่างหนาใหญ่ทั้งซ้ายและขวา เคยบอกว่ารักเขาแทบเป็นแทบตายเมื่อไม่กี่วันก่อน
แล้วทำไมตอนนี้... พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยถึงรู้สึกว่าเขากลายเป็นคนอื่นในสายตาของร่างสูงที่นั่งเคียงกายไปเสียแล้ว?!!


“เป็นเด็กเป็นเล็ก... ก้มหน้าก้มตาเรียนไปก่อนเถอะแล้วค่อยคิดเรื่องรักๆใคร่ๆ!” ตรินเอื้อมมือไปขยี้เรือนผมสีแดงของแฝดคนน้องเบาๆจนอีกฝ่ายพองแก้มทำปากจู๋ให้ดูยิ่งน่าแกล้งไปกันใหญ่

“แหม พี่เต๋อล่ะก็... พวกเราเป็นน้องพี่เต๋อแค่สองปีเองนะครับ อย่ามาห้ามพวกเราเสียให้ยากเลยดีกว่า!!”  

“แล้วนี่กลางวันเราสองคนจะไปกินข้าวที่ไหน?” วิญญูชวนสองหนุ่มคุยด้วยไม่อยากปล่อยให้ความเงียบทำลายมื้ออาหารไปเสียก่อน

“วันนี้อิ๊กติดเรียนทั้งวัน กว่าจะได้เจอกันก็ตอนเย็นโน่นแน่ะ... ขอพวกเรากินข้าวเที่ยงด้วยอีกวันแล้วกันนะครับ” คนกลางพูดไปยิ้มไปจนเจ้าของคำถามเมื่อครู่ยอมตามใจแต่โดยดี

“เอาสิ พวกพี่ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้วล่ะ”

“พี่เต๋อล่ะครับ พี่เต๋อโอเคหรือเปล่า? พวกเราไม่ได้วุ่นวายกับพี่เต๋อจนเกินไปใช่ไหม?” คนกลางยังไม่อาจวางใจได้ด้วยยังไม่ได้ยินคำอนุญาตจากรุ่นพี่หน้าคม... ร่างบอบบางกลัวก็แต่ว่า อีกฝ่ายจะแอบรำคาญตนกับน้องแต่ไม่กล้าแสดงออกก็เท่านั้น

ฝ่ายกังฟูที่เอาแต่นั่งนิ่งมาตลอด ก็อดลุ้นการตัดสินใจของเต๋อไม่ได้...
เขาแน่ใจว่า หากหนุ่มร่างหมีปฏิเสธ ด้วงก็ไม่น่าจะรั้นพาฝาแฝดไปกินข้าวเพียงลำพังอย่างแน่นอน
ซึ่งนั่นจะหมายความว่า ความหวังในการแย่งความสนใจของทั้งสองหนุ่มคืนมาจากไอ้เด็กรักยมก็จะไม่ใช่เรื่องยากเย็น
.
.
.
.
แต่ดูเหมือนว่าศึกครั้งนี้...
กรกฏจะประเมินสถานการณ์พลาด ไม่ก็โลกสวยขนาดเข้าข้างตัวเองอย่างไม่บันยะบันยังเสียล่ะมั้ง
เพราะคำตอบของตรินทำให้กังฟูคุ้มคลั่งอยู่ในใจได้อย่างน่ามหัศจรรย์


“อย่าคิดมากสิคนกลาง ถ้าพี่ด้วงบอกว่าได้... พี่ก็ว่าตามนั้นแหละ” หนุ่มสถาปัตย์คลี่ยิ้มกว้างคล้ายจะสร้างความมั่นใจให้กับรุ่นน้องต่างสถาบัน  

ความผิดหวังกับสิ่งที่เพิ่งได้ยินทำให้กังฟูอดเปรียบเทียบไม่ได้...
ทั้งคำพูด ทั้งระดับความเอาใจใส่ของทั้งเต๋อและด้วงที่ปฏิบัติต่อเด็กแฝด
กับท่าทีหมางเมินที่ทั้งสองหนุ่มมีต่ออริยะตรัยผู้พี่ ทำให้กังฟูรู้สึกพ่ายแพ้จนชาดิกไปทั้งร่าง...

ณ เวลานี้ ตัวเขายังมีค่าในสายตาของตรินและวิญญูอยู่ไหม?
หรือผลกรรมที่เขาทำลงไปเมื่อสองวันก่อนจะย้อนกลับมาสนองเข้าให้แล้วจริงๆ?


ความรู้สึกน้อยใจและผิดหวังประดังเข้าจู่โจมจนประสาทรับรู้และการประมวลผลของกรกฏก็เริ่มถดถอย
นับตั้งแต่นั้น พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยก็ไม่ได้ตั้งใจฟังถ้อยคำใดของทั้งสี่หนุ่มอีกเลย...

ซึ่งจะว่าไปก็ถือเป็นเรื่องดี...
เพราะหากร่างเล็กรู้ว่าตรินยินดีทำตัวเป็นสารถีหนุ่มขับรับส่งฝาแฝดไปยังสถานที่ต่างๆในมหาวิทยาลัยตลอดทั้งวัน
ในขณะที่วิญญูก็พร้อมจะทำหน้าที่ไกด์พาสองหนุ่มต่างสถาบันทัวร์จุดพักผ่อนหย่อนใจภายในวิทยาเขตอีกล่ะก็...

ต่อให้หัวใจของอริยะตรัยคนพี่จะถูกหุ้มห่อด้วยเกราะหนาจนเก็บซ่อนความรู้สึกได้เก่งเกินใคร...
ร่างเล็กคงไม่อาจทนฟังทุกถ้อยคำ แล้วยังสามารถฉาบหน้าให้ดูเรียบเฉยได้อยู่อีกแน่ๆ


“คุณกังฟูไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันไหมครับ?”

ถ้าเลือกได้... กังฟูคงไม่อยากเปิดหูรับฟังเสียงเรียกของฝาแฝดหัวแดงเมื่อครู่
หากรู้ล่วงหน้าว่า สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นตามมาจะซ้ำเติมแผลสดข้างในให้ยิ่งเหวอะหวะใกล้สาหัส  


“อย่าไปกวนเขาเลยคนเล็ก พวกเราไปกันสี่คนนี่แหละ” ตรินสรุปแทนโดยไม่แยแสร่างเล็กเลยสักนิด

“ฟูจะไปด้วยกันก็ได้นะ / ไอ้เหี้ยด้วง!

“ไม่รู้เหมือนกัน ไว้กูคุยกับไอ้เก็กก่อนแล้วกัน... กูอิ่มแล้ว ไปก่อนนะ” พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยเอ่ยอย่างเลื่อนลอย ก่อนบอกลาทั้งสี่หนุ่มเสียงอ่อยแล้วจึงค่อยๆเดินคอตกจากมาด้วยความปราชัยผิดกับขาไปลิบลับ


Ħ------------------------------------------------------------------------Ħ


[9A.1]


“ดึกแล้ว เฮียฟูยังไม่นอนอีกเหรอครับ?” บ๊วยถามพี่ชายคนรักที่ยืนเหม่อลอยพิงขอบระเบียง...

