บทรุกที่ 35: พลิกหน้ามือเป็นหลังมือ
(พลิกหน้ามือเป็นหลังมือ :
เปลี่ยนแปลงหรือทําให้ผิดไปจากเดิมอย่างตรงกันข้าม,
กลับหน้ามือเป็นหลังมือ ก็ว่าได้)
(ขนุน)
นี่ถ้ามือข้างซ้ายอันแข็งแกร่งดั่งคีมเหล็กของน็อตไม่บีบข้อมือขวาของผมตลอดเวลาที่เราสองคนนั่งอยู่เคียงข้างกันบนรถสปอร์ตสุดหรูซึ่งกำลังแล่นด้วยความเร็วเกินร้อยยี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง
ผมคงจะยังไม่เชื่อตัวเองว่า พ่อยอดขมองอิ่มได้กลับมาหาผมแล้ว หลังจากห่างหายกันไปนานหลายวัน
แม้ว่าฝ่ามือและนิ้วทั้งห้าของเขาจะเกาะกุมข้อมือผมเอาไว้แน่น
ราวกับไม่ต้องการปล่อยมือไปจากผมดังเช่นทุกคราที่เขาชอบทำเวลาเราออกไปไหนต่อไหนด้วยกัน
แต่ผมรู้ดีว่า...สัมผัสในครั้งนี้ หาได้หมายความถึงการแสดงความเป็นเจ้าของ หรือความแนบแน่นระหว่างเราไม่
กลับกัน...มันกำลังกรีดร้องป้องปากเตือนให้ผมเริ่มรู้สึกถึงหายนะที่คืบคลานเข้ามาโดยผมไม่มีอำนาจใดๆเพื่อใช้ต่อกร
ร่างกำยำสมชายหลังพวงมาลัยของพ่อสุดหล่อใช้มือเพียงข้างเดียวบังคับทิศทางของรถไปพร้อมๆกับแผ่รังสีอำมหิตออกมาพาให้บรรยากาศในรถมาคุจนผมชักจะเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง
ยิ่งเมื่อไรที่ผมเหลือบไปมองใบหน้านิ่งไม่สบอารมณ์ของเจ้าตัวที่กำลังเพ่งตรงไปยังถนนข้างหน้าโดยไม่คิดจะมองกลับมาทางผมแม้แต่น้อย
ก็ทำให้ขนอ่อนบริเวณต้นแขนข้างที่โดนบีบอยู่เริ่มจะลุกพรึ่บพรั่บ ขยับขึ้นลงเป็นระยะๆราวกับแข่งกันเล่นเวฟ
สิ่งที่ผมพอจะทำได้ดีที่สุดในเวลานี้
หนีไม่พ้นการยอมจำนน และนั่งนิ่งๆอยู่ในความสงบ พลางควบคุมรวบรวมลมปราณไม่ให้แตกซ่านกระเจิดกระเจิงเพราะความว้าวุ่นใจ
หรือบรรดาความคิดอันพลุ่งพล่านนับร้อยพันล้านหมื่นไปเสียก่อน...
...แต่ในความเป็นจริง
สิ่งที่ผมหมายมั่นอยากทำ
กับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในหัวผมนี่ แตกต่างกันเป็นพันโยชน์เลย...
.
.
กรี๊ดดดด! น็อตรู้แล้วว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันเป็นแผน!!...
...แล้วน็อตยังจะมานั่งตีหน้ายักษ์วัดแจ้งใส่ผมอยู่อย่างนี้อีก...
...ผมควรทำอย่างไรดี......พ่อจ๋าแม่จ๋า...ช่วยลูกขนุนด้วย!!!
.
...แต่เวลาน็อตโกรธนี่ก็เร้าใจดีเหมือนกันโนะ...
...อาห์...รอ–หล่อ–ล่อ–ล้อ–หรอ...หล่อน่าล่อ เอ๊ย หล่อเลวๆ เข้มๆ น่าเล็มมากเลยอ่ะแฟนเค้า!!
.
.
...ไม่ได้นะขนุน
ห้ามหื่น ตอนนี้ต้องคิดเรื่องทำอย่างไรให้น็อตหายโกรธเป็นอันดับแรกก่อน...
...อ๊าห์! น็อตส่งสายตาเย็นชา กรีดแทง บาดลึกมาอีกแล้ว...อรั๊งส์!!
เมื่อผมเอาแต่จัดระเบียบความคิดอย่างเอาเป็นเอาตายก็ทำให้ช่วงเวลาอันแสนอึดอัดบนรถสั้นลงอย่างไม่น่าเชื่อ รู้ตัวอีกที...คนขับก็ค่อยๆถอยรถเข้าจอดในที่โรงรถขนาดใหญ่ข้างๆบ้านหลังมโหฬารตระการตา
อย่างที่เราๆท่านๆเห็นได้เป็นประจำตามหน้าหนังสือเยี่ยมบ้านไฮโซโบใหญ่ทั้งหลาย ทันทีที่ดับเครื่องเสร็จ
พ่อคุณก็โดดแผล็วลงจากรถแล้วเดินอ้อมมายังฝั่งที่ผมนั่งอยู่ ก่อนจะเปิดประตู
แล้วกระชากแขนผมให้เดินลงตามแผ่นหลังกว้างทว่าเย็นชาผิดปกตินั่นมุ่งสู่อัครสถานแห่งการอยู่อาศัย......ผมมั่นใจเหลือเกินว่า
แว่บแรกที่พจมานเห็นบ้านทรายทอง คงรู้สึกไม่ต่างอะไจากผมในตอนนี้
อย่างไรก็ดี...แม้บริเวณของสวนโดยรอบ
และการตกแต่งทั้งภายใน และภายนอกบ้านจะทำให้ผมตะลึงตะลาน และตื่นตาอยู่ไม่น้อย แต่เมื่อเห็นสายตาของคนงานของบ้านที่กำลังมองจ้องผมกับน็อตเป็นตาเดียว
ก็ทำให้ผมออกปากร้องขอความเห็นใจจากร่างหนาที่เดินจูงมือนำหน้าผมอยู่โดยไม่คิดจะคลาย
เพื่อให้ช่วยปล่อยการเกาะกุมจากมือผม ก่อนที่เราจะกลายเป็นเป้าสายตาไปมากกว่านี้ “น็อตตต...เตงงงง...เตงปล่อยเค้าเถอะนะ
เค้าขอร้อง!!
เค้า...เค้าขอโทษ ปล่อยเค้าเถอะนะ
นะหัวจุกนะ”
หากแต่คนฟังกลับไม่แสดงอาการยี่หระ
ยิ่งไปกว่านั้น คำพูดของผมดูกลับไปกระตุ้นให้พ่อคุณทำตรงกันข้ามไปกันใหญ่
เพราะนอกจากจะออกแรงกระชากร่างผมให้ติดมือเข้าไปแนบชิดตัวของเขามากยิ่งขึ้นแล้ว น็อตยังจะลากผมเดินถูลู่ถูกังขึ้นบันไดผ่านส่วนห้องรับรองส่วนหน้าบ้านเข้าไปด้านในโดยไม่สนใจใครหน้าไหน...กระทั่งผมเองก็เถอะ
พูดก็พูดเถอะครับ...
ผมว่าผมต้องพิจารณาตัวเองดูใหม่เสียแล้วล่ะว่า แท้ที่จริงแล้ว
ในความสัมพันธ์ของสองเรา...เป็นผมหรือน็อตกันแน่ ที่ควรต้องปรับปรุงตัวเพื่อให้คู่ควรและเท่าเทียมเสมออีกฝ่าย
จริงอยู่...สำหรับผม
ผมว่าน็อตก็มีเรื่องของอุปนิสัยหลายประการที่ต้องได้รับการเยียวยาแก้ไขอย่างเร่งด่วน
อย่างไรก็ดี...หากเปลี่ยนมาตรวัด แล้วมองกันที่เรื่องฐานะกับเทือกเถาเหล่ากอ
ผมว่า...ผมควรต้องลาตายสักสิบชาติ แล้วพยายามถีบตัวเองแซงหน้าวิญญาณนับล้าน พุ่งไปชิงเกิดใหม่ในท้องของภรรยาเศรษฐีน้ำมันในดูไบเสียก่อนล่ะมั้ง
ถึงจะพอทำให้ตัวเองดูเหมาะสมและสูสีกับน็อตในชาตินี้ได้
นอกตัวบ้านที่ว่าอลังการแล้ว
ยังไม่โหดร้ายเท่ากับข้างใน...
...แม้ว่าบรรยากาศข้างนอกในเวลานี้
ฟ้าจะแจ้งจางปางเสียจนไม่ต้องพึ่งแสงเทียมใดๆ
แต่ห้องโถงชั้นล่างของบ้านซึ่งเป็นส่วนแรกที่ต้อนรับทุกชีวิตที่เดินผ่านประตูบานใหญ่เข้ามาก็ยังเปิดไฟจาโคมคริสตัลห้อยระย้าจ้าจนแสบตาไปสามบ้านแปดบ้าน
ไม่เท่านั้น...บรรดาเฟอร์นิเจอร์ หลุยส์สีทองผ่องอำไพที่เมื่อต้องแสงไฟแล้วยิ่งดูมลังเมลืองน่าเกรงขาม
จนผมนึกคร้ามไม่คิดจะเฉียดเข้าใกล้ แล้วมันดันมีจำนวนเยอะเสียจนเจ้าของบ้านต้องกระจายพวกโต๊ะเก้าอี้เหล่านั้นให้อยู่ทั่วไปเกือบทุกมุมบ้าน
ประมาณเดียวกันกับงานออกร้านจัดแสดงเครื่องใช้ของเหล่าคนมีอันจะกินทั้งหลายแหล่ แล้วไหนจะดอกไม้ในแจกันใหญ่สนั่น
ม่านเนื้อหนาที่เอาผ้าอย่างดีขนาดคลุมสนามบอลได้เป็นร้อยๆ
รวมทั้งเครื่องใช้ไม้สอยที่บอกให้รู้ว่า
พวกมันมาพร้อมกับเทคโนโลยีรุ่นล่าสุดพวกนั้นอีกล่ะ...
...โอ้ย! วินาทีนี้ผมถูกความรวยทิ่มตา จนคนธรรมดาอย่างผมอยากจะลาตาย...
...ลำพังแค่บ้านที่หัวหินที่อยู่ติดชายหาดนั่นยังใหญ่
ยังโอ่อ่า ยังดูรวย ดูแพงไม่พอใช่ไหม...
...ทำไมอยู่ๆน็อตต้องกลายเป็นคนรวยมากเกินไปขนาดนี้อีกด้วยล่ะ??
...แล้วอย่างนี้
คนบ้านๆอย่างผมจะกลายเป็นคนแบบไหนในสายตาครอบครัวของน็อตกันล่ะนี่?...
...พวกเขาจะเคยคิดกังวลเรื่องของผมบ้างไหม? พวกเขาเคยเข้าใจว่าผมหวังรวยทางลัด ด้วยการเอาเต้าไต่อกแน่นๆของลูกชายเขาเพื่อจะได้เป็นหนูในโรงสีบ้างหรือเปล่า?...
.
...ไม่นะ!! ทุกอย่างคงจะไม่เลวร้ายมากถึงขนาดนั้นหรอก...
.
.
...พ่อจ๋าแม่จ๋า
ถ้าเราขายบ้าน ขายที่นา ทรัพย์สิน และมรดกปู่ย่าตาทวดของเราทั้งหมดแล้ว จะพอทำให้ลูกดองกับลูกชายบ้านนี้อย่างไม่ขายหน้าได้ไหม???...
...ว่าแต่
นอกจากน็อตที่รู้เรื่องที่ผมหลอกลวงเขาแล้ว
ยังมีใครในบ้านนี้ที่รู้วีรกรรมอันแสบสันที่ผมทำกับลูกชายของบ้านอีกไหม?... พ่อจ๋าแม่จ๋า...ช่วยลูกขนุนด้วย!!!
