Monday, December 22, 2014

เขาวานให้ผมเป็น 'สายรับ' (เคคู่ผู้รู้รอบฯ) : บทรุกที่ 36: น้ำมาปลากินมด น้ำลดมดกินปลา



บทรุกที่ 36: น้ำมาปลากินมด น้ำลดมดกินปลา
(น้ำมาปลากินมดน้ำลดมดกินปลา :โอกาสของใครหรือจังหวะดีของใคร ฝ่ายนั้นก็ย่อมชนะความหมายอย่างเดียวกับคำว่า " ทีใคร ทีมัน ")




 (น็อต)

ระหว่างปล่อยให้ดวงตาทั้งสองไล่มองผิวขาวเนียนละเอียดของเรือนร่างบางที่กำลังนอนหลับตาหายใจสม่ำเสมออยู่บนเตียงในห้องนอนของตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้าแบบซ้ำไปซ้ำมาอย่างอิสระ ผมก็เผลอถอนหายใจออกมาดังๆเป็นครั้งที่เท่าไรของวันแล้วก็ไม่รู้... 

...สรุปว่า ไอ้วิธีกลั่นแกล้งขนุนที่ผมทำกับเขาไปก่อนหน้านี้แม่งรุนแรงเกินไปรึเปล่าวะ? กระทู้ในเน็ตแม่งก็เสือกไม่ได้เขียนบอกเสียเอาไว้ด้วยนี่หว่าว่า ถ้าฝืนไม่หลั่งนานเกินไปจะส่งผลให้เป็นลมหรือหมดสติ... เอ หรือมันเป็นเพราะผมศึกษาข้อดี-ข้อเสียมาไม่ครบ ที่ดันมาเจอเข้ากับร่างกายขนุนในภาวะอ่อนเกินเหตุเข้าเสียอีก เลยทำให้เมียผมหน้าคว่ำหลับไปทั้งที่ยังไม่เสร็จดีอย่างเมื่อกี๊วะ?

แต่ก็ช่างแม่งเถอะ...เพราะไหนๆเรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว จะมานั่งฟื้นฝอยหาตะเข็บให้ฉี่เหลืองเป็นบ้าไป ก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น เอาเป็นว่า รอให้เราสองคนพร้อมทั้งกายและใจมากกว่านี้ ค่อยกลับมาเล่นสนุกกับบรรดาของเล่นชั้นดีกันอีกทีเมื่อไรก็ได้ อีกอย่าง..ผมมีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่าจะต้องทำให้สำเร็จ ก่อนที่ขนุนจะลืมตาตื่นขึ้นมา   เมื่อรู้ตัวแน่ว่าจะไม่ได้นั่งมองคนหลับปุ๋ยอีกพักใหญ่   ผมเลยส่งปลายนิ้วมือไปไล้เบาๆไล่ตามโครงหน้าเล็กๆของเมียด้วยสัมผัสอันรักใคร่และหวงแหนอีกครั้ง แล้วจึงลุกผละจากเตียงไปคว้าโทรศัพท์และบุหรี่เดินออกไปยังระเบียงห้องฝั่งสระว่ายน้ำอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจนัก



(ขนุน)

เมื่อผมลืมตาขึ้นอีกครั้ง ก็เห็นใบหน้าหล่อๆของน็อตกำลังก้มลงมองหน้าผมอยู่ไม่ห่าง สายตาและสีหน้าของพ่อคุณดูออกจะตื่นเต้นและดีใจมากหลังจากรู้ว่าผมได้สติแล้ว พอสัมผัสได้ว่าอีกคนเลิกวางท่าทำหน้าบึ้ง ผมก็ยิ้มเต็มหน้าออกมาทันทีอย่างที่ห้ามตัวเองไม่ได้  

แขนแข็งแรงทั้งสองทั้งประคอง ทั้งโอบอุ้มร่างผมให้ลุกขึ้นนั่งเอาหลังพิงหัวเตียงเอาไว้ พลางส่งเสียงถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงโดยไม่รอช้า “ตื่นแล้วเหรอฮะ? รู้สึกยังไงบ้างฮะ?”

“เมื่อกี๊เค้า...        ผมถึงกับตกใจที่รู้ว่าเสียงที่ดังออกมาจากลำคอของตัวเองแหบพร่าเหมือนคนเส้นเสียงป่วย สงสัยว่าตอนเข้าด้ายเข้าเข็มแบบน็อนสต็อปเมื่อตอนนั้นจะทำเอาผมเค้นเสียงที่มีทั้งหมดมาใช้ไปจนไม่เหลืออีกต่อไปแล้วล่ะมั้ง

“เตงหน้ามืด หมดสติไปพักนึงน่ะฮะ” ความพยายามในการออกเสียงถามอีกฝ่ายให้แน่ใจถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นหลังจากบทรักอันเร่าร้อนรุนแรงระหว่างผมกับน็อตมีอันต้องเป็นหมันไป เพราะสุดหล่อชิงตอบผมออกมาด้วยความเร็วไวกว่าแสง  ผมเข้าใจว่า ที่พ่อคุณรีบตอบออกมาอย่างลุกลี้ลุกลนแบบนี้ นี่น่าจะเป็นเพราะสภาพเสียงของผมนี่แหละ


ผมมองหน้าน็อตนิ่งๆอยู่นานเพื่อประเมินสถานการณ์ในภาพรวม โดยในขณะเดียวกันนั้นเอง ผมก็เฝ้ากลืนน้ำลายอึกแล้วอึกเล่าเพื่อเรียกให้เสียงกลับเข้าที่ได้เหมือนเดิม เมื่อเห็นว่าสุดหล่อกำลังจ้องผมในทุกๆท่วงท่าด้วยสายตาแป๋วแหวว ผมจึงถามเลียบๆเคียงๆเพื่อเปิดบทสนทนากับพ่อเจ้าประคุณอย่างไม่คิดรีรอ “น็อต...เตงโอเครึยัง?”

คนฟังเอี้ยวตัวหันไปหยิบแก้วน้ำตรงหัวนอนมาส่งให้ผม แล้วพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มๆน่าฟังเหมือนเมื่อก่อนอย่างไม่มีผิดเพี้ยน “เตงกินน้ำก่อนนะ เดี๋ยวเราค่อยคุยกัน”

“เค้าขอโทษ...ที่เค้าทำเกินไป” ผมเอ่ยทันทีเมื่อภายในคอได้รับความชุ่มชื้นกลับคืน หลังจากที่พูดถ้อยคำที่ผมต้องการมากที่สุดอย่างที่หมายมั่นแล้ว ผมก็ตั้งหน้าตั้งตารอฟังสิ่งที่น็อตจะตอบผม...

...คำพูดชี้ชะตาที่ท่านกำลังจะได้ยินหลังจากนี้ ได้แก่...

“เค้าก็ขอต้องโทษเหมือนกันฮะ เค้าเอาแต่หึงงี่เง่ามาตลอด ทั้งที่เตงเคยขอให้เค้าเลิกนิสัยนี้ตั้งแต่แรกที่เราคบกัน” น็อตพูดเสียงอ่อนด้วยสีหน้าสำนึกผิด ด้วยความโหยหาความอบอุ่นของร่างตรงหน้ามาโดยตลอด ผมเลยทำตามใจตัวเองด้วยการเอนตัวซบลงไปที่อกของพ่อคุณทันที และดูเหมือนอีกฝ่ายก็กำลังรอจังหวะเริ่มต้นที่จะทำแบบนี้อยู่เช่นกัน เพราะเมื่อผมแนบใบหน้าลงตรงอกแกร่ง แขนทั้งสองของสุดหล่อก็โอบรอบตัวผมเอาไว้แนบกายเหมือนกับไม่อยากจะให้ห่างไปไหน

พอเริ่มจะใจชื้นกับปฏิกิริยาของพ่อคุณ ผมก็รีบตอบคำเพื่อทำให้อีกฝ่ายสบายใจตามความรู้สึกที่อยู่ข้างในจริงๆ “เตงไม่ต้องขอโทษหรอก...ความผิดส่วนนึงน่าจะมาจากเค้า  ที่ผ่านมา เค้าคงทำให้เตงไว้ใจไม่ได้มากนัก เตงถึงได้ต้องหึงเค้าอยู่ตลอดเวลาแบบนั้น”

เสียงตอบของน็อตดังทุ้มเข้าข้างๆหูด้วยความนุ่มนวลและชัดเจน หากแต่ความหมายของถ้อยคำกลับพุ่งตรงทะลุเข้ากลางหัวใจผมจนผมเกิดสะอึก “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกฮะ เค้าเองนี่แหละ ที่หึงมากไป...
.
.
...เตงทำตัวยังไง มั่นคงแค่ไหน เค้าก็รู้อยู่แก่ใจดี...
...แต่มันเป็นเพราะ ตลอดมา...เค้าไม่เคยรักใครมาก่อนในชีวิต เค้าเลยไม่รู้ว่า เวลามีคนรักซักคน เค้าควรต้องทำตัวยังไง เค้าบอกเตงเอาไว้ตรงนี้เลยนะฮะว่า หลังจากที่เราสองคนคบกัน เค้าก็เริ่มรู้สึกกลัวว่า วันนึงเค้าอาจจะเสียเตงไปให้ใครคนอื่น...
.
...เตงรู้ไม๊ ยิ่งเค้าอยู่กับเตงมากเท่าไร เค้าก็ยิ่งเห็นถึงความน่ารัก ความเซ็กซี่ แถมตัวยังดูดีและดึงดูดสายตาคนอื่นมากขึ้นเท่านั้น นั่นเลยทำให้เค้าเกิดหวั่นว่า วันไหนซักวัน อาจจะมีผู้ชายคนอื่นมองเห็นสิ่งที่ตัวเป็น จนเกิดสนใจและอยากจะเข้าหา เข้ามาหลอกล่อเตงเหมือนที่เค้าเคยทำ แล้ววันนึง...เตงก็จะเปลี่ยนใจไปหาคนที่ดีกว่าเค้าก็ได้”

เท่าที่ฟังคำสารภาพของน็อต ผมก็ชักจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนขึ้นมาเสียแล้วสิว่า การเริ่มความสัมพันธ์กับผมโดยการยกข้อตกลงลวงโลกมาบังหน้า ก่อนสานสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวจะเป็นชนักติดหลังที่ทำน็อตเสียศูนย์มาโดยตลอด และไอ้ความละอายใจของเขาในข้อนี้ คงจะหยั่งรากฝังลึกเสียจนเจ้าตัวเกิดปักใจเชื่อไปร้อยเปอร์เซนต์ล่วงหน้าว่า ไม่วันใดก็วันหนึ่ง เขาเองก็มีสิทธิจะเสียผมไปให้ใครคนอื่นได้ง่ายๆด้วยกลยุทธเดียวกันอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ดี...มันได้สะท้อนให้ผมเห็นความจริงข้อหนึ่ง นั่นคือ...ไม่ว่าเราสองคนจะพยายามแสดงออกให้อีกฝ่ายได้รับรู้ถึงความรักที่เรามีต่อกันมากแค่ไหน แต่ความรู้สึกของเราก็ไม่อาจเดินทางไปถึงใจของอีกคนได้เท่าที่ใจปรารถนา เนื่องจากพื้นที่ในหัวใจส่วนหนึ่ง กลับถูกความกังวลและไม่แน่ใจในความรู้สึกของอีกฝ่ายเข้ายึดครองและปลุกปั่นเสียจนหัวใจของผมกับน็อตเกิดไหวหวั่นและสับสนกันไปคนละทิศละทาง ด้วยเพราะเราทั้งคู่ไม่เคยเปิดเผยความรู้สึกอันอ่อนไหวต่างๆนาๆให้อีกฝ่ายได้รับรู้เลยแม้เพียงสักครั้ง  

ผมว่า มันสมควรแก่เวลาแล้วล่ะ ที่เราจะเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้ง โดยที่คราวนี้...เราควรจะพูดในสิ่งที่เราคิดจริงๆออกมาให้อีกฝ่ายได้รับฟังเสียที  “ขอบคุณมากนะเตง ที่เตงรักเค้ามากขนาดนี้... ยิ่งฟังเตงพูดเมื่อกี๊ เค้าก็ยิ่งรู้สึกไม่ดีไปกันใหญ่...
.
...สิ่งที่เตงพูด ทำให้เค้าก็รู้ซึ้งในทันทีเลยว่า ที่ผ่านมา...ในฐานะคนรักของเตง เค้าบกพร่องต่อหน้าที่อย่างไม่น่าให้อภัย เพราะเค้าไม่สามารถทำให้เตงรู้สึกมั่นใจในความรักที่เค้ามีให้เตงได้เลย...  
.
...ซ้ำร้าย ข้อผิดพลาดนี้ยังส่งผลร้ายแรง จนเตงต้องคอยเป็นกังวล เอาแต่คิดไปเองคนเดียวว่า เค้าจะเปลี่ยนใจไปหาคนอื่นได้ง่ายๆเพียงชั่วข้ามวัน ซึ่งในท้ายที่สุด...มันก็ได้กลายเป็นชนวนหลักที่นำไปสู่อาการหึงหวงเค้าอย่างหน้ามืดตามัวด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งๆที่เอาเข้าจริง นอกไปจากเตงแล้ว เค้าก็ไม่เคยชายตามองใครคนไหน เพราะเตงคือผู้ชายเพียงคนเดียวที่ทำให้เค้าหลงใหลใฝ่หา ปราถนา และรักได้อย่างไม่มีเงื่อนไข หรือข้อกังขาใดๆทั้งสิ้น...
.
.
...ในทางกลับกัน สำหรับเค้าแล้ว ยิ่งเราคบกันนานมากขึ้นเท่าไร...ความกังวลเรื่องที่เตงจะเปลี่ยนใจไปมีคนใหม่ หรือกลับไปหาสาวๆทั้งหลาย แทบไม่มีหลงเหลือจนเค้าไม่เคยต้องวิตกเลยแม้ซักครั้ง เพราะเตงทำให้เค้ารับรู้ได้ตลอดเวลาว่า เตงจะรักเค้าเพียงคนเดียวเท่านั้น และไม่มีวันที่เตงจะว่อกแว่กหรือหลงใหลได้ปลื้มใครคนอื่นที่ไม่ใช่เค้า...
.
...ที่เค้าพูดน่ะจริงรึเปล่าล่ะ?” พูดจบผมก็ช้อนสายตาขึ้นมองใบหน้าหล่อของน็อตที่กำลังก้มมองหน้าผมอย่างไม่คิดละสายตาไปไหน ทันทีที่เราสบตากัน ก็เรียกรอยยิ้มกว้างให้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพ่อเจ้าประคุณของผมได้อย่างง่ายดาย...


...ให้ตายสิ!!  จะมีหนุ่มน้อยคนไหนยิ้มให้ผมแล้วชวนละลายได้เท่ารอยยิ้มของน็อตอีกไหม?!  .....พ่อหนุ่มน้อยจ๊ะ ต่อให้สังขารพี่ชายจะไม่เอื้อ แต่ถ้าเพื่อให้ได้มาซึ่งรอยยิ้มนั้น พี่ชายคนนี้ยินดีถวายร่างให้เป็นโชตะพลีที่หนุ่มน้อยจะกระทำย่ำยีเรือนกายของพี่ได้ทุกอย่างตามแต่ใจเลยล่ะ!
.
.
...อรั๊งส์!!...นอกจากผมจะบ้าการ์ตูนและหุ่นฟิกฯท่านลูฟี่กับผองเพื่อนแล้ว ผมยังจะอัพเลเว่ลความประหลาดด้วยการเพิ่มสกิลโชตะค่อนเข้ามาอีกหนึ่งหรอกหรือนี่?...
...อาห์...จบสิ้นกันที กับความฝันที่อยากจะเป็นแค่คนธรรมดา!!


ระหว่างที่หัวผมกำลังคิดบ้าบอไปเองคนเดียว พ่อสุดหล่อก็ก้มหน้าลงมาบรรจงมอบจุมพิตเบาๆลงตรงหน้าผากของผม ก่อนจะผละออกเพื่อเปลี่ยนเอาแก้มมาวางแนบหัวเหม่งของผมเอาไว้ จากนั้นจึงตอบผมด้วยน้ำเสียงชื่นมื่นฟังรื่นหัวใจ  “ฮะ...ตั้งแต่เจอเตง สายตาเค้าก็มองไม่เห็นใครนอกจากเตงอีกแล้วล่ะ...
.
...ถ้างั้นเอางี้แล้วกันฮะ ต่อจากนี้เป็นต้นไป เตงต้องสัญญาว่าเตงจะรัก จะดูแล และเอาใจใส่เค้าให้มากๆ...
...เวลาเตงมีเรื่องอะไรไม่สบายใจ เตงก็ต้องบอก ต้องคุยกับเค้าทันทีนะฮะ...
...รับรองเลยฮะว่า ถ้าเตงแสดงออกทางความรักของเตงให้เค้ารู้ได้อย่างเด่นชัด และออกนอกหน้าซะขนาดนี้ ทั้งเค้าและเตงก็น่าจะเลิกกังวลได้ซะที  อีกอย่าง ถ้าเตงยอมทำถึงขนาดนี้แล้ว เค้ายังจะกล้าหึงเตงได้อีก เตงเตรียมลงแส้หนังกลางหลังเค้าให้เค้าร้องไม่เป็นภาษาได้เลย”

พอน็อตพูดจบ ผมถึงกับต้องรีบขืนผละตัวเองเพื่อเว้นระยะห่างจากใบหน้าพ่อหนุ่ม แล้วจ้องมองสุดหล่อเต็มๆตาเพราะไม่กล้าเชื่อในสิ่งที่เพิ่งได้ยิน  นี่ขนาดเรากำลังคุยกันด้วยเรื่องจริงๆจังๆแบบเปิดอกเป็นครั้งแรก...พ่อคุณก็ยังไม่วายจะหยอดเรื่องอย่างว่าในประเด็นที่เกี่ยวโยงกับ SM ออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย  ยิ่งพอผมจ้องหน้าหล่อๆของพ่อเจ้าประคุณด้วยอย่างกินเลือดกินเนื้อ จนลูกนัยตาแทบจะถลนออกมาจากเบ้าแบบนี้  อีกฝ่ายกลับไม่สนใจ ไม่เท่านั้น น็อตยังกล้าทำหน้าทำตาทะเล้น แถมยังปิดท้ายด้วยการทำท่าหวดลมล้อผมเข้าให้อีก

ด้วยความอายและไม่สบอารมณ์ ผมเลยจะอ้าปากต่อว่าคนที่เล่นไม่รู้เวลา...แต่แล้วพ่อคุณก็พูดสวนออกมาด้วยประโยคที่ปรับอารมณ์ผมให้กลับไปอยู่จุดเดิมได้ในพริบตา  “หึ หึ หึ...เตงต้องหมั่นบอกรักเค้าบ่อยๆ มองแต่เค้าคนเดียว... ดูแล เอาใจเค้า และไม่สนใจใครหน้าไหนอีกเลย แค่นี้...เตงทำได้ไม๊ฮะ?” พูดจบ พ่อคุณก็ทำหน้าเป็น หากแต่เอื้อมมือมาคว้าหลังมือผมไปพรมจูบเบาๆอีกครั้ง โดยไม่ละสายตาคมกริบไปจากผม

“ได้ซิ...” สายตาเมื่อครู่ทำเอาผมสะเทิ้นอายจนรับคำพ่อคุณออกไปทันที ก่อนที่สมองจะคิดประมวลความหมายของสิ่งที่น็อตเพิ่งจะเอ่ย จนต้องตัดพ้อตามออกมาอีกประโยคเพื่อท้วงติงสิ่งที่พ่อคุณร้องขอ “...ฮึ! ทำอย่างกับว่าที่ผ่านมาเค้าไม่ได้ทำอย่างงั้นแหละ... หรือที่เค้าทำมันยังไม่พอ ว่าไงฮะพ่อหัวจุก?” ผมเอื้อมมือไปหยิกแก้มทั้งสองข้างของพ่อเจ้าประคุณที่กำลังยิ้มกริ่มอย่างชอบใจด้วยความหมั่นไส้

พ่อแก้มใสสุดหล่อของผมก็ตอบกวนๆด้วยเสียงยานคางออกมา เพื่อแหย่ผมให้ยิ่งหงุดหงิดไปกันใหญ่ “ม่าย...พอ...ฮะ...หึ หึ” พูดจบ มือหนาใหญ่ของสุดที่รักก็เอื้อมมาจับมือทั้งสองของผมชูขึ้นเหนือหัวตัวเองเอาไว้ ราวกับพ่อคุณกำลังใช้ตัวผมมาเล่นเป็นหุ่นเชิด แล้วจึงพูดเสริม พร้อมกับทิ้งท้ายด้วยการแกล้งทำเสียงหล่อๆ ใหญ่ๆ ดังก้องที่มาพร้อมกับเสียงสะท้อนแบบเว่อร์ๆ “เตงต้องแสดงออกมากยิ่งกว่านี้ เตงต้องรักเค้าแบบออกนอกหน้า ประมาณว่า..ชาตินี้ข้าจะขออุทิศชีวิต ร่างกาย และหัวใจทั้งหมดให้กับท่านน็อตสุดหล่อคนนี้แต่เพียงผู้เดียว เดียว เดียว เดียว เดียว”  เมื่อเล่นสนุกจนหนำใจ พ่อคุณก็เอาแขนทั้งสองข้างของผมมาคล้องคอตัวเขาเอาไว้แล้วยิ้มเผล่แบบหล่อบาดใจมาให้ผมทันที

พอโดนพ่อคุณทำตัวน่ารักใส่แบบนี้ ผมก็เขินทำตัวไม่ถูกกันเท่านั้นน่ะสิครับ นั่นเลยส่งผลให้ผมทำเผลอทำตัวตรงข้ามกับสิ่งที่อยู่ในใจออกไปอีกครั้งด้วยการเอ็ดคนหน้าเป็นที่กำลังลอยหน้าลอยตาอยู่ใกล้ๆไปอย่างเสียไม่ได้ ทั้งที่ในใจนี่ชอบการกระทำทั้งหมดของพ่อคุณจนอยากจะยิ้มให้แก้มระเบิดกันไปข้าง “ไอ้หัวจุกบ้า! เพ้อเจ้อ!...”