จริงอยู่ที่พักนี้หลังจากแสงสว่างภายในห้องดับลง ร่างผอมมักจะได้ยินเสียงสวบสาบดังมาจากคนนอนตรงกลางเสมอ...
กรกฏมักจะขยับตัวยุกยิกนานบ้าง ไม่นานบ้าง แต่ไม่มีครั้งไหนที่คนกลัวผีขึ้นสมองจะกลั้นใจเดินฝ่าความมืดออกมารับลมที่ระเบียงอย่างในคืนนี้ แสดงว่าเรื่องราวที่ก่อกวนหัวใจกรกฏจนปิดปากเงียบมาตั้งแต่เมื่อเช้า...คงจะหนักหนาเอาการ


“กูนอนไม่หลับ” ...นับว่าเป็นสัญญาณที่ดี เพราะกังฟูไม่ได้เพิกเฉยกับคำถามของเขาแต่อย่างใด เมื่อมีกำลังใจ... รุ่นน้องจึงยิงคำถามข้อสำคัญโดยไม่รอช้า

“เฮียคิดเรื่องพี่เต๋อกับพี่ด้วงอยู่เหรอครับ?”

“อืม” หนุ่มร่างเล็กถอนหายใจยาวแล้วจึงพยักหน้าน้อยๆระหว่างเอ่ยตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้... จะให้กังฟูร่ำรำพันต่อหน้าอีกฝ่ายว่าไม่ใช่แค่เต๋อ...หากแต่พ่วงเพื่อนรักเพียงหนึ่งเดียวไปอีกคนที่ทำให้เขากังวลจนนอนไม่หลับ ก็ใช่ที่  

พอตระหนักว่ามีสีหน้าของหนุ่มรุ่นพี่ดูไม่ดีนัก
แฟนตัวน้อยของธันวาจึงขันอาสาหาตัวช่วยมาแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้รุ่นพี่ต่างคณะด้วยน้ำเสียงกระตือรือล้น


“ลองดื่มโกโก้ร้อนหน่อยไหมครับ... เผื่อว่าพอท้องอุ่นแล้วจะช่วยให้หลับได้  เดี๋ยวผมไปชงมาให้นะครับ” ถ้าไม่เพราะพี่ชายอดีตเดือนมหาลัยคว้าข้อมือบ๊วยแล้วรั้งเอาไว้ เข้าใจว่าหนุ่มรุ่นน้องคงจะปรี่กลับเข้าห้องไปชงเครื่องดื่มมาปรนเปรออริยะตรัยผู้พี่ไปตั้งแต่ที่พูดยังไม่ทันจบ

“ไม่ต้อง! มึงอยู่นี่แหละ... อยู่เป็นเพื่อนกูหน่อย”

“ครับ ได้ครับ”...แม้ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่วัน ท่าทีของกรกฏจะพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือจนน่าปลื้มใจ  แต่เพราะความเป็นห่วงเป็นใยอีกฝ่ายที่มากกว่า ทำให้หนุ่มสถาปัตย์ไม่ทันได้ปลาบปลื้มกับการเปิดใจยอมรับของพี่ชายคนรักอย่างที่ควรจะเป็น  
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“บูบู้... กูถามหน่อยเถอะ คนอย่างกูนี่แย่มากไหมวะ?” น้ำเสียงไม่มั่นใจของกังฟูสะท้อนให้หนุ่มสถาปัตย์เห็นถึงอารมณ์อันเปราะบางของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน... แล้วอย่างนี้เขาควรจะตอบคำถามสุ่มเสียงของอีกฝ่ายให้ตรงประเด็นโดยไม่ผิดใจกันอย่างไรดี?

“เอ่อ”

“ถ้าคิดจะเบี้ยวไม่ยอมตอบกู... มึงมาทางไหน ก็กลับไปทางนั้นเลยนะ กูไม่อยากเห็นหน้าให้เสียอารมณ์!” รุ่นพี่ร่างเล็กบ่นด้วยความหงุดหงิด เพราะมีสิทธิมากที่คนหงอจ๋องอย่างบ๊วยจะบ่ายเบี่ยงจนเขาอาจจะเผลอเหวี่ยงยิ่งไปกว่านี้

“ตอบครับ!... ยอมตอบแล้วครับ!

ระหว่างเรียบเรียงความคิด...บ๊วยดูจะลังเลไม่น้อย
สุดท้ายแล้ว ชายกลางก็พ่ายให้แก่แรงกดดันจากสายตาดุๆของกังฟูจนต้องยอมเผยความคิดที่ไตร่ตรองมาเป็นอย่างดีให้อีกฝ่ายได้รับฟัง


“ในมุมมองของผม เฮียฟูไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรหรอกครับ...
.
.
....แค่กลไกป้องกันความเจ็บปวดของเฮียแน่นหนาเกินไปนิด กับปากไม่ตรงกับใจเกินไปหน่อยในบางครั้ง...
...พอบวกเข้ากับความซื่อสัตย์ต่อความต้องการของตัวเองเพิ่มไปอีกอย่าง เท่านี้ก็สร้างปัญหาให้กับเฮียฟูปวดหัวได้แล้วล่ะครับ”

แม้จะไม่พอใจกับคำตอบที่ได้ยินสักเท่าไร
แต่ใบหน้าบึ้งตึงของชายหนุ่มรุ่นพี่ในทีแรกก็กลับค่อยๆเปลี่ยนเป็นอมยิ้มอย่างห้ามไม่ได้...

กระทั่งมีเวลาขบคิดไม่เท่าไร ไอ้เด็กนี่ก็ยังสรรหาคำพูดถนอมความรู้สึกคนฟังมาปลอบประโลมเขาได้
มิน่าล่ะ น้องชายของเขาถึงไปไหนไม่รอด


“ไม่ต้องรักษาน้ำใจกูก็ได้ กูรู้ว่ากูเลวกว่าที่มึงพูดมาเยอะ”
.
.
.
.
.
“ก็...อืม...ครับ” ชายกลางยิ้มแหยๆพลางเกาหัวป้อยด้วยความกระอักกระอ่วน

“หึ หึ!” พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยอดหัวเราะไม่ได้เมื่อสุดท้ายแฟนน้องชายก็ยอมรับความจริงต่อหน้าเขาจนได้... แต่ก็แปลก ที่กรกฏกลับไม่รู้สึกโมโห หรือไม่พอใจอีกฝ่ายเลยสักนิด... ออกจะเอ็นดูมากขึ้นเรื่อยๆเสียด้วยซ้ำ

บางที... การมีใครสักคนอยู่ข้างๆในยามที่อับจน ได้รับรู้ว่าอีกฝ่ายสนใจและพร้อมรับฟังทุกอย่างโดยไม่ตัดสินถูกหรือผิด
เท่านี้ก็เพียงพอที่จะทำให้กังฟูรู้สึกสนิทใจกับอีกฝ่ายโดยไม่ต้องอาศัยปัจจัยอื่นใดมาช่วยส่งเสริม 
จุดเริ่มต้นเล็กๆจุดนี้เอง ที่ทำให้รุ่นพี่ร่างเล็กก็ยอมเผยความรู้สึกภายในให้เด็กหนุ่มต่างคณะร่วมรับรู้