เสียงเล็กๆที่แฝงไปด้วยความไม่มั่นใจของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นเพื่อปลุกให้ผมได้สติ หากแต่เมื่อฟังความแล้ว ผมก็รู้ได้ทันทีว่า
ผู้พูดไม่ได้ต้องการสิ่งใด นอกไปจากชี้แจง และรอถ้อยคำสั่งออกจากปากของร่างที่ชะงักงันอยู่เบื้องหน้าผม
“คุณน็อตคะ...เอ่อ...คุณท่านยังไม่กลับจากโรงพยาบาลเลยค่ะ จะให้พี่ตั้งโต๊ะ......
ความหงุดหงิดถึงขีดสุดของพ่อเจ้าประคุณในยามนี้ไม่ปรานีผู้ใดแม้แต่คนเดียว
นั่นหมายรวมถึงหญิงสาววัยกลางคนผู้มีสีหน้าและแววตาใจดีคนตรงหน้าเราสองคนด้วยเช่นกัน
เจ้าของคีมเหล็กที่กุมรอบมือผมอยู่ก็พูดแทรกผู้สูงวัยกว่าออกไปคล้ายกับตัดรำคาญอยู่ในที “พี่ดาไม่ต้องลำบากเตรียมของว่างหรอกฮะ
วันนี้น็อตไม่รับ”
ผมคิดว่า
พี่ดาน่าจะคุ้นเคยกับน็อตมาเป็นอย่างดี เพราะนอกจากจะไม่ดูกริ่งเกรงกับท่าทีไม่เป็นมิตรของพ่อคุณแล้ว
เธอยังยิ้มน้อยๆให้สุดหล่อของผม แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงสบายๆ หากแต่ยังฟังดูอ่อนน้อมและเอ็นดูน็อตมากทีเดียว
“พี่มาเตือนคุณน็อตว่า วันนี้คุณๆจะกลับมาทานข้าวเย็นที่นี่ราวๆทุ่มค่ะ พี่ว่า...คุณท่านน่าจะอยากให้คุณน็อตอยู่ทานข้าวกับคุณๆทุกคนด้วยกันนะคะ”
ดูท่าแล้ว
พี่ดาน่าจะเป็นคนเก่าคนแก่ของบ้าน และน่าจะเป็นหนึ่งในคนที่คอยดูแลน็อตมาตลอด
เพราะผมแน่ใจว่า เธอรู้วิธีปรามไม่ให้พ่อคุณของผมอารมณ์ขึ้นไปมากกว่านี้ได้ทันตา
เพราะเสียงตอบรับคำของน็อตฟังอ่อนลงทันที “ได้ฮะ
ขอบคุณนะฮะที่เตือนน็อตเรื่องนัดคืนนี้...
.
.
...พี่ดาฮะ
บ่ายนี้...น็อตไม่รับโทรศัพท์ และห้ามใครขึ้นไปกวนน็อตที่ห้องเด็ดขาดนะฮะ”
ผมไม่รู้ว่าน็อตทำหน้าตาแบบไหนให้กับพี่ดาตอนที่พูดประโยคเมื่อครู่ออกมา
แต่ทันทีที่ผมเห็นสีหน้าแปลกๆของผู้มีอาวุโสตรงหน้า ริ้วความเย็นยะเยียบก็คืบคลานอย่างช้าๆจากบั้นเอวไล่ขึ้นมาจนถึงต้นคอ
จนผมรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงโดยไม่ทันรู้ตัว
“ค่ะ...ได้ค่ะ”
พี่ดารับคำพ่อคุณแล้วส่งยิ้มอ่อนๆมาให้ผมที่ถูกลากติดมือน็อตให้จ้ำตามหลังร่างสูงหนาเดินขึ้นบันไดหินอ่อนสีขาวนวลสะท้อนแสงไฟเงาวับขึ้นชั้นสองไป
ถ้าผมไม่ได้วิตกจริตกับสถานการณ์ทั้งหมดไปเองคนเดียวล่ะก็
ผมว่า สายตาห่วงใยเกินเหตุของพี่ดาที่ผมเห็นก่อนเดินจากมานั้น ดูคล้ายๆกับเป็นการให้กำลังใจเฮือกสุดท้ายแก่ผม
พร้อมทั้งบอกเป็นนัยๆว่า ‘ขอให้ผ่านพ้นศึกใหญ่ที่กำลังจะมาถึงในบ่ายนี้อย่างปลอดภัยนะคะ’ อย่างไรอย่างนั้น
ผมค่อยๆชะลอความเร็วของฝีเท้า
เมื่อน็อตเริ่มเดินมุ่งหน้าลึกผ่านแถวประตูไม้บานใหญ่บานแล้วบานเล่าลึกเข้าไปยังปีกหนึ่งของบ้าน
เนื่องจากความกลัวในสิ่งที่ยังมาไม่ถึงกำลังเล่นงานผมจนก้าวขาไม่ออก
ออร่าความโกรธของน็อตก็พุ่งสูงขึ้นอีกครั้งทันทีที่เจ้าตัวรับรู้ได้ถึงการไม่ให้ความร่วมมือของผม
น็อตหันหลังกลับมา แล้วยกร่างผมขึ้นพาดบ่าอย่างง่ายดายไม่ต่างไปจากทุกครั้งที่สองแขนแข็งแรงนั่นโอบอุ้มผมเอาไว้เมื่อก่อน
แต่คราวนี้...เปลี่ยนจากฝ่ามือคืมเหล็กรอบข้อมือ
เป็นแขนรัดเอวผมเอาไว้จนกระดุกกระดิกตัวไม่ได้แทน
ถ้าการกระทำแบบนี้เกิดขึ้นในตอนที่เรายังจี๋จ๋าหวานฉ่ำแบบสุดๆเหมือนเมื่ออาทิตย์ก่อน
และถ้ามันเกิดขึ้นในที่รโหฐานซึ่งมีแต่เราสองคนเท่านั้น ผมก็คงจะฟินกว่านี้ร้อยเท่าพันเท่า
แต่นี่มันกลางบ้านของน็อตที่มีห้องรายล้อมเป็นสิบๆ ซึ่งบอกเลยว่า ผมไม่รู้จะทำหน้าอย่างไร
หากอยู่ๆหนึ่งในบรรดาประตูที่ปิดนั้น ถูกเปิดผางออกมา แล้วก็มีใครสักคนต้องเหวอจนเสียอาการ
ทันทีที่ได้เห็นผู้ชายสองคนทำท่าเหมือนกำลังอยู่ในฉากหวานแหววของการ์ตูนตาหวานสักเรื่อง
ผมเลยร้องขอความเห็นใจจากคนข้างล่างอย่างไม่ลังเล
“เตงงงง...ปล่อยเค้าเถอะ เค้าเดินเองได้”
ที่ผ่านมา
ผมคงได้รับความรัก การดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีจากน็อตมาโดยตลอด จนทำให้ผมเกิดเคยตัวว่า
ผมจะสามารถออดอ้อน ร้องขอ หรือปั่นหัวพ่อคุณแบบไหน เมื่อไร อย่างไรกับพ่อคุณก็ได้ ผมเลยชะล่าใจจนเผลอคิดไปเองว่า ไม่ว่าในทุกๆสภาวะอารมณ์ใดๆของเขา
ผมจะยังสามารถงัดเอาการออดอ้อน ทำเสียงอ่อนเสียงหวานที่เป็นเหมือนไพ่ตายมาใช้เพื่อต่อรองกับพ่อคุณได้เสมอ
แต่เมื่อสุดหล่อตอบสนองด้วยการเร่งฝีเท้าเดินหน้าต่อไปอย่างไม่ไหวหวั่น
ก่อนจะสืบเท้าไปหยุดลงหน้าประตูบานใหญ่ที่สุดทางเดินโดยไม่พูดไม่จา และไม่คลายสัมผัสแน่นกระชับของวงแขน
ก็ทำให้ผมตระหนกจนละล่ำละลักออกมาทันทีด้วยน้ำเสียงลุกลน ผิดจากน้ำเสียงตามปกติลิบลับ
“น็อต..น็อต เค้าขอโทษ เค้าขอโทษนะ ยกโทษให้เค้าเถอะนะ นะน็อตนะ”
ร่างสูงใหญ่เข้าห้องไปโดยไม่คิดฟังคำทัดทาน
แล้วจึงปิดประตูลงกลอนแน่นหนา ก่อนจะพาร่างผมไปทิ้งลงบนเตียงนอนอย่างไม่ใยดี
แรงกระแทกจากการทุ่ม บวกกับการตกกระทบเข้ากับที่นอนแน่นๆ ทำให้ผมเผลอร้องโอดครวญ
จริงๆผมจะไม่สะดิ้งเท่านี้ก็ได้ แต่เผื่ออีกฝ่ายอาจจะเห็นใจและยอมผ่อนปรน
ผมก็เลยต้องยอมสำออยมากนิดนึง “โอ๊ยยย!! เค้าเจ็บนะ!!”
เมื่อผมสบตากับดวงตาเรียวของร่างสูงที่ยิ่งดูสูงไปกันใหญ่เมื่อมองจากมุมนี้
ผมก็รู้ว่าสองตาที่กำลังจ้องเขม็งกลับมาที่ผมอย่างไม่พอใจนั้นคงไม่โอนอ่อนให้ผมง่ายๆ
ผมจึงรีบปรับเปลี่ยนท่าทีเสียใหม่ เพราะต่อให้ผมทำท่าโอดโอยด้วยความเจ็บปวดสักเพียงไหน
หรือต่อให้ผมปั้นหน้าร้องห่มร้องไห้น้ำตาเป็นสายเลือด จนล้มพับดับสติไปต่อหน้าต่อตาพ่อคุณ
มันคงไม่มีประโยชน์อะไรทั้งสิ้น เวลานี้...การปรับความเข้าใจระหว่างกันน่าจะเป็นสิ่งเดียวซึ่งสมเหตุสมผล
และมันควรจะเกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด
“เค้าขอโทษ
เค้าแค่อยากให้เตงไว้ใจเค้า เชื่อใจเค้า และไม่หึงหวงเค้าซะจนไม่เป็นอันทำอะไร” ผมเองยังแปลกใจตัวเองอยู่ไม่หาย หลังจากได้ยินเสียงพูดเร็วรัวออกมาจากปากแบบอัตโนมัติทันทีที่คิดได้ว่าควรทำอย่างไร
ถึงออกจะผิดฟอร์มไปหน่อย
แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายน่าจะเริ่มยอมรับฟัง เพราะน็อตกำลังอัดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เหมือนกับที่เขามักจะทำเวลาข่มอารมณ์ยามไม่สมใจ
แต่อยู่ๆประกายวูบไหวอันเกรี้ยวกราดก็กลับคืนมาสู่คลองจักษุแรงกล้าตรงหน้า...
