Monday, September 21, 2015

Ħ บน บาน ศาล รัก Ħ The 28th Blessing || 21.09.2015



อ่ะจ๊าก!! ตอนนี้ก็ยาวสมกับความคิดถึงของเราอีกแล้วค่า
ในที่สุดหนุ่มๆก็หลุดออกจากป่าได้แล้ว ทีนี้จะเกิดเรื่องอะไรต่อบ้างหนอ?
ขอเชิญทุกท่านติดตามได้เลยค่ะ

เจอกันจันทร์หน้าค่ะ
รักคนอ่านทุกท่าน และฝันจะได้อ่านความเห็นของทุกคนเสมอนะคะ จุ๊บๆ




Ħ------------------------------------------------------------------------------------Ħ




The 28th Blessing
ขาหมู ทอดมันกุ้ง ปลาดุกฟู




“มาลูก! มาๆ มากินข้าวกินปลากันก่อนเนอะ กินเสร็จแล้วจะได้ขึ้นไปพักผ่อนให้เป็นเรื่องเป็นราวกันเสียที” แม่บัวเชิญชวนหนุ่มๆทั้งเก้านั่งลงที่โต๊ะตัวกลางในห้องกินข้าว หลังจากทั้งหมดใช้เวลาครู่ใหญ่ๆพักผ่อนตามอัธยาศัยตรงเฉลียงหลังบ้านจนดวงอาทิตย์คล้อยต่ำทำให้ฟ้าเปลี่ยนเป็นสีส้มอมแดง

“ถ้ายังไม่อิ่มก็เพิ่มข้าวกันได้เต็มที่นะลูก แม่เตรียมกับข้าวไว้เยอะแยะเลย” เจ้าบ้านหญิงเน้นย้ำด้วยน้ำเสียงอารี

“ขอบคุณคร๊าบ!! บรรดาเพื่อนๆ และบุตรชายเจ้าของบ้านต่างเอ่ยขอบคุณแม่บัวโดยไม่ต้องนัด จากนั้น... ทั้งหมดก็ลงมือรับประทานอาหารรสเลิศนานาที่มารดาและพี่สาวทั้งสามของขายกลางบรรจงปรุงแต่งด้วยความตั้งใจเต็มเปี่ยม

“บูบู้... เค้าอยากกินต้มจืดอ่ะครับ ป้อนหน่อยสิ” อดีตเดือนมหาลัยบอกความต้องการของตัวเองกับแฟนตัวน้อยผ่านน้ำเสียงอ่อนหวาน ซึ่งการกระทำเช่นนั้น...ดึงดูดความสนใจของเพื่อนร่วมโต๊ะส่วนใหญ่ให้เบี่ยงสายตาไปจับจ้องยังใบหน้าของบ๊วยได้เป็นอย่างดี 

“เดี๋ยวเค้าตักแบ่งใส่ถ้วยเล็กให้แล้วกัน แต่พี่หมีต้องตักกินเองนะครับ” คนถูกมองเป็นตาเดียวพยายามเลี่ยงคำขอสุดแสนจะเอาแต่ใจของหนุ่มรูปงามด้วยการพบกันครึ่งทาง...

แม้สมาชิกในครอบครัวจะไม่ถือสากับท่าทางตะบึงตะบอนของอดีตเดือนมหาลัยดังเช่นที่ชายหนุ่มทั้งเจ็ดเป็น
ทว่าบ๊วยก็ยังอดเกร็งไม่ได้... ก็ใครใช้ให้สายตาเกือบสิบคู่จ้องหน้าเขาอยู่แบบนี้กันล่ะ?  
ครั้นจะทำหน้ามึนไม่รู้สึกขัดเขิน...ก็เห็นจะไม่ใช่วิสัยดั้งเดิมของเขาเสียล่ะมั้ง  
 กระนั้น คนดังประจำมหาลัยกลับใช้สิทธิผู้ป่วยออกอาการงอแงแง่งอนใส่คนรักโดยไม่แคร์สายตารำคาญแกมหมั่นไส้ของพี่ชายตัวเองเลยสักนิด


“ฮื่ออออ ไม่เอาอ่ะ...เค้าเพิ่งหายป่วยเองนะครับ  บูบู้ต้องเอาใจเค้าให้มากๆสิ” ธันวาเลื่อนชามต้มจืดใบน้อยกลับมาตรงหน้าแฟนหมาดๆของตนพร้อมส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มไปกำกับ

ที่อดีตเดือนมหาลัยเหิมเกริมได้สุดติ่งเป็นเพราะสายตาส่งเสริมอย่างจริงจังของพ่อตาที่ส่งมาสนับสนุนเป็นระยะๆ...
ไม่นึกว่าบทสนทนาสั้นๆกับพ่อเขียวเมื่อช่วงบ่ายจะทำให้อีกฝ่ายกลายมาเป็นพวกเดียวกันได้อย่างรวดเร็วเกินคาดคิด

ฝ่ายพี่ชายที่อดรนทนพฤติกรรมเห่อเมียของน้องชายไม่ได้
ก็ออกโรงเหน็บน้องชายกระทบชิ่งแฟนต่อหน้าธารกำนัลอย่างทันท่วงที


“เก็ก! มึงเป็นง่อยเหรอ? แดก...เอ้ย! กินเองดีๆไม่ได้รึไง? ทำไมจะต้องรบกวน คนอื่นให้ลำบากด้วยล่ะ?!” กังฟูปรายตามองบ๊วยด้วยสายตาอาฆาตโดยไม่เกรงใจบิดามารดาคู่กรณีซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุพร้อมกันนั่นเอง  แต่เก็กกลับไม่ยอมให้พี่ชายว่าร้ายชายกลางได้ตามใจชอบ

“บูบู้เป็นคนอื่นเสียที่ไหนล่ะเฮีย... เฮียก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าบูบู้น่ะเป็นแฟนเก็ก!!” อดีตเดือนมหาลัยเถียงเสียงกร้าว ชายหนุ่มผู้ก้าวร้าวเป็นกิจวัตรอย่างกังฟูจึงแสดงจิตวิญญาณแห่งพี่ชายผู้ไม่ยอมแพ้พ่ายให้ทุกคนได้ประจักษ์โดยทั่วกัน

“น้องอิ๊กตังหากที่เป็นแฟนมึง!...
.
...มึงทิ้งเค้าไปหาไอ้บูบู้นั่น...
...คิดสั้นฉิบหาย!!”  

หลังจากประโยคคำบิดเบือนความจริงเมื่อครู่ถูกเปล่งออกจากปากของคนชอบเอาชนะเป็นที่หนึ่ง
บรรยากาศชื่นมื่นของทั้งโต๊ะอาหารก็หายวับไปกับตา จะเหลือไว้ก็แต่ใบหน้าตื่นตะลึงของสมาชิกในครอบครัวของบ๊วยเพียงเท่านั้น


“ฟูครับ!! จะพูดจะจาอะไรก็ให้เกียรติคุณพ่อกับคุณแม่หน่อยครับ” เต๋อปรามร่างเล็กโดยไม่ไว้หน้า...

จริงอยู่ แม้อีกฝ่ายจะมีภาษีเป็นถึงคนที่ตนฝันใฝ่ แต่หากกังฟูยังเที่ยวระรานคนอื่นไปทั่วแบบไม่เห็นแก่หัวหงอกหัวดำ
ตรินก็ไม่อาจทำหลับหูหลับตาปล่อยปละละเลยความผิดของพี่ชายอดีตเดือนมหาลัยไปได้

หลังจากที่ทั้งหมดตกอยู่ในความเงียบสนิทราวกับมีใครกดปุ่มปิดเสียงไปชั่วขณะ 
ชายหนุ่มรูปงามก็รีบอธิบายตัวเองให้หลุดพ้นจากคำกล่าวหาที่ไม่มีมูลความจริงทันที


“พ่อครับ แม่ครับ ผมขอโทษแทนพี่ชายตัวเองด้วยนะครับ...
...ผมกับบูบู้ เราคบกันด้วยความบริสุทธิ์ใจ...
...ผมขอยืนยันตรงนี้เลยว่า ผมไม่ได้คบบูบู้ซ้อนกับใคร หรือคิดมีคนอื่นเพื่อทำให้บูบู้เจ็บปวดเลยสักครั้ง...
.
...ที่เฮียฟูเหวี่ยงจนน่าเกลียดแบบนี้คงเป็นเพราะเหนื่อยมากไปหน่อย พ่อกับแม่ และก็พี่ๆอย่าถือสาพี่ชายผมเลยนะครับ” เก็กยกมือไหว้สาขอขมาสมาชิกในครอบครัวของบ๊วยทุกคนแทนพี่ชายตัวเอง...

โชคดีที่ความจริงใจของธันวาที่ส่งผ่านคำพูดรับรองอันหนักแน่นส่งไปถึงผู้รับได้โดยไม่มีปัญหา
บิดาของแฟนตัวน้อยผู้มีอีคิวสูงลิบลิ่วจึงสามารถปรับอารมณ์ได้อย่างรวดเร็วจนน่าทึ่ง


“ฮ่า ฮ่า ฮ่า... ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร พ่อกับแม่ไม่คิดอะไรมากหรอก...
.
...พ่อกับแม่เข้าใจ...
...วัยรุ่นก็เงี้ย พ่อกับแม่ก็เคยเป็น!!

“ขอบคุณครับพ่อ ขอบคุณครับแม่”

โลกใบเล็กของพวกเขากำลังจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติอยู่รอมร่อแล้วแท้ๆ
แต่สถานการณ์กลับพลิกผันด้วยฝีปากอันสร้างสรรค์ด้านทำลายล้างเป็นที่หนึ่งของหนุ่มหน้าแว่นเสียอย่างนั้น


“เฮ่อ! พอกันทั้งพี่ทั้งน้อง” สกลโพล่งความอัดอั้นตันใจของตนลอยๆคล้ายกับปรารภเรื่องดินฟ้าอากาศก็ไม่ปาน  ร้อนถึงกังฟูเพิ่งจะสงบปากสงบคำได้ไม่นานให้ต้องเลือดเดือดปุดๆขึ้นมาอีกครั้ง

“มึงว่าไงนะไอ้แนน!!!?” กรกฏชี้หน้าด่ารุ่นน้องต่างคณะเสียงดัง...

หากไม่เกรงใจหนุ่มร่างหมีที่นั่งประกบอยู่ข้างๆ ร่างเล็กคงได้คว่ำโต๊ะอาหารเพื่อให้สมกับความเดือดดาลในใจ
ใครใช้ให้ไอ้แว่นปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมแดกดันทั้งเขาและน้องชายต่อหน้าคนอื่นกันล่ะ?!


“อ๋อออออ...เมื่อกี๊ผมบอกว่า พอเถอะครับพี่น้อง รับประทานอาหารเย็นสุดอร่อยกันดีกว่า” สกลใช้ทักษะตลบแตลงหาตัวจับยากพลิกลิ้นเอาตัวรอดมาได้อย่างหวุดหวิด

“เอา เอา...กิน กิน... เดี๋ยวกับข้าวจะเย็นไปเสียก่อน” พ่อเขียวเบี่ยงความสนใจของหมดให้กลับสู่อาหารด้วยไม่อยากให้สงครามน้ำลายกลายเป็นการลงไม้ลงมือของจริงไปเสียก่อน

“เดี๋ยวพอกินของคาวเสร็จ แม่มีสาคูถั่วดำเอาไว้ให้กินล้างปากตบท้ายกันด้วยนะลูก”แม่บัวรีบเสริมด้วยการเอาขนมเข้าล่อ

“ฮ้า! จริงเหรอครับแม่บัว? สุดยอดไปเลย!!” หนุ่มหน้าแว่นออกท่าทางดีใจยิ่งไปกว่าใครเนื่องจากของหวานรายการนี้ถือเป็นของโปรดของเขาก็ว่าได้

“ส่วนฟู... กินขนมเสร็จแล้ว มาหาแม่กับพ่อหน่อยได้ไหมจ๊ะ?” แม่บัวเอ่ยกับกังฟูด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า ส่วนคนที่ถูกเรียกหาดันออกอาการวางตัวไม่ถูกไปเสียอย่างนั้น

“ผมน่ะเหรอครับ?” กรกฏถามพลางทำหน้าเหลอหลา

“จ๊ะ... พอดีแม่มีเรื่องอยากจะถามฟูสักหน่อย” เจ้าบ้านหญิงเกริ่นสั้นๆ

“ครับ ก็ได้ครับ” กรกฏรับคำพลางครุ่นคิดถึงจุดประสงค์ของอีกฝ่ายอยู่เงียบๆ โดยไม่สนใจเทียบเชิญที่สกลเอ่ยชวนทุกๆคนให้ร่วมวงสนทนาแบ่งปันประสบการณ์หลงป่าของแต่ละกลุ่มที่ดังไล่หลังคำตอบรับของรุ่นพี่ร่างเล็กไปติดๆ

“ส่วนคนอื่นๆที่เหลือก็ไม่ต้องรู้สึกอ้างว้างไปนะครับ...
...หลังจากกินข้าวเสร็จ ผมจะตั้งวงซักถามความรู้สึกหลังจากเหตุการณ์หลงป่าข้ามคืนจากทุกท่านแบบครบทุกเม็ดเด็ดทุกประเด็นร้อนเอง”








“ฟู... เป็นไงบ้างลูก เหนื่อยมากไหม?” แม่บัวเปิดฉากถามเด็กหนุ่มร่างเล็กที่เพิ่งลดตัวลงนั่งยังโซฟาตัวตรงข้ามกับหล่อนและสามี หลังจากที่ทั้งสามปลีกตัวและย้ายสถานที่พูดคุยมาเป็นห้องนั่งเล่นชั้นล่างเป็นที่เรียบร้อย

“ไม่เท่าไรครับ โชคดีที่ขากลับเจอน้องเข้ากลางทางเลยไม่ต้องเดินวนไปวนมาอยู่ในป่านานอย่างที่กังวลกัน” กังฟูตอบตามมารยาท ด้วยยังแคลงใจกับเจตนาของเจ้าบ้านทั้งสองไม่หาย...