ระหว่างที่ปากตำหนิพ่อคุณไปอย่างนั้น แต่ในหัวผมก็กำลังวาดภาพตัวเองจี๋จ๋ากับสามีอย่างน่าหมั่นไส้ไปเสียทุกที่แบบที่น็อตบรรยายมา แล้วผมก็ได้ข้อสรุปว่า...สิ่งที่น็อตบอกก็ฟังเข้าท่าดีเหมือนกัน เพราะนั่นหมายความว่า ถ้าผมทำอย่างที่น็อตขอ เขาก็จะไม่ต้องมานั่งสงสัย หรือหึงหวงให้เหนื่อยใจ ส่วนผมก็จะได้แสดงความเป็นเจ้าของพ่อเจ้าประคุณจนไม่เหลือใครหน้าไหนในโลกที่จะกล้าทึกทักเอาเองว่า ผู้ชายคนนี้ยัง ว่างพอจะทาบทามได้อีกต่อไป แถมผมยังได้กระชับความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคนได้ตลอดเวลาอีกด้วย

แต่เพื่อไม่ให้ผมดูว่าง่ายจนเกินไปนัก ผมก็แกล้งถามออกไปทันที ทั้งที่รู้ดีว่าคำตอบของทั้งตัวเอง และน็อตจะเป็นอย่างไร  “...ว่าแต่ ถ้าเค้าทำอย่างที่ตัวว่าจริงๆ คนอื่นเค้าจะไม่ยี้คู่เราสองคนที่เอาแต่สวีทกันอยู่ตลอดเวลาหรอกเหรอ?”

ผมสังเกตน็อตมาหลายทีแล้วก็ได้ข้อสรุปข้อหนึ่งว่า บทสนทนาระหว่างเซ็กส์ของเราสองคนที่เป็นช่วงเวลาที่แฟนผมผ่อนคลาย เป็นตัวของตัวเองมากช่วงเวลาหนึ่ง โดยที่เขามักจะแสดงออกถึงความน่ารักและการแสดงความรักของเขาที่มีต่อผมอยู่ตลอดเวลาโดยไม่มีอารมณ์อย่างว่าเข้ามาเกี่ยวข้องเลยแม้แต่น้อย...

...ถ้าจะให้เจาะจง ผมว่า น็อตเป็นคนมีเซ็กส์แบบหนักหน่วงจริงจัง คือ...ตลอดเวลาที่พ่อคุณร่วมรักกับผม ถ้าไม่ใช่เซ็กส์แบบจานด่วน เขาจะไม่ทำรักแบบครึ่งๆกลางๆ ขาดๆเกินๆโดยปล่อยให้ผมและตัวเองค้างคาเป็นอันขาด แต่พอเป็นช่วงพักเวลานอก...เจ้าตัวก็จะกลายเป็นแฟนที่น่ารัก และเฝ้าพูดจาหยอดแหย่ทำเอาผมเขินเป็นพักๆ ไม่เท่านั้น...เขายังเฝ้าสัมผัสร่างกายของผมอย่างทนุถนอมและรักใคร่อยู่เสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกัน...

...สุดหล่อของผมก้มหน้าเข้ามาหาใบหน้าของผมใกล้ๆ แล้วประกบริมฝีปากริมฝีปากบางแดงจัดของเขาลงบนปากของผมก่อนจะแช่เอาไว้พักหนึ่ง แล้วจึงผละออกเพื่อถามเบาๆด้วยเสียงกระซิบแผ่วอย่างอ้อนๆ “(จุ๊บ) เตงแคร์เหรอครับ...หื้มมม?”

อยากจะบอกว่า ทุกเมื่อที่น็อตทำแบบนี้กับผม...ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นหญิงสาววัยกระเตาะที่เพิ่งจะเริ่มมีความรักกับชายหนุ่มที่หล่อเหลาและเพอร์เฟคที่สุดในโลกหล้า จนผมอยากจะลุกขึ้นมากรีดร้องแล้ววิ่งออกไปประกาศให้กับคนทั้งโลกได้รับรู้ถึงความน่ารักของแฟนตัวเองเสียเหลือเกิน...

...แล้วไอ้ประโยคเมื่อครู่นี้มันคืออะไร??
...ทำไมต้องมาพูดครับ แล้วหื้มในลำคอแบบหล่อๆใส่เค้าด้วย ลำพังแค่ทำเสียงนุ่มๆ กระเส่าๆอยู่ใกล้ๆหน้านี่ยังกระชากใจเค้าไม่พออีกหรือไง?! ทำไมต้องมาทำให้มันยิ่งพิเศษด้วยการพูดครับอ้อนๆกับเค้า เพื่อทำให้ยิ่งรู้สึกเป็นสาวไปกันใหญ่?..
...รู้ไหมว่าพอเค้าได้ยินเตงพูดแบบนี้ เค้านี่ถึงกับอ่อนระทวยย้วยไม่เป็นทรงจนอยากจะนอนลงบนฟูกเพื่อให้เตงช่วยปฐมพยาบาลให้สักรอบสองรอบ รู้บ้างไหมเนี่ยะ?...ไม่เห็นใจเค้าบ้างเลยนะ คนบ้า!!

ผมเผลอหลบตาอีกฝ่ายพลางเม้มปากแน่นหลังจากได้ยินประโยคสั้นๆเมื่อครู่ แล้วจึงค่อยๆตอบคำถามของอีกฝ่ายอย่างระมัดระวังกิริยาอย่างที่ไม่ค่อยจะเป็นบ่อยนัก  “อืมม...ก็ไม่นะ..เพราะเค้าแคร์เตงที่สุด”

เมื่อเห็นรอยยิ้มของอีกคนลอยเด่นอยู่จังจังตรงหน้า ผมก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงหนักแน่นทันที  “ต่อจากนี้ไปเค้าจะไม่ทำให้เตงสงสัยในความรักของเค้าอีกแล้ว เค้าจะทำให้เตงรู้สึกว่าเป็นคนพิเศษที่สุดของเค้า เค้าจะมีเตงอยู่ในสายตาเพียงคนเดียว เค้าจะรักเตงมากที่สุดเท่าที่คนๆนึงจะรักใครอีกคนได้”

สุดหล่อของผมยักคิ้วให้พลางทำหน้าภูมิอกภูมิใจในสิ่งที่เพิ่งได้ยิน แล้วจึงยื่นหน้าเข้ามาใกล้เพื่อจูบผมเบาๆอีกครั้งด้วยสีหน้าเป็นสุขยิ่ง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง “(จุ๊บ) ฮ่าห์  ได้ยินอย่างนี้แล้วก็สบายใจ... ค่อยคุ้มกับการลดตัวไปก้มหัวร้องขอความช่วยเหลือของไอ้พี่เจี๊ยวอยู่ตั้งนานสองนานขึ้นมาหน่อย”

...ห๊ะ! เมื่อครู่นี้น็อตว่าอะไรนะ?!
...พี่เจี๊ยว  อ๋อ...พี่เกี๊ยวน่ะเหรอ ว่าแล้วเชียวว่าน็อตต้องลากพี่เกี๊ยวเข้ามาเอี่ยว เพราะร้อยวันพันปี พี่เกี๊ยวไม่มีทางมาหาผมที่บ้านเพื่อชวนออกไปทานข้าว อีกอย่าง...พี่เกี๊ยวไม่มีทางเสียเวลาวันเสาร์อันมีค่าเพื่อขับรถจากบ้านที่ย่านฝั่งธนฯเพียงเพราะอยากจะมากินข้าวและคุยงานนิดๆหน่อยๆกับผมแล้วก็กลับบ้านไปเฉยๆอย่างวันนี้แน่

ผมเลยถามพ่อคุณที่ตอนนี้อุ้มผมไปนั่งลงเหนือตักแล้วกอดผมเอาไว้ทั้งตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว “เอ๋?...ที่พี่เกี๊ยวชวนเค้าออกมากินข้าววันนี้...เตงรู้เห็นด้วยเหรอ?”

ร่างสูงหนาตอบพลางใช้ปลายนิ้วไล้ไปตามแผ่นหลังผมเบาๆจนขนอ่อนตามแขนของผมลุกเกรียวเป็นระยะๆ “ก็แหงซิฮะ...ไม่งั้นเค้าจะมีโอกาสได้เจอหน้าเตงเหรอ  ว่าแต่...ตอนที่ไปกินข้าวกัน มันทำอะไรรุ่มร่ามกับเตงรึเปล่าฮะ?”

ผมตอบน็อตออกไปตามที่ผมรู้สึกโดยไม่ได้ระวังคำพูด “ไม่นะ พี่เกี๊ยวเค้าก็ปกติดี...
.
.
...หึ หึ ไม่ซิ...ไม่ปกติ” ผมยิ้มออกมาทันทีเมื่อนึกย้อนไปถึงสีหน้าเปี่ยมสุขของพี่เกี๊ยวตลอดเวลาที่เรานั่งกินข้าวด้วยกัน แต่ออร่าความสุขของพี่เกี๊ยวในวันนี้กลับไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเสียวสันหลังเหมือนเวลาที่โดนคนชื่นณัธมอง หรือตอนที่ช็อปบอกว่าชอบผมแต่อย่างใด... หรือว่าพี่เกี๊ยวจะทำใจเรื่องของผมกับน็อตได้แล้วกันนะ?!

ท่าทางขำๆของผมคงจะไปกระตุกต่อมอะไรบางอย่างของน็อตเข้า เพราะอยู่ๆพ่อคุณก็ดีดตัวขึ้นจากหัวเตียงที่พิงอยู่ก่อนหน้า เปลี่ยนท่ามาเป็นนั่งหลังตรง เล่นเอาผมตกใจกับการขยับของอีกฝ่ายแบบกะทันหันไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยแบบนี้ แต่พ่อคุณกลับไม่ใส่ใจ เนื่องจากเสียงเข้มแฝงความตระหนกถูกส่งออกมาเพื่อคาดคั้นเอาคำอธิบายจากผมโดยไม่คิดเว้นช่องไฟ “ห๊ะ?? ยังไงฮะที่ว่าไม่ปกติ?”

“เค้าดูร่าเริงและมีความสุขมากน่ะ  นั่งกินข้าวอยู่ก็เอาแต่หัวเราะคนเดียวเป็นพักๆ เหมือนคนอารมณ์ดีราวกับเพิ่งถูกหวยชุดมาน่ะ” ผมอมยิ้มน้อยๆให้กับพ่อกระต่ายหนุ่มจอมตื่นตูมของผม พลางตอบด้วยน้ำเสียงเอ็นดู...

...ยังไม่ทันไร น็อตก็กลับมาทำท่าหวงผมจะเป็นจะตายเสียให้ได้...
...แล้วอย่างนี้...ไอ้ที่รับคำผมเอาไว้ดิบดีตอนที่เราคุยกันก่อนหน้านี้ว่า จะลดละเลิกนิสัยหึงโหดให้ได้น่ะ มันจะเกิดขึ้นจริงหรือเปล่า? พ่อคุณจะมีวันทำได้อย่างที่รับปากเอาไว้ไหมหนอ? เฮ้อออ!

สุดหล่อของผมทำท่าไม่พอใจตลอดเวลาที่ตอบผมด้วยเสียงเล็กเสียงน้อยที่บอกความไม่พอใจของเจ้าตัวอย่างเห็นได้ชัด “หึ! น้อยไปซิฮะ เค้าว่าแม่งคงจะสะใจไม่น้อยที่เอาคืนเค้าได้...
.
...เรื่องที่มันได้ออกไปกินข้าวกับเตง คือสิ่งที่มันขอแลกเปลี่ยนกับการที่มันยอมช่วยเค้าวันนี้น่ะฮะ...
...เค้ายอมรับกับเตงแบบแมนๆเอาไว้ตรงนี้เลยนะฮะว่า ตอนแรกที่คุยกันน่ะ...เค้าเกือบต้องก้มลงกราบเท้าไอ้เหี้ยเจี๊ยวแม่งจริงๆแล้วนะฮะ  แต่มันเกิดเปลี่ยนใจเพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า แค่เค้ากราบเท้ามันทีเดียว เรื่องทั้งหมดคงจะไม่สนุกเท่ากับการได้พาเตงออกไปกินข้าวสวีทหวานกันสองต่อสอง ที่น่าจะทำให้เค้าปวดร้าวหัวใจได้มากกว่ายอมก้มหัวกราบมันเป็นไหนๆ...เตงดูซิฮะ ดูที่ไอ้เหี้ยเจี๊ยวมันทำกับเค้าซิ”

เวลานี้น็อตน่ารักมากเลยฮะ เพราะสุดหล่อกำลังทำหน้ายู่ยี่เหมือนเด็กเล็กๆที่เพิ่งถูกขัดใจ เท่านั้นยังไม่พอ...พ่อคุณจงใจทำท่าทำทางออดอ้อนเพื่อให้ผมช่วยปลอบ และเอาใจพ่อคุณ เพื่อให้สมกับความทุ่มเท และสิ่งที่เขาได้ทำลงไปเพื่อให้ได้โอกาสในการเข้าถึงตัวผม...

...ไม่อยากจะบอกเลยว่า แค่เขายอมรับว่าเขาต้องไปก้มหัวให้พี่เกี๊ยวเพื่อขอความช่วยเหลือ ผมก็เซอร์ไพรส์จะแย่ นี่ยิ่งได้มารู้ว่า พ่อคุณต้องข่มความไม่พอใจ และไม่ชอบขี้หน้าพี่เกี๊ยวเอาไว้ตั้งเท่าไร เพื่อแลกกับการที่จะได้เจอหน้าผม... ผมนะอยากจะผลักพ่อคุณให้ล้มตัวลงนอน แล้วเซอร์วิสให้พ่อคุณเสร็จสมอารมณ์หมายด้วยร่างกายของตัวเองสักหลายๆรอบเสียจริงๆ แต่เป็นเพราะเราสองคนยังอยู่ในช่วงปรับความเข้าใจกัน ผมเลยจำต้องเลื่อนคิวของกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์ทางกายระหว่างเราสองคนออกไป เพื่อให้ใจของเราตรงกันเสียก่อน ถึงอย่างนั้น...ใช่ว่าผมจะไม่สามารถแสดงออกทางความรักผ่านการสัมผัสร่างกายของน็อตได้เสียหน่อยนี่นา

ผมเลื่อนข้อมือที่ยังคล้องคอน็อตเอาไว้เปลี่ยนมาประคองข้างแก้มใสทั้งสองข้าง แล้วยืดตัวขึ้น ก่อนจะโน้มเข้าไปหาใบหน้าหล่อเหลาอย่างร้ายกาจของน็อตใกล้ๆ สองตาของผมมองจ้องเข้าไปในดวงตาเรียวคมแสนดึงดูดแล้วพูดตอบอย่างเอาอกเอาใจ ก่อนปิดท้ายด้วยการหอมแก้มทั้งสองข้างสลับไปมานับครั้งไม่ถ้วน “หึ หึ...โอ๋ๆ ไม่เป็นไรแล้วนะ ขวัญเอ๊ยขวัญมานะคับหัวจุก เค้าอยู่นี่แล้วน้า (ฟอด ฟอด ฟอด ฟอด ฟอด ฟอด ฟอด ฟอด)...
.
...ว่าแต่ ถามจริงเหอะ...เตงรู้สึกเจ็บปวดอย่างที่พี่เกี๊ยวเค้าว่ารึเปล่าล่ะ?” ผมปิดท้ายด้วยคำถามและสายตายั่วเย้าแบบที่ผมชอบทำเวลาที่เราสองคนพูดคุยเรื่องสัพเพเหระกันอย่างแนบชิดแบบนี้สองต่อสอง

พ่อคุณก็ส่งรหัสลับแบบเดียวกันให้ผมทันที ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงกึ่งประชดกึ่งหยอกเย้า “(ฟอด ฟอด ฟอด ฟอด ฟอด) เตงนี่ก็ร้ายนะฮะ...รู้แล้วยังจะกล้าถามเค้าอีก...
.
...เตงคิดว่า การที่เค้าต้องทนเห็นเมียตัวเองนั่งกินข้าวหัวร่อต่อกระซิกกับผู้ชายคนอื่นอยู่ตำตา โดยที่ไม่สามารถเข้าไปแยกเตงออกมาจากตรงนั้น แถมยังต้องเป็นเจ้ามือออกค่าอาหาร และยอมให้มันขับลูกชายสุดที่รักแบบที่ให้ยืมเมียไปนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้น่ะ มันสนุกสมใจนักเหรอฮะ?.....ตลอดเวลาที่เค้าต้องนั่งมองเตงอยู่กับมันจากมุมไกลๆน่ะ ทำเอาเค้าเจ็บข้างในหัวอกมากเลยนะฮะ ขอบอก”

ผมถึงกับยิ้มกว้างทันทีที่น็อตพูดถึงความรู้สึกของตัวเองให้ผมฟังอย่างตรงไปตรงมา ตอนที่เรายังไม่ได้เปิดใจกันทุกเรื่องแบบนี้ เวลาที่ผมถามความรู้สึกลึกๆของพ่อเจ้าประคุณแต่ละครั้ง เขาก็ไม่เคยยอมรับความรู้สึกของตัวเองออกมาตามตรงเสียที  ส่วนใหญ่แล้ว...พ่อคุณมักจะชอบใช้วิธีพูดอ้อมๆก่อนจะทำตลกกลบเกลื่อน ไม่ก็เอาแต่อ้างว่าสิ่งที่พูดออกมานั้นเป็นเรื่องสมมติ หรือบอกปัดแบบลวกๆซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่นั่นแหละ  แต่คราวนี้...เขากลับยอมบอกเรื่องเสียหน้าเสียศักดิ์ศรีให้กับพี่เกี๊ยวออกมาให้ผมฟังอย่างง่ายๆ จนผมเองก็รู้สึกยินดีที่จะเล่าความรู้สึกของผมให้เขาได้รับฟังเช่นกัน

ผมเลยนึกย้อนไปถึงช่วงเวลานั้น แล้วแบ่งปันความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองออกมาให้น็อตเข้าใจ “หึ หึ แต่เตงรู้ไม๊... ยิ่งเค้าเห็นพี่เกี๊ยวแฮปปี้มากเท่าไร เค้าก็ยิ่งไม่มีความสุขมากขึ้นเท่านั้น...
.
.
...ตลอดเวลาที่เค้านั่งอยู่ตรงนั้น เค้าเอาแต่ถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาว่า เค้ามัวนั่งทำอะไรอยู่...
...ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนที่เค้าอยากกินข้าวด้วยเลยแม้แต่นิดเดียว...
...แต่เค้าก็ต้องอดทนกล้ำกลืนความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้...แล้วก็ย้ำกับตัวเองว่า  เค้าต้องอดทน เค้าต้องผ่านมันไปให้ได้ เพราะเค้าจะรอเวลา จนกว่าที่เตงพร้อมจะเปลี่ยนแปลงตัวเองไปจากตัวตนที่เตงเคยเป็น เพื่อที่เราสองคนจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขไปตลอดชีวิต”

มือข้างหนึ่งของน็อตเลื่อนลงมาเชยคางผมขึ้นเพื่อให้สบตาของเขา ระหว่างรับฟังคำถามที่เพิ่งออกจากปากบางๆสีแดงที่มีกลิ่นมินท์และใบยาสูบอย่างดีจางๆระเหยออกมพร้อมกับลมหายใจ “ถามจริงๆเถอะฮะ...เตงทำแบบนั้นกับเค้าลงไป เตงไม่ทรมาน เตงไม่เสียใจมั่งเหรอ?”