“มึงรู้ไหม พอไม่มีด้วงมาคอยพันแข้งพันขาอยู่ข้างๆ...กูก็เพิ่งรู้นี่เองแหละว่า ที่ผ่านมามันยอมทำเพื่อกูมากมายขนาดไหน...
.
.
...แต่ไหนแต่ไรแล้ว กูเป็นคนเอาแต่ใจไม่มีใครเกิน แต่ไอ้ด้วงกลับไม่เคยปริปากบ่นด่าว่ากูสักคำ...
...มันทำเพื่อกูทุกอย่าง แถมยังดีกับกูยิ่งกว่าใคร  เผลอๆมันนั่นแหละที่ยอมลงให้กูมากกว่าป๊ากับม้ากูสียอีก...
...มันคอยสอน คอยให้กำลังใจ คอยห้าม คอยให้อภัย... ไม่เคยทิ้งกูไปไหน ไม่เคยปฏิเสธความต้องการของกูเลยสักครั้ง...
...เพราะมีมันอยู่ในชีวิตมาตลอดสิบกว่าปี กูเลยเผลอคิดไปว่ามันคือคนในครอบครัว”  
.
.
.
.
.
“ที่กูพูดไปเมื่อกี๊ ฟังดูดีใช่ไหม?...หึ! แต่แม่งไม่ใช่อย่างที่มึงเข้าใจหรอกบูบู้”

เสียงหัวเราะในลำคอท้ายประโยคของกรกฏฟังเจื่อนหู  
หนุ่มวิศวะละสายตาจากใบหน้าของคู่สนทนาเพื่อจับจ้องเสี้ยวโค้งบางๆของรัชนีกรที่ยิ้มอ่อนหวานอยู่บนฟากฟ้า...
ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกราวกับว่า กระทั่งดวงจันทร์ก็ยังหมายจะเหยียดหยันความทะนงตนจนโง่เขลาขาดสติแบบที่เขาเป็น


“เพราะอะไรรู้ไหม?” สีหน้าลำบากใจของพี่ชายอดีตเดือนมหาลัยบอกให้บ๊วยรู้ว่า... สิ่งที่ร่างเล็กกำลังจะกล่าวถึง น่าจะเป็นเรื่องหนึ่งที่สำคัญ และมันคงต้องอาศัยความกล้าอย่างมหาศาลในการเปล่งออกมา

“ก็พอกูนับมันเป็นคนที่กูรักเหมือนครอบครัว วันนึงกูก็เสือกลืมมัน...
...กูลืมไปว่าด้วงมันก็เจ็บปวดเป็น เหมือนๆกับที่คนหยาบกระด้างอย่างกูร้องไห้ได้... 
...มึงคิดดูดิ ขนาดชีวิตกูไม่มีคนสำคัญสักเท่าไร แต่กูกลับเห็นอย่างอื่นสำคัญกว่ามันอยู่ดี...
.
.
...อย่างไอ้เรื่องที่เกิดขึ้นที่โรงกลางนั่นก็เหมือนกัน  กูเห็นหน้าตา เห็นชื่อเสียงของตัวเองสำคัญกว่าความรู้สึกของมัน...
...กูเลยพูดจาหมาไม่แดกใส่มันทั้งที่กูไม่ได้หมายความตามนั้น แถมด้วงมันยังไม่ผิดอะไรเลยสักนิด...
...กูแม่งเป็นเพื่อนที่ใช้ไม่ได้จริงๆว่ะบูบู้!” สีหน้าโล่งอกแบบไม่สุดบนใบหน้าน่ามองของพี่ชายคนรักทำให้บ๊วยอดสงสัยไม่ได้

“พี่ด้วงยังทำตัวเฉยชาใส่เฮียฟูอยู่อีกเหรอครับ?”

“ตอนกูไปนั่งกินข้าวเช้ากับพวกมัน ไอ้ด้วงมันคงเห็นแก่มารยาทเลยยอมคุยกับกูดีอยู่หรอก...
.
...แต่พอตอนบ่าย มันก็กลับมาทำหน้าตึงใส่กูเหมือนเมื่อสองวันก่อนเด๊ะๆเลยว่ะ”

“เฮียฟูน่าจะต้องขอโทษพี่ด้วงให้เร็วที่สุดแล้วล่ะครับ ไม่อย่างนั้น...เฮียกับพี่ด้วงคงไม่มีโอกาสได้ปรับความเข้าใจกันแน่ๆ” รายละเอียดทั้งหลายที่พรั่งพรูออกจากปากของกรกฏ ทำให้ชายกลางสรุปได้โดยไม่ต้องคิด

“ด้วงมันจะยังอยากฟังคำขอโทษจากกูอยู่อีกเหรอวะ?”

“พี่ด้วงต้องกำลังรอฟังคำขอโทษจากเฮียฟูอยู่แน่ๆครับ... พี่ด้วงไม่มีทางโกรธคนที่พี่ด้วงรักได้นานๆหรอกครับ”

“มึงไม่รู้อะไรก็อย่าพูดเลยบูบู้!...
.
...กูแน่ใจว่าต่อให้กูขอโทษมันร้อยหนพันหน...
...ทุกอย่างก็ไม่มีวันกลับไปเหมือนเดิมได้อีกแล้ว” อริยะตรัยผู้พี่เผลอขึ้นเสียง...

ยิ่งฟัง...ร่างเล็กก็ยิ่งดูลังเลกับข้อแนะนำและเหตุผลสนับสนุนของอีกฝ่าย  
ดวงตากลมโตที่เคยสดใสคล้ายลูกกวางน้อยกลับหม่นแสงด้วยความกังวลล้นอก...

ก็ไอ้ทางออกที่บ๊วยว่ามามันทำได้ง่ายอย่างปากว่าเสียที่ไหน?!
ยิ่งในจังหวะที่เขาไม่แน่ใจว่าวิญญูยังจะรักเขาอยู่อีกไหม... ในเมื่อหลายๆอย่างกลับตาลปัตรจนกรกฏไม่อาจคาดเดา


“อ้าว! ทำไมเฮียฟูถึงพูดอย่างนั้นล่ะครับ?” ชายกลางซักไซ้

“กูเห็นไอ้ด้วงมันกอดกับไอ้เด็กหัวทองตอนเลิกเรียน...
.
...พวกมันยืนกอดกันกลมแบบไม่อายสายตาใครในคณะกูเลยสักคน!” กังฟูระเบิดอารมณ์... กระทั่งตอนนี้ ภาพที่วิญญูกอดกับฝาแฝดคนพี่ยังติดตาเขาไม่หาย

“แต่เฮียฟูอาจจะเข้าใจผิดพี่ด้วงอยู่ก็ได้นะครับ ถ้าไม่ลองเปิดใจคุยกัน... แล้วเฮียจะรู้เหรอครับว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” บ๊วยพยายามให้เหตุผลอย่างใจเย็นเพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายอาละวาดด่าพาดพิงถึงบุคคลที่สามจนคนทั้งตึกต้องสะดุ้งตื่นขึ้นกลางดึก  แต่ความรุนแรงหาใช่ปฏิกิริยาตอบสนองของพี่ชายอดีตเดือนมหาลัยอย่างที่หนุ่มร่างผอมเข้าใจ
 
“คุยไปก็เท่านั้น!... เดี๋ยวอีกหน่อย...ด้วงมันคงเห็นคนอื่นสำคัญกว่ากูอยู่ดีนั่นแหละ”  พูดจบ...เจ้าของประโยคน้อยอกน้อยใจเมื่อครู่ก็ห่อตัวเล็กลงจนยิ่งดูน่าสงสารไปกันใหญ่

“เฮียฟู... ผมขอถามอะไรเฮียฟูหน่อยได้ไหมครับ?”