...สมควรแก่เวลาที่ผมจะบอกลาจากการเจรจาด้วยสันถวไมตรีได้เสียที
...และน็อตก็ช่วยยืนยันความเข้าใจอันถูกต้องตรงเผงนี้
ด้วยประโยคคำสั่งประโยคแรกของวัน หลังจากเจ้าตัวนั่งอมพะนำทำบึ้งตึงใส่ผมอยู่เป็นนานสองนาน
“หุบปาก!! ตอนนี้เค้าไม่มีอารมณ์จะฟัง” เสียงที่ฟังหวานหูในยามปกติของน็อต กลับชวนให้ผมสะท้านไปทั้งร่างเมื่อเขาเอ่ยประโยคนี้ด้วยน้ำเสียงดุดันต่างไปจากทุกที
ผมเคยแต่เป็นคนรับฟังน้ำเสียงกระโชกโฮกฮากแบบนี้ของน็อต
เมื่อเวลาที่เขาตะคอกใส่คนอื่นที่เข้าหาผมเพราะความโกรธจนขาดสติ ซึ่งในเวลานั้น...มันเป็นเพียงแค่ลมดังๆที่พัดผ่านหูผมไปเท่านั้น
แต่เมื่อผมต้องกลายเป็นคนโดนตะคอกเสียเอง ผมก็เริ่มจะกลัวขึ้นมาจับจิต
เพราะไม่รู้ว่าผมได้ทำให้น็อตโกรธรุนแรงถึงขั้นไหน แล้วผมจะต้องเจอกับสถานการณ์เช่นใด
เมื่อน็อตรู้ว่าเรื่องที่ผมทำทั้งหมดคือการจัดฉาก??!
และแล้วการกระทำอย่างฉับพลันของน็อตหลังจากนั้นไม่ถึงเสี้ยววินาที
ก็ทำให้ผมไม่ต้องเสียเวลาคิดอีกต่อไป...
พ่อคุณนั่งคร่อมทับลงมาเหนือลำตัวผมเพื่อตัดโอกาสไม่ให้ดิ้นหนี
แล้วจัดการกระชากสาบเสื้อเชิ้ตเก่าๆตัวเก่งที่ผมใส่อยู่
จนกระดุมหลุดกระเด็นกระดอนว่อนไปหมด จากนั้นมือใหญ่หนาอันคล่องแคล่วทั้งสองก็ปลดกระชากตะขอกางเกงนักเรียน
ก่อนรูดเอาทั้งกางเกง และน้องลิงตัวในให้หลุดออกไปจากตัว
ตอนนี้ร่างผมไม่เหลือะไรปกคลุมนอกจากเสื้อเชิ้ตรุ่งริ่งตัวบางที่ยังคล้องแขนทั้งสองข้างของผมอย่างไม่คิดละทิ้งหน้าที่อยู่เท่านั้น
แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เราสองคนอยู่ในสถานการณ์หมิ่นเหม่ในสภาพคาบลูกคาบดอก
แต่บอกเลยว่า...อารมณ์ผมในขณะปัจจุบันนี่ ห่างไกลจากคำว่าวาบหวิวอยู่มากโข ถ้าจะให้ระบุ...ผมว่า ผมค่อนข้างจะกลัวน็อตเวอร์ชั่นนี้มากพอดู
เพราะนอกจากสายตาแข็งกระด้างทว่าร้อนแรงจะทอดตรงลงมาทั่วไปทั้งตัวผมอย่างพินิจพิเคราะห์
แต่ใบหน้าเรียบเฉยเก็บงำอารมณ์เมื่อครู่ กลับเปลี่ยนแปรเป็นถมึงทึงแบบที่พร้อมจะจิกทึ้งให้ผมตายได้ในทันที...และสีหน้าแบบนี้
ไม่ใช่สัญญาณบอกถึงเรื่องดีเป็นแน่
พอเจอน็อตองค์ลงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ...สติ
และกำลังใจของผมที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด ก็พร้อมใจกันแตกกระเจิงวิ่งป่าราบหนีหายไปไหนต่อไหน
ปล่อยให้ร่างเปลือยๆซีดเป็นไก่ต้มไหว้เจ้า นอนศิโรราบอยู่ใต้ร่างของน็อตอย่างไม่รู้ว่าจะเอาตัวรอดจากตรงนี้ไปอย่างไรดี...
.
.
.
...ถึงจะไร้สติ
แต่สัญชาตญาณการเอาตัวรอดของผมยังอยู่ครบถ้วน...
...เพียงไม่นาน
ผมก็รีบเอามือทั้งสองข้างปิดบังน้องชายเอาไว้ด้วยความอายอย่างที่สุด เพราะผมจับสัญญาณบางอย่างในสายตาที่น็อตใช้จับจ้องเนื้อตัวของผมนั้นได้
และดูเหมือนว่ามันกำลังชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ “เตง...เตงอย่า!!”
...ร่างกายผมไม่ได้ขยับมาอยู่ในท่านี้เพราะมีเจตนายั่วยุอีกฝ่ายแต่อย่างใด...
...แต่ไม่รู้ทำไม พอเจอน็อตมาดโหดเข้าอย่างจัง...ผมก็เกิดรู้สึกไม่คุ้นเคย
จนมันทำผมเขินขึ้นมาเสียดื้อๆ...
...ใช่ว่าผมจะซิงไม่รู้ประสา
ผมรู้ดีว่า สายตาแบบนั้น มันหมายความอย่างซื่อตรงว่า
สุดที่รักของผมกำลังมีความต้องการอย่างว่า และอีกไม่นานหลังจากนี้ เขาคงจะหาทางกินหัว
กินหาง กินกลางตลอดตัวผมแน่ๆ
ยังไม่ทันไร
เสียงดุๆก็สวนออกมาพร้อมๆกับการกระทำเอาแต่ใจของอีกฝ่ายทันที “ทำไม???...นิดๆหน่อยๆแค่นี้
ก็ยอมผัวตัวเองไม่ได้แล้วเหรอ?” น็อตค่อยๆก้าวลงจากเตียงโดยฉุดข้อมือของผมให้ลุกตามขึ้นมา จากนั้นร่างสูงกว่าก็ค่อยๆนั่งลงตรงขอบเตียงโดยห้อยขาทั้งสองข้างวางลงบนพื้น
เมื่อจัดการกับตัวเองเรียบร้อย
พ่อเจ้าประคุณก็กระตุกข้อมือผมที่กำลังยืนอย่างสำรวมโดยพยายามเอามือปิดบังร่างตัวเองอย่างดีที่สุด
จนล้มหน้าคะมำ ก่อนจะปิดท้ายด้วยการช้อนร่างที่ล้มหน้าคว่ำให้นอนเอาหน้าท้องพาดลงตรงหน้าขาของเขา มือใหญ่ข้างหนึ่งวางพาดกดลงบนบั้นเอวของผมทันทีที่ผมเริ่มอยู่ไม่สุข
ส่วนฝ่ามืออีกข้างลูบไล้ไปตามต้นขาด้านหลัง และทั่วสะโพกผม จนจากที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไร
ร่างกายผมก็เริ่มจะตอบสนองขึ้นมานิดๆตามความเคยชินในรสสัมผัสที่ผมหลงใหลและโหยหามาตลอดหลายวัน...
...แค่คิดขึ้นมาว่าต้องมีเซ็กส์กับน็อตทั้งๆที่พ่อคุณโกรธเต็มพิกัด
ขาของผมก็สั่นอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้...
...พ่อจ๋าแม่จ๋า
ขอให้ไอ้ที่ลูกกำลังสั่นอยู่นี่ เป็นอาการสั่นสู้แบบที่ว่าจะซู่ซ่าไปตลอดรอดฝั่ง
จนสามารถทานทนพายุอารมณ์ของพ่อเจ้าประคุณกระทั่งลมสงบด้วยเท๊อะ หลังจากนั้น ลูกจะได้เคลียร์เรื่องคาใจกับพ่อเจ้าประคุณให้จบสิ้นกันไปเสียที...
...แต่จะว่าไป
ท่านี้ ผมว่าผมเคยเห็นที่ไหนมาก่อนกันนะ??...
.
.
.
...หนังสือการ์ตูน
SM ที่เคยแอบซื้อมาอ่านตอนอยู่หอมหาลัยนี่นา...
...ไม่นะ!...จะมาทำ S ใส่ผมทั้งที่อารมณ์ขึ้นแบบนี้
เห็นที่ว่าผมคงรับมือไม่ไหวหรอกนะ!!!
“น็อต...ขนุนขอร้องล่ะ
ปล่อยขนุนเถอะนะ” ผมอ้อนวอนทันทีที่รู้ว่าคอผมกำลังพาดอยู่บนเขียง
“ไม่!! จนกว่าขนุนจะสำนึกความผิดที่ขนุนได้ก่อเอาไว้”
สิ้นคำพ่อรูปหล่อ ผมก็รู้สึกเหมือนโดนคมมีดฟันฉับลงมาโดยไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆ...
ตายแน่ผม ตายแน่ๆ!!
แต่ผมก็ต้องตกใจยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อรู้สึกว่าช่องทางด้านหลังของตัวเองกำลังถูกรุกรานด้วยความรู้สึกชุ่มโชกที่ทั้งเสียด
ทั้งเสียวจนขนลุกเกรียวไปทั้งร่าง เพียงไม่นาน...ผมก็รู้สึกถึงการชำแรกพรวดเข้าสู่ที่ว่างด้านในอย่างไม่ปรานีปราศรัย
“ฮ๊าห์.....อ๊ะ....ฮื๊อออ.....
ผมไม่อาจกลั้นเสียงร้องแห่งความพึงพอใจเอาไว้ได้อีกแล้ว เมื่อลำนิ้วอันแข็งแกร่งได้นำพาอุณหภูมิร้อนๆ
บวกกับความลื่นชื้นตามติดลงมากระทบบนจุดที่อ่อนไหวที่สุดจุดหนึ่งตรงผนังข้างในเข้าอย่างจัง
อาห์...ไม่อยากจะเชื่อจริงๆว่า
หลายวันมานี่...ผมมัวแต่เสียเวลาเล่นท่ามากมายอะไรอยู่ก็ไม่รู้ ดูสิเนี่ยะ...ผมต้องพลาดความรู้สึกอันหฤหรรษ์แจ่มจันทร์ขนาดนี้ไปตั้งกี่คืนกัน??!!
สะโพกของผมค่อยๆหมุนวนไปวนมาเข้าสอดรับกับสัมผัสหนักๆจากปลายนิ้วของอีกฝ่ายด้วยตัวของมันเองโดยที่ผมไม่ได้ควบคุมแต่อย่างใด แต่ยังไม่ทันที่ความรู้สึกซาบซ่านจะแผ่ไปทั่วร่างอย่างที่หมายใจ
นิ้วมือที่นวดคลึงจุดกระสันเมื่อครู่ก็ถอนออกไปแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
หรือว่าน็อตจะแกล้งทำให้ผมอยากแล้วก็ปล่อยเอาไว้ให้ค้างต่างการลงโทษความผิดของผมในครั้งนี้?
อยู่ๆเสียงลมหายใจหนักๆของผม
กับเสียงขยับตัวของน็อตก็ถูกกลบด้วยเสียงครางหึ่งๆแต่ต่อเนื่องของอะไรบางอย่างที่ดังอยู่เหนือหลังหัว
เอ...ฟังไปฟังมา
เสียงนี้ก็คลับคล้ายคลับคลากับตอนที่มือถือของผมสั่นเหมือนกันนะ......หรือว่า??!!
“น็อต....น็อตจะทำอะไรน่ะ??!!.... อ๊าห์!!......น็อต.....น็อต
เอามันออกไป......ฮื๊อออ..คุยกันก่อน” ผมร้องท้วงออกมาทันทีเมื่อรู้สึกได้ถึงการสอดใส่ท่อนยางเย็นเฉียบเข้ามาในร่างแบบครั้งเดียวมิดไปทั้งด้าม
จนความเจ็บเสียวแล่นปลาบไปตามเส้นกลางลำตัว กระนั้น...พ่อคุณกลับไม่คิดจะรามือลงให้
เพราะไม่น่านหลังจากการบุกทะลวง ไอ้ท่อนยางในตัวผมก็เริ่มสั่นดุ๊กดิ๊กก่อกวนความสามารถในการควบคุมตัวเองของผมให้เป๋ไม่เป็นท่า
เอาล่ะขนุน...นี่ไม่ใช่สิ่งใหม่
มันเคยเกิดขึ้นมาก่อน คราวที่แล้วมันก็ออกจะเร้าใจได้อารมณ์ดีไม่ใช่เหรอ?