ผมมองสบตาคู่นั้นตรงๆโดยไม่คิดหนี แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสม่ำเสมอ และจริงจัง “เค้าว่า คำว่าเสียใจ กับคำว่าทรมาน ยังอธิบายความรู้สึกทั้งหมดของเค้าไม่ได้เลยนะ...
.
...บอกตรงๆเลยว่า เค้าเป็นกังวลกับความหึงหวง ที่มาพร้อมกับความวู่วาม และความเกรี้ยวกราดของเตงมานานแล้วล่ะ...แต่เค้าเพิ่งจะตัดสินใจลงมือทำตามแผน หลังจากที่เค้าได้รู้ว่า จริงๆแล้วเตงทำงานอะไรเมื่อไม่นานมานี้นี่เอง...
.
...ทันทีที่เค้ารู้ว่างานของเตงมีธรรมชาติแบบไหน เค้าก็ฟันธงได้เลยว่า ต่อไปข้างหน้า งานของเตงจะเป็นเงื่อนไขสำคัญ ที่ทำให้เราสองคนต้องอยู่ห่างกัน...มากบ้าง น้อยบ้าง สุดแล้วแต่ว่างานๆที่เตงได้รับมอบหมายนั้นยากง่ายแค่ไหน  คิดไปถึงตรงนั้น เค้าก็เกิดคำถามชึ้นในใจทันทีเลยว่า ถ้าเราต้องอยู่ห่างกัน เพราะข้อจำกัดของงานจริงๆ เตงจะทำงานเป็นสุขได้ยังไง ถ้าเตงมัวแต่คอยห่วง คอยหวงเค้าที่คอยอยู่ข้างหลังแทบจะตลอดเวลาอย่างที่เตงเป็นเมื่อก่อน...
.
...ไม่ใช่ว่าเค้าไม่พยายามทำอะไรเพื่อเปลี่ยนแปลงนิสัยข้อนี้ของเตงมาก่อนหน้านี้หรอกนะ...
...ต้องบอกว่า ที่ผ่านมา เค้าเคยลองหาทางแก้ไขเรื่องความเชื่อใจ เพื่อลดอาการหึงหวงของเตงมาแล้วก็หลายวิธี...
...ทั้งการพยายามคุย หรือขอร้องกับเตงตรงๆซึ่งซึ่งหน้า พยายามบอกเตงหลายครั้งว่า เค้าไม่ชอบให้แฟนมีพฤติกรรมแบบนี้ แถมยังเกลียดความรุนแรงอย่างกับอะไร เพราะตัวเค้าไม่สนับสนุนการใช้กำลังเพื่อแก้ปัญหา...
...ยิ่งพอมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการหึงหวงในส่วนของเค้าเอง  เค้าก็พยายามควบคุมตัวเอง เพราะไม่อยากจะกลายเป็นคนหึงหวงจนขาดสติไปซะก่อน... 
...แต่พอเห็นว่าเตงไม่ใส่ใจกับสิ่งที่เค้าพูดมากนัก เค้าก็เลยลองเปลี่ยนมาเป็นพยายามแสดงออกให้เตง และทุกๆคนที่อยู่รอบๆตัวเรารู้ว่า เค้ามีเตงเป็นสุดที่รัก และจุดศูนย์กลางของความสนใจแต่เพียงผู้เดียว เตงอยากทำอะไร อยากประกาศความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของตัวเค้าด้วยวิธีเปิดเผยมากแค่ไหน....ต่อให้เค้าต้องอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี แต่เค้าก็พร้อมจะทำอย่างเต็มที่ และเต็มใจที่สุด...
.
.
...แต่ยิ่งเราสองคนรักกันมากเท่าไร การแสดงออกของเตงก็ยิ่งรุนแรงและร้ายกาจมากขึ้นเท่านั้น...
...จากที่เคยทำเสียงฮึ่มฮั่ม ทำตาขวางใส่คนอื่น ก็เริ่มจะออกอาการไม่พอใจถึงขั้นควบคุมอารมณ์ไม่ได้ จนสุดท้ายก็ลงเอยด้วยการใช้กำปั้นเข้าข่มขู่ใครก็ตามที่เข้าใกล้เค้า ทั้งๆที่คนพวกนั้นอาจไม่มีเจตนาแอบแฝงอะไรเลย...
.
...เพื่อให้เราทั้งสองฝ่ายไม่ต้องมีเรื่องกังวลใจเวลาที่เราต้องอยู่ห่างกันไกลๆทีละนานๆ เค้าเลยตัดสินใจดัดนิสัยเตง เพื่อให้เตงได้สติ และลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดู ก่อนที่อะไรๆมันจะสายเกินแก้ไปซะก่อนน่ะ  แต่การที่จะทำแบบนั้นได้ เค้าก็ต้องเตรียมใจอยู่นานเหมือนกัน แถมยังต้องคิดแล้วคิดอีกว่าจะทำยังไงเพื่อให้แผนลุล่วง โดยเค้าต้องแน่ใจว่า ผลลัพธ์จะต้องออกมาในแง่บวกเท่านั้น เพื่อให้มันคุ้มค่ากับความทรมานที่เราต้องอยู่ห่างกันนานหลายวัน...
.
...เพื่อความสุขระยะยาวของเราสองคน...
...เค้ายอมแลกกับความไม่สบายใจ อาการกินไม่ได้นอนไม่หลับ และความคิดถึงตัวเจียนบ้าตลอดหลายวันที่ผ่านมาน่ะ”


นี่เป็นครั้งแรกที่ผมยอมพูดอะไรยาวๆแบบนี้ออกมาเพื่อให้น็อตได้รับฟัง ไม่ใช่แค่ผมหรอกครับที่ตกใจ สุดหล่อของผมก็ดูจะประหลาดใจไม่น้อยไปกว่ากัน หนำซ้ำพ่อคุณยังนิ่งไปนาน เหมือนกับพยายามจะทำความเข้าใจกับบทพูดอันยาวยืดหลายหน้ากระดาษของผม


แต่แล้วหลังจากที่ทำหน้าครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ น็อตก็ตอบผมกลับมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นไม่แพ้กัน  “จริงๆ สิ่งที่ตัวทำกับเค้าน่ะ เค้าไม่โกรธเท่าไหร่หรอกฮะ...แต่เค้าเสียใจ ที่คิดว่าเตงใจร้าย...ยอมแม้กระทั่งอยู่ห่างเค้า ทั้งๆที่เรื่องนี้ สั่งสอนเค้าด้วยการไม่มีเซ็กส์กันซักคืนนึง เค้าก็ซึ้งถึงใจเต็มแก่แล้วฮะ” พูดจบ พ่อคุณก็ยักคิ้วข้างเดียวพลางยิ้มมุมปากแบบล้อๆส่งมาให้ผม ตามแบบที่เขาชอบทำเพื่อแก้เก้อเวลาที่ต้องพูดจาเกี้ยวผมด้วยการวกเข้าเรื่องอย่างว่า

ผมเลยตอกหน้าหล่อๆของสุดที่รักกลับไปตามความเข้าใจที่ผมมีต่อตัวตนหื่นๆของเขา “หึ หึ...เค้าไม่เชื่อหรอกว่า การงดเซ็กส์แค่คืนเดียวจะทำให้เตงเปลี่ยนแปลงได้   เพราะงั้น...เค้าจึงได้ข้อสรุปว่า ถ้าเตงไม่ได้รู้ซึ้ง และเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า การสูญเสียเค้าไปเพราะการกระทำของตัวเองมันเป็นยังไง...เตงคงไม่มีทางเปลี่ยนนิสัยของตัวเองแน่ๆ...
.
...เค้าคิดถูกใช่ไม๊? ฮึ...เจ้าหัวจุก??” ผมพูดจบก็แกล้งดึงปอยผมนุ่มสลวยที่ผูกเอาไว้เหนือหัวของอีกฝ่ายเล่นเพื่อประกอบคำพูด แบบที่ผมมักจะทำทุกครั้งที่ผมสัพยอกพ่อคุณด้วยฉายาที่ผมเป็นคนตั้งให้เขาด้วยตัวเอง

คนหน้าเป็นแกล้งทำท่าบีบน้ำตาแล้วตอบด้วยเสียงสะอื้นจอมปลอม หากแต่แววตาที่ส่งมาให้ผมนั้นกลับดูขึงขังเหมือนต้องการจะออกคำสั่งกลายๆ “ฮะ...เค้าซึ้งแล้วฮะ ทีหลังมีอะไร...ใช้วิธีคุยกันดีๆนะฮะ อย่าทำแบบนี้กับเค้าอีกเลย...แค่ไม่เห็นหน้าเตงวันเดียว เค้าก็จะตายซะให้ได้”

พอเห็นหน้าพ่อคุณแบบนี้แล้ว ผมก็อ่อนไปทั้งตัว...
...พอผมได้ใช้เวลาคิดย้อนกลับไปถึงเรื่องราวความรักระหว่างเรา  มันก็ทำให้ผมรู้สึกทึ่งกับอานุภาพอันรุนแรงของความรักรุนแรงเสียนี่กระไร...
.
...ใครเลยจะคิดว่า ใบหน้ากวนประสาทอย่างที่สุดของผู้ชายคนที่ผมไม่เคยคิดเหลียวแลอย่างที่กำลังเห็นอยู่ตรงหน้านี่ จะกลับกลายมาเป็นใบหน้าเดียว ซึ่งผมอยากจะเฝ้ามองครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่นึกเบื่อได้ในที่สุด...
...ผมขอให้สัญญากับตัวเอง ณ วินาทีนี้ว่า ผมจะทำทุกหนทาง ขอแค่ให้คนๆนี้ อยู่เป็นคนรักของผมตลอดไป...
...ผมจะได้เป็นคนที่ถูกน็อตกระหน่ำรักอย่างบ้าคลั่ง พร้อมๆกับที่จะได้แสดงออกให้เขาได้รับรู้ความรักของผมเป็นการแลกเปลี่ยน เพื่อที่เราสองคน จะได้แสดงสีหน้าต่างๆให้อีกฝ่ายได้ตกหลุมรักกันและกันซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างนี้ไปเรื่อยๆ


ผมรับคำของสุดหล่อด้วยรอยยิ้มกว้าง “ฮื่อออ...เค้าสัญญาว่า ครั้งนี้จะเป็นครั้งเดียว และครั้งสุดท้ายที่เราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันนานหลายวันขนาดนี้”  ในเมื่อพ่อคุณอยู่ในอารมณ์อยากจะแชร์อย่างนี้แล้ว ขอผมถามเรื่องคาใจสักเรื่องหน่อยเถอะนะ “...ว่าแต่ เตงรู้รายละเอียดในนิยายของเค้าได้ยังไง? พี่เกี๊ยวบอกเตงหรอ?”

รอยยิ้มร้ายๆผุดพรายขึ้นบนใบหน้าขาวใสไร้สิวของน็อต ทันทีที่อีกคนได้ยินคำถามของผม เสียงทุ้มๆของเขาตอบออกมาด้วยลีลาของคนที่กำลังถือไพ่เหนือกว่า “เปล่าฮะ...
.
...หึ หึ เค้ายังไม่ได้บอกเตงใช่ไม๊ ว่านอกจากจะเป็นผู้ช่วยนักสืบแล้ว เค้ายังรับจ้างแฮ็กโปรแกรม และแฮ็กทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ได้อีกด้วย” พอเห็นสีหน้าตกใจของผม พ่อคุณก็สำทับต่อด้วยใบหน้าอวดรู้อย่างน่าหมั่นไส้“...วิชานอกหลักสูตรที่ร่ำเรียนมาตอนเรียนมหาลัยน่ะฮะ”


มิน่าล่ะ...เพราะอย่างนี้นี่เอง พ่อคุณถึงได้เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นได้ง่ายๆ และดูจะไม่ติดใจอะไรมากอย่างที่ผมกังวลเอาไว้แต่ทีแรก...

...แต่เดี๋ยวนะ น็อตบอกว่าเขาเป็นแฮ็กเกอร์หรอกเหรอ?...
...ถ้าอย่างนั้น???!!!

...ไม่นะ!!! น็อตจะรู้หรือเปล่าว่า ผมแอบสร้างโฟลเดอร์ลับสำหรับเก็บนิยายชายรักชายรุ่นพรากเลือด พรากน้ำลายเรื่องเด็ดๆทั้งหลายที่เซฟมาจากเล้าฯเอาไว้ในเครื่องเป็นกุรุสๆ??!!...
...แล้วภาพดาราเกาหลี กับนายแบบชุดชั้นในวาบหวิวที่ผมเซฟเก็บเอาไว้เพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการแต่งนิยายอีกนับหมื่นรูปนั่นอีกล่ะ? น็อตจะเผลอเข้าใจผิด คิดว่าผมเป็นพวกเกย์โรคจิตที่นั่งดูรูปหื่นๆแล้วมีอารมณ์หรือเปล่านะ??!!...
...แย่แล้ว  อย่างนี้ ผมก็เสียภาพพจน์ในสายตาน็อตกันพอดีน่ะสิ....แว๊กก ทำไงดี ทำไงดี??!!


ผมถามคนที่ทำตัวพองด้วยความภูมิอกภูมิใจในความสามารถของตัวเองออกไปด้วยน้ำเสียงตกใจโดยไม่ได้ยั้งคิด “งั้นเตงก็รู้หมดแล้วซิว่าเค้า...

น็อตทำหน้าทำเล้นก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก พลางพูดสวนกลับมาโดยไม่รอให้ผมพูดจบประโยคเสียก่อน “ฮะ...ดีนะ ที่เขียนถึงเค้าเอาไว้ในแง่ดี...
.
.
...ไอ้เรื่องเมาท์เค้าอย่างโง้นอย่างงี้น่ะ เค้าไม่ถือ และไม่คิดติดใจ...
...เพราะเมียเค้าก็ต้องดูดี มีมาดในสายตาคนอ่านอยู่ไม่น้อยใช่ไม๊ล่ะฮะ?” สงสัยพ่อคุณจะกลัวว่าผมจะเป็นลมเพราะความเข้าใจผิดไปเสียก่อน เลยรีบอธิบายแทรกให้ผมรู้ว่า สิ่งที่เขาแอบอ่านจากเครื่องผมเป็นแค่เรื่องนิยายเรื่องล่าสุดเท่านั้น

“ฮื่อ....ร้ายจริงๆเลยนะ!!” สิ้นคำผมก็มอบการทุบกำปั้นลงบนหน้าอกเปลือยเปล่าของเขาเบาๆ แทนรางวัลสำหรับความเก่งกาจในด้านลบของพ่อคุณ แต่มีหรือที่พ่อหนุ่มแบดบอยของผมจะรู้สึกผิด เพราะสีหน้าชอบใจที่เจ้าตัวแสดงออกอย่างเปิดเผยกลับบอกให้ผมรู้ว่า เจ้าตัวชอบใจกับท่าทีของผมสุดๆ

น็อตค่อยๆยันตัวขึ้นนั่งหลังตรง แล้วจึงขยับตัวผมให้เปลี่ยนท่ามานั่งคร่อมหันหน้าเข้าหาตัวเขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริงแต่ดูมีเลศนัยแปลกๆ “หึ หึ...นี่ยังไม่ใช่ไคลแม็กซ์ของเรื่องนะฮะ  เพราะต่อจากนี้น่ะ ของจริง...
.
.
...คือว่า เย็นนี้มีเรื่องที่ให้เตงต้องตื่นเต้นยิ่งไปกว่า เรื่องที่เค้าแฮ็กเครื่องเตงไปถึงไหนๆกำลังรอให้เตงลงไปเจออยู่ฮะ”

บอกตรงๆว่า ตั้งแต่เห็นหน้าน็อตผมก็ชักจะใจไม่ดีมากอยู่แล้ว ยิ่งได้มาฟังคำพูดกำกวมแบบนี้เข้าไปอีก ผมก็ยิ่งจะหนาวๆร้อนๆไปกันใหญ่ แต่เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ผมก็ถามอีกฝ่ายออกไปทันที “เอ๋??? เรื่องอะไรเหรอ?”

สุดหล่อทำท่าเหมือนกำลังประเมินสถานการณ์ตรงหน้าอย่างถี่ถ้วน แล้วก็ค่อยๆเอ่ยอย่างช้าๆด้วยสีหน้าจริงจัง แบบที่ทำให้ผมแน่ใจว่า สิ่งที่กำลังจะได้ยิน เป็นเรื่องที่ทำให้กระทั่งคนสบายๆอย่างเขา รู้สึกเครียดขึ้นมาได้เช่นกัน “คืนนี้เตงต้องไปแนะนำตัวเองกับคุณๆทุกคนในบ้านเค้าในฐานะลูกสะใภ้คนใหม่ฮะ”

ผมถามออกไปด้วยเสียงดังกว่าปกติหลายเท่า “ห๊ะ??!! เตงว่าไงนะ????” ผมตกใจจนผมไม่อาจควบคุมตัวเองให้สำรวมได้อีกต่อไป...

..บอกเอาไว้ตรงนี้เลยว่า คำว่าตกใจ มีความหมายไม่ควรค่าพอกับการบรรยายสิ่งที่ผมรู้สึกในเวลานี้...
...ใครจะไปคิดว่าจะต้องมาเจอว่าที่พ่อ แม่ พี่ น้อง ฝั่งสามีของผมเอาวันที่เราเพิ่งจะกลับมาคุยกันในรอบเกือบสัปดาห์อย่างนี้??! งั้นก็แสดงว่า นัดของน็อตที่พี่ดาเตือนก่อนหน้าที่เราสองคนจะขึ้นมาขลุกอยู่ในห้องกันสองต่อสองนี่ ก็คือเหตุการณ์ที่ผมถูกสุดหล่อหลอกล่อให้มาเข้าร่วมโดยไม่ได้เตรียมใจตั้งแต่ทีแรกหรอกหรือเนี่ยะ?!!
.
...หรือว่า นี่คือการลงโทษที่แท้จริงของน็อต เพื่อให้สาสมกับความผิดของผมที่ทำเอาไว้กับเขากันแน่หนอ?...
...แม้ว่าใจผมจะเคยระริกระรี้อยากเจอหน้าของสมาชิกทุกคนในบ้านของสามีอยู่ตลอด แต่พอคิดว่าตัวเองจะต้องมาเจอพ่อแม่และทุกๆคนในบ้านน็อตเอาตอนที่กายและใจไม่พร้อมอย่างที่สุด... คนเก็บอาการเก่งอย่างผม ก็ถึงลมปราณแตกซ่านจนไม่อาจเป็นตัวของตัวเองได้อีกต่อไป...
...พ่อจ๋าแม่จ๋า คืนนี้ลูกขนุนตายแน่ๆ  งืออออ......ม่ายยยยยนะ!!!