แม่บัวต้องการจะคุยอะไรกับเขากันแน่?
หรืออีกฝ่ายไม่พอใจกับคำพูดของเขาเมื่อครู่กันวะ?!!

แม้กังฟูจะตั้งแง่กับอีกฝ่ายมาตั้งแต่แรกค่าที่เป็นแม่ของไอ้บูบู้ตัวร้าย
ทว่าในใจลึกๆของร่างเล็กกลับปฏิเสธไม่ได้ว่า กระแสความเอ็นดูที่ส่งผ่านดวงตาคู่งามของแม่บัว ทำให้เขารู้สึกอุ่นซ่านในทรวงอกได้ไม่น้อย


“ขวัญเอ๊ยขวัญมานะลูก ถือว่าฟาดเคราะห์กันไปนะ ต่อจากนี้... ก็จะมีแต่เรื่องดีๆเข้ามาแล้วล่ะจ๊ะ” เจ้าบ้านผู้มีใบหน้างดงามผุดผาดดูอ่อนกว่าวัยเอ่ยพร้อมส่งยิ้มละไมให้กับเด็กหนุ่มไม่ขาด

“ขอบคุณครับ” กรกฏตอบรับแกนๆเพราะยังสลัดชนักที่ปักอยู่กลางแผ่นหลังไม่ออก...

พูดจาดีแบบนี้  สงสัยจะเรียกเขามาด่าแหงๆ...
คงจะกล่อมให้ตายใจก่อนสินะ แล้วค่อยเปิดฉากฉะทีเดียว
หึ! เพราะพ่อกับแม่เป็นเสียอย่างนี้นี่แหละ ไอ้บูบู้มันถึงได้เหยาะแหยะไม่กล้าสู้คนอื่นเสียที!!


“ที่แม่เรียกหนูมาคุย เพราะแม่มีเรื่องจะถามหน่อยน่ะจ้ะ”  แม่บัวเข้าเรื่องโดยไม่รอเวลา

“ครับ คุณน้าอยากถามอะไรเหรอครับ?” สรรพนามที่พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยใช้แทนคำเรียกแม่บัวบอกให้รู้โดยพลันว่า กังฟูเลือกจะเว้นระยะห่างกับอีกฝ่าย

ถึงอย่างนั้น ไม่ว่าเด็กหนุ่มจะตั้งใจ หรือเป็นการเอ่ยเรียกตามมารยาทก็ตาม
แต่นั่นกลับไม่ใกล้เคียงกับระดับความสนิทสนมที่เจ้าบ้านหญิงต้องการหยิบยื่นให้เพื่อนคนไหนๆของลูกชายตนเลยสักนิด


“เรียกแม่เถอะจ้ะ” แม่บัวยืนกรานเจตนาของตนทันทีทันใด กังฟูจึงต้องรับปากอย่างไม่มีทางเลือกนัก

“ครับแม่”

“แม่อยากทำความเข้าใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของไอ้หนูลูกชายแม่กับหนูเก็กน้องชายของกังฟูน่ะลูก” แม่บัววกกลับเข้าเรื่อง

“หนูบอกแม่ได้ไหมว่า ลูกแม่ไปทำอะไรให้หนูขัดเคืองใจมาก่อนหรือเปล่าจ๊ะ?...
...หรือหนูไม่ชอบใจพฤติกรรมบางอย่างของลูกแม่กันเอ่ย?...
...บอกแม่เถอะนะลูก แม่จะได้ไปจัดการดัดนิสัยลูกแม่อีกทอดหนึ่ง... ว่ายังไงลูก?”  

น้ำเสียงหวานหูยามเอ่ยอ้อนวอน กับแววตาอบอุ่นเจือความรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยบุคคลที่สามที่หล่อนเอ่ยถึง
ทับซ้อนภาพความทรงจำเกี่ยวกับมารดาที่สิ้นบุญไปหลายปีก่อนได้อย่างพอดิบพอดี...

ความรู้สึกโหยหาความรักของมารดาทำให้กังฟูอดเห็นใจแม่บัวไม่ได้...
ถ้ามีใครทำร้ายจิตใจเขาอย่างที่เขาทำกับบ๊วย หม่าม้าจะเดือดร้อนใจขนาดไหนกันนะ?!
ที่ผ่านมา อคติทำให้เขาก้าวก่าย และทำร้ายผู้เป็นดวงใจของผู้หญิงที่แสนดีคนหนึ่งไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์จริงๆใช่ไหมนี่?!


“เปล่าหรอกครับแม่” หนุ่มร่างเล็กยอมรับกับแม่ของแฟนใหม่น้องชายตรงๆ

“เอ๋?! แล้วมันเพราะอะไรกันล่ะลูก หนูพอจะบอกแม่ได้ไหมจ๊ะ?...
.
...อย่างน้อยๆ... ก็ถือว่าเห็นกับแม่ยังไงล่ะ นะ...แม่ขอร้อง” แม่บัวตะล่อมพลางแอบส่งสายตาห้ามปรามสามีที่นั่งหนวดกระดิกระหว่างเต๊ะท่าทำทีเล่นไอแพ็ดบังหน้า

เหตุผลที่เจ้าบ้านฝ่ายชายนั่งนิ่งโดยไม่พูดไม่จาอะไรสักคำเป็นเพราะทั้งสองตกลงกันแล้วว่า
ผู้เป็นภรรยาจะทำหน้าที่สืบสาวปูมความหลังหมางใจระหว่างบุตรคนเล็กกับเด็กหนุ่มหน้าหวานผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชายว่าที่ลูกชายคนใหม่แต่เพียงผู้เดียวนั่นเอง


“จริงๆต่อให้น้องผมคบกับอิ๊กอยู่ ผมก็ไม่พอใจหรอกครับ...
.
.ผมไม่อยากให้น้องชายรักชอบกับผู้ชายด้วยกันน่ะครับแม่” กรกฏสารภาพหมดเปลือกอย่างไม่เต็มเสียงนัก...

ใช่เขาจะอ่านสายตาของพ่อเชียวที่ตวัดผ่านมาเมื่อครู่ไม่ออก
ลองถ้าเขาเป็นพ่อเขียวหน่อยไม่ได้... ป่านนี้คงได้วิ่งแจ้นตามไปจองเวรไอ้ตัววายร้ายที่ทำลายหัวใจลูกชายตัวเองจนชีวิตบัดซบไปหลายตลบแล้วล่ะมั้ง


“อย่างนี้นี่เอง... งั้นแม่ถามหนูอีกข้อก็แล้วกันลูก... 
.
...ชีวิตนี้กังฟูรักใครที่สุดลูก?” คนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนเอ่ยถามเสียงนุ่ม
.
.
.
.
.
“หลังจากป๊ากับม้าเสียไป... ผมก็เหลือเก็กแค่คนเดียวให้รักและคอยเป็นห่วงน่ะครับแม่” หนุ่มวิศวะเผยความรู้สึก

“เหลือกันอยู่สองคนเองเหรอจ๊ะ?” แม่บัวรำพึงกับตัวเองเบาๆพลางครุ่นคิด...

ทุกๆคำตอบของกังฟูทำให้แม่บัวเข้าใจความคิดของเด็กหนุ่มได้อย่างทะลุปรุโปร่งราวส่องกระจกดูเงาตัวเองในวันวาน
กระนั้น... วิธีรับมือกับสถานการณ์ที่ยากต่อการตัดสินใจเช่นนี้ของหล่อนกับเด็กหนุ่มกลับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
เจ้าบ้านหญิงจึงไม่อยากเห็นอีกฝ่ายประสบกับผลลัพธ์ที่อาจจะทำร้ายจิตใจของทั้งตัวเองและน้องชายไปตลอดชีวิต   


“ถ้าอย่างนั้น กังฟูต้องตอบแม่ได้แน่ๆเลยว่า น้องชายของกังฟูชอบกินอะไร”

“เก็กมันชอบกินขาหมูครับแม่”

“แล้วฟูล่ะลูก หนูชอบกินอะไรที่สุด?”  

“ทอดมันกุ้งครับแม่” กรกฏยังให้ความร่วมมือกับอีกฝ่ายเป็นอย่างดีทั้งที่เริ่มจะคิดว่าแม่บัวชักจะหลงประเด็นมากขึ้นเรื่อยๆ... เมื่อกี๊คุยกันเรื่องไอ้บูบู้อยู่ดีๆ แล้วไหงมาลงท้ายด้วยเรื่องของกินได้ล่ะวะเนี่ย?!

“ถ้าต้องกินข้าวกับน้อง แต่เลือกกับข้าวได้แค่อย่างเดียว กังฟูจะเลือกอะไรลูก?” ดูเหมือนคำถามเรื่องอาหารการกินของแม่บัวจะยังไม่หมดไปง่ายๆ ถึงอย่างนั้น ท่าทางใส่ใจกังฟูเป็นพิเศษที่แม่บัวแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งกลับตรึงให้พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยยอมนั่งนิ่งๆแล้วตอบทุกๆคำถามโดยไม่ออกอาการตีรวนไปเสียก่อน

“ขาหมูครับแม่”

“เอ๋?! ทำไมล่ะฟู? ทำไมกังฟูไม่เลือกกินทอดมันกุ้งล่ะลูก? ของโปรดไม่ใช่เหรอ?” ใบหน้าของแม่บัวฟ้องชัดว่าคนพูดสงสัยกับคำตอบชองกังฟูอย่างไม่มีใครเกิน ในขณะที่สามีของหล่อนกลับนั่งอมยิ้มน้อยๆราวกับมีความสุขกับสิ่งที่กำลังอ่านอยู่เสียเหลือเกิน

“ก็เพราะเวลาเก็กมันได้กินขาหมู เก็กมันจะมีความสุขที่สุดยังไงล่ะครับแม่”

“เพราะฟูมีความสุขที่เห็นน้องมีความสุขแม้ว่าสิ่งนั้นจะไม่ถูกใจเราไปเสียทั้งหมด... อย่างนั้นใช่ไหมลูก?...
.
...ความสุขของน้องน่ะไม่ใชแค่เรื่องกับข้าวหรอกลูก... ยังมีเรื่องอื่นๆอีกเยอะแยะเต็มไปหมด...
...ฟูเป็นพี่ที่รักน้อง  ฟูต้องสังเกตเห็นแน่ๆ ว่าอะไรที่ทำให้น้องของฟูมีความสุขนอกเหนือไปจากขาหมู...
...ที่สำคัญ  ไม่ว่ายังไง...ฟูก็คงไม่บังคับให้น้องชอบทอดมันกุ้งเหมือนฟูใช่ไหมลูก?”

“ครับ”  ในที่สุดหนุ่มร่างเล็กก็เข้าใจความหมายของคำถามทั้งหลายที่อีกฝ่ายเฝ้าเพียรถามตนเมื่อครู่อย่างถ่องแท้

“ที่แม่จะพูดมีแค่นี้แหละจ้ะ...
.
...ส่วนที่เหลือ แม่คงต้องฝากให้หนูกลับไปใช้เวลาไตร่ตรองดู ว่าหนูจะจัดการกับเรื่องของน้องชายยังไง”

แค่เห็นแววตาสุกใสที่สะท้อนอยู่ในลูกแก้วกลมโตบนใบหน้าสว่างชวนมองของเด็กหนุ่มตั้งแต่ครั้งแรกที่พบหน้า
แม่บัวก็รู้ในทันทีว่า กรกฏฉลาดมากพอที่จะเข้าใจในสิ่งที่หล่อนต้องการจะสื่อด้วยตัวเองได้ 
เจ้าบ้านหญิงจึงใช้เรื่องง่ายๆที่กังฟูอาจจะหลงลืมไปมาตั้งคำถามให้อีกฝ่ายฉุกคิดถึงคำตอบที่น่าจะดีที่สุดสำหรับทุกคน

กระนั้น กลับกลายเป็นอีกฝ่ายเสียเองที่ยังนั่งปักหลักไม่ลุกไปไหน แม้แม่บัวจะไม่รั้งตัวเอาไว้ด้วยคำถามใดๆอีกแล้วก็ตามที


“...เอ่อ... แม่ครับ”

“ว่าไงลูก?”