เพราะฉะนั้น...ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมามัวกรีดร้องอย่างเสียสติ..โอเค
จบนะ!!
.
.
แต่เอ๊ะ!? แล้วทำไมน็อตต้องเลิกชายเสื้อเชิ้ตที่ผมใส่อยู่ขึ้นสูงๆด้วยล่ะ?
“อ๊ะ น็อตจะทำอะไรน่ะ???!!!” ผมถามออกไปทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจจากการบอกใบ้ด้วยท่าทางของผมกับน็อตในเวลานี้
และการเตรียมการขั้นสุดท้ายของอีกฝ่ายที่เพิ่งจะเสร็จสิ้นลงไปเมื่อครู่
“....(เพี๊ยะ)...ฮ๊าห์...” สิ้นเสียงผม
ฝ่ามือหนักๆก็ฟาดลงมาบนก้นของผมเต็มแรง
ที่ผมโก่งคอร้องจนสุดเสียงออกไปอย่างน่าละอาย
ไม่ใช่เเพราะความเจ็บปวดที่เกิดขี้นจากเนื้อกระแทกเนื้อเพียงอย่างเดียว หากแต่มันเป็นเพราะจุดที่น็อตจงใจทิ้งฝ่ามือลงมานั้น
เป็นตำแหน่งเดียวกันกับที่แท่งดุ๊กดิ๊กฝังตัวอยู่ด้วยเช่นกัน อาห์...มันช่างเป็นความเจ็บปวดระคนทรมานและกระสันเสียวเสียนี่กระไร
เมื่อความกระอักกระอ่วนในครั้งแรกผ่านพ้น...ครั้งที่สอง
สาม สี่ ห้า และฝ่ามืออีกนับไม่ถ้วนก็ฟาดซ้ำกระหน่ำลงมาโดยทิ้งท้ายตรงจุดระทวยจุดเดิมแบบไม่มีพลาด
พร้อมๆกับเสียงโต้ตอบของเราทั้งสองฝ่ายที่ค่อยๆหลุดรอดออกมาจากซอกหลืบในหัวใจ
“หึ! ที่ผ่านมาเตงเห็นเค้าเป็นอะไร?...พ่อเสือหนุ่มที่ต้องถูกจับมาฝึกเหรอ??/...(เพี๊ยะ)...ฮ๊าห์.....เค้าเจ็บ!!”
ผมได้แต่ร้องอุทรณ์ขอความเห็นใจ
เพราะดูเหมือนแรงของฝ่ามือจะผันแปรไปตามอารมณ์ และความรู้สึกที่ถูกถ่ายทอดออกมาตามเนื้อความในแต่ละประโยค
ถึงผมจะกระเจิดกระเจิงไปมากเพราะความรู้สึกร้าวไปทั้งก้น
ปนกับความเสียวซ่านมากก็ตามที แต่ผมแน่ใจว่า สิ่งที่น็อตเอ่ยออกมานั้น
ล้วนแล้วแต่เป็นข้อความที่ผมเขียนประกอบในนิยายเรื่องใหม่ของผมเป็นแน่แท้ แล้วน็อตรู้เรื่องนิยายของผมได้อย่างไรกัน?
...พี่เมี่ยง หรือว่าพี่เกี๊ยวเป็นคนปูดเรื่องนี้ให้น็อตรู้กันนะ??!!
“อยากฝึกให้เค้ากลายเป็นลูกแมวเชื่องๆนักใช่ไม๊? /..(เพี๊ยะ)...ฮ๊า.....น็อตตตต
เค้าขอโทษ”
ดอกเมื่อกี๊เล่นเอาผมสะอื้นทั้งน้ำตา แต่ก็ใช่ว่าจะทนไม่ไหวเสียทีเดียว
เพราะแม้อีกฝ่ายจะไม่ยั้งมือ แต่ดูเหมือนน็อตจะเลี่ยงไม่ลงน้ำหนักตรงจุดเดิมที่เขาเพิ่งฟาดเสร็จไป
หากแต่พ่อคุณจะเปลี่ยนมุมลงมือโดยทุกครั้ง โดยไม่ลืมขยี้ปลายไม้ลงบนจุดตายที่หยั่งรากลึกครืดๆอยู่ในตัวผม
ฮ่าห์...เค้าจะไม่ไหวแล้วนะ จะฟาดก็ฟาด
จะเอาก็เอา...อย่าควบสอง เค้าสนองอารมณ์ไม่ถูก!!!
“เตงมีความสุขมากไม๊ที่ทำให้เค้ากลายเป็นไอ้บื้อเล่นตามเกมของตัวอยู่แบบนั้น?
/...(เพี๊ยะ เพี๊ยะ)...ฮ๊าห์...เปล่านะ...ฮื๊อ” ผมตอบน็อตกลับไปทันที
ทั้งที่เจ็บไม่น้อยหลังจากพ่อคุณประเคนคอมโบลูกตบลงมาบนก้นสองลูกติด จริงอยู่ว่าการเล่นตามเกมผมของพ่อคุณจะทำให้ผมลำพองใจ
และรู้สึกดีที่ได้เป็นฝ่ายควบคุม แต่ผมไม่ได้มีความสุขเมื่อต้องดำเนินแผนดัดนิสัยเขาจนเราต้องอยู่ห่างกันเสียหน่อย
แต่เดี๋ยวก่อนนะ...ขนุนน้อย
ขนุนน้อยจะโด่ขึ้นมาทำไมกันล่ะลูก?!!
อย่าบอกนะว่า ยิ่งโดนฝ่ามือสลาตันไม่บันยะบันยังของพ่อคุณกระหน่ำบั้นท้ายหนักขึ้นเรื่อยๆ...
ร่างกายผมก็ยิ่งชอบ??!
นี่มันถึงจุดที่ผมควรจะเริ่มรู้สึกละอายใจแล้วใช่ไหม?
ทำไมลูกรักถึงได้กล้าฉีกหน้าพ่อด้วยการตอบสนองความสุขสันต์เมื่อประตูหลังได้รับการกระตุ้น
ภายหลังจากโดนฝ่ามือเพชรฆาตสาดใส่อย่างไร้เมตตาแบบนี้ด้วยล่ะลูก?
หรือแท้ที่จริงแล้วผมมียีน M แฝงติดตัวมาแต่กำเนิด....กรี๊ดดด??!!
“เตงทำเหมือนความสัมพันธ์ของเราเป็นเรื่องเล่นๆเลยนะ (เพี๊ยะ) อยากจะคบเมื่อไรก็ส่งซิกอนุญาตให้เค้าบอกรัก...อยากปล่อยมือเมื่อไรก็เอาคนอื่นเข้ามาปั่นป่วนให้เค้าหัวหมุน
(เพี๊ยะ) แล้วก็ไล่เค้าเหมือนหมูเหมือนหมา/...(เพี๊ยะ)...ฮึก!!”
เม็ดน้ำตาร้อนๆหยดแล้วหยดเล่าค่อยๆหล่นเผาะลงบนพื้นเบลอๆที่ผมกำลังทอดสายตา
ระหว่างที่จิตใจกำลังเจ็บช้ำย่ำแย่กับคำพูดที่เพิ่งได้ยิน
ทุกๆอย่างที่น็อตพูดเป็นเรื่องจริง ผมก่อเรื่องทั้งหมดด้วยความคิดแบบนั้น
ความคิดว่าผมทำอะไรกับน็อตก็ได้ตามแต่ความต้องการของผม
ที่ผ่านมา...ไม่ใช่แค่น็อตหรอกที่ต้องแก้
ต้องปรับนิสัยบางอย่างของตัวเอง...
ผมก็ด้วย...ผมมีสิ่งที่ต้องแก้ไขไม่น้อยหน้าไปกว่าน็อตสักเท่าไร...
ผมถือตัวว่าเป็นที่รักของน็อต จนผมได้ลงมือทำร้ายจิตใจของเขาอย่างโหดร้าย...
ความโอหัง ดื้อดึง และเย่อหยิ่งของผมนี่แหละ จะทำลายความสัมพันธ์ของผมกับน็อตเข้าสักวัน...
และถ้านั่น...คือปลายทางซึ่งตรงข้ามกับ ทุกๆสิ่งที่ผมอยากจะทำให้เกิดขึ้นในความรักของเรา ผมก็ชักไม่แน่ใจเสียแล้วล่ะสิว่า สุดท้าย...ผมจะกลายเป็นคนที่ทำลายทุกๆอย่างที่ผมฝันเอาไว้ด้วยน้ำมือของตนเองหรือไม่?
“สะใจนักใช่ไม๊ที่รวมหัวกันกับไอ้ช็อปมาหลอกเค้าซะเปื่อย (เพี๊ยะ)...
.
.
...แล้วไงล่ะ...
...เตงคงมีความสุขมากซินะ ทั้งที่รู้ว่าเค้าเจ็บ
เค้าไม่พอใจที่ต้องทนเห็นคนอื่นแตะต้องตัวเตงอยู่ต่อหน้าต่อตา (เพี๊ยะ) แต่เตงก็ยังคิดแผนอะไรแบบนี้ขึ้นมาได้อีก......จริงๆแล้วเตงชอบใช่ไม๊ เตงชอบใช่ไม๊? (เพี๊ยะ)”
“..(เพี๊ยะ)...อ๊าห์!!...ฮึก...ฮึก...ไม่
เค้าไม่มีความสุข ฮึก...เค้าไม่ได้ชอบ” ผมตอบออกไปด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง
เพราะนอกจากถ้อยคำทั้งหลายจะเสียดแทงบาดลึกถึงก้นบึ้งภายในใจแล้ว น้ำเสียงของน็อตซึ่งทั้งสั่นเครือ
และแหบพร่าก็ทำเอาน้ำตาของผมไหลร่วงออกมาอีกครั้ง
ความเจ็บปวดที่ได้รับทางกายไม่มีความหมายอีกต่อไป
เพราะคงเทียบไม่ได้กับความรู้สึกปวดร้าวเพียงเศษเสี้ยวที่กำลังกัดกินใจน็อต
“เตงรู้ไม๊...เพราะเค้ารักเตงมาก...เค้าเลยยอมกลายเป็นคนโง่ เป็นคนบ้า
กลายเป็นคนที่ยอมทำทุกอย่างตามแผนที่เตงวางเอาไว้/...(เพี๊ยะ)...ฮึก...เค้าขอโทษ...ฮึก...น็อต
เค้าขอโทษ เค้ารักเตงนะ!!” ผมตอบออกไปตามความรู้สึกโดยไม่เสียเวลาคิดใคร่ครวญ
ผมสำนึกตัวแล้ว ผมไม่อยากจะสูญเสียผู้ชายที่ผมรักคนนี้ไป
ผมจะไม่ทำอะไรแบบนั้นด้วยความมั่นใจแบบโง่ๆอีกต่อไปแล้ว
ไม่รู้ว่าผมคิดผิดหรือคิดถูกที่เอ่ยคำว่ารักออกไปในตอนนั้น
เพราะดูเหมือนมันจะกลายเป็นการกดสวิตช์ระเบิดแห่งหายนะอย่างแท้จริง เพราะแค่คำว่ารักหลุดออกจากผมไปไม่นานเท่าไร
เสียงตะคอกถามดังราวกับฟ้าลั่นใส่หลังหูผมก็ก้องสวนออกมา ตามด้วยห่าฝนฝ่ามือที่ฟาดต่อเนื่องลงบนก้นผมแบบไม่หยุดยั้งทันที
“(เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ) รักเหรอ...(เพี๊ยะ) รักมากไม๊ รักมากไม๊
(เพี๊ยะ เพี๊ยะ)?”