น็อตเขย่าตัวผมเบาๆเพื่อเรียกสติให้ผมกลับมามองหน้าที่ดูจะเป็นห่วงผมขึ้นมาดื้อๆ หลังจากได้ยินคำถามของผม “ที่เตงได้ยินน่ะ ไม่ผิดหรอกฮะ...
.
...วันนี้นี่แหละฮะเหมาะสมที่สุด เพราะคุณๆคนอื่นๆกลับมากินข้าวเย็นที่บ้านพร้อมหน้าพร้อมตากันพอดี เค้าเลยถือเป็นโอกาสอันดี เปิดตัวให้ทุกๆคนได้ทำความรู้จักกับคนรักของเค้าอย่างเป็นทางการซะที”

พอผมได้ยินคำอธิบายขยายความของน็อต ผมก็ถึงกับเข่าอ่อน ยังดีว่าผมกำลังนั่งแหม่บเป็นตุ๊กตาตัวใหญ่ๆอยู่บนตักของสุดหล่อ...ไม่อย่างนั้น ถ้าผมยืนอยู่ในเวลานี้ ผมคงจะล้มลงไปกองกับพื้น จนต้องอับอายขายหน้าน็อตแน่ๆ  ผมร้องท้วงอีกฝ่ายออกไปด้วยสายตาเลื่อนลอย “เอ่อ...เตง... เค้ายังไม่พร้อมเลยนะ”

สุดหล่อของผมยิ้มรับอาการสติหลุดของผมทันที แล้วพูดปลอบใจผมด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ “ฮะ ฮะ ฮะ...เตงจะกลัวอะไรล่ะฮะ เตงมีเค้าอยู่ข้างๆทั้งคน เค้าเป็นถึงลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของคุณป๋ากับคุณบี๋เลยนะฮะ  รับรองว่าทั้งสองท่านจะต้องเอ็นดูเตงแน่ๆ ส่วนคุณๆคนอื่นๆ ถ้าได้เห็นเตงน่ารักแบบนี้ รับรองได้ว่า เตงต้องได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีแหงๆฮะ”

ผมก้มลงมองสารรูปตัวเอง แล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาทันที นอกจากตอนนี้ที่ผมจะไม่เหลือเสื้อเอาไว้ให้ใส่อีกต่อไปแล้ว กางเกงนักเรียนขาสั้นลูกรักที่กองเป็นซากอยู่กับพื้นนั่นคงไม่ได้ทำให้ผมดูน่ารักขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์เป็นแน่  

น็อตนี่ล่ะก็ ชอบพูดจาฟังไม่ขึ้นอย่างนี้อยู่เรื่อย...
...เอะอะก็เอาแต่บอกว่าผมน่ารักมั่งล่ะ บอกว่าเซ็กซี่น่ามองมั่งล่ะ...
...ไหนล่ะ...ไอ้ที่น่ารัก น่ามอง แถมยังเซ็กซี่น่ากินน่ะมันไปอยู่ตรงไหน??...
...ทำไมเงาสะท้อนร่างผอมซีดเป็นไก่ต้มที่กำลังมองจ้องผมอย่างไม่ลดละนั่น ถึงได้ดูไม่ใกล้เคียงกับสิ่งที่น็อตเฝ้าบอกผมอย่างเป็นประจำสม่ำเสมอเอาเสียเลย แล้วอย่างนี้...ความรู้สึกแรกที่ครอบครัวน็อตจะมีต่อผมจะเลวร้ายสักแค่ไหนกัน??!!

ผมอ้อมแอ้มตัดพ้ออีกฝ่ายที่จงใจเลือกวันที่ผมไม่พร้อมอย่างที่สุดเพื่อเปิดตัวลูกสะใภ้อย่างผม “แต่วันนี้เค้าแต่งตัวไม่ได้เรื่อง แถมเสื้อผ้าเก่าของเค้า..คงจะเอากลับมาใส่ไม่ได้อีกแล้วล่ะมั้ง  อีกอย่าง...เค้าก็ไม่ได้เตรียมตัวซื้อข้าวซื้อของอะไรมาฝากที่บ้านเตงเลยนะ”

น็อตจับตัวผมเขย่าแรงๆหลายครั้ง ก่อนจะประคองใบหน้าของผมเพื่อถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจแบบสุดๆ “เฮ๊ยเตง....ถามจริงๆ ที่พูดจาแบบนี้ เพราะตื่นเต้นใช่ไม๊เนี่ยะ?”

“...ฮื่อ... ก็ตื่นเต้นน่ะซิ ถามได้ อยู่ๆเค้าก็ต้องมาเจอครอบครัวเตงโดยไม่ได้เตรียมตัวมาล่วงหน้าน่ะ” ผมทำหน้าเป็นจวักออกไปก่อนจะตอบพ่อคุณอย่างเสียไม่ได้

สุดหล่อของผมก็ได้แต่หัวเราะชอบใจโดยไม่คิดจะเดือดร้อนไปกับผมแม้แต่น้อย แล้วตอบผมด้วยน้ำเสียงสบายๆและไม่คิมากอะไร.. แน่ละสิ ก็คราวนี้เป็นผมที่ต้องคลานเข่าเข้าบ้านเขานี่... อย่าให้ถึงทีของผมบ้างก็แล้วกัน เดี๋ยวผมจะบอกพ่อจ๋าแม่จ๋าให้รวมหัวกันแกล้งอำน็อตเสียให้เข็ด  “หึ หึ...เรื่องเสื้อผ้าไม่ต้องห่วงฮะ เค้าให้คุณเน้ยส่งมาให้สองสามชุด  ส่วนเรื่องของฝาก...ไม่ต้องลำบากเลยฮะ เพราะแค่เตงยอมมากับเค้านี่  ก็น่าจะทำให้ทุกคนประทับใจได้แล้ว”

ถึงขนาดเตรียมเสื้อผ้าเอาไว้ให้ผมเรียบร้อยแล้ว...นั่นก็แสดงว่าพ่อคุณเตรียมการเรื่องนี้มาเป็นอย่างดี ถึงได้ว่า อะไรๆมันถึงได้ประดังเข้ามาพร้อมๆกันทันทีหลังจากที่น็อตไปพาตัวผมมาจากบ้านเมื่อกลางวันนี้แล้ว... ร้ายนักนะหัวจุก!!

ยังไม่ทันที่ผมจะได้ต่อรองอะไรต่อไป ก็มีเสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอกห้องตามด้วยเสียงผู้หญิงที่ผมคุ้นหูพอสมควร
“คุณน็อตคะ... อีกยี่สิบนาทีจะตั้งสำรับ คุณท่านเลยให้พี่มาตามคุณลงไปทานข้าวเย็นค่ะ”

สุดหล่อตะโกนตอบออกไปทันทีอย่างร่าเริงผิดกับตอนแรกที่พ่อคุณกลับมาถึงบ้าน “ฮะ ขอบคุณฮะพี่ดา...เดี๋ยวผมอาบน้ำแป็บนึง แล้วเดี๋ยวจะรีบลงไปเลยฮะ” เมื่อพ่อคุณพอใจกับคำตอบของตัวเอง น็อตก็หันกลับมาชวนผมที่ยังช็อกกับเรื่องทั้งหมดอยู่ไม่หาย “ไปอาบน้ำกันฮะคนเก่ง...เดี๋ยวคุณป๋าคุณบี๋กับพี่ๆน้องๆเค้าจะรอนาน”

พูดยังไม่ทันขาดคำ พ่อคุณก็ลุกขึ้นโดยหนีบเอาตัวผมสะพายติดเอวมาด้วยกัน จนผมต้องปรามพ่อคุณอย่างด้วยน้ำเสียงเขินจัด เพราะท่าอุ้มแบบที่ผมกำลังโดนอุ้มอยู่นี่ มันทำให้ผมเผลอคิดเลยเถิดไปถึงไหนๆ  “น็อตตต...ไม่ต้องอุ้มเค้าก็ได้ เดี๋ยวเค้าเดินไปเอง”

สุดหล่อยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ แล้วพูดอ้อนด้วยเสียงเบาๆแค่พอให้ผมได้ยินอย่างน่ารัก “เค้าคิดถึง อยากอุ้ม อยากกอด...ขอเค้าอุ้มหน่อยนะฮะ”

ผมแสร้งทำหน้าไม่รู้สึกรู้สาก่อนจะถามเสียงเรียบออกไปเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายจับความรู้สึกปลื้มสุดๆได้ “ไม่กลัวว่าอีกหน่อยเค้าจะติดอุ้มหรอกเหรอ?”

เจ้าของรอยยิ้มมุมปากที่มีเสน่ห์สุดๆยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆกับหน้าผม แล้วกระซิบเบาๆด้วยน้ำเสียงชอบใจ“ว๊า ขนาดพยายามหาโอกาสอุ้มอยู่บ่อยๆแบบนี้แล้ว เตงยังไม่ติดโดนเค้าอุ้มอีกเหรอเนี่ยะ... สงสัยเค้าต้องอุ้มเตงบ่อยกว่านี้ซะแล้วซิ เตงจะได้ไม่อยากอยู่ห่างจากเค้าอีกเลย”

ผมเอามือทั้งสองที่โอบรอบหลังคอพ่อคุณมายันหน้าอกน็อตเอาไว้เพื่อจะได้มองเห็นหน้าของอีกฝ่าย ที่กำลังบานแฉ่งได้ที่ แล้วตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงยั่วๆ “เท่าที่เตงอุ้มเค้าอยู่ทุกวันนี้ ก็ทำเอาเค้าเกือบจะลืมวิธีเดินด้วยตัวเองอยู่แล้ว ถ้าเค้าโดนตัวสปอยล์ด้วยการอุ้มบ่อยๆ เค้าว่าเค้าต้องอยากผนึกร่างเป็นหนึ่งเดียวกับตัวขึ้นมาซักวันแหงๆ”  พูดจบผมก็อมยิ้มน้อยๆส่งไปให้อีกฝ่ายอย่างรู้ใจ

“หึ หึ...ช่างพูดช่างเจรจานะฮะเมีย(ฟอดดดด)” สุดหล่อทำหน้าถูกใจก่อนตอบ แล้วตบท้ายด้วยการหอมแก้มผมหนักๆ

จนผมอดยิ้มแล้วหยอดออกมาอีกไม่ได้  “ช่วยไม่ได้...ก็เตงช่างเอาใจก่อนเองนี่นา”

“ก็เค้ารักเตงมากนี่ฮะ เค้าเลยอยากทำให้เตงมีความสุขมากที่สุด เท่าที่เค้าจะทำได้”

คำพูดของน็อตตรงไปตรงมาเหมือนกับการกระทำของเจ้าตัวเสมอ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน... สิ่งที่เขาบอกกับผม ยืนยันความรู้สึกและการกระทำของเขาได้ดีเหมือนทุกครั้ง และมันทำให้ผมอบอุ่นในหัวใจอย่างที่สุด จนผมต้องบอกให้เขาได้รับรู้ถึงตัวตนที่เขาเป็นในสายตาของผมตั้งแต่ที่เราสองคนเริ่มทำความรู้จักกันมา “เตงรู้ตัวไม๊ว่า...เตงน่ารักมากเลยนะ”

หนุ่มแบดบอยที่กำลังอุ้มผมเดินเข้าไปใต้ฝักบัวถึงกับยิ้มกว้างออกมาอีกครั้ง แล้วเสียงของเขาก็ตอบประโยคคำสั้งสั้นๆที่ทำเอาเราสองคนยิ้มให้กันอีกนานสองนานออกมาทันที...
.
.
...“ก็รักซิฮะ!!


๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐



ยังไม่ทันที่ผมกับน็อตจะเดินผ่านห้องโถงหน้าบ้านเข้าไปยังห้องทานข้าว ก็มีเสียงใสๆของผู้หญิงอีกคนทักออกมาจากทางด้านหลัง...โดยที่ผมแน่ใจว่า ผมเคยได้ยินเสียงแบบนี้ที่ไหนมาก่อนแน่ๆ “คุณน็อต คุณน็อตมาแล้ว...”
.
.
เมื่อผมกับน็อตหันหลังกลับไปมอง ก็เจอเข้ากับพี่เน้ยที่กำลังยืนยิ้มอยู่ตรงอีกฝั่งของห้องโถงซึ่งเป็นทิศทางตรงกันข้ามกับทางที่น็อตกำลังนำผมเดินไป พี่เน้ยยิ้มหวานให้ผมกับน็อตทันที และยิ่งเมื่อเธอเหลือบสายตามองลงมาเห็นมือน็อตกุมมือของผมเอาไว้แน่น เธอก็ยิ่งยิ้มกว้างราวกับคนถูกหวยสองตัวบนแบบเต็งๆ  เธอยิ้มไปพลาง ก็เอ่ยแซวผมกับพ่อเจ้าประคุไปพลาง“...นั่นแน่ วันนี้พาใครมาด้วยเอ่ย?”

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมเพิ่งจะเคยเห็นน็อตทำท่าไปไม่เป็นต่อหน้าคนอื่นนอกเหนือไปจากผม หรือคุณปีย์ แต่บรรยากาศรอบๆตัวสุดหล่อในเวลานี้ดูผิดไปจากเวลาที่อยู่กับคุณปีย์นิดหน่อยตรงที่ ผมรู้สึกว่าน็อตผ่อนคลายและเป็นตัวของตัวเองอย่างที่สุด... กับคุณปีย์ น็อตจะแสดงออกถึงความเกรงอกเกรงใจและเคารพคุณปีย์มากกว่านี้มากทีเดียว

“โธ่ คุณเน้ยก็ อย่าแซวซิฮะ แค่นี้คนเนี้ยเค้าก็เกร็งจะแย่อยู่แล้ว” เจ้าตัวตัดพ้อพี่สาวของตัวเองออกมาทันที แต่ผมรู้ดีว่า ที่เขาโต้ตอบอีกฝ่ายออกไปแบบนั้น ก็เพื่อทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น และสามารถคลายความกังวลใจลงได้บ้าง...หากแต่ไม่ได้พูดเพื่อหาความพี่สาวของตัวเองอย่างใจความของถ้อยคำที่แท้จริง

“สวัสดีครับพี่เน้ย” ผมกล่าวทักทายพร้อมกับพนมมือขึ้นระดับอกแล้วไหว้พี่สาวน็อตอย่างนอบน้อมทันทีเมื่อสบโอกาส

“สวัสดีค่าแฟนคุณน็อต ในที่สุดเน้ยก็ได้แนะนำตัวในฐานะพี่สาวแฟนแบบจริงๆจังๆซะทีหลังจากที่รอมาตั้งน๊านนาน...
.
.
...ว่าแล้วเชียวว่า สีนี้ต้องเหมาะกับน้องขนุน เน้ยถึงได้ให้น้องที่ร้านเตรียมมาเอาไว้ให้... ใส่แล้วช่วยทำให้ใบหน้าดูสดใสมากๆเลยค่ะ  ถ้าน้องขนุนอยู่ว่างๆไม่มีอะไรทำ อยากมาลองเป็นนายแบบให้แบรนด์ของเน้ยดูบ้างไม๊คะ รับรองทั้งปังทั้งเปรี้ยงเลยล่ะค่ะ”  อีกฝ่ายยื่นมือมาจับมือข้างที่ยังว่างอยู่ของผม ก่อนจะตอบกลับคำผมด้วยน้ำเสียงเอ็นดูแบบสุดๆจนผมเริ่มจะใจชื้น และมีกำลังใจมากขึ้นเป็นกอง  หลังจากนี้ ผมคงต้องขอบคุณน็อตเสียหน่อยแล้วล่ะ ที่พาผมไปเจอหน้าพี่เน้ยมาตั้งแต่ครั้งก่อน  เพราะถ้าสองในห้าของพี่น้องบ้านนี้ชอบพอผมตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นหน้ากัน นั่นก็มีแนวโน้มเป็นอย่างยิ่งว่า ผมน่าจะเอาชนะหัวใจพี่น้องทั้งห้าได้อย่างไม่น่าเหน็ดเหนื่อยจนเกินไปนัก

“ฮื่อ...คุณเน้ย เราคุยเรื่องนี้กันแล้วไงฮะ ให้ตายยังไงน็อตก็ไม่ยอม” พอได้ยินประโยคปิดท้ายของพี่เน้ยเมื่อครู่ สุดหล่อของผมก็ถึงกับบอกปัดออกไปทันทีอย่างไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ชื่อว่าเน้ย ผู้มีศักดิ์เป็นพี่สาวของตัวเองแท้ๆ... ดูท่าว่าน็อตจะไม่ได้เป็นแค่ขวัญใจของพ่อกับแม่อย่างเดียวแล้วล่ะมั้ง สงสัยว่าพี่น้องทุกคนก็ต้องยอมลงให้พ่อคุณโดยไม่มีข้อยกเว้นด้วยเหมือนกัน

“แหม รู้แล้วค่ะว่าหวง อยากจะเก็บน้องขนุนเอาไว้ชื่นชมแค่คนเดียว เชอะ!หมั่นไส้!!” พี่เน้ยทำทีจีบปากจีบคอพูด แต่เมื่อผมมองหน้าเธอก็รู้ดีว่า เธอไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยอะไร แต่ที่ใช้เสียงแบบนี้ น่าจะเพราะอยากจะล้อผมกับน็อตให้เขินเป็นบ้าเป็นหลังไปมากกว่า...