“แม่ไม่เสียใจเหรอครับที่แม่รู้ว่าบ๊วยเป็นแบบนี้?” คำถามนี้เรียกรอยยิ้มกว้างให้ผุดขึ้นบนใบหน้าหมดจดของหญิงวัยสี่สิบปลายๆได้อีกครั้ง

“ถ้าตอบว่าพ่อกับแม่ไม่เสียใจเลย แม่คงจะโกหก...
.
.
.
...แต่หนูรู้ไหมลูก หลังจากนอนคิดอยู่หลายตลบ แม่ก็ได้คำตอบว่า...
...หากเราเลือกฟังเสียงของคนอื่นมากกว่าเสียงของลูกตัวเอง...
...สุดท้าย...พ่อกับแม่คงเป็นได้แค่ตาและยายแก่ๆที่นั่งกินกับข้าวที่ลูกๆชอบกันอยู่สองคน... หม่นหมองเนอะชีวิตแบบนั้น...
...สู้ปล่อยให้ลูกเลือกคนรักได้ตามใจ แล้วเอาช่วงเวลาที่เหลือมาใช้ชื่นชมความสุขของลูกๆตอนกินอาหารจานโปรดต่อหน้าต่อตาเราไม่ดีกว่าเหรอจ๊ะ?” แม่บัวย้อนถามเด็กหนุ่มเพื่อกระตุ้นให้อีกฝ่ายคิดตาม
.
.
.
.
.
.
.
กังฟูนิ่งไปครู่ใหญ่ จากนั้นจึงใช้การเปรียบเปรยแบบเดียวกันเผยความลับที่ตนเฝ้าเก็บงำ
พร้อมขอความเห็นชอบจากเจ้าหล่อนแทนบิดามารดาผู้ล่วงลับของตนควบคู่กันไปในคราวเดียว

“แล้วถ้าผมเลือกกินกับข้าวที่ผมชอบ ทั้งที่คนทั้งโลกไม่เห็นด้วยเหมือนที่บ๊วยเลือกละครับแม่...
...แม่ว่า ม้ากับป๊าผมจะยอมรับการตัดสินใจของผมเหมือนอย่างที่แม่กับพ่อเข้าใจบ๊วยไหม?”


ผู้อาวุโสทั้งสองอมยิ้มน้อยๆเมื่อได้ยินคำถามของเด็กหนุ่ม 
แม่บัวใช้เวลาใคร่ครวญถึงคำตอบเพียงไม่นาน จากนั้นหล่อนก็เฉลยความในฐานะของมารดาผู้ปรารถนาดีต่ออีกฝ่ายไม่ต่างจากบุตรแท้ๆของตน


“แม่เชื่อนะว่า... ถ้านั่นเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการหล่อเลี้ยงหัวใจให้มีความสุข ม้ากับป๊าหนูต้องสนับสนุนหนูแน่ๆจ๊ะ...
.
...ฟู...
...ความรักน่ะ  ไม่มีถูกไม่มีผิดหรอกนะลูก” เจ้าบ้านหญิงย้ำเตือนความจริงข้อสำคัญที่สามารถแก้ปัญหาของกังฟูได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลชวนฟังไม่ต่างไปจากทุกที

ต่อให้สบายใจขึ้นผิดหูผิดตาราวยกเทือกเขาหิมาลัยออกจากอก
แต่เด็กหนุ่มร่างเล็กกลับไม่อาจปักใจเชื่อคำตอบที่ฟังดูง่ายดายเหลือเชื่อของแม่บัวได้ร้อยเปอร์เซนต์เสียทีเดียว...
เพราะยิ่งเมื่อปลงใจเรื่องเต๋อได้มากขึ้นเท่าไร โอกาสที่เขาจะได้เจ้าแก้มยุ้ยทั้งสามที่เพิ่งฝันถึงหมาดๆมาครอบครองก็ยิ่งดูริบหรี่ลงเท่านั้น


“ม้าจะไม่โกรธผมแน่เหรอครับที่ผมทำให้ตระกูลผมไม่มีทายาทเพราะลูกชายทั้งสองคนกลายเป็นแบบนี้ไปเสียแล้ว?”

“โธ่! ไม่เห็นต้องคิดมากเลยลูก สมัยนี้แล้ว... มีทางเลือกตั้งเยอะตั้งแยะตาแป๊ะไก่...
.
...ไหนจะรับเด็กมาเลี้ยง ไหนจะอุ้มบุญ...
...ถ้าหนูอยากรู้อะไร หนูมาถามแม่ได้... แม่น่ะแอบศึกษาข้อมูลเอาไว้เป็นกะตั้กกะตั้ก” แม่บัวให้ความรู้พร้อมยื่นหน้าเข้าใกล้กังฟู แล้วจึงป้องปากกระซิบกระซาบด้วยสีหน้าอยากเม้าธ์เข้าเส้น “แม่เตรียมตัวเอาไว้เผื่อว่าพี่สาวสามคนของไอ้หนูจะขายไม่ออก แม่จะได้เอาวิธีพวกเนี้ยมาใช้เกลี้ยกล่อมไอ้หนูให้มันคิดเรื่องหลานๆให้แม่บ้างยังไงล่ะ” เจ้าบ้านหญิงยักคิ้วหลิ่วตาให้พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยที่ยังงงๆกับทางออกที่อีกฝ่ายเสนอให้...

เรื่องจะให้เขารับเด็กมาเลี้ยง... คงเป็นไปได้ยากหากจะได้แฝดสามอย่างในฝัน
ส่วนเรื่องอุ้มบุญก็ยิ่งเพ้อเจ้อไปกันใหญ่... ผู้หญิงที่ไหนที่จะยอมอุ้มท้องให้ลูกทั้งสามของเขาโดยจะไม่คิดตุกติกในภายหลัง?

จังหวะที่บทสนทนาเว้นช่วงเนื่องจากผู้ด้อยอาวุโสกำลังหมกมุ่นอยู่กับเรื่องทายาทในอนาคตนั้นเอง
บุตรสาวคนโตของบ้านก็ยกถาดใส่กาและถ้วยกาแฟตามเข้ามาในห้องนั่งเล่น


“แม่... พ่อ... ชาจ๊ะ” บิววางถาดลงบนโต๊ะตัวกลางก่อนจะเทชาร้อนใส่ถ้วยทั้งสองด้วยท่าทางชดช้อย

“อ้าว! แล้วคุกกี้ของข้าล่ะวะ?!!” พ่อเขียวทักท้วงถึงสิ่งที่ขาดหายไปด้วยไม่อยากขาดทุนแม้สักกระผีก

“วันนี้พ่อกับแม่กินสาคูไปแล้วนี่จ๊ะ...ขืนพ่อกับแม่กินขนมหวานก่อนนอนอีกรอบ คืนนี้นอนไม่หลับพอดี” บุตรสาวแย้งผู้เป็นพ่อด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย นั่นจึงยิ่งทำให้กังฟูประทับใจในตัวพี่สาว รวมไปถึงครอบครัวทั้งหมดของไอ้บูบู้ไปโดยปริยาย

“งั้นผมขอตัวก่อนก็แล้วกันนะครับ... พ่อครับ แม่ครับ ขอบคุณมากครับ” กรกฏพนมมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองด้วยความซาบซึ้งก่อนจะลอบหันไปพินิจพี่สาวของแฟนน้องชายอย่างละเอียดละอออีกครั้ง...

รูปร่าง หน้าตา และกิริยาไร้ที่ติของผู้มาใหม่ทำให้กังฟูตาเป็นประกายคล้ายกับนึกอะไรออก...
หรือสุดท้ายแล้ว ปัญหาเรื่องทายาทของเขาจะกลายเป็นเรื่องที่แก้ได้ง่ายๆคล้ายหยิบเส้นผมที่บังภูเขาออกกันแน่หนอ?!!

จะว่าไป... การลดอคติกับความถือดีลง
แล้วเปิดรับว่าที่น้องสะใภ้กับครอบครัวอย่างเต็มอกเต็มใจอาจทำให้ไอ้แก้มย้อยทั้งสามมาอยู่กับเขาเร็วขึ้นก็ได้ ใครจะไปรู้!


“ไม่เป็นไรลูก ถ้าหนูมีปัญหา หรือมีคำถาม... หนูคุยกับแม่ได้ทุกเมื่อเลยนะ...
.
...จะเอาเบอร์ เอาไลน์ไอดีไปเลยไหม? แม่อยากแจกน่ะ”

“แม่เค้าจะเอาไลน์หนูไว้ส่งสติกเกอร์กับรูปสวัสดีวันจันทร์ถึงวันอาทิตย์ให้น่ะ...
.
...ถ้าหนูไม่อยากเข้าสู่วงจรรับรูปของคนแก่...แนะนำว่าอย่าให้ไลน์แม่บัวเลยลูก เปลืองสายตา เปลืองอารมณ์เปล่าๆ เชื่อพ่อเท๊อะ!” พ่อเขียวสกัดดาวรุ่งภรรยาค่าที่อีกฝ่ายออกตัวล้อฟรีว่าพร้อมจะยัดเยียดไลน์ไอดีให้เด็กหนุ่ม  จนคนที่ถูกพาดพิงถลึงตาใส่แทบไม่ทัน

“พ่อเขียว!!

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า... ไปพักผ่อนเถอะลูก วันนี้เหนื่อยมามากแล้ว” เจ้าบ้านชายเปิดช่องให้กังฟูหลบฉากอย่างเหนือชั้น ก่อนที่เด็กหนุ่มจะรู้สึกกระอักกระอ่วนกับการหยอกล้อระหว่างตนกับภรรยาไปมากกว่านี้

“ครับ” พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยรับคำพร้อมกระพุ่มมือไหว้เพื่อทำความเคารพทั้งสอง ก่อนจะปลีกตัวไปด้วยความไวแสง


Ħ------------------------------------------------------------------------Ħ


“พี่หมี... พี่หมีพาเค้าออกมาข้างนอกระเบียงทำไมครับ?” บ๊วยที่ถูกหนุ่มรูปงามฉุดให้เดินตามออกมายังระเบียงหลังบ้านตั้งคำถามด้วยความไม่เข้าใจ... ไม่อยากจะนึกเลยว่า การที่พวกเขาสองคนทิ้งวงสนทนาวงใหญ่เอาไว้เบื้องหลังนั้น จะทำให้สกลสร้างสรรค์คำนินทาพวกเขาทั้งคู่ได้เลิศล้ำไม่ซ้ำใครได้ขนาดไหน

“เจ้าพ่อไทรทองครับ... เจ้าพ่อไทรทอง!” อดีตเดือนมหาลัยตะโกนเรียกเทวบุตรสุดชิคพลางรวบร่างผอมแห้งเข้ามากอดเอาไว้ไม่ห่างเพื่อกีดขวางไม่ให้บ๊วยดิ้นหนีไปไหนได้

“พี่หมีเรียกหาเจ้าพ่อไทรทองทำไมเหรอครับ?”

“เจ้าพ่อไทรทองคร๊าบบบบ!” ท่าทางมุ่งมั่นกับเสียงเรียกเทพหนุ่มที่ดังขึ้นเรื่อยๆทำให้ชายกลางจำต้องหยุดดิ้นรนกลางคันเพื่อเปลี่ยนมาทำหน้าที่ยับยั้งแฟนหนุ่มแทน

“พี่หมี! เจ้าพ่อท่านอาจจะไม่ว่างก็ได้นะครับ อย่ารบกวนท่านเลย”  

“เจ้าพ่อไทรท...

https://www.youtube.com/watch?v=bLCVeLnAUFIเฮ่ลโหล่ว โหม่วโต๊ว!!!’

“ว่ายังไงเจ้าธันวา? ที่เจ้าเรียกข้ามา... เจ้าต้องการอะไร?” ทันทีที่ปรากฏกายเทวบุตรหนุ่มก็เข้าสู่หัวข้อหลักโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงผิดไปจากวิถีสุดชิลที่เหล่าสมุนมักจะเห็นจนเจนตาทุกครั้งที่ท่านปรากฏกายพร้อมหน้าเจ้าพ่อห่อไหล่

“ผมมีเรื่องอยากจะถามเจ้าพ่อให้แน่ใจเกี่ยวกับพรที่เฮียฟูขอกับเจ้าพ่อน่ะครับ” อดีตเดือนมหาลัยเกริ่นอย่างกระมิดกระเมี้ยนเพราะเพิ่งจะมาเกรงใจบุตรแห่งเทพเอาตอนนี้

“เจ้าอยากถามอะไรก็ว่ามา... เร็ว! ข้ารีบ” เจ้าพ่อไทรทองเร่งเร้าด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเอาจริงเอาจังจนว่าที่วิศวกรหนุ่มแปลกใจ

“ครับ ครับ...
.
...เจ้าพ่อครับ ยังมีผลกระทบที่เกิดจากพรของเจ้าพ่อข้อไหนที่เจ้าพ่อยังไม่ได้บอกผมหรือเปล่าครับ?”

“หึ! ที่เจ้าเรียกข้ามาเฉพาะการณ์แบบนี้ เป็นเพราะเจ้าอยากจะให้ข้าบอกเรื่องนี้ต่อหน้าเจ้าบ๊วยใช่หรือไม่?” เทวบุตรสุดชิคสรุปหลังจากเข้าใจเหตุผลของมนุษย์หนุ่มรูปงามอย่างจะแจ้ง  

“ครับ!

“เจ้าแน่ใจแล้วใช่ไหม?”