“...” กรกฏลดสายตาจากดวงจันทร์แล้วพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่แฟนน้องชาย

“เฮียฟูอยากกลับไปเป็นเพื่อนสนิทกับพี่ด้วงเหมือนเดิมใช่ไหมครับ?”

“ก็ใช่น่ะสิ!” ร่างเล็กปรายหางตามองหน้าบ๊วยด้วยความขุ่นเคือง พลางจิกกัดอีกฝ่ายตามพื้นนิสัยปากไวของตน “หรือมึงคิดว่า การที่กูหาโอกาสขอโทษมันเนี่ยเพราะกูหาอะไรทำฆ่าเวลาแก้เซ็งหรือยังไง?”

ท่าทางของกรกฏไม่ได้ทำให้ชายกลางหวาดผวา...
กลับกัน คำยืนยันหนักแน่นที่เพิ่งกังฟูโพล่งออกมาตามสัญชาตญาณเมื่อสักครู่ ทำให้บ๊วยต้องกลั้นยิ้ม


“ถ้าอย่างนั้น...หลังจากที่เฮียฟูกับพี่ด้วงดีกันแล้ว พี่ด้วงจะคบกับผู้ชายหรือผู้หญิงคนไหน จะกอดกับใคร หรือให้เวลาส่วนใหญ่กับใครที่ไม่ใช่เฮียฟูก็ได้ใช่หรือเปล่าครับ?”

“...” หนุ่มวิศวะถึงกับถลึงตาก่อนจะขมวดคิ้วเป็นปมแน่นเมื่อคิดภาพตามสถานการณ์สมมติของรุ่นน้อง

“เฮียทนไม่ได้ใช่ไหมล่ะครับ?” บ๊วยซาวด์เสียง และเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้โต้แย้งอะไร... ชายกลางจึงเสริมความทันที “ถ้าอย่างนั้น ก็หมายความว่าเฮียฟูไม่ได้คิดกับพี่ด้วงแค่เพื่อนสนิทหรอกครับ...
.
...ที่ผ่านมา...
...กับพี่ด้วง เฮียฟูอาจจะไม่เคยรู้สึกหวั่นไหวหรือใจเต้นด้วย เพราะพี่ด้วงกลายเป็นยิ่งกว่าคนสำคัญของเฮียไปแล้ว...
...แต่ความผูกพัน และการเป็นส่วนหนึ่งของตัวตนอีกฝ่ายมากว่าเศษหนึ่งส่วนสี่ของช่วงชีวิต อาจะทำให้เฮียรักพี่ด้วงโดยที่เฮียไม่รู้ตัวก็ได้ครับ”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“เฮียฟูยังไม่ต้องเชื่อสิ่งที่ผมพูดตอนนี้ก็ได้ครับ... แต่นี่คือความจริงที่ผมสัมผัสได้จากช่วงเวลาที่เฮียกับพี่ด้วงอยู่ด้วยกัน” สีหน้าไม่เชื่อหูตัวเองของร่างเล็กที่ยืนข้างๆทำให้บ๊วยปล่อยให้อีกฝ่ายได้ใช้เวลาทบทวนและถกเถียงกับตัวเองโดยไม่เร่งรัด

“เหรอ? ในสายตามึง... กู... กับ... ไอ้ด้วง... เป็นแบบ....นั้น... เหรอวะบูบู้?” สิ่งที่กังฟูต้องการเหนือกว่าเวลาใคร่ครวญ คือการยืนยันอันหนักแน่นและจริงใจต่างหาก

“สิ่งที่ผมเห็น ก็ไม่เท่ากับสิ่งที่เฮียรู้สึกอยู่ข้างในหรอกครับ...
.
...เฮียฟูค่อยๆใช้เวลาถามตัวเองดู เฮียก็จะรู้คำตอบครับ” บ๊วยตอบอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม  “แต่ถ้าเฮียกลัวสับสน... ผมมีตัวช่วยที่พอจะทำให้เฮียได้คำตอบง่ายขึ้นมาแนะนำครับ”

“ตัวช่วยอะไรเหรอวะไอ้บูบู้?” ด้วยความสนอกสนใจ ร่างเล็กถึงกับเปลี่ยนท่ายืนโดยหันหน้าเข้าหาคู่สนทนาแล้วตั้งใจฟังคำแนะนำของอีกฝ่ายด้วยสายตาเป็นประกาย

“กับพี่เต๋อ... เฮียรู้สึกยังไงครับ?”

“เฮ่ย! เมื่อกี๊กูถามมึง... ไม่ใช่ให้มึงมาถามกู! ไอ้บูบู้... หรือมึงจะเอา?!!” หนุ่มรุ่นพี่ขู่ฟ่อ...โชคดีเหลือเกินที่กรกฏยอมรับอีกฝ่ายได้แล้ว ไม่อย่างนั้นงบ๊วยคงโดนพี่ชายอดีตเดือนมหาลัยตุ๊ยท้องเข้าเต็มรักค่าที่กล้าหลอกถามเขาเกี่ยวกับหัวข้อต้องห้ามไปนานแล้ว

“ผมเดาว่าเฮียกำลังเขิน เฮียเลยทำท่าขึงขังใส่ผม... ใช่ไหมครับ?”

กูเปล่าเหอะ!

เพราะเริ่มจะจับทางได้ ความกลัวเพราะไม่เข้าใจท่าทีขึงขังของอีกฝ่ายจึงมลายหายไป
จะเหลือไว้ก็เพียงแต่ความรู้สึกเอ็นดูในการแสดงออกที่ตรงข้ามกับความรู้สึกที่กรกฏมักจะทำอยู่บ่อยๆเท่านั้น  
ชายกลางจึงอดยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อเห็นการตอบสนองที่ตรงข้ามกับความรู้สึกของรุ่นพี่ต่างคณะ


“เฮียฟูไม่ต้องห่วงไปครับ... ผมแค่อยากจะบอกว่าตัวช่วยของผมก็คือ...
.
...ความรู้สึกของเฮียฟูที่มีต่อพี่เต๋อยังไงล่ะครับ”

?????????

“เฮียลองถามตัวเองดูได้ไหมครับว่า ทุกๆช่วงเวลาดีๆที่เฮียมีร่วมกับพี่เต๋อ หากเปลี่ยนตัวละครจากพี่เต๋อเป็นพี่ด้วง...
...เฮียจะรู้สึกแบบไหน?  เฮียจะยังเขิน จะยังตื่นเต้น และจะยังซาบซึ้งกับช่วงเวลานั้นๆเหมือนอย่างที่เป็นตอนอยู่กับพี่เต๋อไหม?...
.
.
.
...ตอนแรกๆก็แค่หาคำตอบง่ายๆพวกนี้ให้ได้ก่อน  ส่วนเรื่องอื่นๆที่ซับซ้อนกว่าซึ่งอาจจะตามมาในภายหลัง เฮียก็น่าจะรับมือได้ไม่ยากอีกต่อไปแล้วล่ะครับ” บ๊วยสรุปโดยหวังว่า... วิธีเปรียบเทียบโดยเปลี่ยนตัวละครหลักน่าจะทำให้กังฟูเข้าใจความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อวิญญูได้อย่างรวดเร็ว
.
.
.
.
.
.
.
.
.