...ผมไม่รู้ว่ามันได้ผลกับน็อตหรือไม่ แต่กับผม...ผมว่าผมเขินใช้ได้เลยทีเดียว  ถึงอย่างนั้น พี่เน้ยก็ไม่ได้ปล่อยให้ผมต้องยืนทำหน้า และวางตัวไม่ถูกอยู่นานนัก เพราะเธอเริ่มจะฉุดมือข้างหนึ่งของผมที่เธอคว้าไปเมื่อไม่นานมานี้เพื่อให้เดินตามเธอไปข้างหน้า  “...ไปค่ะน้องขนุน เราเข้าไปข้างในกันเถอะ... “ เธอว่าพลางหันไปเหลือบมองน้องชาย ที่กำลังเดินประกบอีกข้างของผมอยู่อย่างไม่คิดจะปล่อยมือเช่นกัน “คุณๆคนอื่นๆมากันครบหมดแล้ว เหลือแค่รอรถของคุณป๋ากับคุณบี๋มาถึงบ้านเท่านั้น แล้วเราจะได้ดินเนอร์กันซะที”

แต่ทันทีที่เราสามคนเดินเข้าสู่ห้องโถงใหญ่อีกห้อง ที่มีโต๊ะยาวและเก้าอี้นับสิบตั้งอยู่ตรงกลางห้อง ร่างสูงและหนาของชายหนุ่มวัยรุ่น ผู้มีหน้าตาหล่อเหลาไม่ต่างไปจากน็อตก็เดินปรี่เข้ามาขวางทางของเราสองคนเอาไว้ พลางยิ้มและยกมือไหว้มาทางผมกับน็อตทันทีเมื่อเห็นหน้าเราสองคน

หากแต่สุดที่รักของผมกลับไม่ได้ให้ความสนใจแต่อย่างใด เพราะพ่อคุณก็กำลังยกมือไหว้หญิงสาวที่สวยสง่าน่ามองไม่ผิดไปจากพี่เน้ย และชายหนุ่มอีกหนึ่งคนที่หน้าตาคล้ายคลึงกับหญิงสาวที่ยืนข้างๆกัน หากแต่ภาพรวมของเขานั้น ต้องใช้คำว่าหล่อแบบสุขุมแถมยังดูใจดีมาเป็นคำคุณศัพท์ที่ใช้ในการบรรยายคุณลักษณะที่เขาเป็น เสียงทุ้มๆของน็อตกล่าวทักทั้งสองคนตรงหน้าอย่างอ่อนน้อม จนผมต้องยกมือไหว้ทั้งสองตามน็อตไปด้วย “คุณเนย คุณเน็ต หวัดดีฮะ”

เมื่อทักทายพี่ทั้งสองคนของเขาจนพอใจ พ่อสุดหล่อของผมก็หันกลับหาร่างยักษ์ใหญ่ที่หน้าโขกออกมาจากพิมพ์เดียวกันกับน็อตที่กำลังยืนทำหน้ากระเง้ากระงอดพี่ชายตัวเองอยู่ทันที “ไง! ไอ้หล่อ ไม่ได้เห็นหน้านาน ตัวโตขึ้นจมเลยนี่หว่า... เล่นบาสหรือเล่นรักบี้วะ ดูไปดูมา...ตัวแม่งชักจะหนาอย่างกะตู้แช่ไวน์ต่อขาเลยว่ะ”

แม้คนฟังจะตัวสูงและหนาใหญ่กว่าแฟนผมมากพอสมควร หากแต่ใบหน้าปั่นปึงที่ดูเหมือนเด็กถูกขัดใจนั่นก็บอกได้ดีว่า คนตัวใหญ่แคร์พี่ชายของตัวเองมากแค่ไหน ด้วยความที่อยู่กับพี่ๆที่โตกว่าอีกหลายคน เขาก็ไม่ได้ออกอาการหงุดหงิดหรือเอาแต่ใจออกมาแต่อย่างใด หลังจากที่โดนร่างสูงของผมแหย่แรงๆแบบเมื่อครู่

พี่เนยสุดสวยเดินเข้ามาถึงตัวพ่อเจ้าประคุณแล้วตีเบาๆลงตรงบ่าน็อตคล้ายๆกับต้องการปราม และหย่าศึกระหว่างน้องเล็กทั้งสองตั้งแต่เนิ่นๆ “มาถึงก็แกล้งน้องเลยนะคะคุณน็อต คุณโน้ตอุตส่าห์ตั้งตารอเจอหน้าพี่ชายสุดหล่อมาตั้งแต่ห้าโมง แทนที่คุณน็อตจะทักน้องดีๆ ที่ไหนได้”

ร่างสูงที่กุมมือผมเอาไว้แน่นก็หัวเราะชอบใจออกมาทันที แล้วตอบพี่สาวอีกคนของตัวเองออกไปอย่างไม่คิดอะไร ระหว่างนั้น ผมก็แอบมองตามสายตาน็อตไป แล้วก็เห็นว่าเขากำลังจ้องมองน้องชายตัวเองด้วยความเอ็นดูแกมขบขันโดยไม่คิดวางสายตา “ฮ่าๆๆๆๆ แหม คุณเนยล่ะก็ ถ้าน็อตทักคุณโน้ตดีๆ มีหวังพ่อรูปหล่อของคุณเนยจะได้มาอ้อนขอบิ๊กไบค์ลูกรักน็อตไปขี่โชว์สาวๆที่มหาลัยแหงๆล่ะฮะ”

“การเสียสละของเล่นเล็กๆน้อยๆเพื่อความสุขของน้องเป็นสิ่งที่พี่ชายพึงกระทำอยู่แล้วไม่ใช่เหรอฮะคุณน็อต?”  คนตัวหนาที่สุด หากแต่มีวัยวุฒิน้อยที่สุดตอบออกมาอย่างเอาแต่ใจ ยิ่งฟังเขาพูด ก็ยิ่งทำให้ผมอดนึกไปถึงยัยนิ้งไม่ได้...หรือว่า ลูกคนเล็กของทุกบ้าน จะมีสกิลในการออดอ้อนพี่ๆและพ่อแม่เหมือนกันหมดทุกคนกันนะ??  

พอเริ่มจะได้โอกาสในการวาดลวดลาย หนุ่มน้อยก็หันมามองผมอย่างสนอกสนใจ แล้วถามพี่ชายของตัวเองออกมาด้วยน้ำเสียงอยากรู้อยากเห็นเป็นที่สุด “ว่าแต่...วันนี้คุณน็อตพาเพื่อนมาดินเนอร์ที่บ้านด้วยเหรอฮะ?”

น็อตยักไหล่คล้ายกับต้องการจะปฏิเสธจนผมต้องหันกลับไปมองหน้าพ่อคุณทันที...

...หรือน็อตเกิดคิดเปลี่ยนใจเอาตอนนาทีสุดท้าย...
...หรือว่าในความเป็นจริง ลึกๆแล้วเขาก็ไม่อยากแนะนำผมให้คนในบ้านได้รู้จักตั้งแต่ต้น แต่เขาปฏิเสธผมไม่ได้??!!...
...สรุปว่า ผมควรจะดีใจหรือเสียใจกันล่ะทีนี้?!

“หึ! โทษทีว่ะ เค้าไม่ใช่เพื่อนน็อตหรอก” นั่นไง...ว่าแล้วเชียวว่าน็อตจะต้องอายที่พาผมมาด้วยกันวันนี้แน่ๆ  

...ฮือออออ! พ่อจ๋าแม่จ๋า ผู้ชายหล่อๆคนนี้เค้าหลอกเจาะไข่แดงลูกขนุน แล้วก็จะทิ้งขว้างลูกขนุนอย่างไม่เหลือเยื่อใยในอีกไม่นานนี้แล้วจ๊ะ!!

หากแต่สิ่งที่ผมคาดการณ์เอาไว้กลับผิดพลาดไปเสียทั้งหมด เพราะหลังจากที่พ่อคุณยักไหล่ และตอบอีกฝ่ายด้วยประโยคปฏิเสธอย่างตัดรอน จนคนฟังอย่างผม และน้องชายตัวเองทำหน้างงไปตามๆกัน เขาก็พูดหักล้างความคิดด้านลบของผมโดยทันทีด้วยท่าทางสบายๆว่า “เค้าเป็นแฟนน็อตต่างหากว่ะ...
.
...คนนี้ไง คนที่น็อตเคยเล่าให้คุณๆฟังเมื่อหลายเดือนก่อนหน้านี้น่ะ...
...เอาล่ะ ไหนๆคุณๆก็มาอยู่กันพร้อมหน้าแล้ว น็อตขอแนะนำให้พวกคุณๆได้รู้จักกับแฟนสุดที่รักของน็อตฮะ” ผมจ้องหน้าน็อตด้วยความตื่นตะลึงอย่างที่สุด เพราะไม่คิดว่าพ่อคุณจะกล้าพูดอย่างเปิดเผยได้มากขนาดนี้

...เอ่อ ขอโทษนะเตง... แล้วเตงจะมาพูดจาตรงไปตรงมาอะไรเอาตอนนี้...
...แค่บอกว่าเป็นแฟนต่อหน้าพี่น้องทั้งสี่ของเตง เค้าก็เขินทำหน้าไม่ถูกอยู่แล้ว นี่ถึงขั้นต่อท้ายว่าเค้าเป็นสุดที่รักของเตงอีกด้วย... ทำไมเตงถึงไม่จูบปากเค้าโชว์ต่อหน้าธารกำนัลเสียเลยล่ะ จะได้ทำให้ทุกคนจดจำคำพูดของเตงแบบฝังใจไปจนวันสุดท้ายของชีวิตพวกเค้าทุกคนไปเลย... 
...กรี๊ดดดดด!!...ทำไมเตงถึงชอบทำอะไรโดยไม่คิดปรึกษาใจเมียก่อนล่วงหน้าบ้างเล๊ยยยย  ให้ตายสิ!!

แต่ผมก็ไม่อาจใช้เวลาไปกับการตกอกตกใจได้นานนัก เพราะสายตาแปลกๆทั้งสี่คู่ บวกกับอีกหนึ่งของคนข้างๆที่ไม่อาจซ่อนความชอบใจของเจ้าตัวเอาไว้ได้ ก็กดดันผมจนต้องแนะนำตัวเองตามมารยาทอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทั้งๆที่ผมยังเขินไม่หายแท้ๆ  “สวัสดีครับ ผมชื่อขนุนครับ ยินดีที่ได้รู้จักทุกๆคนนะครับ”

ทันทีที่ผมพูดจบ ชายหนุ่มที่หน้าตาเหมือนพี่เนยซึ่งกำลังนั่งดื่มไวน์อยู่ ก็ยิ้มน้อยๆก่อนจะหันไปถามน็อตด้วยน้ำเสียงกวนๆ คล้ายกับต้องการจะแหย่น้องชายตัวเอง “อ้าวคุณน็อต ไหนตอนนั้นที่เล่าให้เน็ตฟังเห็นบอกว่าคนที่คุณน็อตแอบชอบชื่อบอย เบยอะไรไม่ใช่เหรอ? เน็ตไม่ยักกะคุ้นกับชื่อขนุนเลยนี่หว่า...ตกลงว่าใช่คนนี้แน่เร้อ? พามาเปิดตัวถูกคนจริงรึเปล่าวะไอ้เสือ?”

น็อตถึงกับเต้นจนต้องร้องแย้งออกมาทันควัน “เฮ๊ยยย! คุณเน็ต อย่าพูดอย่างงี้ดิฮะ...เดี๋ยวบ้านน็อตก็แตกกันพอดี” พอแก้ต่างให้ตัวเองเสร็จ พ่อคุณก็หันกลับมาหาผมแล้วอธิบายด้วยเสียงอ่อนเสียงหวาน ไม่ต่างอะไรกับตอนที่ตัวเองแกล้งน้องชายตัวใหญ่ไปเมื่อครู่ “เตง..เตงอย่าไปฟังที่คุณเน็ตพูดนะฮะ รายนั้น วันๆคงจะตรวจคนไข้จนงงไปหมด เลยสับสนจำผิดจำถูกไปหน่อยน่ะฮะ  ไม่คิดมากนะ อย่าเข้าใจเค้าผิดนะฮะ”

พี่เน้ยที่ยังยืนจับมือผมอยู่โดยไม่ยอมปล่อยก็ยิ้มจนหน้าสว่างแล้วแซวออกมาทันที “ต๊าย น้องชายชั้น...ใครจะไปคิดว่า คนอย่างคุณน็อตจะตกที่นั่งลำบากจนต้องมาคอยแก้ตัวเป็นพัลวันอย่างนี้...
.
.
...แล้วเมื่อกี๊อะไรนะ...เค้า เตง...น่ารักมุ้งมิ้งจนเน้ยไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองซะจริงๆ เนอะๆคุณโน้ตเนอะ” พี่เน้ยหาพวกสนับสนุนความเห็นของตัวเองทันที

จากที่เคยกังวลว่าพี่ๆน้องๆของน็อตจะยอมรับผมไหม ตอนนี้ผมชักจะเห็นใจน็อตขึ้นมาตงิดๆ เพราะเท่าที่ฟังและดูรูปการณ์ของสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าในเวลานี้แล้ว ดูเหมือนว่า พี่น้องทั้งสี่ของพ่อเจ้าประคุณ จะตั้งป้อมถล่มเจ้าตัวอย่างออกหน้าออกตา แทนที่จะหาเรื่องกลั่นแกล้งให้เสียใจ หรือซักประวัติแบบดูหมิ่นเทือกเถาเหล่ากอของผมอย่างที่ผมเข้าใจผิดไปเองคนเดียว...

...สงสัยว่า หลังจากนี้ ผมควรต้องลดชั่วโมงในการอ่านนิยายเรื่องอื่นๆในเล้าฯให้น้อยๆลงหน่อย ผมจะได้เลิกคิดไปเองว่าใครๆ ก็น่าจะปฏิบัติตัวไม่ดีกับแฟนเกย์ของพี่ๆน้องๆตัวเองเหมือนกับในนิยายหลายๆเรื่องเสียที เพราะบ้านผม กับบ้านน็อตดูจะไม่มีทีท่าแบบนั้นเลยแม้แต่น้อย

น้องโน้ตที่ยืนกอดอกมองหน้าผมสลับกับพี่ชายตัวเองก็ยิ้มกว้างอย่างอบอุ่น แล้วตอบพี่สาวตัวเองราวกับเตี๊ยมกันมาเป็นอย่างดี “ฮะ  ดูท่าพี่เราจะเป็นเอามากฮะ” พอรับคำพี่สาวจบ หนุ่มน้อยตัวโตก็หันมาจ้องผมด้วยสายตาเชื่อมหวานที่ไม่ชวนฝัน หากแต่ดูน่าขันและน่าเอ็นดูในเวลาเดียวกัน ก่อนจะพูดกับผมด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มหูราวกับต้องการจะโปรยเสน่ห์อย่างไรอย่างนั้น  “แต่โน้ตก็ไม่แปลกใจหรอกฮะ...ก็พี่ขนุนออกจะน่ารักซะขนาดนี้... มองไปมองมา น่ารักกว่าดาวคณะในมหาลัยโน้ตบางคนอีกนะฮะ”

ยังไม่ทันสิ้นเสียงของน้องโน้ต แฟนผมก็แหวออกมาโดยไม่รั้งรอ “ไอ้คุณโน้ตฮะ...อยากตายเหรอไงฮะ...
.
...คนที่คุณโน้ตลามปามอยู่นี่ มีศักดิ์เป็นถึงพี่สะใภ้คุณโน้ตเลยนะเว่ยเฮ่ย...
...อย่ามาเที่ยวทำปากหวานใส่แบบไม่ดูตาม้าตาเรือ เดี๋ยวจะหาว่าพี่ชายสุดหล่อไม่เตือน”

ดูเหมือนลูกชายบ้านนี้จะชอบแสดงออกทางความรักต่อกันด้วยการแหย่ การอำอีกฝ่ายให้ต้องเสียหน้าแน่ๆ เพราะแม้คนพี่จะออกอาการหวงก้างจนออกนอกหน้า แต่ฝ่ายน้องชายกลับไม่ได้สะทกสะท้านแต่อย่างใด หากแต่ต่อปากต่อคำกลับมาด้วยความเร็วแสงพอกัน “แหม่ แตะนิดแตะหน่อยเป็นไม่ได้...หวงเกิ๊น”

พอแหย่พี่ชายตัวเองจนพอใจ หนุ่มน้อยตัวโตก็หันมาหาผมแล้วทำท่ากรุ้มกริ่มแบบตลกๆใส่ผมอีกครั้ง เพื่อกระตุกหนวดพ่อเสือที่กำลังพองขนขู่อยู่ข้างๆผม “พี่ขนุนฮะ...เอาไว้วันไหนเบื่อคุณน็อตแล้ว มาหาโน้ตได้ทุกเมื่อเลยนะฮะ...
.
...บอกเอาไว้ตรงนี้เลยฮะว่า พี่ขนุนน่ะ...สเปคโน้ตเลยฮะ” เจ้าเด็กน้อยพยายามขยิบตาแล้วส่งยิ้มหลอกล่อมาให้ผมเพื่อปิดท้ายประโยคอย่างหล่อเหลา...  แม้ผมจะยอมรับว่า เด็กน้อยจะมีหน้าตาเหมือนกับน็อตอย่างกับฝาแฝด แต่ในสายตาของผมแล้ว บุคลิกและตัวตนที่น้องโน้ตเป็นนี่ หล่อกระชากใจไม่ได้ครึ่งหนึ่งของพ่อยอดชายของผมเอาเสียเลย

อีกอย่าง...ผมว่า ตั้งแต่ผมรักน็อตเข้าเต็มเปา ผู้ชายที่มีเสน่ห์ที่สุดสำหรับผม ต้องดูเลวๆร้ายๆไม่รับแขก มากกว่าจะขี้เล่นเป็นหนุ่มเจ้าสำราญอย่างที่น้องโน้ตเป็น เพราะฉะนั้น...ต่อให้เด็กน้อยจะพูดเล่นหรือพูดจริง... ก็ไม่มีวันที่ผมจะไขว้เขวมองเด็กร่างโตผู้มีใบหน้าเหมือนน็อตทุกกระเบียด ดูมีภาษีดีไปกว่าสุดหล่อของผมได้เป็นอันขาด

ไม่ต้องรอให้ผมต้องพูดอะไร คนข้างๆกายผมก็ตอบน้องโน้ตแทนตัวผมอย่างตรงใจไปแล้ว “คงจะไม่ได้หรอกฮะคุณโน้ต เพราะไม่มีวันที่ขนุนเค้าจะเบื่อพี่ชายสุดหล่อของคุณน้องโน้ตง่ายๆแน่...ใช่ไม๊ฮะ คนเก่ง?”

ผมยิ้มให้สุดหล่อของผมแล้วตอบน้องโน้ตช้าๆชัดๆด้วยท่าทางสุภาพ “ครับ...พี่ไม่มีทางเบื่อน็อตแน่ๆครับ ขอโทษด้วยนะครับน้องโน้ต”

ทันทีที่ผมพูดจบ เด็กน้อยก็ห่อไหล่แล้วร้องอย่างไม่พอใจออกมาทันที “โธ่ พี่ขนุนล่ะก็....

ผมกับน็อตมองหน้ากันแบบงงๆ แต่ไม่นานพ่อเจ้าประคุณก็ดูเหมือนจะเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เลยก้มหน้าลงมากระซิบให้ผมได้รู้ว่า เพราะอะไรน้องโน้ตถึงได้พูดจาตัดพ้อผมแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่มเมื่อครู่นี้

และก็เป็นลูกชายอีกคนของบ้านนี้ ที่พูดแทรกกลั้วเสียงหัวเราะออกมาอย่างถูกอกถูกใจเพื่อยืนยันสิ่งที่น็อตเพิ่งจะอธิบายให้ผมได้ฟัง “ฮะ ฮะ ฮะ ไงล่ะ เน็ตบอกคุณโน้ตแล้วใช่ไม๊ว่า คุณน็อตกับแฟนน่ะเค้ารักกันมาก ไม่มีทางที่ขนุนเค้าจะยอมพูดจาล้อเล่นจนคุณน็อตเสียใจแน่ๆ...
.
...อย่าลืมที่เราตกลงกันไว้นะคุณโน้ต คุณโน้ตต้องเลี้ยงบรั้นช์พวกเราทุกคน รวมทั้งพลัสวันของแต่ละบ้านก่อนสิ้นเดือนนี้” พี่ชายคนโตของบ้านกล่าวอย่างยินดี ระหว่างที่เอื้อมมือไปตบบ่าหนาๆของเด็กน้อยราวกับต้องการให้กำลังใจอีกฝ่ายที่เพลี่ยงพล้ำเสียพนัน

“โห่... หมดกัน เงินที่อุตส่าห์เก็บได้ตอนไปเวิร์คฯอย่างยากเย็นที่เมกามาตลอดปิดเทอม” เด็กน้อยบ่นกระปอดกระแปดอย่างเสียดาย แล้วก็มองหน้าผมตาละห้อย ผมเลยต้องยิ้มปลอบใจน้องโน้ตไปแทนคำขอโทษที่คำตอบของผมผิดไปจากที่เด็กน้อยคาดการณ์

ก่อนที่เรื่องทั้งหมดจะบานปลายไปมากกว่านี้ พี่เนยที่เพิ่งจะเดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมเด็กๆที่ถือถาดใส่อาหารจานใหญ่ๆ หน้าตาน่ากิน กลิ่นหอมฉุยหลากหลายจานเข้ามาในห้องทานอาหาร ก็ตัดบทออกมาโดยไม่รอให้ใครทักท้วง “เอาล่ะ เอาล่ะ...ไปนั่งรอที่โต๊ะกันเถอะ อีกเดี๋ยวคุณป๋ากับคุณบี๋ก็จะมาถึงบ้านแล้ว เราจะได้เริ่มกินข้าวเย็นกันซะที”

แต่พวกเราทั้งหมดก็ต้องหยุดเดินทันที เมื่อได้ยินเสียงทุ้มต่ำแฝงไปด้วยความมั่นใจ และอำนาจกับวัยวุฒิสูงที่สุดเอ่ยถามมาแต่ไกลอย่างอารมณ์ดี “ไหนเอ่ย...เสียงใครเพรียกหาคุณป๋ากันหนอ??”


...คุณป๋า??!! คุณป๋าของน็อตมาแล้ว!! เก็บหน้าตึงเดี๋ยวนี้ขนุน อย่าได้เผลอทำหน้าเหวอออกไปเชียว!!!