“ครับเจ้าพ่อ... กับบูบู้ ผมไม่อยากปิดบังอะไรทั้งสิ้น” ธันวายืนกรานหนักแน่น  ส่วนบุคคลที่สามผู้ถูกอดีตเดือนมหาลัยสวมกอดเอาไว้แน่นกลับได้แต่ยืนมองหน้าเจ้าพ่อไทรทองตาแป๋วโดยไม่ออกความเห็นใดๆ

“ตกลง” บุตรแห่งเทพหลับตาลงคล้ายกำลังทบทวนรายละเอียดต่างๆอยู่ชั่วอึดใจ แล้วจึงร่ายยาวถึงผลกระทบของพรโดยครอบคลุมตามความต้องการของชายหนุ่มรูปงามโดยไม่รอช้า

“นอกจากพรของข้าจะทำให้เจ้ารักใครไม่ได้แล้ว...
.
...ตราบใดที่พรข้อนี้ยังไม่ถูกทำลาย เมื่อไรก็ตามที่เจ้ามีจิตปฏิพัทธ์ต่อลูกมนุษย์เพศชายคนไหน เจ้าจะไม่อาจเสพสังวาสกับคนผู้นั้นได้  หากเจ้าคิดขัดขืน... จะเกิดเหตุการณ์วิปลาสคลาดเคลื่อนกับร่างกายของเจ้าขึ้นก่อนเสมอ” สิ้นคำอธิบายของเจ้าพ่อไทรทอง ทั้งสองหนุ่มเหลือบมองหน้ากันโดยมิได้นัดหมาย ก่อนที่ต่างฝ่ายจะเสหลบตากันและกันแล้วเลี่ยงมองไปทางอื่นพร้อมใบหน้าที่ขึ้นสีแดงเรื่ออย่างช้าๆ

“แล้วเรื่องของอิ๊กล่ะครับเจ้าพ่อ? อิ๊กเกี่ยวอะไรกับพรที่เฮียฟูขอกับเจ้าพ่อเอาไว้ด้วยใช่ไหมครับ?” เก็กยังคงซักไซ้องค์เจ้าพ่อโดยไม่คิดเลิกรา ทว่าเทวบุตรหนุ่มกลับส่ายหัวให้ธันวาพร้อมแสดงสีหน้าเสียใจ ตบท้ายด้วยคำปฏิเสธเนื่องจากไม่สามารถละเมิดกฏของต้นสังกัดได้

“ขอโทษด้วย ถึงเจ้าจะเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากพรของข้าโดยตรง แต่ข้าก็ไม่อาจบอกรายละเอียดในส่วนนี้ให้เจ้ารับรู้”

“โธ่! เจ้าพ่อไทรทองครับ... ได้โปรดบอกผมเถอะนะครับ ผมอยากให้บูบู้เข้าใจว่าระหว่างผมกับอิ๊กเราไม่มีวันกลับไปคบหากันได้เหมือนเดิมแล้วน่ะครับ” หนุ่มรูปงามตีโพยตีพาย

“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ข้าขอยืนยันด้วยเกียรติของเจ้าพ่อสายบุ๋นระดับสิบดั้งทองแล้วกันว่า...
...ไม่ว่าอย่างไร เจ้าอิ๊กกับเจ้าไม่มีทางกลับมารักกันได้อีกแล้ว...
.
...หวังว่าเจ้าสองคนคงจะสบายใจกันได้เสียที...
...ไม่สงสัยอะไรแล้วนะ”

เจ้าพ่อไทรทองรวบตึงบทสนทนาพร้อมกล่าวทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงร้อนรนเหมือนคนเร่งรีบ
เพราะช่วงชุลมุนที่จะอาศัยหายตัวนั้น มักจะสั้นเกินการเอ่ยคำลาลูกมนุษย์ทั้งสองตามมารยาทเสมอ

“ดีมาก! งั้นข้าไปก่อนล่ะ! https://www.youtube.com/watch?v=bLCVeLnAUFIเฮ่ลโหล่ว โหม่วโต๊ว!!!’

“จะรีบไปไหนของท่านกันนะ? อะไรจะมาเร็วเคลมเร็วยิ่งกว่าประกันรถยนต์เสียอีก?!!” อดีตเดือนมหาลัยเกาหัวพลางบ่นเบาๆทันทีที่เจ้าพ่อไทรทองหายวับไปก่อนที่เขาจะตั้งตัวติด

“ท่านอาจจะติดธุระก็ได้ครับพี่หมี” บ๊วยพยายามให้เหตุผลแทนเจ้าพ่อที่ทำตัวผิดสังเกตจนเห็นได้ชัด...

ร่างผอมนึกภาวนาในใจขอให้สาเหตุที่ทำให้เทวบุตรเร่งรีบไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายใดๆ
ไม่อย่างนั้นเขาคงยิ่งลำบากใจที่เป็นตัวการทำให้เจ้าพ่อไทรทองต้องวางมือจากสถานการณ์บีบคั้นดังกล่าวเพื่อมาตอบคำถามคาใจไม่เข้าท่าของพวกเขาเป็นแน่



“บูบู้... ฟังที่เจ้าพ่อไทรทองอธิบายแล้วก็ควรจะทำใจให้สบายได้เสียทีนะครับ” น้ำเสียงนุ่มๆกับลมหายใจอุ่นๆที่พรมอยู่ข้างใบหูทำให้ชายกลางเบนความสนใจกลับมายังเจ้าของประโยคทันที

“ครับ... ขอบคุณนะครับพี่หมีที่ยอมทำถึงขนาดนี้”

พูดมาถึงตรงนี้ หนุ่มสถาปัตย์ก็อดดีใจไม่ได้ที่อีกฝ่ายให้ความสำคัญกับความรู้สึกของเขาเป็นอย่างยิ่ง  
เพื่อเป็นการตอบแทนความดีของอีกฝ่าย... เขาควรสร้างความมั่นใจในตัวเองให้สมกับความจริงจังและจริงใจที่อดีตเดือนมหาลัยหยิบยื่นให้เสียที


“เพื่อบูบู้  เค้าทำได้ทุกอย่างนั่นแหละ” ธันวาอดกระหยิ่มจนตัวพองไม่ได้...

การพูดคุยกับเจ้าพ่อไทรทองอย่างเปิดอกไปเมื่อครู่ย่อมทำให้แฟนตัวน้อยเชื่อมั่นในการตัดสินใจของเขาได้ไม่ยาก
จะเหลือก็แค่อดใจรอวันที่พรขององค์เทวบุตรถูกลบล้างอย่างเด็ดขาด
จากนั้นจึงค่อยคิดหาวิธีประกาศความรักที่มีต่อหนุ่มสถาปัตย์ร่างผอมให้โลกได้ร่วมรับรู้กันอีกที  
แต่ตอนนี้... ขอรางวัลจากอีกฝ่ายให้เขาได้ชื่นใจเสียหน่อยก็แล้วกัน

ไวเท่าความคิด อดีตเดือนมหาลัยก็กดปลายจมูกลงไปดอมดมกลิ่มแป้งเด็กอ่อนๆบนพวงแก้มของบ๊วยอย่างโหยกระหาย
ไม่รู้เป็นเพราะห่างจากการสัมผัสเนื้อตัวของผู้ชายคนอื่นมานานหลายเดือน
หรือเป็นเพราะสัมผัสที่พิเศษไม่เหมือนยามที่ต้องตัวใครคนอื่น หรือจะเพราะเหตุผลกลใดก็ตาม
แต่ธันวากลับไม่เคยรู้สึกตะกละตะกรามอยากรวมร่างกับใครได้มากเท่ากับเวลาอยู่ใกล้ๆบ๊วยอีกแล้ว


“ฮื่อ...พี่หมี! พูดอย่างเดียวก็ได้ครับ ไม่ต้องทำแบบนี้” หนุ่มสถาปัตย์พยายามปัดป้องตัวเองเป็นพัลวันด้วยไม่ต้องการให้อีกฝ่ายแสดงความรักผ่านภาษากายแบบเรี่ยราด... ขนาดทำกันในพื้นที่กลางแจ้งยังไม่เว้น นั่นก็ดูจะเกินไป

“ไม่ได้หรอกครับ... ตอนก่อนลงไปกินข้าว เค้ายังไม่ได้ชื่นใจเลยนี่ครับบูบู้” เก็กพูดไปก็หอมไปอย่างระรื่นชื่นอุราโดยไม่สนสีหน้าหนักอกของชายกลางเลยสักนิด

“แต่นี่มันข้างนอกนะครับ เกิดใครเดินผ่านมาเห็นเข้ามันจะไม่ดีนะ...ปล่อยเค้าเถอะ” บ๊วยเถียงคอเป็นเอ็นระหว่างหลบเลี่ยงปลายจมูกของเก็กอย่างมุ่งมั่น  แต่ดูเหมือนยิ่งดิ้น... ใบหน้าคมใสไร้มลทินของอีกฝ่ายก็ยิ่งจะไซ้ซอกคอเขาหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ

“ไม่!... จ้างให้เค้าก็ไม่ปล่อย!! เก็กผู้หน้ามืดตามัวก็เฝ้าแต่กดหน้าต่ำดื่มด่ำดมดอมความหอมแบบผู้ชายผสมกลิ่นฮายขมิ้นจางๆจากร่างผอมโดยไม่ยอมเงยหน้าขึ้นต่อบทสนทนากับอีกฝ่ายแต่โดยดี  จนคนที่มีแต่เสียกับเสียอย่างบ๊วยต้องอ้อนวอนเสียงอ่อนเสียงหวานเผื่อว่าธันวาจะหันมาเห็นใจตนบ้าง

“ฮื่อออออ ปล่อยเถอะครับ... นะ ปล่อยเค้าเถอะนะ”

ไม่!! /  เออ! กูเห็นด้วย... ปล่อยไอ้บูบู้ซะดีๆไอ้เหี้ยเก็ก! ” จังหวะเข้าด้ายเข้าเข็มของเดือนหนุ่มถูกเสียงทรงพลังจากร่างเล็กกะทัดรัดขัดขึ้นกลางปล้อง

“เฮ่ย!!เฮีย?! มาไงอ่ะ?”

“แน้! ไม่ต้องมากระแดะค้างท่าสงสัยแล้วไม่ยอมปล่อยไอ้บูบู้มันเลยนะไอ้สัด!...  
.
...มึงปล่อยไอ้บูบู้ก่อน แล้วกูจะตอบมึงทุกคำถามเลย” กังฟูพูดนิ่งๆ ซึ่งหากสังเกตดีๆจะรู้ในทันทีว่า คนพูดไม่ได้ส่งสายตาหรือแสดงท่าทีรังเกียจรังงอนรุ่นน้องต่างคณะอีกต่อไปแล้ว

“เรื่อง?! ไปครับบูบู้ เราเข้าไปข้างในบ้านกันเถอะ” กังฟูส่ายหัวอ่อนใจเมื่อเห็นน้องชายยังตั้งแง่กับตนไม่เปลี่ยน

“พี่หมี”  ฝ่ายชายกลางที่นึกเอะใจกับท่าทีผ่อนคลายของพี่ชายแฟนก็หลุดปากรั้งเก็กออกมาเบาๆ... ทว่าเมื่อเห็นสายตาแวววาวแกมเจ้าเล่ห์ของอดีตเดือนมหาลัยที่มองเลยไปยังด้านหน้าประตูบานที่เชื่อมกับระเบียงก็เข้าใจถึงเหตุผลที่อีกฝ่ายหุนหันออกมาได้โดยพลัน

ร่างสูงใหญ่คล้ายหมีของพี่รหัสตนทำให้ธันวาเลือกจะปลีกตัวออกมาจากที่ตรงนั้นทันที
ทั้งที่หนุ่มวิศวะรูปงามควรจะได้ยินดีกับความเปลี่ยนแปลงอันน่าตกใจของกรกฏอย่างที่ควรจะเป็นแท้ๆ


“คิดอะไรอยู่เหรอครับฟู?” เต๋อสาวเท้าเข้าไปยืนพิงราวระเบียงข้างๆกับร่างเล็กที่ทอดสายตาไปไกลแสนไกล
.
.
.
.
“เรื่อยเปื่อย” แม้จะประหลาดใจกับการปรากฏตัวของอีกฝ่ายอยู่ไม่น้อย แต่กรกฏกลับยังไม่วางตาไปจากดวงดาราที่ประดับท้องฟ้ายามราตรีสีดำสนิทจนงดงามเกินบรรยาย... กระทั่งจังหวะที่ตอบคำถามของตรินก็เถอะ

“ฟูหนาวไหม?..ปวดขาหรือเปล่าครับ?” ท่าทางนิ่งเฉยของกังฟูไม่ได้ทำให้หนุ่มร่างหมียอมแพ้แต่อย่างใด กลับกัน... ตรินยิ่งเอาใจใส่อีกฝ่ายมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว เพราะกลัวว่ากังฟูจะฝืนตัวเองมากเกินไปนั่นเอง

จิ๊! ” ร่างเล็กแสร้งทำเสียงหงุดหงิดทั้งที่ข้างในกำลังรู้สึกฟูฟ่อง... เมื่อหูรับเอาคำถามทื่อๆที่สื่อความเป็นห่วงเป็นใยของอีกฝ่ายผ่านเข้าสู่สมอง ทว่าความอาทรที่ติดมาพร้อมกันนั้นกลับส่งเสียงสะท้อนดังกึกก้องไปทั้งหัวใจ

“ถ้ากูบอกว่าปวดขา มึงจะทำยังไง?” พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยถามหยั่งเชิงเพื่อหลีกเลี่ยงเดดแอร์ พลางชำเลืองส่องหน้าอีกฝ่ายผ่านหางตาเพราะไม่อยากให้เต๋อรู้ตัวว่ากำลังถูกแอบมอง

“เต๋อจะพาฟูไปนั่ง แล้วรอจนกว่าฟูจะอยากกลับเข้าไปข้างใน... แล้วค่อยอุ้มฟูเข้าข้างในไปพร้อมกัน” เจ้าของร่างหมีตอบพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดลมในร่างกรกฏได้เป็นอย่างดี... โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า

“แล้วถ้ากูบอกว่ากูหนาวล่ะ?”  

“เต๋อก็จะเดินเข้าไปกอดฟูเอาไว้ เพราะเต๋อไม่ได้เอาผ้าห่มหรือเสื้อแจ็คเก็ตติดมือมาด้วย”

เมื่อไรก็ตามที่หัวข้อของการพูดคุยเกี่ยวพันกับความรู้สึกรักใคร่ชอบพอ
หมีหล่อหน้าคมก็มักแสดงคุณสมบัติปากกับใจตรงกันเป็นที่สุดออกมาให้ผู้ฟังได้ประจักษ์อย่างคงเส้นคงวาเสียทุกครั้งไป
แล้วอย่างนี้กังฟูจะต้านทานความสม่ำเสมอที่มาพร้อมกับน้ำคำหวานชวนให้เพ้อเหล่านี้ได้อย่างไรกัน?!
.
.
.
.
“...เต๋อ...”