.
.
“บูบู้” กรกฏเรียกแฟนน้องชายหลังจากใช้เวลากับตัวเองอยู่ครู่ใหญ่

“ครับ?”
.
.
.
.
.
.
“มันจะเป็นไปได้เหรอวะที่คนเราจะรักใครได้พร้อมกันทีเดียวมากกว่าหนึ่งคน?”

ความรู้สึกสองจิตสองใจของกังฟูอันตรธานไปในทันตา
เมื่อได้ยินคำตอบซื่อๆแต่ตรงประเด็นเหลือเกินของชายหนุ่มรุ่นน้อง


“แต่ก็ไม่มีใครบอกนี่ครับว่าเป็นไปไม่ได้” บ๊วยส่งยิ้มแถมกำลังใจและความปรารถนาดีไปให้อีกฝ่ายทันทีที่เอ่ยจบ คำพูดและรอยยิ้มจริงใจของชายกลางทำให้กรกฏโล่งอกจนอดยิ้มตามไม่ได้

“หึ! ทีเรื่องคนอื่นนี่เจื้อยแจ้วเชียวนะมึง...
.
...เก่งอย่างนี้ให้ได้ตลอดดิวะ...
...กูเห็นพอเป็นเรื่องน้องกูทีไร มึงก็เอาแต่ยอมให้ไอ้เก็กเอาเปรียบได้ทู๊กกกกกที” เมื่อความรู้สึกหน่วงภายในใจได้ถูกปัดเป่าจนเบาบาง อริยะตรัยคนพี่ก็กลับมาพูดจาสัพยอกหยอกเย้าอีกฝ่ายได้อีกครั้ง

“หึ หึ หึ... ทำไงได้ล่ะครับเฮียฟู ก็ผมแพ้ทางพี่หมีหมดรูปมาตั้งแต่แรกแล้วนี่ครับ” ร่างผอมยิ้มรับโดยดุษฎี  กระนั้น...สีหน้ากล้ำกลืนของบ๊วยทำให้กังฟูอดให้กำลังใจน้องสะใภ้คนใหม่ไม่ได้

“เฮ่ย! คิดจะอยู่กับน้องกู มึงก็ต้องหัดมั่นใจในตัวเองหน่อยดิวะ!...
.
...กูจะบอกอะไรให้นะ...
...ไอ้เก็กน่ะ ถ้ามันไม่คิดอะไร มันก็จะไม่เสียเวลาชายตามองเรี่ยราดหรอก... กูเป็นพี่มัน กูรู้ดี”  รุ่นพี่ร่างเล็กตบบ่าอีกฝ่ายเบาๆ สัมผัสที่มาพร้อมคำพูดสนับสนุนเต็มที่ของกรกฏทำให้บ๊วยอดทำแต้มให้พี่รหัสร่างหมีของตัวเองไม่ได้

“พี่ผมก็เป็นคนดีมากนะครับเฮียฟู...
.
...เฮียฟูให้โอกาสพี่เต๋อด้วยนะครับ...
...ผมอยากเห็นพี่เต๋อสมหวังเสียที”

“ไม่ต้องมาหาเสียงให้ไอ้หมีมันเลย! ไป! เข้าไปนอนได้แล้ว เดี๋ยวไอ้งูเหลือมเผือกมันจะงอแงเอาเสียก่อน” อริยะตรัยผู้พี่พยักเพยิดคล้ายชวนให้รุ่นน้องทำตามคำชักชวนแกมสั่งเมื่อครู่   บ๊วยที่หมุนตัวออกเดินตามกรกฏกลับเข้าห้องถึงกับผงะเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดถึงสัตว์เลือดเย็นไม่มีขา... หรือเขาจะหูฝาดไปเอง?!

“เมื่อกี๊เฮียว่าอะไรนะครับ? ในห้องมีงูด้วยเหรอครับเฮีย?”

“เออ! ก็ไอ้ตัวที่รัดมึงแน่นทุกคืนนั่นยังไง! หรือจะเถียง?!

“หึ หึ หึ เรื่องนี้ผมเห็นด้วยร้อยเปอร์เซนต์เลยครับ” หนุ่มสถาปัตย์ร่างผอมอมยิ้มกริ่มเมื่อสิ่งที่กังฟูพูดไม่ผิดไปจากความเป็นจริงแต่อย่างใด


Ħ------------------------------------------------------------------------Ħ


[10A]


“เฮีย... เดี๋ยวเฮียนั่งรอที่โต๊ะกับบูบู้นะ วันนี้เก็กไปซื้อข้าวให้เอง” ธันวาผละจากพี่ชายและแฟนตัวน้อยแล้วเดินไปซื้อข้าวพร้อมๆกับแฝดพี่ทันทีที่ทั้งสามมาถึงโรงอาหารกลางในเช้าวันถัดมา  

จังหวะที่ทั้งสองกำลังจะเดินไปถึงโต๊ะตัวที่เหล่าสมุนเลวส่วนใหญ่จับจองเอาไว้
กรกฏก็อดสงสัยไม่ได้เมื่อเห็นว่าบรรดาเพื่อนๆของบ๊วยกำลังพร้อมใจกันมุงดูอะไรบางอย่างอยู่โดยไม่สนใจโลกภายนอก


“เฮ้ยไอ้บูบู้... เพื่อนมึงเป็นอะไรมากหรือเปล่าวะ?”

“ไหนครับ?”

“นั่นไง! มึงคิดว่าพวกมันจับกลุ่มกระจายเหากันอยู่เรอะ?” รุ่นพี่ร่างเล็กชี้นำสายตาแฟนน้องชายพลางจ้ำอ้าวไปที่โต๊ะโดยไม่รอรี ลางสังหรณ์บอกกับเขาว่า... สิ่งที่ไอ้เด็กเปรตกลุ่มนั้นกำลังตั้งใจดู จะต้องเกี่ยวพันกับเพื่อนสนิทของเขากับหนุ่มร่างหมีอย่างแน่นอน

“พวกมึงสุมหัวทำอะไรกัน?!!” เสียงตวาดของพี่ชายอดีตเดือนมหาลัยทำเอาเหล่าสมุนเลวกับอดีตเดือนบริหารแตกฮือ

“ปละ...เปล่าครับ เปล่าเลยครับคุณกรกฏ!!” สกลอึกอัก ท่าทางเลิ่กลั่กและพยายามซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้ข้างหลังทำให้ความอดทนของกังฟูขาดผึงทันควัน

“ไอ้แนน... คนโกหกกูศพไม่สวย!” กรกฏคำรามพลางจ้องหนุ่มหน้าแว่นราวกับอยากจะเถือหนังอีกฝ่ายออกมาเป็นแผ่นๆ  

“ไม่มีอะไรหรอกครับคุณกรกฏ... แบบว่าไม่มีอะไรจริงจริ๊งงงงง!” เสียงสูงผิดคีย์กับดวงตาล่อกแล่กที่มองไปทางซ้ายทีขวาทีคล้ายกำลังหาทางหนีทีไล่ ทำให้รุ่นพี่ร่างเล็กฟันธงโดยไม่ต้องสืบว่า...คำพูดของสกลต้องเชื่อถือไม่ได้อย่างแน่นอน

ไอ้บูบู้!