ร่างกายผมคงจะมียีน
M ติดตัวมาจริงๆ
เพราะหลังจากโดนตีไม่ยั้งติดๆกันไปไม่กี่ครั้ง ก้นของผมก็แอ่นขึ้นรอรับฝ่ามือหนักๆของน็อตอย่างหมายมั่น
ทั้งที่ผมไม่ได้คิดจะทำแต่อย่างใด
เมื่อร่างกายคุ้นชินกับความเจ็บปวดได้ในระดับหนึ่ง
ผมก็เริ่มรู้สึกถึงความซาบซ่านที่แฝงมากับทุกๆครั้งที่ก้นโดนหวด
ซึ่งยังไม่รวมการกระตุ้นจากการเคลื่อนไหวภายใน และแรงกระทุ้งจากภายนอกที่ประสานกำลังกันอย่างแข็งขัน
ยิ่งน็อตเร่งจังหวะมือมากฟาดลงมาแบบไม่ยั้งอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้
ร่างกายของผมก็เริ่มจะร้อน และอ่อนไหวไปเสียทุกจุด ตัวผมกำลังรอรับฝ่ามือครั้งถัดไปอย่างยินดีปรีดาและหมายมาดปรารถนาเป็นที่สุด
ความรู้สึกของผมในตอนนี้คงเปรียบได้กับผืนแผ่นดินที่แร้นแค้นซึ่งกำลังตั้งตารอฝนแรก
เมื่อหยาดน้ำทิพย์จากฟากฟ้าซัดสาดลงเซาะใส่ไปทั่วทุกอณู ผืนพสุธาก็อ้าแขนโอบล้อมความหอมหวานของหยาดน้ำฝนชโลมกายด้วยความซาบซึ้ง
เมื่อหยาดหยดบนนภาตกลงมาซ้ำๆจนฉ่ำชื่น สายนทีแห่งสรวงสวรรค์ก็ท่วมทะลักไปทั่วสรรพางค์...ทั่วทุกฟากฝั่งแห่งปฐพี
“...(เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ)... ฮ๊าห์..(เพี๊ยะ เพี๊ยะ)... น็อต...(เพี๊ยะ)... อ๊าห์!!...”
ในระหว่างที่ร่างกายของผมกำลังกระตุกเกร็งไปทั่วทุกส่วน
เสียงตะคอกของน็อตยังคงดังลอดผ่านเข้าหูผมไม่มีหยุดหย่อน
“หึ หึ หึ...ที่เตงเขียนว่าบอกว่าจะทำให้เค้าหลงเตงจนโงหัวไม่ขึ้นใช่ไม๊?...
แล้วนี่มันอะไร? ใครกันแน่ที่กำลังย่ำแย่เกินจะถอนตัว?? ใครกันแน่ที่ร่านซะจนเสร็จได้หลังจากโดนผัวตี?? ใครกันห๊ะ??
ไหนเตงลองบอกเค้าซิ!! ”
น่าแปลก...ผมไม่รู้สึกเจ็บปวดกับคำพูดถากถางของน็อตแม้แต่คำเดียว
เพราะทุกๆสิ่งที่เขาเอ่ย ล้วนแล้วแต่เป็นความจริงทั้งสิ้น ใช่...ผมเองนี่แหละที่หลง ที่รักน็อตมากจนโงหัวไม่ขึ้น
นอกจากนี้แล้ว...ผมยังเสพติดการร่วมรักกับน็อตไปเสียทุกรูปแบบ ร่างกายของผมจดจำกลิ่นกาย
สัมผัส น้ำหนัก จังหวะ รสชาติ และทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นน็อต จนมันไม่อาจต้านเสน่ห์ทางเพศของเขาได้อีกต่อไป...
...ผมมันร่าน
ร่านอย่างที่น็อตว่าจริงๆ
.
.
.
.
เมื่อความรู้สึกเสร็จสมค่อยๆเลือนหายไป
ผมก็สูดลมหายใจเข้าช้าๆเพื่อรวบรวมความคิดที่หล่นหายไปหลังจากสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่จบลง
ก่อนพูดตอบอีกฝ่ายด้วยความใจเย็น “น็อต...เค้าขอโทษ
แต่เค้าไม่อยากให้เตงหึงเค้าจนขาดสติแบบนั้น
ที่เค้าทำลงไปทั้งหมด เพราะเค้ารักเตงนะ”
จนถึงขั้นนี้แล้ว
ความโกรธของน็อตก็ยังไม่บรรเทาเบาบางลงไปแต่อย่างใด “รักเหรอ??? ดี!! เค้าอยากรู้นักว่าตัวจะรักเค้ามากซักแค่ไหน”
พูดจบ
น็อตก็ขยับตัวอีกครั้งเหมือนกับตอนก่อนจะใส่ของเล่นเข้ามาในร่างผม ไม่นานมือทั้งสองข้างของน็อตก็คว้าเอาข้อมือทั้งสองของผมไพล่ประกบกันอยู่ด้านหลัง
สองสามวินาทีต่อจากนั้น ผมก็ได้ยินเสียงกริ๊กเบาๆสองครั้ง โดยที่เสียงนั้นมาพร้อมกับความเย็นของโลหะที่กระทบเข้ากับบางส่วนของข้อมือทั้งสองข้าง
และเหนือบั้นเอว พอจะขยับแยกข้อมือทั้งวสองออกจากกัน
ความเจ็บปวดร้าวไปทั้งแขนก็บอกกับผมว่า
สิ่งที่ผมคาดเอาไว้ในใจหลังจากได้ยินเสียงกริ๊กเมื่อครู่นั้น มันเกิดชึ้นกับผมจริงๆแล้ว...
น็อตใส่กุญแจมือผม...ไม่นะ!!!!
...มันจะวิปริตเกินไปหน่อยแล้วนะน็อต
เค้ารู้ว่าเตงโกรธเค้า แต่จัดชุดใหญ่ให้เค้าพร้อมกันในวันเดียวนี่
เค้าเกรงว่าเค้าจะไม่ไหวเอานะ!! แง...พ่อจ๋าแม่จ๋า ช่วยลูกขนุนด้วย!!!!
พอเลือดไม่ไหลเวียนไปเลี้ยงลูกรักมากจนเกินไป
ผมก็กลับมาได้สติอีกครั้ง...ผมจึงลองพยายามอ้อนวอนขอความเห็นใจของน็อตดูอีกครั้ง
เผื่อว่าพ่อคุณจะเห็นใจและไม่คิดจะทำร้ายเมียของตัวเองเมื่อได้ยินเสียงอ่อนๆของผม “...น็อตตต.....นี่มันอะไรอ่ะน็อต???
เอามันออกไปนะ!!....”
พ่อยอดรักของผมเงียบหากแต่ไม่เฉย แขนทั้งสองข้างของเขาสอดเข้าใต้ตัวผมก่อนจะยกทั้งร่างของผมขึ้นวางหงายลงบนเตียง
ซึ่งเมื่อผมต้องนอนหงายโดยนอนทับมือทั้งสองข้างถูกผูกติดกันเอาไว้ด้วยกุญแจมือ ก็ทำให้เจ็บไปทั้งร่างกาย
แถมจุดศูนย์ถ่วงของคนที่ทรงตัวไม่ค่อยจะดีแบบผมกลับยิ่งรวนเรเปรปรวนไปกันใหญ่
จากที่คิดว่าจะแอบอาศัยช่วงชุลมุนลุกขึ้นกลับมาอยู่ในท่านั่งได้เสียหน่อย
ก็กลายเป็นว่า ผมพยายามกระเสือกกระสนแถ่ดๆไปมาแบบไม่เข้าท่าชอบกล แต่ที่น่าโมโหแบบสุดยอดก็คือ...หลังจากใช้เรี่ยวแรงอันน้อยนิดที่เหลืออยู่ฝืนกัดฟันกลั้นเจ็บล้มๆลุกๆอยู่ตั้งนานสองนาน
สุดท้ายผมก็ยังอยู่ในท่านอนหงายเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง แถมกลับจะยิ่งเจ็บมือ เจ็บแขน
และปวดหลังมากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่า
เมื่ออ่อนใจกับความไม่เอาไหนของตัวเอง
ผมก็เลื่อนสายตากลับไปมองน็อตอีกครั้ง แต่ผมกลับต้องตกใจ...
...ผมไม่ได้ตกใจกับความหล่อล่ำน่าปล้ำไปทั้งร่างเปล่าเปลือยของน็อตที่กำลังย่างสามขุม
โดยที่ลูกชายตัวโตของเขากำลังโด่ชี้หน้าผมอยู่อย่างเดือดดาลไม่แพ้ใบหน้าโดยรวมของพ่อมันตลอดสองชั่วโมงที่ผ่านมา...
...หากแต่เป็นไอ้ยางวงสีดำๆที่เจ้าตัวกำลังดึงให้ยืดๆหดๆอยู่ในมือของเขาต่างหาก
ที่ทำเอาผมต้องกระถดตัวถอยห่างออกมาทีละคืบสองคืบ...
...ถึงจะรู้ตัวเร็ว
แต่ทักษะในการเคลื่อนที่ของผมกลับงุ่มง่ามเชื่องช้าผิดมนุษย์มนา น็อตเลยดับฝันการหนีจากคราวเคราะห์อย่างที่สุดด้วยการทิ้งตัวลงคร่อมท่อนล่างของผมเอาไว้
ก่อนจะสวมยางวงสีดำลงบนลำตัวของลูกชายผมถึงสองวงด้วยกัน จนผมรู้สึกแน่นเครียดไปทั้งตัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“......อ๊าห์.....เอามันออกไปซี่!!
ปล่อยเค้านะ!!!”
ผมร้องออกมาทันทีหลังจากยางสองเส้นเริ่มทำปฏิกิริยา ‘รั้ง’ ความเป็นชายให้เครียดแข็งไปกันใหญ่ หลังจากลูกรักผมตั้งเด่ขึ้นมาอีกครั้งโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
สงสัยว่าจะตื่นตัวสู้สุดใจเอาอีตอนที่กวาดสายตามองเรือนร่างแสนเซ็กซี่ของสามีสุดที่รักอยู่เป็นนานสองนานนั่นล่ะมั้ง
“เตงรู้ไม๊
ทำไมเค้าต้องคอยหึงเตงเป็นบ้าอยู่ตลอดเวลาอย่างนั้น...
.
.
...เพราะเค้ารู้ดีไงว่า เมียเค้าน่ะร่านขนาดไหนเวลาอยู่บนเตียง...
...ใช่ไม๊ฮะเมีย
ตอบผัวให้ชื่นใจซิฮะเมีย” น็อตพูดพลางดึงหมอนอิงใบเล็กๆตรงหัวนอนติดมือมา
แล้วยกบั้นท้ายของผมขึ้นก่อนสอดหมอนเอาไว้ข้างใต้ จนส่วนต่ำลงไปจากสะดือลอยเด่นเป็นสง่า
จากนั้นพ่อคุณก็ดึงเอาแท่งยางสีส้มสะท้อนแสงออกจากช่องทางข้างหลังทันที
การถอนลำแปลกปลอมออกจากร่างของผมแบบกะทันหันอย่างนี้
ทำเอาผมขนลุกไปทั้งร่าง หากแต่นั่นยังไม่เท่ากับสิ่งที่ผมกำลังเห็นอยู่ตรงหน้า... สายตาแน่วแน่ของพ่อคุณที่กำลังมองจ้องโพรงลับด้านหลังของผมที่เปิดอ้าชั่วคราว
กำลังแผดเผากายผมให้ร้อนเร่า ดูเหมือนความใจร้อนของน็อตในเรื่องทำนองนี้จะไม่เคยลดน้อยลงเลย
และมันยิ่งหนักหนาสาหัสจนผมต้องรับมือกับความเอาแต่มากเป็นพิเศษของพ่อคุณด้วยความเจ็บปวดไปทั้งร่าง
ทันทีที่ลูกชายตัวดีของน็อตทั้งแท่งผ่านเข้ามาแอบอิงภายในร่างกายผมโดยไม่คิดบอกกล่าว
ผมก็หวีดร้องเสียงหลงอย่างลืมตัว “...อ๊า....น็อต น็อต ....ขนุนเจ็บ!!!”