“ครับฟู?”
.
.
.
.
.
.
“...กูหนาว...
...กูปวดขา...
...และกูก็ยังไม่อยากกลับเข้าไปข้างใน”

ทันทีที่จบประโยค หนุ่มสถาปัตย์ก็เดินเข้าไปช้อนร่างเล็กขึ้นอุ้ม
ก่อนจะเดินไปหย่อนตัวลงนั่งโดยจัดแจงให้กรกฏซ้อนอยู่เหนือหน้าตักตน

หนุ่มร่างหมีถ่ายเทความอบอุ่นให้กับอีกฝ่ายผ่านอ้อมกอดที่โอบล้อมร่างเล็กๆเอาไว้ทั้งตัว
คงไม่แปลกอะไรหากในเวลานี้หัวใจทั้งสองดวงจะเต้นโครมครามด้วยความตื่นเต้นและตื้นตันไปพร้อมๆกัน  เพราะนี่ถือเป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่ได้ใกล้ชิดกับอีกฝ่ายด้วยความสมัครใจของพวกเขาเอง


“หายหนาวหรือยังครับฟู?”

“หึ!” เต๋ออดยิ้มไม่ได้เมื่อกรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนหลังจากร่างเล็กส่ายหัวป้อยประกอบเสียงปฏิเสธในลำคอที่เพิ่งได้ยิน... 

ไม่รู้ทำไม หนุ่มร่างหมีกลับดีใจเป็นบ้าเป็นหลังกับท่าทางน่ารักของกังฟูเมื่อครู่นี้
ดูสิ...ดู  วิธีอ้อนแบบไม่ใส่น้ำตาล แถมยังอ้อมจักรวาลไปไกลโพ้น จะมีคนดีๆที่ไหนเขาทำกัน?!


ตรินกระชับวงแขนรัดร่างเล็กให้แนบชิดกับร่างกายของตัวเองมากขึ้นด้วยความรู้สึกลิงโลดใจ
ฝ่ายคนปากหนักก็นั่งกำซาบความรู้สึกอบอุ่นทางกายและใจอยู่เงียบๆไปพักใหญ่ๆ  ก่อนจะบอกใบ้ให้หนุ่มสถาปัตย์รับรู้แรงกอดที่พอเหมาะกับความต้องการของตนเบาๆ


“อือ...แค่นี้ก็ได้ กูค่อยยังชั่วขึ้นแล้วล่ะ”

“งั้นเต๋อจะกอดฟูเอาไว้แบบนี้นะครับ”

พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยพยักหน้าแทนการส่งเสียงตอบโต้ 
เต๋อจึงปล่อยให้อีกฝ่ายซึมซับบรรยากาศแสนสงบของบ้านไร่โดยไม่คิดขัดจังหวะ
กระนั้น.... หลังจากสังเกตเห็นว่า นัยน์ตากลมหม่นแสงลงกว่าปกติ แถมนานๆครั้งยังมีเสียงผ่อนลมหายใจยาวเหยียดเล็ดรอดออกมาให้ได้ยิน ตรินจึงอดถามออกไปไม่ได้


“ฟูมีเรื่องกลุ้มใจอะไรหรือเปล่าครับ?... ฟูระบายกับเต๋อได้นะ”

เสียงเต้นของหัวใจสองดวงที่ดังคลอไปกับเสียงหริ่งเรไร
กับกลิ่นหอมเย็นชื่นใจของดอกอแก้วในยามนี้ไม่ได้ช่วยให้หนุ่มร่างหมีสบายใจได้
ตราบใดที่เจ้าของใบหน้าผ่องในวงแขนยังนั่งนิ่งแหงนหน้าจับจ้องฟากฟ้างามจับตาไม่ว่างเว้นโดยไม่เอ่ยคำ

.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“เต๋อ... ของโปรดที่มึงชอบกินคืออะไร?” แม้จะแปลกใจที่กังฟูตั้งคำถามแทนที่จะระบายเรื่องอัดอั้นให้ตนได้รับพัง ทว่าเต๋อก็ยังร่วมมือกับเจ้าของคำถามอยู่ดี

“ยำปลาดุกฟูครับ ฟูถามทำไมเหรอ?”

“กูชอบกินทอดมันกุ้ง”

“ครับ?” นั่นไม่ใช่คำตอบรับของเต๋อแต่อย่างใด หากแต่คือการถามอีกฝ่ายกลับเพื่อให้เข้าใจถึงเจตนาที่อยู่เบิ้องหลังบทสนทนาของพวกเขาในตอนนี้ต่างหาก
.
.
.
.
.
“ถ้าเกิดมึงกับกูต้องกินข้าวด้วยกัน... แต่สั่งกับข้าวได้อย่างเดียว มึงจะสั่งอะไร?”

“ทอดมันกุ้งสิครับ” หนุ่มร่างหมีตอบโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด ซึ่งก็เร็วพอๆกับการขอเหตุผลจากอีกฝ่ายที่คล้ายจะรอท่าอยู่นานแล้วเช่นกัน

“ทำไมล่ะ?”

กังฟูรอฟังคำตอบของอีกฝ่ายด้วยใจจดจ่อ...
ร่างเล็กไม่ทันรู้ตัวเลยว่า ลึกๆแล้ว... เขาแอบลุ้นให้เหตุผลของเต๋อไม่ต่างจากคำตอบที่ตนให้กับแม่บัวสักเท่าไร


“ก็เพราะการได้เห็นฟูได้กินในสิ่งที่ฟูชอบ นอกจากจะอิ่มท้องแล้ว ยังอิ่มใจอีกด้วยนะครับ...
.
.
...ฟูคงยังไม่รู้ใช่ไหมครับว่า ความสุขของฟู ก็คือความสุขของเต๋อยังไงล่ะ”  หนุ่มสถาปัตย์ตอบพลางส่งยิ้มหวานให้ลมให้ฟ้าโดยสมมติว่าตนเองกำลังยิ้มให้กับร่างเล็กที่ตั้งหน้าตั้งตาเฝ้ามองดวงดาราโดยไม่เหลียวมองหน้าของเขาเลยสักครั้ง

กระนั้น... น้ำเสียงจริงจังของคู่สนทนาที่ดังตามมาก็ทำให้เต๋อวางตาจากท้องฟ้า
แล้วเลื่อนสายตาไปมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของพี่ชายอดีตเดือนมหาลัยแทบจะทันที


“แต่ถ้ามึงต้องกินข้าวกับกูไปตลอดชีวิต มึงจะไม่เบื่อทอดมันกุ้งไปก่อนหรือไง?”

“ถ้าได้กินข้าวด้วยกันไปตลอดชีวิตจริงๆ เต๋อคงจะรักทอดมันกุ้งอย่างไม่มีข้อสงสัย...
...เพราะเต๋ออยากให้เราสองคนได้กินเมนูโปรดไปพร้อมๆกันอย่างมีความสุขยังไงล่ะครับ” เต๋อตอบตามที่ตนเองเข้าใจ...

เขาพร้อมจะเปิดใจยอมรับสิ่งที่อีกฝ่ายชื่นชอบอย่างเต็มที่
หากนั่นสามารถแลกกับการที่เขาจะได้ใช้วันพรุ่งนี้กับกรกฏไปจนหมดลมหายใจ


“ทำไมมึงต้องยอมทำถึงขนาดนั้นด้วยล่ะ?” กังฟูยังติดใจไม่หาย และคงไม่มีใครให้คำตอบกับเขาได้ดีไปกว่าหนุ่มร่างหมีที่มีอ้อมกอดอบอุ่นที่สุดในโลกผู้นี้แน่ๆ

“เพราะการได้กินข้าวกับฟูทุกๆวัน  ทำให้เต๋อมีความสุขมากกว่าการได้กินของโปรดเพียงลำพังเป็นล้านๆเท่าน่ะสิครับ”

คำตอบของเต๋อทำให้พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยอดนึกย้อนไปถึงแม่บัวไม่ได้...
เพราะรักจึงยอมเข้าใจ เปิดใจ ให้โอกาส  
ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อทำในสิ่งที่อีกฝ่ายชอบใจ
ยอมอ่อนข้อให้โดยไม่มีข้อแม้ หรือเงื่อนไข รวมทั้งไม่คิดถึงการเอาชนะคะคานกัน

และแล้วกังฟูก็แน่ใจว่าหนทางที่เขากำลังจะเลือก จะนำมาซึ่งความสุขให้กับทั้งตัวเขา และน้องชายอย่างไม่มีข้อสงสัย....
เพราะการตัดสินใจเลือกทางเดินในอนาคตของตน มีจุดเริ่มต้นมาจากความรู้สึกรักแทบทั้งสิ้น
 ทันทีที่คิดได้... ร่างเล็กก็หันไปประสานสายตากับอีกฝ่ายเพื่อบอกความในใจผ่านการเปรียบเปรยง่ายๆในสไตล์ของแม่บัว


“เอาไว้กูจะลองหัดกินยำปลาดุกฟูบ้างก็แล้วกัน”

คำพูดที่ฟังคล้ายคำมั่นสัญญาของกังฟูนำพารอยยิ้มกว้างมาสู่ใบหน้าคมเข้มของเต๋อได้อย่างน่าอัศจรรย์
หนุ่มร่างหมีไม่นึกไม่ฝันมาก่อนเลยว่า วันนี้จะมาถึงเร็วเกินกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ตั้งแต่แรกปักใจว่าจะจีบกังฟูให้ติดเสียอีก


“เต๋อจะหัดทำทอดมันกุ้งให้อร่อยๆเลย” อารามดีใจทำให้ตรินเผลอหอมแก้มนุ่มของร่างเล็กในอ้อมกอดซ้ำๆอยู่หลายครั้งหลายครา จนคนเดือดร้อนต้องส่งเสียงโวยวายด้วยรู้สึกทั้งเขินอายและทำตัวไม่ถูกไปพร้อมๆกัน

“พอเลยพอ! แก้มกูไม่เย็นสักหน่อย!!

“แต่เต๋ออยากหอมนี่ครับ” หนุ่มสถาปัตย์เอ่ยด้วยน้ำเสียงกระดี๊กระด๊าร่าเริงจนกังฟูอดหมั่นไส้ไม่ได้  สุดท้าย...ร่างเล็กในอ้อมกอดตรินก็บ่นเป็นหมีเสียเอง

“ได้คืบจะเอาศอกนะมึงน่ะ!!

“แล้วต้องได้อะไร ถึงจะเอาฟูได้ทั้งตัวล่ะครับ?” เต๋อย้อนทันควันอย่างไม่หวั่นถูกอีกฝ่ายออกอาวุธใส่... ก็กังฟูเล่นทำให้เขาดีใจขนาดนี้  โดนต่อยสักทีสองทีก็ยังนับว่าคุ้มเหลือหลาย 

ทว่าแทนที่พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยจะแผลงฤทธิ์ใส่หนุ่มร่างหมีดังที่เจ้าตัวเข้าใจ
กรกฏกลับต่อกรกับอีกฝ่ายด้วยวาจาหยาบคายที่ไม่ระคายหูของชายหนุ่มผู้ระริกระรี้ที่สุดในปากช่อง ณ เวลานี้เลยสักนิด


“หน้าด้านชะมัดเลยแม่ง!!!

“หน้าด้านแต่ฟูก็ชอบใช่ไหมล่ะครับ?”

ฟู!

เสียงตะโกนของด้วงที่ดังมาจากข้างในตัวบ้านทำให้กังฟูดีดตัวลุกขึ้นทันที
จากนั้นร่างเล็กจึงวิ่งกลับเข้าไปในบ้านโดยไม่ทันได้ให้คำตอบที่น่าพอใจแก่คำถามสุดท้ายของหนุ่มสถาปัตย์  

ถึงอย่างนั้น การกระทำดังกล่าวกลับไม่ได้ทำให้รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของเต๋อเลือนไป 
ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มวัยยี่สิบต้นๆเดินตามพี่ชายอดีตเดือนมหาลัยเข้าในตัวบ้านอย่างช้าๆราวกับว่าเจ้าตัวต้องการซึมซับบรรยากาศหวานๆเมื่อครู่ให้หนำใจอย่างไรอย่างนั้น




“ฟูไปไหนมา?”