พี่เนยเดินไปรับผู้เป็นประมุขของบ้านทั้งสองด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “คุณป๋า คุณบี๋ มาพอดีเลย...เนยกำลังชวนให้ทุกคนเข้าไปรอคุณๆข้างในน่ะค่ะ เพราะรู้ว่ากำลังจะมาถึงบ้าน” พี่สาวคนโตของน็อตเดินเข้าไปหาแล้วควงแขนคุณป๋าของตัวเองเดินเข้ามาใกล้ ในขณะที่เด็กน้อยตัวโตก็เดินไปกอดคุณบี๋ที่ยังสวยไม่สร่างอย่างรักใคร่  ภาพตรงหน้าที่ผมเห็นในเวลานี้ ทำให้ผมอดตื้นตันไปกับความรักของคนในครอบครัวใหญ่ครอบครัวนี้ไม่ได้จริงๆ เพราะทั้งคุณป๋า คุณบี๋ และลูกๆทุกคน ดูรักและห่วงใยกันจนผมอดคิดถึงพ่อจ๋าแม่จ๋า เจ้น้ากับยัยนิ้งขึ้นมาไม่ได้

คุณป๋าก็เอ่ยกับทุกคนอย่างเริงร่าสูงสุดออกมาทันที “งั้นเราจะรออะไรกันอยู่อีกล่ะ... ไปลงมือกันเลย!!...
.
...ดาเอ๊ย  วานจัดสำรับข้างๆคุณน็อตเพิ่มให้ที่นึงนะ พอดีชั้นเชิญแขกมาร่วมโต๊ะกับเราด้วยน่ะ” หลังจากที่นั่งลงตรงหัวโต๊ะเป็นที่เรียบร้อย คุณป๋าก็หันไปสั่งพี่ดาที่ยืนอยู่ข้างๆโต๊ะระหว่างที่เฝ้ามองเด็กๆจัดอาหาร และเตรียมการทุกอย่างด้วยสายตาคมราวกับเหยี่ยว

“ได้ค่ะ” พี่ดารับคำแล้วหันไปสั่งเด็กคนหนึ่งเพื่อให้เปลี่ยนแปลงการจัดโต๊ะใหม่ตามคำสั่งล่าสุดของคุณป๋า นั่นเลยทำให้น็อตต้องเว้นเก้าอี้หนึ่งตัวถัดจากน้องโน้ตเอาไว้เพื่อให้แขกของคุณป๋านั่ง ส่วนพี่ๆอีกสามคนก็นั่งลงตรงฝั่งเดียวกับคุณบี๋เป็นที่เรียบร้อย  ผมที่นั่งอยู่ตรงท้ายโต๊ะก็นั่งลงอย่างประหม่า เพราะไม่รู้จะทำหน้าอย่างไร ที่สำคัญ...ผมกำลังรอจังหวะที่จะกล่าวทักทายคุณป๋ากับคุณบี๋อย่างเป็นทางการเสียที แต่ผมกลับไม่ต้องรอนาน เพราะในที่สุด คุณป๋าก็หันกลับมาสบตากับผมเข้าพอดี

เมื่อท่านเห็นหน้าผม ก็เอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย  “อ้าว แล้วนั่นใครกันล่ะ?”

น็อตที่นั่งกุมมือของผมอยู่ก็หันกลับมายิ้มให้กำลังใจผม ก่อนจะหันกลับไปตอบคุณป๋าแทนเพื่อเป็นการเกริ่นเบิกทางให้ผมก่อน “คุณป๋า คุณบี๋ฮะ...นี่ขนุน แฟนน็อตเองฮะ”

เมื่อถึงคิว ผมก็ยกมือขึ้นไหว้ แล้วกล่าวทักทายผู้ใหญ่ทั้งสองอย่างนอบน้อม “สวัสดีครับ คุณป๋า คุณบี๋” ผมยิ้มให้ทั้งสองท่านด้วยรอยยิ้มที่คิดว่าน่าจะดูดีที่สุด เพื่อจะสร้างความประทับใจให้กับท่านทั้งสอง เหมือนกับตอนที่ผมผ่านด่านลูกๆทั้งหลายของพวกท่านมาอย่างไม่ยากเย็นเมื่อครู่นี้

แต่คุณป๋ากลับไม่ได้สนใจ เพราะท่านถามน็อตเสียงดังฟังฉุนๆออกมาทันทีหลังจากที่ผมพูดจบ “อ้าว ไอ้เสือ!!...ยังไงของเรากันวะ? เมื่อไม่กี่วันก่อนเพิ่งจะมานั่งร้องไห้ตีโพยตีพายกับคุณป๋าเองว่า แฟนเราไม่ยอมเจอหน้าดูท่าแล้วเค้าน่าจะขอเลิก   แล้วไหงวันนี้จะพามาเปิดตัวแบบไม่บอกไม่กล่าว...
.
...ดีกันแล้วทำไมไม่รีบบอกคุณป๋า...
...อย่างงี้คุณป๋าก็เสียผู้ใหญ่หมดกันซิวะ”


...แย่แล้ว!!...นี่ผมทำให้ลูกชายคุณป๋าถึงกับร้องไห้เลยเหรอ?
,,,แล้วถ้าคุณป๋ารู้ว่า สิ่งที่ผมทำลงไปทั้งหมดมันเป็นเรื่องหลอกลวง คุณป๋าจะไม่สาปส่งผมเลยเหรอเนี่ยะ? แล้วการที่ผมดีกันกับน็อตมันไปเกี่ยวอะไรกับท่าทางไม่พอใจของคุณป๋าในตอนนี้ด้วยล่ะ? หรือว่าคุณป๋าจะไม่ชอบใจผมเข้าแล้วกันนะ?


“เสียผู้ใหญ่ยังไงฮะคุณป๋า?” สุดหล่อของผมที่บีบมือของผมแน่นยิ่งไปกว่าเดิมก็ถามออกไปทันทีเพื่อขจัดความสงสัยแทนเราทั้งสองคน

ตัวผมในเวลานี้ ได้แต่นั่งก้มหน้าจ้องมองฝ่ามือของเราที่เกาะเกี่ยวกันจนจะกลายเป็นเนื้อเดียวอยู่อย่างตั้งอกตั้งใจ เพราะไม่รู้ว่าควรจะเอาสายตาไปวางที่ไหน  ในระหว่างที่ต้องเผชิญกับปัญหาที่ส่อเค้าว่าจะยืดเยื้อและดุเดือดไม่น้อย  ซี่งไอ้ปัญหาที่ว่า มันดันเกิดมาจากการกระทำตามใจของผมเพียงผู้เดียว  หากแต่ส่งผลกระทบต่อคนในครอบครัวของน็อตอย่างใหญ่หลวง และไร้ทางเลี่ยงเช่นนี้

คุณป๋ายังคงต่อว่าน็อตด้วยน้ำเสียงจริงจังไม่ต่างจากเมื่อครู่ “ก็วันนี้ที่คุณป๋ากับคุณบี๋ออกไปข้างนอกน่ะ เพราะต้องการจะไปทาบทามขอลูกสาวเพื่อนมาเป็นคู่หมั้นคู่หมายให้เรายังไงล่ะ...
.
...ถ้าคุณน็อตยังจำได้ เราเคยตกลงกับคุณป๋าเอาไว้ว่า ถ้าภายในระยะเวลาสามเดือน คุณน็อตไม่สามารถทำให้ขนุนยอมเป็นแฟนด้วยได้ คุณป๋าจะหาเมียปลอบใจให้ยังไงล่ะ”

ผมนั่งฟังคุณป๋าด้วยสีหน้าช็อคสุดๆ เพราะไม่คิดว่าคุณป๋าจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับลูกชายเป็นอย่างดี...

...จะว่าไป...ผมว่า มันออกจะดีเกินไปเสียด้วยซ้ำ...
...อย่าบอกนะว่า ที่ว่างที่เตรียมเอาไว้ข้างๆน็อตนั่น คือที่ของว่าที่คู่หมั้นของน็อตที่จะมากินข้าวร่วมโต๊ะพร้อมหน้ากับพี่ๆน้องๆของน็อตในคืนนี้???!!...
.
.
...แล้วส่วนเกินอย่างผมล่ะ?...
...ส่วนเกินอย่างผมต้องวางตัวอย่างไร?...
...สำหรับทุกคนในบ้านนี้  ผมเป็นใคร มีศักดิ์และมีสิทธิอะไรที่จะมานั่งเสนอหน้าอยู่แบบนี้?...
...นอกจากน็อตแล้ว ยังมีใครที่นี่พร้อมจะต้อนรับผมอยู่อีกหรือไม่????


“เฮ๊ย!! คุณป๋า...คุณป๋าจะทำอย่างงั้นได้ยังไงกันล่ะฮะ ก็นี่มันยังไม่ถึงกำหนดสามเดือนของคุณป๋าเลยนี่นา อีกอย่าง...น็อตกับขนุนก็ไม่ได้เลิกกันซะหน่อย” น็อตที่ยังไม่ยอมปล่อยมือผมไปไหนก็ท้วงออกไปอย่างเหลืออด ผมพยายามบีบมือน็อตเบาๆเพื่อปรามไม่ให้เขาเผลอฟิวส์ขาดใส่คุณป๋าไปเสียก่อน

แต่สิ่งที่คุณป๋าตอบกลับมาก็ทำให้ทั้งผมและน็อตต้องสะอึก “แล้วไอ้ที่เราร้องห่มร้องไห้จะเป็นจะตายอย่างกับพ่อเสีย เอ๊ย!! อย่างกับญาติผู้ใหญ่เสีย แล้วก็เอาแต่บอกว่าเค้าเลิกแน่ เค้าต้องเลิกกับน็อตแน่ๆ อย่างงั้นอย่างงี้น่ะมันหมายความว่าอะไรกันฮะ?...
.
...นี่เราสองคนเล่นขายของหลอกผู้หลักผู้ใหญ่ให้กลุ้มไปตามๆกันอยู่อย่างงั้นเหรอ?”


โอ๊ย ขนุนเอ๊ย! ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่แท้ๆ....
...ถ้าผมรู้ตัวมาก่อนล่วงหน้าแต่เนิ่นๆว่า สิ่งที่ผมทำ...ไม่ได้สร้างปัญหาให้เกิดขึ้นระหว่างผมกับน็อตแค่สองคน หากแต่มันจะลุกลามใหญ่โตร้อนไปถึงพ่อแม่ของน็อตอีกทอดหนึ่งแบบนี้...
...ต่อให้หัวเด็ดตีนขาดอย่างไร...ผมก็ไม่มีทางจะตัดสินใจทำแบบนั้นกับน็อตแน่ๆ...
...แต่เวลานี้ ไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งทอดถอนใจอาลัยอดีตอยู่ ผมต้องแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยตัวของผมเอง และทำทุกอย่างให้ถูกต้อง ก่อนที่เรื่องทั้งหมดมันจะยุ่งเหยิงไปกว่านี้!!!


ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึกกว่าปกติเพื่อเรียกขวัญและกำลังใจ แล้วเอ่ยตอบคุณป๋ากลับไปแทนน็อตที่ดูจะร้อนรนจนเริ่มควบคุมสีหน้าให้เป็นปกติไม่ได้ “คุณป๋าครับ เรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของผมเองครับที่ทำกับน็อตอย่างนั้น...
.
...จริงๆเราสองคนไม่ได้เลิกกัน หรือมีปัญหากันหรอกครับ แต่การที่เราต้องห่างกัน มันเป็นส่วนหนึ่งในอุบายของผมเอง...
...ผมอยากให้น็อตได้ปรับปรุงตัวเรื่องความไม่เชื่อใจกัน เรื่องหึงหวงจนอารมณ์ร้อนขาดสติ และเรื่องการใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหาต่างๆ  เพราะตลอดมา...ตั้งแต่ที่เราเริ่มคบกันมาจนถึงเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ต่อให้ผมพยายามมากเท่าไร หรือแสดงออกถึงความมั่นคงในความรักที่ผมมีต่อน็อตซักแค่ไหน น็อตก็ไม่เคยแก้ไขเรื่องพวกนี้ได้เลย...
.
...หนำซ้ำ ยิ่งเราคบกัน  รักกันมากขึ้นเท่าไร อะไรๆมันก็ยิ่งย่ำแย่จนยากเกินควบคุม...
...สุดท้าย ผมก็วางแผนสร้างสถานการ์ณขึ้นมาเพื่อทำให้น็อตเข้าใจผิดผมกับผู้ชายคนอื่น เพราะคิดไปเองคนเดียวว่า การที่เราต้องอยู่ห่างกันซึ่งเป็นผลพวงมาจากนิสัยใจร้อนวู่วามจนเกินไปของน็อต  จะทำให้เค้าเข้าใจได้ว่า สิ่งที่เค้าเป็นมันอาจบ่อนทำลายความสัมพันธ์ของเราสองคนในระยะยาวน่ะครับ...
.
...ผมทำแบบนั้นกับน็อตลงไปโดยที่เจ้าตัวไม่ได้รู้อิโหน่อิเหน่อะไรด้วยเลยครับ...
...ถ้าคุณป๋า คุณบี๋ และคุณๆในที่นี้ทุกๆคนจะโกรธ หรือไม่พอใจ ก็ขอให้โกรธผมแต่เพียงผู้เดียว...
...ผมเองนี่แหละครับ ที่เป็นตัวการของเรื่องทั้งหมดในครั้งนี้...
.
.
...และถ้าเป็นไปได้ หากคุณป๋าจะยังกรุณาผมอยู่บ้าง  ได้โปรดยกเลิกเรื่องหมั้นหมายของน็อตด้วยเถอะครับ” ผมยกมือขึ้นไหว้ผู้เป็นพ่อของน็อตด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้งอีกครั้ง ด้วยหวังว่าความรู้สึกเสียใจของผมจะส่งไปถึงใจท่าน จนท่านเกิดเห็นใจ และยอมทำตามคำร้องขอของผมสักครั้ง

แต่ดูเหมือนจังหวะของผมจะไม่ดีนัก เพราะยังไม่ทันที่คุณป๋าจะได้พูดอะไร พี่ดาก็เดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมกับรายงานถึงสิ่งที่ผมไม่ต้องการได้ยินที่สุดทันที  “คุณท่านคะ  คุณจินนี่มาแล้วค่ะ”

ในระหว่างที่ผมยังคงจ้องตากับคุณป๋าไม่วางนั้น คุณบี๋ก็ชิงตอบคำพี่ดาทันที “พี่ดา พี่ดาไปเชิญคุณจินนี่เข้ามาได้เลยจ๊ะ”  เมื่อพี่ดาเดินออกจากห้องอาหารไป คุณบี๋ก็ยื่นมือไปแตะต้นแขนคุณป๋าเพื่อเรียกความสนใจ แล้วกล่าวกับเราทุกคน โดยที่ท่านไม่ได้ละสายตาไปจากหน้าผมเลยแม้แต่วินาทีเดียว “เอาอย่างงี้ก็แล้วกันนะ... คุณบี๋ว่า ตอนนี้...เราพักเรื่องนี้เอาไว้ก่อนดีไม๊ เอาไว้เราส่งแขกเรียบร้อยแล้ว เราทั้งหมดค่อยมาหาทางออกของเรื่องนี้กันต่อ”  คุณบี๋ยิ้มน้อยๆส่งมาให้ ราวกับต้องการมอบกำลังใจให้กับผม

ชายผู้เป็นเจ้าบ้านกล่าวตอบภรรยาด้วยเสียงติดฉิว ท่าทางของคุณป๋าในตอนนี้ ทำให้ผมเผลอนึกไปถึงเวลาที่ผมคอยปรามไม่ให้น็อตทำโน่นนี่ แล้วอีกฝ่ายก็ต้องยอมลงให้กับผมในท้ายที่สุดขึ้นมาตงิดๆ ไม่นึกเลยว่าลูกไม้จะหล่นไม่ไกลต้นได้ถึงขนาดนี้ “คุณป๋ายอมคุณบี๋ก็ได้...
.
...แต่มื้อนี้ คุณน็อตต้องเทคแคร์น้องจินนี่ให้ดีอย่าให้ขาดตกบกพร่องแม้แต่นิดเดียวเลยนะ เพราะกว่าคุณป๋าจะไปขอไอ้เสริญให้ยอมปล่อยลูกสาวมากินข้าวเย็นที่บ้านเราได้ ก็เล่นเอาเหงื่อตก...คุณป๋าไม่อยากให้น้องจินนี่รู้สึกกระอักกระอ่วนที่ต้องมาอยู่ในดงเสือเพียงลำพัง เดี๋ยวจะพลอยทำให้คุณป๋าเข้าหน้าเพื่อนเก่าเพื่อนแก่อย่างไอ้เสริญไม่ติดไปซะเปล่าๆ”


พอผมได้ฟังคำคุณป๋าแล้วหัวใจผมก็ตกวูบไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที เพราะผมไม่นึกว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น นี่ผมจะต้องมานั่งกินข้าวกับครอบครัวน็อตทั้งๆที่เรื่องเข้าใจผิดทั้งหมดยังไม่คลี่คลาย แถมน็อตก็ต้องไปทำตัวดีกับผู้หญิงที่พ่อตัวเองจัดหามาให้ต่อหน้าต่อตาของผมอีกหรือนี่??!! ทำไมเรื่องทั้งหมดถึงกลับตาลปัตรไปหมดอย่างนี้กันล่ะ? ผมจะต้องเสียน็อตไปเพราะการกระทำด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของตัวเองเพียงครั้งเดียวเท่านั้นจริงๆน่ะหรือ????!!!


“แต่คุณป๋าฮะ...     น็อตพยายามทัดทาน หากแต่ไม่สำเร็จ

 “ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น!..มีอย่างที่ไหน แทนที่คุณป๋า คุณบี๋จะได้กินมื้อเย็นอย่างชื่นมื่นตามประสาหัวหน้าครอบครัวที่นานๆจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับลูกๆแต่ละคนซักที  กลับต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกซะอย่างงั้น...
.
...ถ้าคุณน็อตจะโวยวาย คุณน็อตก็ไปต่อว่าแฟนตัวเองก็แล้วกันที่ทำเรื่องไม่เข้าท่า จนเดือดร้อนกันไปทั่วทั้งหัวดำหัวหงอกแบบนี้” คุณป๋าสั่งเสียงเฉียบ จนผมรู้สึกได้ว่าทุกๆคนที่นั่งร่วมโต๊ะ รวมไปถึงเด็กๆที่คอยบริการหยิบนั่นเตรียมนี่ ต่างหวั่นวิตกเพราะสถานการณ์อันตึงเครียดที่กำลังเกิดขึ้นไปตามๆกัน  สำหรับตัวผม...เพื่อไม่ให้บรรยากาศแย่ยิ่งไปกว่านี้ ผมเลยเพ่งสมาธิทั้งหมดไปกล่อมจิตใจไม่ให้เอาแต่ตำหนิตัวเองเสียจนเผลอร้องไห้ออกมากลางคัน

น็อตยื่นหน้าเข้ามาหาผมใกล้ๆ ก่อนจะกระซิบถามข้างๆหูผมด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย “ขนุน ไม่เป็นไรนะฮะ?”

ผมแสร้งฝืนยิ้มกลับไปให้สุดหล่อของผมที่ทำหน้าปริ่มว่าจะขาดใจด้วยความเป็นห่วงใจผมอย่างที่สุด แล้วปลอบอีกฝ่ายให้ไม่ต้องคิดเรื่องผมจนวิตกจนเกินไปนักด้วยคำพูดสั้นๆที่พอจะคิดออกในเวลานั้น  “ฮื่อ...ไม่เป็นไร” แต่ในความเป็นจริงแล้ว ใจผมมันกำลังสั่น เมื่อตระหนักถึงความเลวร้ายที่กำลังเกิดขึ้นในเวลานี้...

...น็อตอาจจะต้องหมั้นกับผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้...
...และสาเหตุที่ทำให้น็อตต้องหมั้น มันมีต้นเหตุมาจากผม!!