“เจ็บเหรอ?....เจ็บจริงเหรอฮะเมีย?
ทำไมข้างในตัวเมียถึงตอดเร่าๆเลยล่ะฮะ
ข้างหน้านี่ก็แข็งจนจะแตกอยู่แล้ว...โกหกบ่อยๆผัวจะไม่เชื่อเอาได้นะ” น็อตสวนออกมาอย่างเหลืออดด้วยน้ำเสียงกระแนะกระแหนไร้หัวจิตหัวใจ
เฮ้อออ...บทพ่อคุณจะใจหินทมิฬชาตินี่ก็รับมือยากพอดูเหมือนกันนะนี่ ผมจึงทำได้แต่พยายามอดกลั้นหนักฝืนทนความเจ็บปวดตรงข้อมือ
หลัง รวมทั้งประตูหลังของตัวเองด้วยความเข้าใจ เพราะก่อนหน้านี้ผมก็ทำร้ายหัวใจอีกฝ่ายมาหนักมือไม่น้อย...
...ผมรู้ดีว่า
สิ่งที่เขาทำกับผมจบไปเมื่อครู่คงยังไม่สาแก่ใจของเขาสักเท่าไรหรอกครับ
เพราะถ้าว่ากันไปตามการร่วมรักของเราตามปกติ น็อตต้องได้ปลดปล่อยก่อนอย่างน้อยสองสามครั้ง
พ่อคุณถึงจะอารมณ์ดีสุดๆ แล้วถ้ายิ่งอารมณ์ร้อนเป็นโคถึกแบบนี้ บทคั่นเวลาที่เพิ่งจะจบลงไปนั้น น่าจะเป็นแค่จุดเริ่มต้นของมหากาพย์การร่วมเพศบทนี้...
...ผมมั่นใจว่า
หากร่างผมไม่แหลกสลายกลายเป็นธุลีไปก่อนสักสี่ห้ารอบแล้วล่ะก็ คงไม่มีทางที่เราสองคนจะได้เปิดปากพูดคุยกันดีๆได้เหมือนเดิมแน่ๆ
และผมเตรียมใจรับทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไป ไม่ว่ามันจะเลวร้าย หรือวินาศสันตะโรจนเก็บกู้ซากของตัวเองไม่ได้ก็ตามที
ในเมื่อทำใจยอมรับการริจะเล่นรักอย่างรุนแรงของผัวตัวเองได้...
เมียที่เฝ้าเอาใจและปรนเปรอผัวเป็นอย่างดีมาโดยตลอดเช่นผมก็ควรจะช่วยปลดปล่อยความโกรธขึ้งของผัว
เพื่อเป็นการไถ่โทษความผิดฉกาจฉกรรจ์ที่ผมได้ทำเอาไว้อย่างเต็มใจ และถ้าจะให้ดีกว่านี้...ผมควรจะต้องมีอารมณ์ร่วมไปจนสุดทาง...
ผมเลยเพ่งความสนใจทั้งหมดกลับมาที่ความรู้สึกเสียวกระสันทุกเมื่อที่น็อตขยับตัว
แล้วก็ปล่อยตัวเองให้ล่องลอยไปในความเพลิดเพลินที่แฝงไปด้วยความรวดร้าวของร่างกายทั้งร่าง
...นี่ไม่ได้อ้างขึ้นมาเพื่อทำให้ตัวเองดูดีนะ บอกเลย ซี๊ดดด...อู๊ววส์!..
“อาห์...น็อต
ปล่อยมือเค้าเถอะนะ...เค้าอยากกอดเตง” ปากผมเอื้อนเอ่ยออกไปอย่างลืมตัว
พลางส่งสายตาออดอ้อนขอความเห็นใจจากร่างที่กระทุ้งบั้นเอวหนักๆเข้าหากึ่งกลางลำตัวท่อนล่างของผม
นี่ถ้าตอนนี้ผมได้สัมผัสร่างกายอันงดงามของน็อตอย่างอิสระแล้วล่ะก็
ผมคงจะมีความสุขมากยิ่งขึ้นไปกว่านี้อีกหลายเท่า เพราะความรู้สึกเต็มตื้นและเร่าร้อนที่ได้รับจากแก่นกายของผู้ชายที่ผมรักกำลังทำให้ร่างกายของผมเบาหวิวคล้ายกับปุยนุ่นอีกครั้ง
“ไม่!! จนกว่าเมียจะสำนึกผิด ผัวจะทำให้เมียทรมานเพราะความอยากจนถึงที่สุด
ต่อจากนี้...เมียอย่าหวังว่าเมียจะได้ในสิ่งที่ต้องการอีกต่อไป... “เสียงเฉียบขาดดังตัดรอนไม่ผิดไปจากที่ผมคิดเอาไว้
ไม่เท่านั้น...บั้นเอวของพ่อเจ้าประคุณก็กระหน่ำเข้ามาไม่ยั้งราวกับไม่กลัวว่าอู่ของผมจะพังพาบเข้าสักวันหนึ่ง
หากต้องรับศึกหนักขนาดนี้ติดต่อกันบ่อยๆเข้า
.
.
ทว่าร้อยถ้อยคำข่มขู่
ถากถาง หรือดูหมิ่นดูแคลนที่เอ่ยออกมาด้วยอารมณ์โกรธของน็อต ก็ไม่ร้ายกาจเท่ากับประโยคคำถามที่คาดคั้นเอาคำตอบที่ทำเอาผมกระดากเกินจะเอ่ยปากตอบออกไปแค่เพียงประโยคเดียว “...ไหนเมียลองบอกซิฮะ...ว่า
ในห้องนี้....ใครร่าน?”
...เค้าเอง เค้านี่แหละที่ร่านที่สุด เค้าร่านทุกเมื่อที่อยู่กับเตง...
...นั่นคือสิ่งที่ผมตอบน็อตได้แต่ในใจ
เพราะแค่คิดว่าจะต้องพูดออกไป ผมก็รู้สึกรับตัวเองไม่ได้ขึ้นมาทันที...
...ถ้าต้องให้ผมยอมรับตัวเองว่าเป็นคนร่านออกมาจริงๆ
ผมยอมโดนน็อตทรมานด้วยความรุนแรงยิ่งกว่านี้ยังจะดีเสียกว่า
ผมจึงเลี่ยงที่จะไม่ตอบโต้อะไรออกไป แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็น่าอายไม่แพ้กัน
“...ฮื่อออ.......อ๊าห์............ฮ๊าห์...........ฮื๊ออออ...”
เสียงครางกระเส่าของผมดังเล็ดรอดออกมาตอบรับทุกๆจังหวะที่อวัยวะแห่งความเป็นชายของน็อตรุกล้ำย้ำลึกถึงทรวงใน
แม้ว่าริมฝีปากทั้งสองจะถูกสมองผมสั่งการให้เม้มแน่นไปตั้งแต่ที่ได้ยินคำถามเมื่อครู่ของน็อตแล้วก็ตามที
ดูเหมือนพ่อคุณจะจับไต๋ผมได้
เพราะหลังจากนั้น น็อตก็ตั้งใจสาวบั้นเอวเข้าๆออกๆโดยไม่มีผ่อนแรงจนภายในร่างผมร้อนระอุไปหมด
เสียงลมหายใจหนักๆของน็อต เสียงครางอู้อี้ในลำคอของผม เสียงของเหลวภายในกาย
เสียงของร่างสองเรายามที่กระทบต้องกับอีกฝ่าย เสียงของเตียงที่ลั่นไปเสียทุกครั้งที่น็อตขยับตัว
ทุกๆเสียงที่ผมได้ยินอยู่ในเวลานี้กำลังดังประสานกันจนคนฟังอย่างผมทั้งอาย
ทั้งเสียวสยิวมากไปกันใหญ่
เมื่อนั้น...ผมก็ตกหลุมกับดักที่น็อตตั้งใจวางเอาไว้จนผมไม่อาจจะกลับลำแก้ไขได้ทัน
น็อตขู่ผมเสียงเข้ม
“ไม่บอกเหรอ...ได้!!”
เมื่อพูดจบ น็อตก็ถอนตัวออกจากร่างผมอย่างไม่ใยดีเสียเฉยๆ ทำเอาผมเฝ้ามองลูกชายของน็อตที่ดูเร้าใจยิ่งกว่าครั้งไหนๆที่ผมเคยเห็นมาด้วยตาละห้อยแบบสุดๆ
ยังดีว่าผมกำลังเม้มปากอยู่ ไม่อย่างนั้น น็อตจะต้องได้เห็นผมในสภาพน้ำลายจะหกแหล่ไม่หกแหล่แน่ๆ
ผมรีบกลืนน้ำลายแล้วร้องขออย่างไม่นึกเหนียม
เพราะข้างในลำตัวผมกำลังร่ำร้องอยากจะให้ท่อนลำเปี่ยมอำนาจที่ลอยอยู่ใกล้หน้านั่นกลับคืนสู่อ้อมกอดกลางร่างผมเสียที
“น็อตตต...น็อต
อย่าทำอย่างนี้กับเค้าเลยนะ ได้โปรด..เค้าขอล่ะ” ผมงัดเอาน้ำเสียง และสายตาออดอ้อนขั้นสูงออกมาใช้เพื่อต่อรอง
ผมพยายามเพ่งสายตามองสบกับตาสีนิลที่ดึงดูดผมได้เสมอโดยภาวนาว่าอีกฝ่ายจะเห็นใจ
.
.
หึ!
แน่นอน...คนที่แพ้พ่ายในเกมกามอย่างหมดรูปแบบผม
ก็ย่อมจะแพ้เกมจ้องตาไปโดยปริยาย...
...เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ร่างกายผมเว้าวอนเพราะวอนท์สุดๆ
ผมก็ต้องยอมลงให้กับความต้องการภายในอย่างเสียไม่ได้ “เค้ายอมแล้ว...เค้า....เค้า....ร่าน”
“หึ!! แล้วจะเที่ยวไปร่านอย่างนี้กับใครลับหลังผัวไม๊?” ถ้าน็อตจะไม่ปล่อยให้ผมลอยนวลไปง่ายๆด้วยการบังคับให้ผมต้องพูดจนหมดเปลือกแล้วล่ะก็
ผมก็จะพูดมันออกไปให้หมดๆเลยก็แล้วกัน ไหนๆก็ต้องอายอยู่แล้วนี่ ผมจะต้องไปแคร์อะไรอีกล่ะ
“ไม่
เค้าจะไม่ไปร่านกับใคร เค้าจะร่านกับตัวคนเดียว” ผมตอบโดยไม่หลบตาน็อตที่จ้องไม่วาง...
...เอาซี่ จะให้พูดจาน่าอายยิ่งกว่านี้ก็ได้เล๊ยย มะ!...จัดมา
อ๋ำอี๋อวยอู๋เอามาเทกองรวมกันให้หมดเลยก็ยังได้...มะ!!!
ถึงอย่างนั้น...ขนาดว่าผมยอมเอ่ยปากพูดคำน่าอายที่สุดจนหน้าร้อนไปหมดอย่างนี้ก็แล้ว
แต่ไอ้บทสนทนาของเรานี่กลับไม่ทำให้เราสองคนไปถึงไหนๆอย่างใจผมเสียที
เพราะทุกอย่างก็ยังค้างๆคาๆในท่วงท่า และจังหวะอันน่าอับอายเหลือแสน
ผมก็ยังจดๆจ้องๆมองลูกชายของน็อตที่น่ากลืนกินตาเป็นมัน แต่อีกฝ่ายนั้น...กลับโต้คำผมมาอย่างเจ็บแสบ
“ผัวจะเชื่อใจเมียได้เหรอ??