หนุ่มผมยาวที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จซักไซ้เพื่อนรักที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
เป็นเพราะแม่บัวขอคุยกับอีกฝ่ายเพียงลำพัง ทำให้เขาไม่อาจตามไปเฝ้าร่างเล็กได้อย่างใจ
แถมเขายังโชคร้ายซ้ำสองเมื่อต้องโดนรุ่นน้องหน้าแว่นกักตัวเอาไว้ เพื่อสอบสวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นตลอดเวลาที่พวกเขาทั้งสามพลัดหลงไปอีกทาง

สุดท้ายเขาเลยต้องอาศัยการอาบน้ำเป็นข้ออ้างในการผละจากวงสนทนาเพื่อมาตามหากรกฏในภายหลัง...
ซึ่งดูเหมือนว่า ครั้งนี้... เขาจะช้ากว่าเต๋ออีกแล้ว


“กูออกไปดูดาว ไม่ได้ดูดาวมานานละ” กังฟูพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติระหว่างตอบเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่สุดท้ายกลับโดนหนุ่มผมยาวพูดดักทางอีกจนได้

“ดาวที่มอก็มี... ไม่เคยเห็นฟูคิดจะดู”

“ความสุขกู มึงไม่ต้องเข้าใจหรอก” ร่างเล็กเหวี่ยงใส่เพื่อนด้วยน้ำเสียงขัดใจ... เพราะพักหลังๆมานี่  อีกฝ่ายมักจะคอยเซ้าซี้ถามโน่นนี่เกี่ยวกับตัวเขาอย่างไม่มีเหตุผลอยู่บ่อยๆจนน่ารำคาญ

“ดูพอแล้วเหรอ? อยากไปดูอีกหรือเปล่า เดี๋ยวเราไปนั่งดูเป็นเพื่อนดีไหม?” ด้วงเสนอตัวด้วยไม่อยากยอมแพ้หนุ่มหัวเกรียนคู่อริจากต่างคณะ แต่กังฟูกลับปฏิเสธความหวังดีของเขาอย่างไร้เยื่อใย

“ไม่อ่ะ... กูเหนื่อย อยากนอนแล้ว”

จากที่คิดว่าจะพอหว่านล้อมร่างเล็กให้ยอมปริปากเล่าเกี่ยวกับรายละเอียดของการพูดคุยกับเจ้าบ้านหลังอาหารมื้อเย็น
กลายเป็นต้องมารู้สึกน้อยใจกับภาพที่อีกฝ่ายยอมให้เต๋อกอดและหอมได้ตามใจอยู่นานสองนาน....
ความรู้สึกเจ็บปวดที่เบ่งบานอัดแน่นอยู่ในอกนี่... เขาควรจะจัดการมันอย่างไรดีนะ?!!


“งั้นฟูก็ไปอาบน้ำก่อนเถอะ จะได้กลับมานอนพร้อมกัน” ด้วงพูดพลางสะกดกลั้นความรู้สึกเจ็บปวดเอาไว้ภายในอย่างยากลำบาก

การเฝ้ามองตามร่างเล็กเดินทิ้งห่างออกไปโดยไม่หือไม่อือกับคำพูดของตน
ยังไม่ทรมานใจเท่ากับโดนหนุ่มสถาปัตย์ที่ยืนพิงกรอบประตูถากถางด้วยสีหน้าของผู้ชนะ


“กูว่า... มึงเตรียมรับมือกับความพ่ายแพ้ได้เลยด้วง...
.
...มาถึงขั้นนี้... กูไม่มีวันยอมปล่อยฟูไปไหนแล้วล่ะ” เต๋อตอกย้ำบาดแผลของหนุ่มผมยาวด้วยความมั่นใจเกินร้อยหลังจากได้ใช้เวลาคุณภาพกับกังฟูไปเมื่อครู่

“ตราบใดที่ฟูยังไม่ตอบรับความรู้สึกของนาย... เราจะไม่มีวันล้มเลิกความตั้งใจ”

ถึงจะเพลี่ยงพล้ำเสียทีปล่อยให้ให้อีกฝ่ายทำคะแนนหัวใจนำตนไปไม่น้อย 
แต่ประโยคดังกล่าวของด้วงกลับไม่ใช่คำพูดพล่อยๆที่ลอยลมไปท้าทายเต๋อเท่านั้น

เพราะจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ ด้วงก็ยังคงเชื่อมั่นกับความผูกพันที่ร้อยรัดเขากับกังฟูเอาไว้ด้วยกันมาตั้งแต่ทั้งคู่ยังเป็นเด็ก...
ต่อให้เกิดอะไรขึ้นก็ตาม เขาก็จะไม่ยอมเสียสละกังฟูให้กับใครหน้าไหนเป็นอันขาด


“กูว่ามึงคงได้ล้มเลิกความตั้งใจในอีกไม่นานนี้แน่ๆ” ตรินปรามาสด้วยน้ำเสียงลำพองโดยไม่ทันตระหนักว่า คำพูดกระแทกใจอีกฝ่ายที่ตนเอ่ย จะทำให้หนุ่มผมยาวเกิดทิฐิจนกลายเป็นโทษต่อตัวเองได้ในภายหลัง

เพราะคนอย่างด้วง หากไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ...
หนุ่มผมยาวก็พร้อมจะทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางศัตรูหัวใจอย่างเต็มที่เช่นกัน


Ħ------------------------------------------------------------------------Ħ


“ต้องกลับกันจริงๆแล้วเหรอลูก? แม่ยังอยู่กับพวกหนูได้ไม่กี่วันเอง?” แม่บัวเอ่ยกับหนุ่มๆทั้งแปดที่ยืนเรียงแถวหน้ากระดานเพื่ออำลาเจ้าบ้านก่อนเดินทางกลับบ้านในช่วงสายของวันถัดมา

“ครับแม่บัว... โชคไม่ดีที่คราวนี้พวกเราเสียเวลาหลงอยู่ในป่าไปหนึ่งวันเต็มๆ...
.
...เอาไว้โอกาสหน้าพวกเราจะมาเยี่ยมแม่บัวกับพ่อเขียวกันอีกนะครับ” เต๋อออกรับอย่างสุภาพแทนชาวคณะ  ซึ่งการเข้าหาผู้ใหญ่ได้อย่างไม่มีที่ติของรุ่นพี่ร่างหมีดันไปสะกิดต่อมปากเสียของหนุ่มหน้าแว่นเข้าอย่างพอดิบพอดี

“อ่ะโห! พูดจาหล่อขัดกับใบหน้าก็เป็นเหมือนกันนะครับพี่เต๋อ” สกลที่ปราดเข้ามากอดอ้อนแม่บัวไม่ต่างจากลูกชายคนที่สองของบ้านอดแซะพี่รหัสของเพื่อนสนิทให้กระชุ่มกระชวยหัวใจไม่ได้จริงๆ   

“แล้วหนูแนนล่ะลูก... ต้องกลับบ้านแล้วเหรอ? ไม่อยู่เล่นกับบ๊วยอีกสักวันสองวันก่อนล่ะครับ?” เจ้าบ้านหญิงเบนความสนใจมายังลูกลิงหน้าแว่นที่กอดอ้อนหล่อนอย่างน่าเอ็นดู

“เดี๋ยวปลายอาทิตย์หน้าก็เปิดเทอมแล้วครับแม่บัว...
.
...แนนกลัวว่าถ้าไม่กลับบ้านไปให้ป๊ากับม้าเป็นหน้าบ้าง  ป๊าม้าจะชวนอาม่าให้ยกสมบัติให้อาปีเตอร์ไปเสียก่อน...
...แนนต้องรีบกลับไปทำคะแนนแข่งกับอาปีเตอร์น่ะครับ” หนุ่มสถาปัตย์หน้าแว่นพูดพาดพิงถึงหมาเกรทเดนลายวัวตัวล่าสุดที่คนทั้งบ้านทั้งรักทั้งหลงประหนึ่งลูกชายคนเล็กก็ไม่ปาน  ได้ยินดังนั้น...แม่บัวจึงอดสงสารเพื่อนสนิทของลูกชายหล่อนไม่ได้ 

“โธ่หนูแนน... ให้แม่โทรไปหาอาเง็กแล้วคุยให้ไหมล่ะ? หนูจะได้ไม่ต้องลำบากใจแบบนี้” แม่บัวเสนอทางออกให้สกลด้วยมั่นใจว่าเพื่อนรักของตนผู้เป็นมารดาของเด็กหนุ่มจะยอมผ่อนผันวันกลับบ้านให้หากหล่อนเป็นธุระออกปาก

“ไม่เป็นไรครับแม่...หน้าที่ช่วงชิงสมบัติของตระกูล ยกให้เป็นภาระของลูกผู้ชายแมนๆอย่างแนนเถอะครับ”  

“ไอ้สัดแว่น! จะพิรี้พิไรอีกนานไหม? กูจะได้เอาของกลับขึ้นไปเก็บแล้วนอนสักงีบสองงีบ?” กังฟูประชดรุ่นน้องต่างคณะด้วยความอิจฉาตาร้อน...

เขารึอุตส่าห์รวบรวมความกล้าเพื่อมาร่ำลาแม่บัวอยู่ตั้งนานสองนาน
แต่แล้วจังหวะที่ร่างเล็กจะก้าวเข้าไปหาผู้อาวุโสที่ตนเคารพนั้นเอง สกลก็ดันมาปาดหน้าเค้กกลบช่วงทำซึ้งของตนไปดื้อๆ
กระนั้น... การแทรกแซงของกังฟูก็ได้ผลเป็นที่น่าชื่นชม เพราะในท้ายที่สุด...แม่บัวก็เป็นฝ่ายเรียกร้องให้เขาเข้าหาหล่อนเสียเอง


“ฟู... หนูมาหาแม่หน่อยสิลูก”

“ครับแม่” แม่บัวอ้าแขนรับร่างที่สูงไล่เลี่ยกับเจ้าหล่อนเข้ามากอดเอาไว้อย่างรักใคร่

“สัญญากับแม่ได้ไหมว่า หนูจะไม่ใจร้ายกับน้อง...
...ที่สำคัญ หนูต้องไม่ใจร้ายกับตัวเองนะลูก...
.
...มีอะไรไม่สบายใจ โทรหาแม่ได้ทุกเมื่อเลยนะลูก...
...ขอให้หนูคิดเสียว่า แม่เป็นแม่อีกคนของหนูก็ได้นะ” หล่อนเน้นย้ำกับกรกฏด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงไม่ต่างจากลูกชายตนเอง

ฝ่ายเด็กหนุ่มที่ร้างลาจากอ้อมกอดของมารดามานานก็ต้องกระพริบตาถี่ๆเพื่อกันไม่ให้น้ำใสๆไหลปรี่ออกจากสองตา
กังฟูประนมมือไหว้ทั้งแม่บัวและพ่อเขียวเพื่อแสดงความเคารพนับถือ และขอบคุณผู้อาวุโสทั้งสองจากใจจริง


“ครับ... ขอบคุณครับแม่... หวัดดีครับพ่อ”

“ทำให้ได้อย่างที่แม่เค้าขอนะลูก...
.
...แต่อย่าคุยไลน์กับแม่เลย เดี๋ยวหนูจะลำบากใจไปเปล่าๆ”

พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยยิ้มน้อยๆเมื่อได้ยินคำเตือนอย่างจริงใจของพ่อเขียว...ซึ่งคงจะสายเกินแก้ไปเสียแล้ว 
เนื่องจากจากมารดาของแฟนน้องชายส่งรูปภาพมากมายมาทักทายเขาตั้งแต่เช้าหลังจากกังฟูเพิ่มแม่บัวลงในรายชื่อเพื่อนในไลน์ไปเมื่อคืน

เมื่อพี่ชายหมดธุระกับเจ้าบ้านทั้งสอง
ก็ถึงคราวของคนเป็นน้องเข้ามาร่ำลาบิดากับมารดาของแฟนตัวน้อยอย่างเป็นทางการเสียที


“แม่ครับ... พ่อครับ ขอบคุณมากนะครับที่ยอมรับผม”

“แค่หนูเป็นคนดี รักลูกชายของพ่อกับแม่จริงๆและรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับพ่อแม่ได้ตามที่ปากพูด  เท่านี้ก็สมกับความไว้ใจที่พ่อกับแม่มอบบ๊วยให้หนูดูแลแล้วล่ะจ๊ะ” แม่บัวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

ผู้เป็นพ่อจึงช่วยเสริมข้อความให้สมบูรณ์ด้วยการออกปากชวนเด็กหนุ่มเสียแต่เนิ่นๆ...
ถือเป็นกุศโลบายอันแยบยลที่พ่อเขียวเลือกใช้ในการลอบสังเกตความเป็นไปของทั้งคู่ในระยะยาวเสียจริงๆ


“ดูแลตัวเองดีๆนะไอ้ลูกเขย... ถ้าว่างๆก็มานอนเล่นที่นี่อีกได้  ไร่แม่บัวยินดีต้อนรับเอ็งเสมอ”

“ครับพ่อ” เก็กเดินเข้าไปกอดพ่อและแม่ของบ๊วยจนพอใจ แล้วจึงเดินเลยไปหาชายกลางที่ยืนอยู่ปลายแถวฝั่งของเจ้าบ้านเพื่อสั่งเสียก่อนที่ทั้งคู่จะไม่ได้เห็นหน้ากันอีกหลายวัน

“บูบู้ครับ เดี๋ยวเค้าโทรหานะ... รอรับโทรศัพท์ด้วยล่ะ / ครับพี่หมี”

“ห้ามคิดถึงคนอื่น และก็ดูแลตัวเองดีๆ... จำไว้นะว่าบูบู้น่ะมีแฟนแล้ว / ครับ”

“...บูบู้...” หนุ่มรูปงามลากเสียงยาวเพื่อเรียกร้องความสนใจจากร่างผอมแบบเต็มเหนี่ยว “เค้าจะไปแล้วนะ” พูดจบหนุ่มรูป
งามก็ส่งสายตากดดันแฟนตัวน้อยของตนต่อทันที

“ครับ?” บ๊วยตอบรับพร้อมกับทำหน้างงไปพร้อมๆกัน

บอกตรงๆ... เขาเองก็จนปัญญาเพราะเดาไม่ถูกว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรกันแน่ 
แต่แล้ว...เก็กก็กลายเป็นฝ่ายที่ทนรอไม่ไหวเสียเอง


“กอดเค้าหน่อยซี่!!