“ครับเฮียฟู” ร่างผอมรับคำกรกฏอย่างแข็งขัน  น้ำเสียงเฉียบขาดมั่นใจของรุ่นพี่จึงสั่งต่อโดยไม่เว้นช่องไฟ

“ไปเอามือถือที่ไอ้แฝดหัวน้ำพุแอบเหน็บหลังไอ้อิ๊กมาให้กู!” พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยชี้นิ้วไปยังวัตถุสี่เหลี่ยมขนาดพอดีฝ่ามือที่สกลเคยซ่อนเอาไว้ข้างหลัง ซึ่งบัดนี้...ถูกส่งผ่านมือฌอนเพื่อเปลี่ยนไปแอบเอาไว้ที่อคิราแทน... หึ! ไอ้พวกนี้คิดว่าเขาโง่ และหงอกับไอ้แฟนเก่าปากเน่าหนอนของน้องชายเขาหรืออย่างไร?!

“เอ่อ”

ไป!” รุ่นพี่ร่างเล็กกระตุ้นให้บ๊วยยอมทำตามสั่ง แต่ยังไม่ทันที่ชายกลางจะต้องกลั้นใจทำอุกอาจกับอดีตเดือนบริหารตามความต้องการของอีกฝ่าย แฝดน้องก็ถามแทรกขึ้นเสียก่อน

“ไม่ต้องหรอกบ๊วย... เฮียฟูอยากดูจริงๆเหรอครับ?”

“ก็เออดิวะ!

“ถ้างั้นเฮียฟูก็กดเข้าเพจคิวท์บอยของมหาลัยเลยครับ” ฌอนยอมแบไต๋ง่ายๆคล้ายกับไม่อยากทำให้อคิราลำบากใจ

“หึ! ไม่ต้องลำบากก็ได้ครับตั่วเฮีย” ร่างบางผู้มีความแค้นฝังหุ่นกับหนุ่มรุ่นพี่หยิบยื่นไมตรีส่งให้กังฟูโดยสันติ ผิดอยู่แค่ว่าสีหน้าของอิ๊กกลับดูสาสมใจคล้ายได้เอาคืนอีกฝ่ายอยู่อย่างไรอย่างนั้น  “อ่ะนี่ ผมเปิดเอาไว้รอให้ตั่วเฮียมาชื่นชมแบบเต็มๆสองลูกตาแล้วครับ!” อคิรากระแทกเสียงพลางส่งมือถือของตนไปให้พี่ชายอดีตแฟน

“เฮอะ! ไม่เห็นจะมีอะไร... แค่มีคนถ่ายรูปไอ้ด้วงไปลงเพจแค่นั้นเอง” น้ำเสียงของรุ่นพี่ร่างเล็กฟังปลอดโปร่งหลังจากรูปที่ค้างบนหน้าจอ คือ ภาพแอบถ่ายวิญญูจังหวะกำลังคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน “หน้าตาอย่างไอ้ด้วงเนี่ยนะคิวท์บอย?! คนจัดอันดับแม่งต้องตาบอดแหงๆ! กรกฏปดไปเรื่อยเปื่อยเพื่อยืดเวลาจ้องใบหน้าของด้วงในรูปให้นานขึ้น   ทว่าเสียงเจื้อยแจ้วของหนุ่มบริหารกลับทำลายความสุขของเขาลงในเสี้ยววินาที

“หึ! ไม่ใช่รูปพี่ด้วงหรอกครับที่น่าสนใจ...
.
...ตั่วเฮียลองเลื่อนลงไปดูรูปช้างล่างก่อนนะครับ แล้วตั่วเฮียช่วยผมคิดแคปชันให้รูปข้างล่างนั้นเสียหน่อย...
...ผมว่าแคปชันอันเก่ามันแรงน้อยไป คึ คึ คึ” อคิราทำหน้าโรคจิตพลางหัวเราะอย่างบ้าคลั่งจนสกลอดละเหี่ยใจไม่ได้  

!!!!!

รูปที่อยู่ด้านล่างรูปของด้วง คือรูปถ่ายเต๋อตอนเผลอ...
แต่สิ่งที่ทำให้อริยะตรัยคนพี่เหวอจนพูดอะไรไม่ออกคงจะเป็น ในภาพนั้น...หนุ่มสถาปัตย์กำลังเดินจับมือกับเด็กแฝดหัวแดงคนที่เขาจำได้แม่น  ดูจากภาพ... บอกได้เลยว่า หนุ่มร่างหมีกำลังปกป้องอีกฝ่ายจากภยันตรายต่างๆอย่างเต็มความสามารถ

รูปๆนี้ทำเอาความรู้สึกพลุ่งพล่านร้ายดีทั้งหลายกลายกลับเป็นด้านชา
กังฟูไม่รู้กระทั่งว่าตนเองทำหน้าตาอย่างไรตอนที่ยัดมือถือใส่มือแฟนน้องชาย เมื่อรู้สึกว่าไม่มีเรี่ยวแรงเหลือพอจะหายใจ...
กระทั่งถืออุปกรณ์สื่อสารเครื่องเล็กๆเอาไว้ในมือ ยังแทบจะไม่ไหว


“กัปตันตรินควงเด็กบริหารมออื่นหน้าระรื่น หรือนี่คือเจ้าของประตูที่หนุ่มเต็กปีสามอยากจะซัดลูกตุงตาข่าย?!!” อิ๊กอ่านแคปชันเม้าท้มอยที่แปะอยู่เหนือรูปภาพนั้นด้วยสีหน้าปริ่มเปรมเอมสุข ก่อนจะเติมเชื้อไฟแห่งความโกรธให้ลุกโชติช่วงในใจกรกฏไปกันใหญ่ “ดูๆไปพี่เต๋อก็เหมาะกับคนในรูปดีนะครับ...
.
...คนนึงหล่อเข้มดุดันอีกคนก็น่ารักน่าทะนุถนอมเป็นที่สุด  ว่างั้นไหมครับตั่วเฮีย?”