ก็เมียทำกับผัวเอาไว้เจ็บแสบซะขนาดนี้”
ฟังคำน็อตแล้วผมถึงกับสะอึกและนิ่งงันราวกับโดนฟ้าผ่าเข้ากลางใจ...
สิ่งที่น็อตต้องการจะสื่อมันสั้น
และง่ายเกินกว่าคำพูดยาวๆของใครๆเป็นไหนๆ...
...ตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา
เขาแค่คงต้องการจะบอกว่า ที่ผมเอาแต่คอยบอกผมอยู่ปาวๆมาโดยตลอดว่า
ขอให้น็อตเชื่อใจผม และเราสองคนก็จะไม่จำเป็นต้องมานั่งหึงหวงกันอยู่นั้น
ตัวผมเองกลับทำลายความเชื่อทั้งหมดของเขาเพราะการกระทำของผมเอง
น้ำตาผมร่วงออกมาเป็นสายระหว่างตอบคำน็อต
“ฮึก ฮึก น็อต....น็อตเชื่อเค้าเถอะนะ จากนี้ไป เค้าสัญญาว่า เค้าจะร่านกับตัวคนเดียว...เค้าเป็นเมียตัว
และเค้าจะเป็นเมียของตัวคนเดียว เชื่อใจเค้าเถอะนะ!!”
ผมไม่รู้ว่า
คำพูดของผมจะน่าเชื่อถือมากแค่ไหนในใจน็อต
หลังจากนี้...ผมต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไร
เพื่อกู้ความเชื่อใจจากคนที่ผมรักกลับมาให้ได้เหมือนเดิม นี่ผมคิดถูกหรือผิดกันแน่
ที่เลือกดัดนิสัยน็อตด้วยวิธีการที่ทำลายความน่าเชื่อถือในตัวเองได้ภายในชั่วพริบตาแบบนั้นกัน??!
แต่สิ่งที่น็อตตอบผมก็ทำให้ผมเริ่มจะเบาใจขึ้นมาบ้าง
“ฮื่มมม...อย่าทำให้เค้าต้องสงสัยเตงอีกนะ!!” เมื่อสิ้นสุดประโยคที่น่ายินดีที่สุดของวัน
พ่อคุณก็ทำให้ผมปลาบปลื้มอีกครั้ง เมื่อส่วนแข็งขืนของเขากลับเข้ามาในที่ๆเหมาะเจาะกับมันมากที่สุดเสียที
ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่า
แต่ผมรู้สึกคล้ายกับว่า จังหวะที่เราสอดประสานการเคลื่อนไหวร่างกายระหว่างกันและกันนั้น ออกจะรุนแรงและรวดเร็วราวกับว่า
น็อตต้องการชดเชยเวลาที่เราสูญเสียไปตลอดช่วงที่เราคุยกันเมื่อครู่ ความร้อนลื่นที่ถาโถมเข้าใส่ใจกลางร่างที่อ่อนไหวอย่างที่สุดของผมโดยพุ่งเป้าเข้าตรงจุดกระสันของผมแบบเนื้อๆเน้นๆ
ก็ทำเอาผมครางเป็นบ้าเป็นหลัง และเมื่อน็อตได้ยินเสียงร้องอย่างชื่นมื่นปลื้มปีติของผม
พ่อคุณก็เร่งจังหวะหนักมือขึ้นไปกันใหญ่
”.....อ๊าห์.....น็อตตต เค้าไม่ไหวแล้ว อ๊า อ๊า....ฮ๊าห์....เค้า เค้า
เค้า...” แม้จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ
แต่นั่นก็พอเพียงที่จะทำให้ร่างกายซึ่งได้รับการบำเรอสุขอย่างตรงจุดของผม
ทะยานสู่จุดสูงสุดของอารมณ์ได้ไม่ยาก ติดอยู่แต่เพียงว่า ยิ่งผมเสียว ยิ่งผมสุขสันต์มากเท่าไร
ลูกรักของผมกลับยิ่งเจ็บปวดทรมานมากขึ้นเท่านั้น ผมถึงกับวิงวอนขอความเมตตาจากอีกฝ่ายเพื่อช่วยปลดปล่อยพันธนการที่โหดร้ายกับลูกของผมเสียเหลือเกิน
“อ๊ะห์..น็อต!!..เอามันออกเถอะนะ...ฮ๊าห์........
“ผัวไม่ได้บอกเหรอว่าผัวจะลงโทษจนกว่าเมียจะสำนึก”
เสียงเย็นๆที่บอกถึงความสะใจกระซิบเบาๆลงตรงข้างหูผม
นี่ก็ไม่ใช่ประสบการณ์ครั้งแรกที่น็อตทำแบบนี้กับผม
แต่นั่นมันไม่ทำให้เจ็บปวดได้ครึ่งของครั้งนี้...
...แม้ภาพที่ปรากฏขึ้นในสายตาของผมจะสั่นไหวเนื่องจากร่างกายถูกเขย่าอย่างหนักผ่านกิจกรรมอันดุเดือดในเบื้องล่าง
แต่เจ้าลูกรักที่กำลังแดงเป่งโด่เด่สั่นงั่กๆอยู่เหนือท้องน้อยของผม
ก็หลอนความรู้สึกชะมัด...
...ผมเสียว
ผมกระสัน ผมสั่นสะท้านไปทั้งร่างทุกๆครั้งที่น็อตขยับ หากแต่ผมไม่อาจเอื้อมมือไปแตะยังจุดสูงสุดได้...
...ผมทรมานกับความสุขสมที่ไม่อาจจะเกิดขึ้น จนร่างกายผมร้าวไปทั่วทุกส่วน เหมือนกับถูกแขวนให้ลอยคว้างอยู่กลางอากาศ
โดยที่ตัวผมพร้อมจะแตกเป็นเสี่ยงได้ทุกเมื่อ
ร่างกายของผมในตอนนี้จิกเกร็งจนบางวูบผมก็รู้สึกถึงความเมื่อยล้า
แต่น็อตก็ไม่ได้ใส่ใจ...นี่สินะคือการลงโทษในแบบของน็อต “เค้าสำนึกแล้ว....สำนึกแล้ว เมียผิดไปแล้ว....เมียจะไม่ทำอีกแล้ว
เมียจะไม่.....อ๊าห์....ฮ๊า........
“ฮื่อออ...ผัวยังไม่เสร็จเลย
จะรีบแตกไปไหนเล่า? /....ซี๊ดดดส์ น็อต น็อต....เมียอยากปล่อยแล้วล่ะ
ขอเมียปล่อยเถอะนะ นะ....นะคนดี”
...อาห์...มันช่างทรมานเหลือเกิน...
...แต่ผมกลับไม่อาจเถียงได้ว่า
มันก็สุขสยิวหาใดเปรียบเช่นกัน...
...ผมถูกขังให้เวียนว่ายอยู่ในบ่อแห่งความเสียวซ่าน
จนผมกลัวว่าผมจะกลายเป็นบ้า
ผมกลัวว่าผมจะตกเป็นทาสของความรู้สึกอันน่าอัศจรรย์อันเจ็บปวดจนควบคุมตัวเองไม่ได้...
ร่างหนากำลังซอยอัดบั้นท้ายรัวเร็วเหมือนลูกสูบเวลารถเร่งด้วยความเร็วสูงจัด
นั่นก็แปลว่า เวลาปลดปล่อยของน็อตได้มาถึงแล้ว สุดที่รักของผมอัดสะโพกเข้าหาใจกลางตัวผมเป็นครั้งสุดท้าย
ก่อนจะนิ่งเกร็งไปครู่ใหญ่ๆ
โดยไม่คิดใส่ใจความวุ่นวายและพลุ่งพล่านที่เกินขึ้นกับผมแม้แต่น้อย “ฮื่มมมม..... ฮื่ออ..... /....อ๊าห์
น็อต น็อต.......น็อต ......ฮ๊าห์....ปล่อยเค้าเถอะ...ปล่อยยย” จนตอนนี้
ผมก็ยังไม่อาจหยุดอ้อนวอน เพราะผมยังลอยคว้างปริ่มๆจะใกล้ถึงปลายทาง
หากแต่ถูกรั้งเอาไว้กับที่จนลอยขึ้นสูงกว่านี้ไม่ได้
อยู่ๆ
ผมก็รู้สึกถึงความโล่งโจ้งอีกครั้ง จนผมเผลอผงกหัวขึ้นไปมองเพื่อหาต้นเหตุของความรู้สึกโล่งๆว่างๆแบบฉับพลัน
แล้วก็เห็นน็อตลุกขึ้นเปลี่ยนท่าเป็นนั่งงอเข่าเอนหลังลงบนเตียง
พ่อคุณของผมสั่งเสียงเฉียบ “ลุกขึ้นแล้วหันหลัง!!“ สุดหล่อของผมไม่ได้พูดเปล่า
หากแต่กระชากข้อมือผมให้ลุกขึ้นนั่ง แล้วสั่งต่อด้วยสายตาเข้ม จนผมอยู่ในท่วงท่าที่ต้องการ
พ่อคุณก็ป้อนคำสั่งใหม่มาให้ผมอีกครั้ง “นั่งคร่อมลงมาเดี๋ยวนี้!!!”
คราวนี้มันไม่ได้มาแค่สายตา
และถ้อยคำเหมือนเมื่อครู่อีกแล้ว เพราะมือแข็งแกร่งทั้งสองเอื้อมขึ้นมารั้งบั้นเอวของผมจากด้านหลังแล้วดึงเอาตัวผมให้นั่งย่อยองๆลงเหนือลูกชายของเขา
แค่รอบที่แล้วผมก็ยังไม่ได้ปล่อย...ผมก็จวนจะใกล้บ้า แล้วนี่ถ้าต้องโดนอีกระลอก...
ผมจะทนประคองตัวเองให้ยังอยู่เป็นผู้เป็นคนได้อีกไหมเนี่ยะ??!
ผมอยากเอาไอ้ห่วงรัดรึงสองห่วงนี่ออกจากตัวไปเร็วๆเสียเหลือเกิน
อย่างน้อยๆ ถ้าต้องต่ออีกยก...ผมก็น่าจะพอรับมือไหวหากผมได้ระบายความอัดอั้นในกายออกไปบ้าง
ที่เป็นอยู่นี่ก็เป่งเสียจนจะหลุดออกจากขั้วเต็มแก่แล้ว
ถ้ายังจะต้องโดนน็อตกระหน่ำชำแรกช่องด้านหลังโดยไม่ได้พักอีกล่ะก็ ผมต้องทรมานจนเสียสติแน่ๆ
“ฮื่อออ....ปล่อยมือเค้าก่อนได้ไม๊?...เค้าจะได้จับน้องชายตัวได้....ซี๊ดส์...อ้าห์...”
แต่พ่อคุณก็ยังยืนกรานกระต่ายขาเดียวว่าจะทรมานผมให้เข็ดหลาบให้จงได้
เพราะน็อตจัดการเชื่อมประสานร่างเราสองคนอีกครั้งด้วยมือของเขาเอง “อ๊ะห์!!”
และแล้วผมก็ได้เข้าใจ
ถึงเหตุผลที่น็อตจงใจจัดท่านี้ให้เราสองคนในรอบนี้...