หากเป็นเด็กเล็กๆพูดจาออดอ้อนผู้ใหญ่ด้วยประโยคเมื่อครู่คงจะทำให้ดูน่ารักน่าชัง...
แต่เพราะน้ำเสียงเว้าวอนดังกล่าวเป็นของชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแน่นหนั่น... มันเลยดูน่าอิหลักอิเหลื่อกว่าที่คิดเอาไว้มากโข


“ไม่ดีมั้งครับพี่หมี คนอื่นอยู่กันเต็มเลย” ชายกลางพยายามกลั้นเขินแล้วเจรจากับอีกฝ่ายอย่างเป็นเหตุเป็นผล

“กอดเร็ว! ไม่งั้นเค้าไม่กลับบ้านจริงๆนะ” ธันวาทำท่าขัดใจคล้ายจะทุ่มตัวใส่พื้นอย่างก้าวร้าวเพื่อทำให้แฟนรู้สึกผิดเสียให้ได้ แต่เพราะบ๊วยยังไม่ขยับเขยื้อนร่างกายแม้สักมิลลิเมตรตามที่ตนต้องการ ชายหนุ่มรูปงามจึงต้องกลับลำมาเป็นฝ่ายเร่งรัดร่างผอมอย่างไม่มีทางเลือก “กอดเค้าเร็วๆสิครับ เร็ว! เดี๋ยวจะไม่ได้กอดอีกหลายวันเลยนะครับบูบู้!!!

ดูเหมือนความอดทนของอดีตเดือนมหาลัยจะต่ำกว่าที่ใครๆคาดคิด
เพราะเมื่อพูดจบ ร่างสมส่วนน่ามองก็พุ่งเข้าไปกอดลูกชายคนเล็กของบ้านเอาไว้แน่น...
เข้าใจว่า หากธันวาสามารถหลอมร่างรวมเป็นหนึ่งเดียวกับบ๊วยได้ อดีตเดือนมหาลัยคงทำไปนานแล้ว


“พี่หมีนี่ล่ะก็! / ไอ้สัดเก็ก!! อย่าทำตัวรุ่มร่าม!! ขึ้นรถเดี๋ยวนี้!!”  ไม่ใช่แค่บ๊วยเท่านั้นที่ไม่อาจรับมือกับพฤติกรรมหน้าด้านหน้าทนของอดีตเดือนมหาลัยได้ เพราะพี่ชายคนโตของหนุ่มวิศวะดีกรีเดือนมหาลัยก็แหวใส่น้องชายหน้ามึนไปหนึ่งดอกเช่นกัน

“แหม่! อะไรจะสองมาตรฐานได้ขนาดนี้ครับคุณกรกฏ ทีตัวเองยืนกอดกับแม่บัวได้ตั้งนานสองนาน แค่คนอื่นจะร่ำลากันแบบหวานๆกลับทนดูไม่ได้เสียอย่างนั้น” ที่สกลเจ๋อออกสื่อ ไม่ใช่เพราะต้องการให้ท้ายอดีตเดือนมหาลัย หากแต่ทนหมั่นไส้รุ่นพี่วิศวะร่างเล็กไม่ไหวต่างหาก

“หนอย!! ไอ้สัดแว่น... อ้อนตีนดีเหลือเกิน ขอกูเตะสักป้าบเหอะวะ!!”  ทั้งสองวิ่งไล่กันไปรอบรถตู้คันใหญ่ก่อนที่หนุ่มหน้าแว่นจะแอบกระโดดขึ้นรถหนีไปได้


กระนั้น...แทนที่สกลจะได้กลับเข้าไปในรถนั่งยังท้ายรถอย่างขามา
สายตาดุๆของฌอนกลับสะกดหนุ่มหน้าแว่นให้ต้องหย่อนก้นลงนั่งตรงยังที่นั่งเดิมของบ๊วยแทน

แต่นั่นกลับไม่อาจทำลายความสุขของหนุ่มสถาปัตย์หน้าแว่นได้แม้แต่น้อย
เพราะทำเลใหม่เอื้อให้สกลสามารถแอบเงี่ยหูฟังบทสนทนาของเพื่อนรักกับอดีตเดือนบริหารหน้าหวานระหว่างรอชาวคณะที่เหลือทยอยกลับขึ้นรถตรงเบาะหลังได้อย่างชัดเจน


“นี่นาย นายปิดตาฉันมาตั้งแต่เช้าแล้วนะ ไม่กลัวแม่กับพ่อบ๊วยจะเข้าใจผิดหรือไง?”  อิ๊กในโหมดได้สติทว่าถูกคาดตาตั้งแต่หลังกินข้าวเช้าเสร็จ เปิดปากถามตัวต้นคิดที่คอยจับมือ จับตัวเขาเพื่อนำทางไว้ตลอดเวลาด้วยน้ำเสียงเหลืออด... 

การที่ฌอนปฏิบัติกับเขาราวกับคนพิการทางสายตาแบบนี้  
เขาจะยิ่งดูไม่ดี หรือกลายเป็นคนไม่มีมารยาทในสายตาพ่อเขียวกับแม่บัวไปแล้วหรอกหรือ?!


“ผมอธิบายกับพ่อแม่บ๊วยเรื่องของคุณไปแล้ว”

“บอกว่าฉันเป็นตาแดงกะทันหันเลยไม่ควรเปิดตามองอะไรเพราะไม่อยากให้อักเสบเพิ่มเนี่ยนะ?...
.
...ถามหน่อยเถอะ...นายว่า วิธีนี้มันจะเวิร์คจริงๆเหรอ?”

“แล้วเช้านี้คุณรู้สึกอยากเข้าใกล้ไอ้เก็กมันหรือเปล่าล่ะ?” ฌอนย้อนนิ่มๆ พลางยกยิ้มมุมปากเพราะอดขำท่าทางโยกหัวส่ายไปมากระดุ๊กกระดิ๊กของอดีตเดือนบริหารที่ถูกเขาปิดตาไม่ได้

“เออ...ก็ไม่แฮะ” อคิราอดยอมรับออกมาตรงๆไม่ได้ “นายนี่เก่งดีนะ... แก้ปัญหาได้ตรงจุดเป๊ะๆเลย”ร่างบางชมความหัวใสของแฝดน้องไม่ขาดปาก

“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะ... ตอนนี้ผมมีเรื่องต้องคุยกับคุณ” ฌอนวกลับเข้าสู่หัวข้อสำคัญที่เขาต้องการเคลียร์กับอีกฝ่ายแต่กลับหาโอกาสพูดคุยกันสองต่อสองไม่ได้สักที

“เรื่องอะไร?”  อิ๊กพยายามเชิดปลายจมูกขึ้นสูงเพื่อแอบมองลอดผ้าเพื่อมองหน้าคู่สนทนารูปหล่อ...

ทว่าเจ้าตัวกลับต้องรู้สึกเสียใจในภายหลัง เมื่อสำเหนียกว่านั่นเป็นการกระทำที่โง่สิ้นดี
เพราะนอกจากจะมองไม่เห็นแล้ว ยังปวดเบ้าตาอย่างสาหัสอีกต่างหาก


“ก็เรื่องเมื่อวาน... เรื่องที่ผม... ดูผิดปกติไปน่ะ” ฌอนอ้อมแอ้ม ในขณะที่อีกฝ่ายกลับตอบรับด้วยน้ำเสียงสบายๆ

“อ๋อ! เรื่องที่นายเป็นร่างเปล่าให้วิญญาณไหนๆมาอาศัยใช้ร่างได้น่ะเหรอ?...
...โฮ้ย! เรื่องนั้นพลายบอกกับฉันครบทุกประเด็นแล้ว นายไม่ต้องห่วงหรอก”

“แล้วคุณรู้สึกยังไง?” หนุ่มสถาปัตย์ยังอดเป็นห่วงไม่ได้  ส่วนคนฟังก็ทำท่านึกอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบง่ายๆไม่ต่างจากเมื่อครู่

“ก็ไม่ยังไงนะ” คนโดนปิดตานยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจกับประเด็นเดือดของฌอนมากนัก แต่นั่นกลับไม่ใช่สิ่งที่ฌอนต้องการแต่อย่างใด

“ไม่เอาสิคุณ อย่าตอบแบบนี้... ผมอยากได้ยินคำอธิบายจากปากคุณนะ” แฝดน้องไม่ได้คาดหวังการตอบสนองชิลๆแบบนี้จากผู้ไม่มีประสบการณ์ด้านจิตวิญญาณอย่างโชกโชนมาก่อน... ถ้าเป็นสกล หรือ บ๊วยก็ว่าไปอย่าง

ที่ฌอนเพียรคาดคั้นอีกฝ่ายไม่เลิกรา
เพื่อให้แน่ใจว่าอคิราจะรับเงื่อนไขในชีวิตของเขาได้ทุกเรื่องจริงๆ ก่อนที่ทั้งสองจะตกลงคบกันเป็นเรื่องเป็นราว
ฝ่ายอคิรา เมื่อรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายยืนกระต่ายขาเดียวอย่างจริงจัง อดีตเดือนบริหารก็พร้อมจะจัดให้ตามคำขอ


“แล้วจะให้ฉันอธิบายอะไรล่ะ ก็ฉันเข้าใจ และก็ออกจะแฮปปี้กับการที่นายเป็นร่างทรงได้... ฉันว่ามันเท่ห์ออก...
.
...แบบว่า... พอควบคุมอารมณ์ไม่ได้ หรือเมื่อไรที่เหนื่อยมากๆ นายก็แปลงกายเป็นคนอื่น...
...ดูตามอารมณ์ยากดี  ฉันชอบ”  อิ๊กเอ่ยด้วยน้ำเสียงชอบอกชอบใจ... ก็มีแฟนเป็นคนมีพลังพิเศษมันเท่ห์ไม่หยอกนี่นา ถึงจะพิเศษด้านไสยศาสตร์ก็เถอะ

“เฮ่ย! คุณจะบ้าเหรอ? นี่มันไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเลยนะ” เหตุผลประหลาดล้ำของอีกฝ่ายทำให้แฝดน้องเอ่ยแย้งแทบไม่ทัน นอกจากจะโก๊ะ ช่างฝันและหมั่นมโนอย่างเหลือเชื่อแล้ว ตรรกะด้านความชอบของอดีตเดือนบริหารยังพิลึกกึกกือจนน่านับถือกราบไหว้โดยแท้

“แล้วนายจะให้ฉันทำยังไงล่ะ? จะให้ฉันไปชอบคนอื่นเอาตอนนี้คงจะไม่ทันแล้วมั้ง!!” อิ๊กขึ้นเสียงใส่ชายหนุ่มต่างคณะ...

หน้าเหน้อก็มองไม่เห็น แล้วอีกฝ่ายยังจะกล้ามาพูดจาตีรวนชวนตีชวนต่อยอีก...
เดี๋ยวเถอะนะ! อย่าให้พ่อถอดปลอกตาออกเชียวนะ พ่อจะดูดหูให้เป็นน้ำหนวกเลยนิ!!


“เฮ่ย! นั่นก็ไม่ได้!! ผมไม่ให้คุณไปชอบคนอื่นเด็ดขาด!!!” ฌอนเกือบหลุดมาดเผลอตะโกนใส่หน้าร่างบางด้วยความตกใจกับสิ่งที่เพิ่งได้ยินไปหมาดๆ

“นายนี่มันเป็นไบโพล่าร์ชัดๆเลย พอฉันปลาบปลื้มกับอาการไม่เป็นตัวของตัวเองของนาย นายก็โวยวายไม่ชอบใจ...
.
...แต่พอโดนฉันประชดใส่ นายก็ตีโพยตีพายเหมือนจะตายเสียให้ได้...
...ฉันชักจะเอาใจนายไม่ถูกแล้วนะนายขอรับ!!” อคิราตอกกลับด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดติดลมบนจนฌอนผงะหน้าหงาย...

จะอะไรกันนักหนา?! ก็บอกว่ารับได้ ก็บอกว่าแฮปปี้...ก็เพิ่งบอกว่าดี๊ดีไปแท้ๆ แล้วยังจะมาเวิ่นเว้องอแงให้ได้อะไรอีก?
หรือว่าอีกฝ่ายอยากให้เขาฟูมฟายเพราะรับไม่ได้แล้วเล่นใหญ่รัชวิภากาญจนาภิเษกใส่ให้รู้แล้วรู้รอดกัน?!!

ส่วนอีกฝ่ายที่เริ่มจะแน่ใจว่าอดีตเดือนบริหารไม่มีปัญหากับคุณสมบัติที่ไม่เหมือนใครของตน
แฝดน้องก็รีบปรับความเข้าใจกับอีกฝ่ายทันที


“ผมขอโทษ... ผมแค่ไม่นึกว่าคุณจะรับความผิดปกติของผมได้ง่ายดายแบบนี้”

“หึ หึ หึ” คนที่โดนปิดตากอดอก ยืดลำตัวท่อนบนขึ้น แล้วแอ่นแผ่นอกบางพลางเชิดหน้าสูงเพื่อโชว์เหนือ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงข่มๆ “วินาทีนี้นายควรจะดีใจแล้วหมอบลงจูบปลายเท้าของฉันไล่ขึ้นมาถึงหัวมากกว่านะ คึ คึ คึ” พูดจบ อิ๊กก็ย่นคอแล้วส่งเสียงหัวเราะโรคจิตอยู่นานสองนาน 

แต่แล้ว...
เสียงแปลกปลอมของบุคคลที่สามซึ่งดังมาจากด้านหน้ากลับทำให้ร่างบางชาดิกตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยทีเดียว


“เอ่อ! อย่าหาว่าผมละลาบละล้วงเลยนะครับคุณอิ๊ก...
.
...แต่คุณอิ๊กครับ... วาจาอีโรติกเช่นนี้ควรเก็บเอาไว้พูดคุยกับฌอนศรีในที่รโหฐานเพียงสองคนมากกว่าจะเผยแพร่ให้พวกผมทุกคนร่วมรับรู้เช่นนี้นะครับ”

เมื่ออคิราเอาผ้าคาดตาออก ก็ได้รู้ว่า...
สมาชิกผู้ร่วมเดินทางทุกผู้ทุกคนหันมามองหน้าตนเป็นตาเดียว


เฮ่ย!!” นั่นคือเสียงกรีดร้องสุดท้ายที่อดีตเดือนบริหารฝากเอาไว้ให้ชาวคณะได้รับฟังต่างหน้า ก่อนที่หนุ่มหน้าสวยหวานจะอำลาวงการไป ณ บัดนั้น

“นั่นงะ! แกล้งตายหลบหนีความผิด! คลาสสิคสุดอ่ะ” สกลบ่นหงุงหงิง... รู้อย่างนี้ไม่แซวอีกฝ่ายเสียก็ดี เผื่อจะได้ยินข้อมูลเด็ดๆเกี่ยวกับฌอนแบบล้วงลึกยิ่งไปกว่าเมื่อกี๊  ไม่น่าปากไวเลยพับผ่า!!  