หัวใจของผมยิ่งสั่นและแกว่ง ทันทีที่หญิงสาวหน้าตาสะสวยราวกับดาราเดินเข้ามาในห้อง แล้วนั่งลงตรงที่นั่งว่างข้างๆน็อต แค่เธอเดินย่างกรายเข้ามาในห้อง ก็ทำให้ทุกๆสิ่งดูสว่างไสวไปกันใหญ่ ยิ่งเธอนั่งลงข้างๆกายน็อต แล้วหันมายิ้มให้สุดหล่อของผม ที่จำต้องปล่อยมือจากมือผมเพื่อรับไหว้อีกฝ่าย ใจผมก็เต้นแผ่วลงไปทุกที ทุกที...
.
.
...มันคงจะดีกว่านี้ ถ้าน้องจินนี่ไม่ใช่คนสะสวยอะไรมากนัก...
...มันคงจะดีกว่านี้ ถ้าน้องจินนี่จะดูไม่เหมาะสมกับน็อตราวกับกิ่งทองใบหยก...
...มันคงจะดีกว่านี้ ถ้าครอบครัวของน็อตจะไม่ดูเอาใจใส่น้องจินนี่มากเท่านี้... ไม่สิ ผมต้องบอกว่า มากกว่าผมต่างหาก...
...และมันคงจะดีกว่านี้ ถ้าน็อตไม่จำเป็นต้องปล่อยมือไปจากผมทันทีที่คุณป๋ากระแอมบอกใบ้ให้ผู้ชายที่ผมรัก จำต้องเอาใจและดูแลผู้หญิงคนอื่น ผู้ที่เป็นคู่หมายซึ่งผู้ใหญ่ฝ่ายชายเป็นคนจัดหามาให้อย่างนี้
.
.
.
.
แล้วผมมานั่งอยู่ตรงนี้ในฐานะอะไร???!!
นี่ผมกำลังสู้อยู่ในศึกที่ผมจะพ่ายแพ้เพราะภัยตัวเองอยู่ใช่ไหม??!!


๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


หลังจากจบมื้ออาหาร ทุกๆคนรวมทั้งผมก็เดินออกไปส่งน้องจินนี่ขึ้นรถยนต์คันหรูของบ้านน็อตกลับบ้านตัวเองอย่างพร้อมหน้า ก่อนที่พวกเราทั้งหมดจะเดินตามคุณป๋ากับคุณบี๋เข้าไปนั่งกินขนม กาแฟ หรือดื่มเครื่องดื่มอื่นๆตามแต่ต้องการในห้องนั่งเล่น ซึ่งมีทีวีจอใหญ่คับผนังที่กำลังถูกน้องโน้ตเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆจนกว่าเจ้าตัวจะพอใจ


คุณป๋าที่นั่งอย่างสบายอยู่บนโซฟาตัวยาวหันกลับมาถามน็อตที่นั่งตัวติดกับผมด้วยท่าทางตื่นเต้นยินดี “ว่าไงคุณน็อต น้องจินนี่เป็นไงมั่ง น่ารักดีใช่ไม๊ล่ะ?”

น็อตตอบคำคุณป๋าด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก “คุณป๋าฮะ เลิกล้อเล่นซะทีเถอะฮะ คุณป๋าก็รู้อยู่นี่ฮะว่า น็อตกับขนุนคบหากันอยู่ และพวกเราก็รักกันมากด้วย”

แม้ว่าคำตอบนี้ จะส่งตรงถึงลูกชายของตน แต่สายตาของคุณป๋ากลับไม่ได้จ้องหน้าน็อตแต่อย่างใด ทำไมผมถึงรู้ดีน่ะหรือ...ก็เพราะผมนี่แหละ คือคนที่คุณป๋ากำลังมองด้วยสายตาไม่ชอบใจสักเท่าไร “แต่คุณป๋าไม่ชอบใจเรื่องที่ขนุนทำกับน็อตอย่างนั้นนี่หว่า...
.
.
...จริงอยู่ว่าเจตนาของขนุน มาจากความประสงค์ดี และหวังจะให้ความรักของทั้งสองคนยืนยาวโดยไร้ซึ่งปัญหาใดๆ...
...แต่ไม่ว่าจะมองมุมไหน คุณป๋าก็ยังรู้สึกอยู่ดีแหละว่า...คนรักกัน เค้าไม่ทำกันแบบนั้นหรอก...
.
...ลงว่ารักกันแล้วน่ะนะ ต่อให้ไม่ชอบใจนิสัยของคนของเราแค่ไหน แต่การดัดนิสัยด้วยการเอามือที่สามเข้ามาเพื่อยั่วยุให้คนรักที่เลือดร้อนง่ายเป็นทุนเดิม เผลอเลือดขึ้นหน้า แล้วโยนความผิดทั้งหมดให้ตกอยู่กับฝ่ายอารมณ์ร้อนเพียงคนเดียว เพราะต้องการสั่งสอนให้คนบุ่มบ่ามบ้าเลือดคิด หรือเลิกทำนิสัยแบบที่ตัวเองไม่ชอบได้ โดยไม่สนใจว่า ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นฉับพลันทันตากับคนของเราคือความเจ็บปวดจากความไม่เข้าใจ และความรู้สึกว่าตนเองไม่เป็นที่ต้องการของคนรักน่ะมันโหดร้ายแค่ไหน... 
.
.
...ซ้ำร้ายไปกว่านั้น... ขนุนยังเลือดเย็นถึงขนาดผลักไสคนรักที่กำลังสับสนงุนงงให้อยู่ห่างไป โดยยอมไม่เปิดโอกาสให้คุณน็อตได้อธิบาย หรือปรับความเข้าใจใดๆ  ทั้งที่ความรักของคนสองคนไม่มีทางเกิดขึ้นได้ หากไร้ซึ่งความเข้าใจ ความเมตตา และการให้อภัยเป็นพื้นฐาน และที่ไม่น่ารักสำหรับคุณป๋าอย่างที่สุดก็คือ การที่ขนุนขอเว้นระยะห่าง หรือทำให้อีกฝ่ายตีความได้ว่าเรื่องมันจะลงท้ายด้วยการเลิกราน่ะ มันทำลายความเชื่อมั่นของคนรักเราได้ไม่น้อยเลยนะ...
.
.
...พูดมาก็ตั้งเยอะขนาดนี้ คุณป๋าขอถามขนุนหน่อยแล้วกันว่า ขนุนคิดว่า การกระทำของตัวเองมันถูกต้องไม๊? โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเรารักใครอย่างสุดหัวใจแล้ว การเอาเรื่องรักๆเลิกๆมาเป็นเดิมพันในเรื่องความรู้สึกง่ายๆ คงไม่ใช่สิ่งที่เราควรจะทำหรอก...ขนุนว่าจริงไม๊?”

“ครับ ที่คุณป๋าว่ามา ถูกต้องทั้งหมดครับ ผมผิดเองครับ ผมกราบขอโทษคุณป๋า และคุณบี๋ด้วยครับที่ทำให้ต้องเดือดเนื้อร้อนใจกับเรื่องของพวกผมสองคน” ผมรับคำของคุณป๋าอย่างตรงไปตรงมา เพราะเมื่อคิดตามสิ่งที่คุณป๋าว่ามาทั้งหมด แล้วก็ต้องยอมจำนนกับเหตุผลที่คุณป๋ายกขึ้นมาทุกประการ เพราะมันคืออีกด้านของเหรียญ ที่ผมไม่ได้คำนึงถึง

อีกอย่าง มันคงไม่มีประโยชน์อะไร หากผมจะมัวแต่ตีโพยตีพายกับสิ่งที่เกิดขึ้น และจบสิ้นไปแล้ว... ต่อจากนี้ ผมต้องพยายามแก้ไขความผิดพลาดทั้งหมด ในขณะที่ยังมีโอกาส


คุณป๋าทำท่าโบกมือแล้วพูดอย่างไม่ถือสาหาความใดๆ “เอาเถอะ เอาเถอะ...เรื่องมันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว คุณป๋ากับคุณบี๋ก็ไม่ติดใจอะไรอีกแล้วล่ะ”

เมื่อผมกับน็อตได้ฟัง เราสองคนก็หันมายิ้มให้กันอย่างโล่งอก จากนั้นผมก็รีบหันกลับไปยกมือไหว้ขอบคุณคุณป๋าที่ใจกว้าง และยอมรับคำขอโทษของผมในที่สุด  “ขอบคุณครับคุณป๋า... ผมสัญญาว่า ต่อไป ผมจะไม่ทำให้น็อตเสียใจแบบนี้อีก”
.
.
.
คุณป๋าเว้นช่วงเพื่อจิบชาอยู่พักใหญ่ ก่อนจะเอ่ยเนิบๆ “ถึงขนุนจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ แต่คุณป๋าก็ไม่คิดว่า ต่อจากนี้ไป...ขนุนจะมีโอกาสได้ทำให้คุณน็อตเสียใจได้อีกแล้วล่ะ”

พอเห็นสีหน้า และได้ยินสิ่งที่คุณป๋าพูดออกมา น็อตก็ถามบิดาของตัวเองด้วยน้ำเสียงตกใจสุดขีด “คุณป๋า...คุณป๋าหมายความว่าไงฮะ?”


..ทำไมน็อตจะต้องทำท่าตกอกตกใจขนาดนั้นด้วย หรือว่า...มันยังมีอะไรที่ยังน่าเป็นห่วงอยู่อีกหรือ??


 “ก็ไม่ยังไงหรอกคุณน็อต คุณป๋าว่า คุณป๋าจะให้คุณน็อตหมั้นกับน้องจินนี่น่ะซิ” คุณป๋าตอบเสียงนิ่งโดยไม่คิดจะเล่นหัว หรือยิ้มแย้มแม้แต่น้อย 

 “คุณป๋า!!!”  เมื่อสิ้นเสียงประกาศของคุณป๋า  ทุกคนในบ้านยกเว้นผมที่กำลังนั่งช็อกอยู่ก็ร้องออกมาเป็นเสียงเดียวกัน


...แค่ได้ยินประโยคนี้ออกมาจากปากคุณป๋า ผมก็หมดเรี่ยวหมดแรงจนชักจะนั่งไม่ตรงอีกต่อไป...
...ความรู้สึกของโลกถล่มทลายลงตรงหน้านี่ มันคือสิ่งเดียวกันกับเรื่องที่ผมกำลังเผชิญอยู่หรือไม่หนอ??...
...น็อตต้องหมั้นกับน้องจินนี่จริงๆใช่ไหม?...
.
.
...แต่ขนุน เรื่องมันยังไม่ถึงขั้นนั้นเสียหน่อยนี่นา...
...คุณป๋าแค่บอกว่า จะให้น็อตหมั้น..นั่นก็แปลว่า ถ้าน็อตยังไม่ได้หมั้นจริงๆ ผมก็ยังจะมีโอกาสเปลี่ยนใจคุณป๋าได้อยู่ดี...
...ผมจะไม่มีทางเสียน็อตให้ใครอื่น ผมจะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเต็มที่... ผมจะพยายามเพื่อความรักของเราสองคน!!

“ไม่ได้นะฮะคุณป๋า น็อตไม่ยอม!!” สุดหล่อของผมประท้วงด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเอามากๆ ถ้าเป็นคนอื่น...เมื่อมาถึงขั้นที่บทสนทนาไม่ไปถึงไหนเสียทีแบบนี้ ผมว่า ด้วยดีกรีความโกรธเท่านี้ น็อตคงจะโวยวายและท้าตีท้าต่อยไปแล้วล่ะ  แต่เพราะว่าอีกฝ่ายคือต้นฉบับของความเป็นน็อตทั้งหมดในทุกวันนี้ บารมีของคุณป๋าก็ย่อมจะแก่กล้ายิ่งกว่า...ถ้าใครบอกว่าน็อตกวน น็อตเกรียน ผมว่า...คุณป๋านี่แหละ ที่ทั้งกวน และเกรียนตัวพ่อของแท้

“ไม่ยอมก็ต้องยอม เพราะคุณป๋าตัดสินใจแล้ว” คุณป๋าตอบหน้านิ่ง แล้วเบือนสายตาหลบไปมองหน้าจอทีวีที่ฉายการ์ตูนอะไรก็ไม่รู้ด้วยทีท่าสนใจจนเกินเหตุ

เมื่อเห็นสีหน้าไม่พอใจจนเจ้าตัวเผลอขบกรามแน่นและไม่พูดไม่จาอะไร ผมเลยต้องออกปากต่อรองขอความเห็นใจจากคุณป๋าอีกครั้ง ทั้งๆที่ผมเริ่มรู้สึกละอายใจกับการกระทำของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ “คุณป๋าครับ คุณป๋า ได้โปรดเถอะครับ อย่าทำแบบนั้นเลย อย่าพรากน็อตไปจากผมเลยครับ”

คุณป๋ามองหน้าผมอย่างพินิจพิเคราะห์ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเชือดเฉือน เหมือนเอาเกลือมาสาดลงแผลสดที่กลางหลังของผม “คุณป๋าไม่ได้พรากคุณน็อตมาจากขนุนนะ ขนุนลองคิดดูให้ดีๆ ว่าใครกันแน่ที่ทำให้คุณป๋าต้องตัดสินใจแบบนี้...
...ที่ผ่านมา ทั้งที่ก็รู้อยู่เต็มอกว่าลูกชายตัวเองกำลังจะหันไปชอบผู้ชาย คุณป๋ากลับไม่คิดห้าม  แถมยังสนับสนุนให้ไอ้เสือมันไปตามจีบขนุนซะด้วยซ้ำ...
.
...แต่จากสิ่งที่คุณป๋าเห็นผ่านการกระทำของขนุนเมื่อไม่นานมานี้ คุณป๋าก็ได้ข้อสรุปว่า ในฐานะคนเป็นพ่อเป็นแม่... สิ่งที่ดีที่สุดที่เรามุ่งหวังอยากให้เกิดขึ้นกับลูกๆของเราทุกคนก็คือ ความสุข ความมั่นคง และความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตของลูกๆแต่ละคนจวบจนสิ้นอายุขัยของพวกเค้า...
.
...แม้ว่าคุณน็อตจะยังอายุไม่มากไม่มาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะลงหลักปักฐานสร้างครอบครัวไม่ได้ซะหน่อย...
...คุณป๋ากับคุณบี๋ก็เลยคิดว่า มันสมควรแก่เวลาแล้วล่ะ ที่คุณน็อตควรจะแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาไปกับคนที่คู่ควรทั้งด้านหน้าตา ฐานะ หน้าที่การงาน ที่สำคัญ...คนๆนั้นต้องรักลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนนี้ของคุณป๋ามากอย่างไม่มีข้อสงสัย...
.
...ซึ่งเท่าที่คุณป๋าสังเกตดูจากสิ่งที่คุณป๋าเห็นในคืนนี้  คุณป๋าก็แน่ใจว่า ในไม่ช้า...น้องจินนี่จะรักคุณน็อตได้หมดทั้งใจแน่ๆ  เพราะไอ้เสือของคุณป๋ามันมีค่า และไม่ได้เป็นแค่ของเล่นพิสูจน์หัวใจของใครบางคน อย่างที่ขนุนทำกับลูกชายคุณป๋า”

คำพูดทั้งหมดของคุณป๋า เปรียบเสมือนคมมีดที่กรีดซ้ำๆลงมาตรงกลางหัวใจผม  แต่ในเมื่อทุกอย่างเป็นเรื่องจริง และผมไม่อาจกลับไปแก้ไขอดีตอันผิดพลาดได้ ผมจึงพยายามตั้งสติ แล้วเรียกความกล้าที่ยังพอมีเหลือ ออกมาเพื่อใช้เจรจาหว่านล้อมให้คุณป๋ายอมใจอ่อนกับผมเสียที

“คุณป๋าครับ ผมขอร้องล่ะครับ ผมรักน็อตมากนะครับ ได้โปรดให้โอกาสผมพิสูจน์ตัวเองให้คุณป๋า คุณบี๋ และคุณๆทุกๆคนได้เห็นด้วยเถอะครับ ผมจะทำให้ทุกๆคนได้รู้ว่า ผมเองก็รักน็อตไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าใครในที่นี้เลยแม้แต่คนเดียว”

สุดหล่อของผมลงไปนั่งพับเพียบกับพื้น ก่อนจะพนมมือกลางอกพลางวิงวอนผู้เป็นพ่ออย่างน่าสงสาร “คุณป๋า คุณป๋าฮะ คุณป๋าอย่าทำอย่างงี้ซิฮะ น็อตรักขนุนนะฮะ คุณป๋าเปลี่ยนใจตอนนี้ก็ยังทันนะฮะ” ผมทนเห็นน็อตทำแบบนั้นเพียงลำพังไม่ได้ ก็ลงนั่งกับพื้นข้างๆกายเขา แล้วทำในสิ่งเดียวกันกับสุดที่รักของผมพยายามทำ

แต่คุณป๋ากลับไม่คิดแม้แต่จะชายตามองเราทั้งสองคนที่กำลังอ้อนวอนคุณป๋าด้วยท่าทาง และสายตาอย่างตั้งอกตั้งใจ หากแต่ท่านเอ่ยตอบเราสองคนกลับมาด้วยน้ำเสียงออกจะรำคาญนิดๆ “คุณน็อตไปส่งขนุนกลับบ้านเถอะ นี่ก็ดึกมากแล้ว เดี๋ยวจะเดินทางลำบาก......อ้อ! รีบไปแล้วก็รีบกลับล่ะ เพราะคืนนี้...เราทุกคนต้องมานั่งคุยรายละเอียดเรื่องงานหมั้น  งานแต่งที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้กันอีก”

“คุณป๋า!!  คุณป๋าฮะ!!!” น็อตพยายามร้องขอความเห็นใจจากคุณป๋าอย่างไม่มีลดละ ผมเหลือบตามองสมาชิกที่เหลือในบ้าน ที่กำลังมองพวกเราสองคนอย่างเห็นอกเห็นใจ แล้วก็อดขอบตาร้อนขึ้นมาไม่ได้...เวลานี้ คนที่ผมสงสารมากที่สุดนอกไปจากตัวเอง ก็คือผู้ชายคนที่กำลังเขย่าขาข้างหนึ่งของพ่อตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อร้องขอให้พ่อเปลี่ยนใจเรื่องอนาคตของเราทั้งสองคน

เวลานี้...ชายหนุ่มที่เคยแบ่งปันอ้อมกอดอันแข็งแกร่ง และอบอุ่นอย่างที่สุดให้กับผมเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า ได้กลายร่างกลับไปเป็นเด็กชายน็อตตัวน้อยๆ ซึ่งกำลังร้องขอให้พ่อหยิบยี่นความสุขที่สุดให้กับเขาด้วยความพยายามทั้งหมดที่เขามี...โดยที่ผมคนนี้ เป็นผู้พรากความสุขที่ว่านั้นไปจากหัวใจดวงน้อยๆของเขาด้วยตัวเอง...

...ผมจะไม่มีวันทำร้ายหัวใจของน็อต และหัวใจตัวเอง!


ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไร พี่เนยก็เดินเข้ามาฉุดให้น็อตกับผมลุกขึ้น แล้วพูดกับเราสองคนด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง “คุณน็อต คุณน็อตพาขนุนกลับไปก่อนเถอะนะ....ต่อรองไปตอนนี้  เนยว่าไม่น่าจะได้ผลอะไรหรอก ดีไม่ดี คุณน็อตนี่แหละจะอารมณ์เสียไปเปล่าๆ...
.
...คุณน็อตก็รู้หนิว่า คุณป๋าน่ะดื้อแค่ไหน ถ้าคุณป๋าอยากได้อะไร หรือตัดสินใจอะไรไปแล้ว ไม่มีทางจะเปลี่ยนใจกันได้ง่ายๆ เอาเป็นว่า คุณน็อตก็ถือโอกาสนี้กลับไปตกลงกับขนุนให้รู้เรื่องก็แล้วกัน แล้วก็อย่าลืมว่าต้องรีบกลับมาบ้านตามที่คุณป๋าสั่งนะ  ไม่งั้น...เตรียมกลับบ้านมาเจอศึกหนักได้เลย...
.
.
...อย่าทำหน้าอย่างงั้นซิคุณน็อต ขนุน... เอาเป็นว่า ระหว่างนี้ เนยกับคุณๆทุกคนจะช่วยเกลี้ยกล่อมคุณป๋าให้ก็แล้วกัน...
...รีบไปเถอะ ก่อนที่คุณป๋าจะเปลี่ยนใจ ให้พี่อ๋องเอารถไปส่งขนุนแทนไม่รู้ด้วยนะ”

พอได้ฟังสิ่งที่พี่เนยเตือน น็อตก็ได้สติ แล้วพยายามฉุดมือผมให้เดินตามเขาออกจากห้องนั่งเล่นไปทันที “เตง...เราไปกันเถอะฮะ อยู่ไป เตงก็เปลี่ยนใจคุณป๋าตอนนี้ไม่ได้หรอก”

ทว่า ผมที่กำลังอยู่ในภาวะพร้อมสู้เต็มที่ กลับยังไม่อยากจะละทิ้งสมรภูมิรบในครั้งนี้จากไปไหนมือเปล่า เพราะผมมั่นใจว่า หากคุณป๋ารับรู้ได้ถึงความรักที่ผมมีต่อน็อต รวมทั้งความสำนึกผิดของผมแล้วล่ะก็ คุณป๋าน่าจะยอมเปลี่ยนใจอย่างแน่นอน ผมเลยอดทันทานอีกฝ่ายออกมาไม่ได้ “แต่น็อต..”