...มันคือเวทีแห่งความทรมานขั้นสูงสุดที่เจ้าตัวได้เตรียมเอาไว้เพื่อทำร้ายความรู้สึกของผมเข้าอย่างจัง
จนผมเปลี้ยไปทั้งร่าง
ในระหว่างที่สะโพกของน็อตค่อยๆขยับอย่างช้าๆ
เขาก็ส่งมือข้างหนึ่งเอื้อมมาดึงปลายผมของผมเบาๆจากข้างหลังจนหน้าผมเริ่ดหงาย
ในมุมนี้...ตาของผมก็เหลือบไปเห็นร่างเปลือยเปล่าของทั้งผมและน็อตสะท้อนอยู่ในเงาของบานกระจกหน้าตู้เสื้อผ้าที่กินความยาวเต็มผนังข้างห้อง
เริ่มตั้งแต่ผนังฝั่งหัวนอนไปจนสุดหน้าประตู
ร่างไร้อาภรณ์ปกปิดของผมที่แอ่นระแน้กำลังขย่มขึ้นๆลงๆทับแก่นกายของน็อต
ลูกชายสุดที่รักของผมแดงจัด และบวมเป็นก้อนๆ เมื่อมองจากไกลๆแล้ว
ดูคล้ายกับว่าลูกชายผมกำลังเป่งเสียจนเริ่มจะผิดรูป เมื่อน็อตเห็นสายตาตกตะลึงของผมในเงาข้างหน้าวูบหนึ่งก่อนพยายามกดคางให้ประกบเข้ากับหน้าอกเพื่อเลี่ยงภาพอุจาดที่ตัวเองเพิ่งเห็นไป
พ่อสุดหล่อก็ยิ้มร้ายๆเย้ยหยันส่งมาให้ก่อนกระชากผมของผมอีกครั้งแล้วพูดเนิบๆอย่างแสบสัน
“อย่าก้มหน้าซิฮะเมีย...จ้องเข้าไปในกระจก ดูซะให้เต็มตา ว่าเวลาเราเอากัน....เมียร่านมากแค่ไหน!!
ดูน้องชายของเมียให้ดีๆซิฮะ....แดงเหมือนลูกตำลึงเลยนะ
แดงๆเต่งๆอย่างนี้...มันน่าจะเด็ดมาบีบเล่นให้แตกซะจริงๆนะฮะ หึ หึ”
“น็อต....ฮื๊อออ....อย่า!!” ผมพูดพลางพยายามส่ายหน้าหนีเงาของตัวเอง
น็อตเอามือตรึงท้ายทอยของผมเอาไว้นิ่งแล้วต่อคำ
“อายเหรอ...ดูตัวเองแค่นี้อายเหรอ?
เมียน่าจะอายที่ปั่นหัวผัวตัวเองให้หลงเล่นเกมเป็นบ้าเป็นหลังมากกว่านะ”
...น็อต... เตงทำเกินไปแล้วนะ...
...เค้าอายนะ เค้าอายมาก เค้าไม่อยากเห็นตัวเองในสภาพนี้!!...
...ปล่อยเค้าเถอะ ได้โปรด...
ผมได้แต่อ้อนวอนด้วยสายตาและคำพูดเพื่อให้น็อตหยุดทำอะไรบ้าๆแบบนี้เสียที
“ฮึก....ฮื่อออ....เค้าขอโทษ เค้าบอกว่าเค้าขอโทษ....เค้าแค่อยากให้ตัวเชื่อใจเค้า...ฮ่าห์” แต่สิ่งที่ผมถูกน็อตบังคับให้จ้องมองช่างห่างไกลจากสิ่งที่ผมร้องขอมากเหลือเกิน
ร่างใต้ตัวผมใช้มือข้างหนึ่งรั้งเอวผมขึ้นๆลงๆในระหว่างที่เขาขยับตัวเป็นจังหวะเดียวกันเพื่อเติมเต็มที่ว่างภายในร่างอย่างไม่หยุดหย่อน
ใบหน้าในกระจกของคนที่ดูเหมือนตัวผมแดงจัดและบิดเบี้ยวเหยเกน่ารังเกียจ
สายตาของผมฉ่ำเยิ้มแม้น้ำหูน้ำตาจะไหลพรากอาบแก้มเป็นสาย อารมณ์ดิบเถื่อนที่เผยผ่านท่าทางและสีหน้าของผมในเวลานี้อย่างโจ่งแจ้งกลับทำให้ผมแทบจำเงาของเงาตรงหน้าแทบไม่ได้...
...ชีวิตนี้
ผมไม่คิดว่าตัวเองจะทำใบหน้าเช่นนี้ได้อย่างแน่นอน...
...ใบหน้าของผมในกระจกบานนั้นช่างดูสุขสม
และอิ่มเอมกับตัณหาราคะเสียเหลือเกิน...
.
.
...ผมทนมองตัวเองในเวลานี้ไม่ได้อีกแล้ว...
...ผมเลยเลือกทำในสิ่งที่ผมถนัดในยามที่ผมต้องการจะเลี่ยงเรื่องอึดอัด
หรือไม่น่าพึงใจ...
...หนี
บ่ายเบี่ยง เฉไฉ...
...ผมจึงตัดสินใจปิดตายภาพที่อยู่ข้างหน้าลงหลังเปลือกตามันเสียเลย
“ลืมตาเดี๋ยวนี้นะ
อย่าหลับตา...ถ้าเตงหลับตา เตงจะโดนหนักกว่านี้!!..” เสียงดุของน็อตก็ทำมห้ผมต้องลืมตาอีกครั้งอย่างไม่มีทางเลือก
เพราะผมแน่ใจว่า เวลานี้...น็อตไม่ได้อยู่ในอารมณ์จะเล่น
หรือต้องการหยอกและเล่นหัว
.
“...เห็นว่าผัวตัวเองโง่นักใช่ไม๊
ถึงได้จูงจมูกเล่นไปมาอยู่แบบนี้”
ถึงผมจะรู้ว่าไม่ควรล้อเล่นกับอารมณ์ของน็อตในตอนนี้เพื่อกวนน้ำใสให้ขุ่นอีกต่อไปก็ตาม
แต่ผมก็ยังต้องปกป้องตัวเองอยู่เหมือนเดิม “ไม่...อ๊าห์...ไม่....ปล่อยเค้าเถอะนะ
เค้าไม่ไหวแล้ว!!!”
“ขย่มแรงๆซิฮะเมีย....ทำไมตัวอ่อนอย่างนี้ล่ะ??....ทรมานเหรอ?
อยากแตกแล้วเหรอ???” น็อตเอามือทั้งสองของเขาประคองร่างที่อ่อนไม่เป็นทรงของผมแล้วยกขึ้นยกลงเพื่อให้นั่งทับลงมาบนแท่งทองของตัวเองตามแต่ใจต้องการ “ฮื่มมม
เอาอย่างงี้ก็แล้วกัน...ผัวจะนับหนึ่งถึงสิบ
ถ้าเมียทำให้ผัวเสร็จได้ก่อนที่ผัวจะนับเลขสิบ...ผัวจะเอายางออกให้ ดีไม๊ฮะ?”
ผมไม่ได้ต่อปากต่อคำ
ด้วยรู้ดีว่าผมไม่อยู่ในฐานะที่จะปฏิเสธข้อเสนอใดๆของเขาได้ ถึงอย่างนั้น...ใช่ว่าผมจะเล่นเกมเป็นเพื่อนน็อตได้เสียเมื่อไร...
...ร่างกายผมเริ่มจะทำงานผิดเพี้ยนไปจากความตั้งใจไปเสียหมด...
...ผมรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนคนเป็นไข้
ริ้วความเย็นเป็นวูบๆพัดผ่านร่างของผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าตีคู่กันมากับความเสียวซ่านที่ล้นทะลักท่วมเอ่อไปทั้งตัว
อย่างไรก็ตาม มันก็ยังไม่มีโอกาสได้รับอิสระอย่างที่ร่ำร้องมานานแสนนานเสียที “น็อต....อ๊าห์...เค้าไม่ไหวแล้ว
/ หนึ่ง!!”
ริมฝีปากของผมเอาแต่ร่ำร้องหาการปลดปล่อยส่วนหนึ่งของตัวเองจนผมเริ่มจะพูดจาไม่เป็นภาษา
ส่วนอีกฝ่ายก็เอาแต่ตั้งแง่และเล่นเกมตามที่ตนพอใจ
“ปล่อย...เถอะนะ....ฮ๊าห์....อ๊าห์.....ปล่อย....เค้า.....ง๊าาาา
/ สอง สาม
สี่....เร่งหน่อยซิฮะ
ถ้าทำให้ผัวเสร็จไม่ทัน...เดี๋ยวก็ไม่ได้เสร็จกันพอดี...นี่ผัวนับถึงสี่แล้วน้า”
ไม่ว่าผมจะเอ่ยคำใด
ไม่ว่าผมจะอ้อนวอนเขาบ่อย หรือมากแค่ไหน น็อตก็เอาแต่รั้งตัวผมเข้าหาแก่นกายของเขาเพื่ออัดบั้นท้ายอย่างหนักหน่วงเข้าหาตัวผมอย่างต่อเนื่องราวกับเขาได้กลายเป็นเครื่องจักรสังหารทางเพศที่ไร้หัวใจ
ในขณะที่ผมเป็นแค่เครื่องรองรับความสุขทางกาย และที่ระบายของเหลวสีขาวขุ่นของร่างเขาเท่านั้น....
.
.
...มันสุข
มันเจ็บ มันเสียว มันเสียด มันตื้นตัน แต่มันชักจะมากเกินไป
“น็อต
น็อต น็อต น็อต....เค้า...ใกล้บ้า....แล้ว ถอด....ถอด....ออก...อ๊าห์..... ตรงนั้นไม่เอา....ไม่เอาแล้ว ซี๊ดส์ / ห้า หก เจ็ด แปด”
ตาของผมเริ่มพร่า
แม้ว่าร่างกายของผมจะยังรู้สึกเสียวเสียดไปทั้งร่าง
หรือปากของผมจะร้องร่ำจนผมนึกรำคาญ
ผมเริ่มมองอะไรไม่เห็นเป็นภาพ รู้ก็แต่เพียงว่า...โลกทั้งหมดของผมค่อยๆถูกสีขาวเข้ากลืนกินพื้นที่ส่วนใหญ่มากขึ้นทีละนิด
ทีละนิด
“เค้าไม่ไหวแล้ว
เค้าไม่ไหวแล้ว อ๊า อ๊า อ๊า อ๊า อ๊า น็อตตตตต / เก้า...........ฮ่าห์ ตอดอีกซิ ดูดอีกซิ...แรงๆ
แรงกว่านี้อีก!...................../ สิบ.....ฮื่มมมม.......ฮ่าห์....../.....อ๊าห์.............
สิ้นเสียงกรีดร้องเสียดลำคอของผม
โลกภายในม่านน้ำตาตรงหน้าก็กลายเป็นสีขาวโพลนไปจนสิ้น...
...เสียงสุดท้ายที่ผมได้ยิน
คือ เสียงร้องเรียกของน็อตที่บอกถึงความตกใจอย่างที่สุด “ขนุน!! ขนุน!!! ขนุนไม่เป็นอะไรนะฮะ!!”
.
.
.
.
.
อาห์...
ถึงตอนนี้ผมจะยังมองไม่เห็นอะไร แต่อย่างน้อยๆ...ผมก็รับรู้ได้ว่า น็อตคนเดิมได้กลับมาหาผมแล้ว
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
ก่อนอื่น
มะลิต้องขอโทษด้วยนะคะที่มาลงตอนใหม่ช้ากว่าที่บอกเอาไว้
อย่างไรก็ดี...มะลิไม่มีเจตนาลงนิยายช้านะเออ
แต่เพราะวันนี้ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกมาทั้งวัน
เลยเพิ่งได้กลับบ้านมานั่งปรับแก้เนื้อหา
ก่อนจะนำตอนนี้มาลงให้ได้อ่านกัน
เอาเมื่อสองชั่วโมงก่อนนี่เองอ่ะค่ะ....อย่าถือสาหาความมะลิไปเลยน้า
ขอให้อ่านอย่างมีความสุขค่ะ
No comments:
Post a Comment