“แซวพอแล้วสกล” แฝดน้องปรามด้วยมโนกรรม และวจีกรรม...

ซึ่งเมื่อประเมินจากใบหน้าถมึงทึงผิดปกติ  พนันได้เลยว่า...หากเพื่อนรักหน้าแว่นยังไม่รามือ
ฌอนคงได้ใข้กายกรรมขั้นรุนแรงเข้าจัดการกำราบสกลให้เงียบปากไปโดยเร็ว


“แหม่! เผยจุดอ่อนให้เพื่อนเห็นนิดๆหน่อยๆเป็นไม่ได้เลยนะครับฌอนศรี” หนุ่มหน้าแว่นที่ผินร่างท่อนบนเพื่อเผือกเรื่องภายในครอบครัวแฝดน้องปรายหางตามองเพื่อนหน่ายๆอย่างไร้มารยาท

นั่นจึงทำให้ฌอนเงยหน้าขึ้นมองเพดานรถตู้นิ่งๆอยู่ครู่หนึ่ง
ก่อนจะเปิดเผยความลับวงในให้เพื่อนสนิทจอมจุ้นได้ร่วมรับฟัง


“พลาย... สกลเหงาน่ะ”  แฝดน้องยังไม่ทันสื่อสารกับเด็กวิเศษจนจบประโยค เสียงตื่นๆของสกลก็ตะโกนแทรกสัญญาณการพูดคุยของฌอนกับพี่พลายขึ้นเสียก่อน

“อุ๊ย! ไม่เหงาแล้วครับ แอบดูคุณธันวาคุยไลน์กับบูบู้ดีกว่าเนอะ”

เก็กผลักหัวหลิมๆของสกลที่อิงแอบแนบไหล่พลางไล่สายตาอ่านประโยคสุดเลี่ยนทั้งหลายของตนให้ออกห่าง
แต่แทนที่หนุ่มแว่นจะเศร้าซึมกับท่าทีขับไสไล่ส่งของอดีตเดือนมหาลัย
สุดยอดนักเผือกเรื่องชาวบ้านกลับสัมผัสได้ถึงบรรยากาศมาคุตรงที่นั่งแถวหน้าอันเป็นทำเลทองของสามหนุ่มรุ่นพี่...
สกลจึงรีบคว้ามือถือของตนขึ้นแล้วสไลด์หน้าจอเข้าสู่แอพลิเคชันเม้าธ์มอยสุดฮิตเพื่อคุยกับเหล่าสมุนเลวโดยพร้อมเพรียง




กริฟฟินดอร์พ่อทุกถาบัน
 โอ้ว! ทุกคนครับ...
โปรดจับตาบรรยากาศแถวหน้าด้วยครับ
 READ 10.48 AM

P’Charles:
อืม... พี่เต๋อกับเฮียฟูน่ะไม่น่าจะมีอะไรหรอก
10.48 AM
แต่คุณพี่ด้วง... ท่าจะไม่ปกติ
10.48 AM
K’Tunwa:
เมื่อคืนผมเห็นพี่เต๋อกับเฮียกอดกัน...
พี่ด้วงตามมาทีหลัง คงเห็นเหมือนกันล่ะมั้งพี่ฌาน
10.49AM
Bu-Bu:
ถึงว่าสิ... เมื่อเช้าพี่ด้วงถึงดูไม่ค่อยสดชื่นเท่าไร
10.50AM

 ลึกลับซับตุ๋ยขนอุยมากครับ
 READ 10.50 AM

Shaunsri:
พวกเราคงต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะครับ
10.51AM
P’Charles:
คุยได้เหรอน้องชาย?
ระวังความลับแพร่งพรายนะ
10.51 AM


 นั่นน่ะสิครับ...
คุณอิ๊กสุดอีโรติกเล่นนั่งใกล้ฌอนศรี
จนแทบสิงสู่เสียขนาดนั้น
 READ 10.51 AM


Shaunsri:
อยากโดนมั่งไหมล่ะสกล จะได้ส่งพลายไปบำบัด
10.51AM
ไม่เห็นหรอกครับ หลับไปจริงๆแล้วล่ะพี่ชาย
10.52AM


 เอะอะขู่ เอะอะขู่...
ใช่ซี้ย์!! เค้ามันเป็นแค่เพื่อนหนิ!
 READ 10.52 AM


P’Charles:
พวกเราคงต้องสร้างโอกาส
ให้พี่ๆทั้งหมดได้ใกล้ชิดกันอีกแล้วล่ะ
10.53 AM
Bu-Bu:
แต่อีกตั้งอาทิตย์นึงกว่าจะเปิดเทอมใหม่นี่ครับ
จะหาโอกาสที่ไหนให้พวกพี่ๆได้มาอยู่ด้วยกัน?
10.53AM
P’Charles:
ก็ถ้ารอถึงเปิดเทอมไม่ได้...
เราก็สร้างโอกาสขึ้นมาเสียสิ
10.54 AM
Shaunsri:
ให้สกลโดนทำร้ายจนต้องเข้าโรงพยาบาลดีไหมครับพี่ชาย?
 10.54AM
Shaunsri:
เดี๋ยวฌอนลงทุนเหนื่อยกระทืบให้เอง
 10.54AM
K’Tunwa:
ฌอนไม่ต้องลำบากคนเดียวหรอก...
เดี๋ยวผมช่วยก็ได้
10.55AM


 ดังนรกชัง ฤา...สวรรค์แกล้ง!!
 READ 10.56 AM


P’Charles:
เอางี้...บอกว่าเลี้ยงวันเกิดก็แล้วกัน
10.56 AM
Bu-Bu:
วันเกิดใครดีล่ะครับ?
ถ้าเป็นวันเกิดผมคงไม่ได้...
พี่เต๋อรู้แล้วน่ะครับ
10.57AM
K’Tunwa:
งือ แต่เค้ายังไม่รู้... Y^Y
10.57AM


 เกลียดชิงชัง...สุดท้าย
วร๊ากกกกกกกกเธอ!!
 READ 10.58 AM


Shaunsri:
ยัง! ยังไม่หยุดอีก!!
10.58AM


 ง่อว! งอลฌอลแล้ว!
ทีเมื่อกี๊พี่หมียังเวิ่นได้แต่ไม่มีใครว่า!!!
  READ 10.59 AM

P’Charles:
เอาเป็นวันเกิดสกลนี่แหละ...
ไม่มีใครรู้หรอกว่าจริงๆแล้วสกลเกิดวันไหน
10.59 AM


 แต่พี่ฌานรู้ดี...
.
.
.
.
ใช่ไหมครับ?
  READ 10.59 AM

P’Charles:
.
.
.
.
.
 10.59 AM
P’Charles:
ก็ไม่นะ
10.59 AM


 โฮวววว!!
แต่พอเผลอ พรากเธอดับสูญ
  READ 11.00 AM


P’Charles:
ตกลงตามนี้...
เดี๋ยวรายละเอียดค่อยว่ากันอีกที
11.00 AM
K’Tunwa:
แล้วพวกเราควรจะจัดงานวันเกิดให้สกลเมื่อไรดีล่ะครับ?
วันจันทร์หน้าเลยดีไหม?
11.01AM
Bu-Bu:
แต่นี่วันศุกร์แล้วนะครับ...
เค้าเพิ่งกลับมาบ้านได้ไม่กี่วันเอง
11.01AM
P’Charles:
เร็วไปเก็ก...
เอาเป็นก่อนเปิดเทอมสักสองวันดีไหม?
11.02AM


 ใต้ลำพู...รอคู่กรรม!!
  READ 11.03 AM


Bu-Bu:
น่าจะได้ครับ
11.04AM
K’Tunwa:
โอเคพี่ฌาน
11.04AM


 ใจคอจะไม่ง้อกันหน่อยเหรอครับ?
  READ 11.05 AM
 อ่ะเฮื่ออออ!! เสียจายยยย!!
  READ 11.05 AM





Ħ------------------------------------ TBC ------------------------------------Ħ




ชุลมุนก่อนนอน (คืนสุดท้ายที่บ้านบ๊วย):


 “ฮื่อ... นอนดีๆสิคุณ”
“เอ๊! นายขอรับ นายนี่ยังไงนะ? ก็ฉันจะไปนอนตรงโน้น นายจะมาเร้าหรือให้ได้อะไร?”
“นี่เห็นว่าไม่รู้ตัวหรอกนะ... ไม่งั้นโดนไปแล้ว!
“โดนอะไร? เฮอะ! อย่างนายน่ะเหรอจะได้เห็นขาอ่อนฉัน... ไม่มีวันเสียล่ะ!!
“ที่พูดแบบนี้เพราะอยากจะโดนจริงๆใช่ไหม?”
“ปล่อย!!
“ไม่ปล่อย! แล้วก็เงียบๆด้วย คนอื่นเค้านอนกันหมดแล้ว!
“ก็ปล่อยก่อนสิ... ร้อน! ไม่ต้องมากอดเลย!!
“แล้วเมื่อคืนใครขอให้ผมกอดก่อนนอน?”
“ฉันเปล่า!!
“อยากจะพูดอะไรก็พูดไป... ยังไงผมก็ไม่ปล่อยคุณแน่”
“โอ้ย! ไอ้บ้า ไอ้........อื้อออออออ!!!.....”
“ยังจะพูดมากอีกหรือเปล่า?”
“...”
“ทำไมไม่ด่าแล้วล่ะ? หืมมมมม?”
“...”
“ดิ้นอีกเยอะๆ เถียงอีกเยอะๆสิ... ผมชอบ”
“...”
“หึ หึ หึ”
.
.
.
.
“กู๊ดไนท์ครับอิ๊ก... (จุ๊บ)...”




“ฮื่ออออ พี่หมี... นอนได้แล้วครับ”
“หอมก่อน”
“ก็เมื่อกี๊หอมไปแล้วนี่ครับ”
“จุ๊บก่อน”
“เมื่อกี๊ก็หลายทีแล้วครับ”
“หอมก่อน จุ๊บก่อน หอมก่อน จุ๊บก่อน หอมก่อน จุ๊บก่อน หอมก่อน จุ๊บก่อน หอมก่อน จุ๊บก่อน หอมก่อน จุ๊บก่อน”
“ก็ทำไปแล้วนี่ครับ... นอนเถอะนะเค้าง่วงแล้ว”
“บูบู้แค่หอมเค้า แล้วก็จุ๊บเค้ามั่งสิครับ... อย่าปล่อยให้เค้าอยากหอม อยากจุ๊บบูบู้อยู่ฝ่ายเดียว...
.
...เค้าน้อยใจนะ”
“สัญญาก่อน... ว่าถ้าเค้าหอม ถ้าเค้าจุ๊บเสร็จ...พี่หมีจะนอนเลยนะครับ”
“สัญญาครับ”
“....(ฟอดดดดดดด! จุ๊บ!)......อื้อออออออออ!...อื้อออออออออออออออออออออ!!!!
“ฮ่าห์! ชื่นใจแล้วครับ... นอนกันเถอะ”
“...”
“ราตรีสวัสดิ์ครับบูบู้”
“...”
“ฝันดี... เห็นพี่หมีตัวโตๆนะครับ”  




“ฟู...
.
...ฝันถึงเราบ้างได้ไหม?....(จุ๊บ)...”





“พี่ฌานครับ... บรรยากาศรอบๆน่าเสียตัวมากเลยครับ...
.
...หรือว่าเราสองคนควรจะ...
“เฮ่ย! อย่าแม้แต่จะคิดเชียวนะเว่ยแว่น!
“พี่ฌานคิดอะไรอยู่ครับ?... ผมแค่จะชวนพี่ฌานนับแกะไปพร้อมๆกันน่ะครับ”
“นับไปคนเดียวเถอะแว่น... พี่ฌานนอนหลับด้วยตัวเองได้”
“พี่ฌานอ้ะ ไม่รักน้องเลย!!
“วางถุงกาวในมือแล้วนอนเสียเถอะแว่น... นะ พี่ฌานขอร้อง”
“ใครบอกว่าถุงกาวครับ... วีต้าต่างหาก!...
.
...เพื่อดวงตาที่สวยหวานปานใหม่ ดาวิกา คามูคามู”
“เฮ่อออออ!
“ฝันดีราตรีสวัสดิ์บองนุยโอยาซุมินะไซนะครับพี่ฌานของน้อง”
“เฮ่อออออออออออ!


No comments:

Post a Comment