“...กู... กูไม่รู.. / เฮ่ย! นั่นพี่เต๋อกับพี่ด้วงนี่ครับ!!” พูดถึงยังไม่ทันขาดคำ สกลก็ร้องทักร่างสูงของบุคคลทั้งสองที่ถูกผองสมุนเลวพาดพิงเดินเข้ามาในโรงอาหารกลาง โดยมีร่างบางของแฝดหัวทองและหัวแดงเดินประกบข้างมาเป็นแผง  

“แหม... ตายยากจริงๆเลยนะครับคิวท์บอยสองคนนี้... แถมเช้านี้ยังจะควงแฝดมาสร้างข่าวลือต่อกันถึงที่นี่อีกต่างหาก” อิ๊กจีบปากจีบคอพูดด้วยอารมณ์สนุกแบบฉุดไม่อยู่




ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร แต่พวกเขาทั้งหมดกลับไม่ละความสนใจไปจากทั้งสี่หนุ่มเลยสักนิด
จนเมื่อร่างของหนุ่มผมแดงที่ปลีกตัวมาซื้ออาหารพร้อมพี่รหัสของบ๊วยลื่นล้ม แล้วเต๋อปราดเข้าไปประคองอีกฝ่ายเอาไว้ได้ทัน ก่อนที่ทั้งสองจะจับมือกันเดินไปอีกทางแล้วนั่นแหละ  หนุ่มหน้าแว่นก็อดเปรยออกมาด้วยน้ำเสียงผิดหวังไม่ได้


“อ่ะโห! ท่าทางรูปที่ลงในเพจจะเป็นแค่น้ำจิ้มเองนะครับ ของจริงนี่จับกันนานกว่าในรูปเยอะเลย” ความหดหู่ของสกลทำให้บ๊วยรีบเข้าไปประคองแล้วไต่ถามพี่ชายแฟนด้วยความเป็นห่วง

“เฮียฟู... เฮียไม่เป็นไรนะครับ?”

“อืม... กูโอเค  บูบู้... เดี๋ยวพอไอ้เก็กมา พากูไปที่คณะทีนะ...กูลืมไปว่ากูจำเวลาเข้าเรียนเช้านี้ผิดน่ะ” ร่างเล็กที่กำลังช็อคตอบลิ้นพันกันจนใจความผิดเพี้ยนไปหมด  

“เอ่อ...แล้วข้าวเช้าล่ะครับเฮีย?” ในฐานะของผู้เฝ้าดูเหตุการณ์มาพร้อมๆกัน...ชายกลางก็สามารถทำความเข้าใจกับอาการของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี แต่มีหรือที่บ๊วยจะมองข้ามเรื่องสำคัญต่อร่างกายของกังฟูไปได้

“เช้านี้กูไม่ค่อยหิว อยากไปเรียนให้ทันมากกว่า”

“ครับ... ได้ครับ” หนุ่มสถาปัตย์รับคำง่ายๆ ทว่าใจนึงก็กำลังแอบคิดว่าจะหาซื้อของกินง่ายๆแอบใส่กระเป๋าอีกฝ่ายเพื่อกันหิว  ส่วนอีกใจนึงก็กำลังเป็นห่วงอริยะตรัยคนพี่อย่างที่สุด เพราะหากปัญหานี้ไม่ได้รับการคลี่คลายโดยเร็ว... กรกฏคงจะปลิวไปกับลมในอีกไม่กี่วันข้างหน้าเป็นแน่










งานราษฎร์งานหลวงพร้อมควงกะ

ทุกคนครับ
 READ 02.14 PM
ยู้ฮู?!!
 READ 02.15 PM
คลิกกระดิกคลิก บาร์บ้าคลิก
 READ 02.15 PM


P’Charles:
 เมาหรือแว่น?
02.17 PM
นั่งเรียนอยู่ด้วยกันแล้วจะไลน์ทำไม?
02.17 PM

 ดูปากน้องนะครับ
จริง จัง ครับ!
 READ 02.18 PM
น้องมีเรื่องด่วนต้องขยายครับ!!
 READ 02.18 PM


Shaunsri:
 เห็นพูดแบบนี้มาหลายปี...
แต่หาสาระไม่ได้สักที
02.19 PM


ถ้าฌอนศรีอยากดำนา เชิญหว่านเมล็ดข้าว
ที่ห้องกระดูกสันหลังยาวของชาติเถิดครับ!
 READ 02.19 PM


K.Tunwa:
 สรุปมีเรื่องอะไร?
ถ้าไม่ด่วนจะได้อ่านทีหลัง
02.20 PM

พวกผู้หญิงเม้าธ์กันให้รึ่มว่า
READ 02.20 PM
เด็กบริหารช่วยเด็กแฝดมออื่น
เตรียมเซอร์ไพรส์ขอความรัก
จากคิวท์บอยวิศวะคนล่าสุด
กับกัปตันตรินเย็นวันนี้ครับ!!
 READ 02.21 PM

K.Tunwa:
 ห๊ะ?!
02.21 PM
Bu-Bu:
 ถามจริง??????!
02.22 PM
P’Charles:
 อย่ามาอำพี่ฌานเสียให้ยากเลยสกล!
02.22 PM


ถ้ายังไม่เชื่อ...
ก็เช็คกับงูเห่า
อีกทีก็ได้ครับ
 READ 02.23 PM
ได้ข่าวว่าเป็นคนวงใน
งูเห่าคงเฟิร์มได้มั้งครับ
 READ 02.23 PM



Shaunsri:
 ของจริงครับพี่ชาย ฌอนถามอิ๊กให้แล้ว
02.24 PM
Shaunsri:
หกโมงครึ่งห้องพี่เต๋อ
ได้ข่าวว่าจัดเต็มกันมาก
02.25 PM
Bu-Bu:
แล้วอย่างนี้พวกเราจะทำยังไงกันดีล่ะครับ?!
02.25 PM
P’Charles:
พี่เต๋อพี่ด้วงไม่น่าจะเล่นด้วยหรอกมั้ง
02.26 PM

  
แหม่... ใครจะรู้ล่ะครับพี่ฌาน
อีกฝ่ายน่ะเดือนคณะทั้งคู่เลยนะครับ
 READ 02.27 PM


K.Korakoat:
 พวกมึงทุกคนต้องไปกับกู!
02.27 PM
K.Tunwa:
ไปไหนเฮีย?
02.28 PM
K.Korakoat:
ไปขัดขวางไอ้สองแฝดนั่น!
02.28 PM




Ħ------------------------------------ TBC ------------------------------------Ħ


สกลหัวเน่า:



“เกิดมาเป็นคุณพี่ด้วงกับพี่เต๋อนี่ดีจริงๆนะครับ”
“เพ้อขนาดนี้... เผลอไปกินเส้นเมาคางคกมาเหรอแนน?”
“ฌอนศรี... ถ้าสมองสังเคราะห์ความสร้างสรรค์ไม่ได้ ก็ไม่ต้องเสียน้ำลายพูดจาให้คนอื่นนินทาเอาลับหลังได้จะดีกว่านะครับ”
“หึ! ห้ามไม่ให้ผีเจาะปากตัวเองให้ได้ก่อนเถอะ”
“ผมไม่คุยกับฌอนศรีแล้วดีกว่า เปลืองตัว!...
...ทุกคนที่ไม่ใช่ฌอนศรีดูเพจคิวท์บอยของมหาลัยเราสิครับ...
.
.
...นี่...นี่ๆๆนี่... เห็นไหมครับว่าตอนนี้ คุณพี่ด้วงกับพี่เต๋อติดอันดับคิวท์บอยตัวท็อปประจำมหาลัยไปเสียแล้ว...
...คุณพี่ด้วงนี่แค่กลับตัวกลับใจมาเป็นผู้ชายได้ไม่ถึงวันดียังมีอิทธิพลต่อคนทั้งมหาลัยแบบถล่มทลาย...
...ส่วนพี่เต๋อ  พอคู่ขาอย่างคุณพี่ด้วงโดนจับตา ออร่าของแกก็เปล่งประกายออกมาเสียอย่างนั้น!!
“ทำไมแว่น? อิจฉาพวกพี่ๆเขาหรือไงถึงได้มารำพึงรำพันให้พี่ฌานรำคาญอยู่แบบนี้?”
“แหม... พี่ฌานครับ ผมก็แค่สงสัยเท่านั้นเองว่าความรู้สึกของการเป็นคิวท์บอยมันเป็นยังไง ทำไมผู้คนรอบๆตัวผมที่หน้าตาดูไม่ได้อย่างพี่เต๋อกับคุณพี่ด้วงถึงได้เป็นคิวท์บอยกันง๊ายง่ายอย่างกับใช้สแตมป์เซเว่นแลกตำแหน่งมายังไงก็ไม่รู้”
“เอ... ถ้าเป็นเรื่องนี้พี่ฌานก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ ลองถามอิ๊กดูสิ... พี่ฌานว่าอิ๊กน่าจะแนะนำแว่นได้นะ”
“คุณอิ๊กครับ... การจะเป็นคิวท์บอยได้นี่เราต้องทำยังไงบ้างอ่ะครับ?”
“อ้าวแนนซี่... นี่นายรู้จักชื่อฉันด้วยเหรอ?...
.
...เห็นเอาแต่เรียกฉันว่างูเห่าๆ นายนี่ตีสองหน้าเก่งไม่เบาเลยจริงๆนะ”
“เจ็บเนอะ.... โอ่เอ๊! ไม่เบะนะหนูแนน หึ หึ หึ”
“พี่ฌานครับ ฌอนศรีแท็กทีมกับคุณอิ๊กรังแกน้องครับ!!”  
“ฮื่ออ... อย่าเพิ่งโวยวายไปเลยแว่น แว่นไม่อยากรู้แล้วเหรอว่าทำยังไงถึงจะได้เป็นคิวท์บอยน่ะ?”
“ฮึ! ก็ได้ครับ ผมจะอดทนเพื่อพี่ฌานโดยเฉพาะ”
“อดทนหรือไม่สู้คนกันแน่...แนนซี่?!
“จิ๊!!...(อดทน... อดทน... อดทน)... สรุปว่ามันต้องทำยังไงบ้างเหรอครับคุณอิ๊ก?”
“เอาจริงๆฉันก็ไม่รู้กติกาหรอก รู้ตัวอีกที... รูปฉันก็ไปอยู่ในเพจแล้วล่ะ”
“อ่ะโด่! ไม่รู้จริงแล้วยังจะมาเต๊ะท่า กลับนาไปเลยงูเห่า! ชิ่ว ชิ่ว!
“อย่าเพิ่งไล่ซี่... นี่! ฉันจำได้ว่าพี่ฌานกับฌอนก็เป็นคิวท์บอยเหมือนไม่ใช่เหรอ?...
.
...ทำไมนายไม่ถามพี่ฌานกับฌอนดูล่ะ หรือว่าจริงๆแล้วไม่ได้สนิทกันอย่างที่นายชอบแอบอ้าง?”
“ไม่จริง! หัวเด็ดตีนขาดยังไงผมก็ไม่มีทางเชื่อคุณอิ๊กหรอกว่าหนังหน้าของพี่ฌานกับฌอนศรีดีพอไปวัดไปวาได้...
.
...ยิ่งติดอันดับคิวท์บอยของมหาลัยผมยิ่งไม่อยากจะเชื่อ!!
“นี่ไง...รูปยังมีอยู่เลย แถมมีคนกดไลค์เกือบสองพันแน่ะ...
.
...เห็นไหม...
...นี่ไง รูปนี้...
...เต็กคู่มฤตยูแฝด... แคปชันอัศจรรย์มั่กๆ!!
“อ้าว! เหรอ?... นี่พี่ฌานกับน้องชายติดโผคิวท์บอยด้วยเหรอ? ตั้งแต่เมื่อไรกันล่ะ?... ไหนๆ ขอพี่ฌานดูหน่อยได้ไหมอิ๊ก?”
“นี่ครับพี่ฌาน”
“โห! มีรูปพี่ฌานกับน้องชายเยอะเหมือนกันเนี่ย  นี่พี่ฌานเป็นคิวท์บอยแบบไม่ทันรู้ตัวไปแล้วเหรอ? หึ หึ เจ๋งแฮะ...
.
.
.
.
...หือ... ไอ้เก็กนี่ฮ็อตจังเว้ย  มีรูปมันในนี้เป็นร้อยๆเลยมั้งนิ”
“หึ! พี่ฌานไม่รู้สึกเลยเหรอครับว่าไอ้เดือนมหาลัยนั่นมันดูหน้าโง่ซ้ำซากอย่างไม่น่าให้อภัย? อิ๊กเห็นหน้ามันทีไรเป็นต้องอยากอ้วกใส่หน้ามันทุกที!!
“ใจเย็นอิ๊ก ไม่ต้องใส่อารมณ์ขนาดนั้นก็ได้ พวกเรายังต้องเจอหน้ากันไปอีกนานนะ...อย่าลืมสิ”
“หึ! ถ้าเลือกได้อิ๊กคงไม่ทน!!...
.
...แต่ทำไงได้ล่ะครับพี่ฌาน ก็คนของเราดันเป็นเพื่อนรักกับแฟนใหม่ของไอ้หน้าโง่นั่นเสียอีก”
“ไอ้เก็กมันไม่ได้แย่ขนาดนั้นเสียหน่อย...
.
...ถ้าคุณยังกระฟัดกระเฟียดใส่มันอยู่อย่างนี้... ผมจะเริ่มคิดแล้วนะว่าคุณยังมีใจกับมันอยู่”
“เฮ่ย! ไม่เอาดี้ ไม่งอนนะ...
...อิ๊กแค่หมั่นไส้มันกับพี่มันเฉยๆ ไม่ได้คิดอะไรแล้วจริงๆ...
.
.
.
...ยิ้มหน่อยซี่...
...นะ นะ น้า...สุดหล่อ ยิ้มหน่อยสิครับพ่อคิวท์บอยมหาประลัยยอดดวงใจของอิ๊ก”
“หึ หึ หึ... เออๆ เชื่อก็ได้”
“เดี๋ยวนะครับ... ผมว่ามันไม่ใช่แล้วล่ะ!...
.
...นี่มันอะไรกัน? ใจคอแต่ละคนไม่คิดจะแนะแนวทางก้าวไปสู่การเป็นคิวท์บอยคนใหม่ให้ผมหน่อยเหรอครับ?”
“พี่ฌานรูปนี้นี่หล่อจริงๆเลยว่ะ หึ หึ หึ!
“เฮ่ย! ทุกคน.... พี่ฌ้านนนนน หันมาสนใจตอบคำถามผมหน่อยได้ไหมครับ?”
“ฮื่ออออออแว่น! อย่าเพิ่งรุงรังได้ป่ะ เห็นไหมเนี่ยว่าพี่ฌานกำลังยุ่งอยู่!!
“โฮววววววว!! ทำไมใครๆก็ไม่รักน้อง?!!! ทำม้ายยยยยยยยยยยย?!!!!!!!!!


No comments:

Post a Comment