ถึงอย่างนั้นน น็อตก็ไม่ได้รอฟังคำปฏิเสธคำอื่นๆของผม เพราะฝ่ามือที่กำลังกุมมือของผมแน่นอยู่นั้น ค่อยๆลากให้ตัวผมเดินตามร่างของเขาออกจากบ้านหลังนี้ไปอย่างช้าๆ พร้อมกับเสียงนุ่มๆที่พูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยอย่างเบาๆตรงข้างๆหูผม “ไปก่อนเถอะฮะ ก่อนที่คุณป๋าจะเปลี่ยนใจไม่ให้เค้าไปส่งเตง”


๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


“ขนุน...ขนุนเป็นอะไรรึเปล่าฮะ? เค้าเห็นเตงนั่งเงียบมาตลอดทางจนตอนนี้ เตงก็ยังไม่พูดอะไรกับเค้าซักคำ..เตงคิดอะไรอยู่ฮะ ไหนลองบอกเค้าซิ?” เสียงของน็อตปลุกให้ผมตื่นจากภวังค์ เมื่อเราสองคนเดินเข้ามาอยู่ในห้องผมเรียบร้อยแล้ว... นี่ผมเอาแต่ใจลอยคิดเรื่องที่คุณป๋าพูด จนกลับมาถึงบ้านโดยไม่รู้เนื้อไม่รู้ตัวได้แบบนี้เลยหรือนี่??!

พอรู้ว่าตัวเองได้กลับมาอยู่ในสถานที่ๆปลอดภัยอย่างที่สุด และเมื่อรู้ว่าในที่นี้ มีเราแค่สองคน และเราไม่ต้องต่อสู้กับใครคนไหนอีกต่อไปแล้ว ความกล้าหาญ และเรี่ยวแรง กับกำลังใจที่ผมเคยมีเต็มเปี่ยมมาก่อนหน้านี้ ก็เหือดแห้งหายไปทันที จนตอนนี้ ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังอ่อนแออย่างที่สุด

ผมเดินเข้าไปกอดน็อตเอาไว้แน่น แล้วถามสุดหล่อของผมราวกับคนหมดเรี่ยวแรงในสิ่งที่ผมไม่อยากจะยอมรับมากที่สุด “น็อต นี่เราต้องเลิกกันจริงๆเหรอ?”

สองมือของน็อตสวมกอดร่างของผมเอาไว้แน่นไม่แพ้กัน เสียงของน็อตสั่นน้อยๆเมื่อเอ่ยตอบผม “ไม่ถึงขั้นนั้นหรอกฮะ คุณป๋าก็แค่โกรธนิดหน่อยกับเรื่องที่เกิดขึ้นเท่านั้นเอง”


...ถ้าเมื่อครู่ ผมไม่ได้ยินเสียงสั่นเครือของน็อต สิ่งที่เขาเพิ่งพูดออกมาคงจะช่วยทำให้ผมยังพอมีความหวัง และมีกำลังใจจะต่อสู้อีกมากโข......แต่กระทั่งน็อตเองยังปิดบังความหวั่นไหวในเสียงของตัวเองเอาไว้ไม่ได้แบบนี้  เราสองคนจะยังพอมีหนทางที่จะได้อยู่ด้วยกันอยู่อีกหรือ??!!


ผมตอบน็อตไปพลาง ก็คิดย้อนกลับไปกล่าวโทษตัวเองอีกครั้ง หลังจากหักห้ามใจได้แล้วช่วงหนึ่งแท้ๆ “เตงไม่ต้องปลอบใจเค้าหรอก เพราะเค้าไม่คิดว่า คุณป๋าแค่โมโหชั่ววูบอย่างที่เตงพูดเลย ไม่งั้นคุณป๋าจะพูดเรื่อง งานหมั้นงานแต่งด้วยน้ำเสียงจริงจังแบบนั้นเหรอ ที่สำคัญ ต่อให้เค้าพยายามอธิบาย และขอโทษมากเท่าไร... ต่อให้เค้าเฝ้าย้ำกับคุณป๋าว่าเค้ารักเตงบ่อยครั้งแค่ไหน คุณป๋ากลับไม่มีทีท่าว่าจะสนใจสิ่งที่เค้าบอกไปเลยแม้แต่น้อย...
.
.
...ทั้งที่เราเพิ่งจะปรับความเข้าใจกันได้...
...ทั้งๆที่เค้ารักเตงมาก รักจนไม่อยากจะเสียไป รักจนไม่รู้ว่าถ้าอยู่โดยที่จะไม่เจอหน้ากันอีกต่อไปอีกแล้วแท้ๆ...
 ...เรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะเค้าคนเดียว...
...เค้าทำให้เรื่องมันบานปลาย เค้าทำให้เราสองคนต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้......
...มันเป็นความผิดของเค้าคนเดียว ฮึก ฮึก...ฮือออ”  


ในที่สุด จิตใจของผมก็ตกต่ำจนถึงจุดแตกหักทางความรู้สึก นั่นจึงส่งผลให้ผมไม่อาจปิดกั้นการแสดงออกทางอารมณ์ได้อีกต่อไป ทั้งๆที่โดยปกติผมจะไม่ร้องไห้ออกมาง่ายๆ ทั้งๆที่ผมพยายามห้ามน้ำตาเอาไว้ตลอดคืนแท้ๆเชียว... ทำไมคืนนี้ผมถึงอ่อนไหวกับเรื่องที่ยังมาไม่ถึงจนต้องร้องไห้สะอึกสะอื้นเหมือนเด็กๆให้น็อตต้องเป็นห่วงอย่างนี้ด้วยก็ไม่รู้


นี่เป็นครั้งแรกที่ผมร้องไห้อย่างเอาเป็นเอาตายขนาดนี้ น็อตเลยดูจะตกอกตกใจมากเป็นพิเศษ สุดหล่อของผมพยายามปลอบใจด้วยคำพูดหวานหูทั้งหลายแหล่เพื่อให้ผมไม่ต้องเสียน้ำตามากไปกว่านี้  “โอ๋ๆ คนดี อย่าร้องซิฮะ  อย่าเพิ่งคิดมาก แล้วก็เลิกโทษตัวเองได้แล้วฮะ เดี๋ยวพอเค้ากลับถึงบ้านคืนนี้ เค้าจะรีบกลับไปคุยกับคุณป๋า และทุกๆคนอีกที เค้าว่า เค้าน่าจะกล่อมคุณป๋าได้แน่ๆฮะ...เชื่อเค้าเถอะนะ” น็อตพูดพลางก็เอามือลูบหัวลูบหูผมไปทั่วราวกับว่าพ่อคุณ ก็ทำตัวไม่ค่อยจะถูกนักในสถานการณ์ที่ผมอ่อนแอเช่นนี้

ผมพยายามกลั้นน้ำตา แล้วถามออกไปด้วยน้ำเสียงงอแงเหมือนเด็กๆที่ถูกขัดใจ “ถ้างั้นคืนนี้เราก็ไม่ได้นอนด้วยกันอีกคืนแล้วซิ ฮึก”

น็อตเชยคางผมแล้วเอาปลายนิ้วเช็ดหยาดน้ำตาที่แก้มทั้งสองข้างอย่างแผ่วเบา ระหว่างพยายามพูดจาปลอบใจผมในแบบที่เขาถนัด “ก็คงจะอย่างงั้นแหละฮะ แต่แค่คืนเดียวฮะ...รับรอง เดี๋ยวพรุ่งนี้เค้ากลับมานอนด้วยน้า คืนพรุ่งนี้เค้าจะชดเชยคืนที่เราไม่ได้นอนด้วยกันแบบทบต้นทบดอกจนเตงต้องร้องขอให้เค้าหยุดเลยล่ะ หึ หึ”  เมื่อพูดจบ พ่อคุณก็ยิ้มหวานให้ผม พร้อมๆกับยักคิ้วหลิ่วตาให้ผมเสียยกใหญ่


จะว่าขำก็ขำ จะว่าเศร้าก็เศร้า... เพราะผมเกิดรู้สึกหวิวในใจขึ้นมาทันทีที่เห็นน็อตทำหน้าตาแบบนี้...
...ถ้าเกิดคืนนี้กลายเป็นคืนสุดท้ายที่เราจะได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองแบบนี้ล่ะ??
...ถ้าเกิดน็อตกลับบ้านไป แล้วไม่ได้กลับมาที่นี่อีกเลยล่ะ??
...ถ้าเกิดน็อตกลับไป แล้วคุณป๋าบังคับให้ต้องแต่งงาน และอยู่กินกับน้องจินนี่อะไรนั่นไปตลอดชีวิต...แล้วผมล่ะ ผมจะอยู่อย่างไร???!!  ไม่เอานะ...ผมไม่อยากให้น็อตกลับบ้านเลย...


ผมทุบอกของน็อตเบาๆพลางต่อว่าอย่างไม่จริงจังนัก ก่อนจะปิดท้ายด้วยการอ้อนวอนขอในสิ่งที่ไม่มีเหตุผลที่สุดเท่าที่ผมเคยร้องขออีกฝ่ายมาก่อน “ไอ้บ้า! ไอ้หัวจุกบ้า...ฮือออ....
.
...หัวจุก...
...คืนนี้เตงไม่กลับบ้านได้ไม๊? นะ นะ...นะหัวจุก  นะ...”

“ทำไมล่ะฮะ ทำไมอยู่เตงๆก็พูดจาเอาแต่ใจตัวเองโดยไม่มีเหตุผลอะไรแบบนี้ออกมากันล่ะฮะ?” น็อตถามในสิ่งที่ผมเองก็สังเกตเห็นเช่นกัน  แต่พอเรื่องทั้งหมดมันดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว หากต้องเลือกระหว่างเปิดอกและบอกความรู้สึกนึกคิดทั้งหมดที่อยู่ในใจ กับสูญเสียน็อตไป โดยไม่มีวันหวนกลับมาเจอกันอีกเลย....แน่นอนว่า ผมต้องเลือกอย่างหลังอยู่แล้ว

ผมมองหน้าน็อตผ่านม่านน้ำตาที่หนาขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างนั้น ปากของผมก็เอ่ยสิ่งที่ผมคิดข้างในออกมาอย่างไม่นึกอาย “ก็เค้ากลัวหนิ......เค้ากลัวว่า ถ้าเตงกลับบ้านไปคืนนี้ เตงจะไม่ได้กลับมาหาเค้าอีกเลย ฮึก ฮึก” พอคิดว่าจะไม่ได้เจอน็อตอีกเลย ผมก็กลายเป็นเด็กขี้แยขึ้นมาเสียดื้อๆ  ผมร้องไห้จนตอนนี้เริ่มจะมองไม่เห็นหน้าน็อตได้ชัดอีกต่อไปแล้ว

น็อตพยายามทั้งปลุก ทั้งปลอบผมผ่านทั้งน้ำเสียง คำพูดเอาอกเอาใจ และอ้อมกอดที่ไม่ยอมปล่อยให้ผมห่างจากกายเขาไปไหนไกลๆ “ไม่เอานะฮะ ไม่เอา...เตงอย่าคิดมากไปซิฮะ......โอ๋ โอ๋ หัวจุกก็อยากอยู่กับขนุนคนดีน้า  แต่หัวจุกจำเป็นต้องกลับบ้าน เพราะหัวจุกยังต้องเคลียร์กับคุณป๋าให้รู้เรื่อง ขนุนคนดีเข้าใจหัวจุกใช่ไม๊ฮะ?”

“ฮึก ฮึก...เค้ารู้สึกไม่ดีเลย เค้าไม่อยากให้เตงกลับบ้านเลยไม่รู้ทำไม” ผมตอบอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นตามความรู้สึกและสังหรณ์ด้านลบที่เอาแต่หลอกหลอนผมอยู่ในตอนนี้

พอได้โอกาส น็อตก็พยายามเปลี่ยนเรื่องทันที“สงสัยเพราะเตงคิดถึงเค้าแน่ๆเลยใช่ม่า? เพราะที่ผ่านมา เราก็ไม่ได้นอนด้วยกันมาตั้งหลายคืน แถมยังไม่ได้เจอหน้ากันมาตั้งหลายวัน  แล้วพอได้เจอหน้ากัน ก็ดันกลับจะไม่ได้อยู่ด้วยกันซะอีก”

“ฮื่ออออ...เค้าคิดถึงเตงมากเลยล่ะ เค้านะ เฝ้าคอยภาวนาให้เตงกลับมาง้อเค้าเร็วๆ ทั้งๆที่ก็รู้ว่า เค้าเองนี่แหละที่เอาแต่คอยหลบหน้าเตงอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้เค้ารู้ซึ้งแล้วนะว่า...ไม่ใช่แค่เตงหรอก ที่นอนไม่หลับเวลาที่เราสองคนไม่ได้นอนด้วยกัน เพราะตั้งแต่วันที่เค้าขอให้เราห่างกันน่ะ เค้าก็เพิ่งรู้ตัวว่า การนอนคนเดียวมันทรมาน และเป็นเรื่องยากมากแค่ไหน” ผมยอมรับกับน็อตไปซื่อ นี่ถ้าน็อตหลอกถามเรื่องอื่นๆที่ลึกซึ้งยิ่งกว่านี้จากปากผม รับรองเลยว่า...ผมยอมพูดหมดเปลือกแน่ๆ ขอแค่ให้ผมได้คุยกับน็อตแบบนี้ไปเรื่อยๆก็พอแล้ว

“เอาอย่างงี้แล้วกัน เดี๋ยวเค้ากล่อมเตงนอนก่อน แล้วเค้าค่อยกลับดีไม๊ฮะ?” น็อตสรุปพลางอุ้มร่างผมมาวางลงอย่างนุ่มนวลบนเตียง ก่อนที่พ่อคุณจะโอบกอดผมเอาไว้เหมือนกับที่เราชอบทุกครั้งที่จะหลับตานอน

“หัวจุก...เค้าไม่อยากเลิกกับเตง เค้าไม่อยากให้เตงแต่งงาน เค้าไม่อยากเสียเตงไป ฮือออ” ด้วยความกลัวกับเรื่องที่คุณป๋าเพิ่งจะตัดสินใจอย่างสดๆร้อนๆเมื่อหัวค่ำวันนี้ ผมเลยเริ่มร้องงอแงออกมาอย่างเอาแต่ใจที่สุดอีกครั้ง และนั่นก็ทำให้ร่างหนากำยำที่ผมรักเหลือเกินต้องออกแรงปลอบเด็กโยเยอย่างผมอีกคำรบหนึ่ง

“ชู่ว์ อย่าร้องน้า คนดีของหัวจุก อย่าร้องน้า... เรื่องมันคงจะไม่ร้ายแรงถึงขั้นนั้น คุณป๋าไม่น่าจะใจร้ายกับเราสองคนได้ขนาดนั้นหรอกฮะ ที่สำคัญ...ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต เค้าก็ไม่มีวันที่จะยอมเลิกกับเตงเป็นอันขาด”

ผมยิ้มทั้งน้ำตาเมื่อได้ยินคำมั่นของน็อต ถึงอย่างนั้น ผมก็อดถามด้วยความกังวลออกไปไม่ได้ “แต่ถ้าที่คุณเนยบอกเป็นเรื่องจริงล่ะ... ถ้าคุณป๋าไม่ยอมเปลี่ยนใจง่ายๆ แล้วบังคับให้เตงต้องแต่งงานกับน้องจินนี่อะไรนั่นจริงๆ เรื่องของเราสองคน ก็คงต้องถึงคราวจบลงในที่สุด”

“แต่งได้ก็เลิกได้ฮะ ถ้าเค้าต้องแต่งงานจริงๆ เค้าก็จะรีบแต่ง แล้วก็รีบหย่า...เค้าจะได้กลับมาหาเตง มาอยู่กับเตงไง” น็อตพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆราวกับไม่คิดมากอะไร ทั้งๆที่สิ่งที่น็อตเพิ่งพูดออกมา มันทำร้ายหัวใจผมไปเกือบทั้งดวง


...ผมคงทนไม่ได้ หากต้องอยู่โดยที่รู้ว่าน็อตหายหน้าไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น...
...ผมจะใช้ชีวิตแบบไหน หากต้องคอยระแวงอยู่ตลอดเวลา เพราะกลัวว่า น็อตอาจจะเผลอเปลี่ยนใจ หลังจากที่ต้องอยู่ใกล้ชิดกับผู้หญิงที่คุณป๋าเลือกให้อย่างไม่มีทางเลือก...
...แน่นอนว่า ระหว่างนั้น ทุกๆเช้าที่ผมตื่นลืมตา ผมก็จะเอาแต่เฝ้าโทษตัวเองซ้ำๆโดยไม่อาจอยู่เป็นสุขได้...
...ไม่เอา เค้าไม่อยากให้เตงแต่งงาน... ถึงเตงจะบอกว่าเตงจะเลิกกับน้องจินนี่อะไรนั่นก็เถอะ!!


“ฮือ  ฮึก ฮึก...แล้วระหว่างนั้นล่ะ? เค้าจะอยู่ได้ยังไง? เค้าจะทำใจให้สงบได้ยังไง  ในเมื่อเค้ารู้อยู่เต็มอกว่าคนที่เค้ารักต้องไปอยู่กินกับคนอื่น... ฮือออออ” ผมโผเข้าไปกอดน็อตเอาไว้แน่น เพื่อเป็นการบอกให้อีกฝ่ายรับรู้ผ่านการกระทำทางกายว่า ผมจะไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ ไม่ต่างอะไรกับอ้อมกอดของผมนี่  

“โอ๋ โอ๋ โอ๋...คนเก่งของหัวจุก ชู่วว์...อย่าร้องไห้เลยฮะ  เอาอย่างงี้แล้วกัน...ถ้าเค้าต้องแต่งงานกับน้องจินนี่อะไรนั่น เค้าก็จะแค่แต่งๆไปเพื่อให้คุณป๋าพอใจ แล้วก็ย้ายออกมาอยู่กับเตงที่นี่ โดยไม่กลับไปที่บ้านอีกเลย เค้าจะได้ไม่ต้องไปเจอกับน้องจินนี่ เตงก็จะได้ไม่ต้องกังวล...เตงว่าเข้าท่าดีไม๊ล่ะฮะ?” น็อตพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆจนทำให้ผมชักจะแปลกใจในความสุขุมของพ่อคุณขึ้นมาดื้อๆ

ผมว่าอีกฝ่ายออกไปทันทีที่ได้ยินสิ่งที่น็อตตอบ “บ้าเหรอเตง!! ทำเหมือนเค้าเป็นเมียน้อย ต้องอยู่กินกันแบบลับๆล่อๆ แล้วเราสองคนจะมีความสุขได้ยังไงกัน? คุณป๋า กับคุณบี๋ และพวกคุณๆที่บ้านเตงจะไม่กลุ้มใจกับสิ่งที่เตงทำหรอกเหรอ?”

“ถ้างั้น...เอาเป็นว่า  เค้าสัญญาว่าเค้าจะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อหาทางยกเลิกงานหมั้น งานแต่งกับน้องจินนี่ให้จงได้”


...น่าแปลก ทั้งๆที่หากเกิดเรื่องคอขาดบาดตายขนาดต้องเลิกรากับผมอยู่รอมร่อแบบนี้  เขาไม่น่าจะทำตัวปกติได้...
...หรือมันเป็นเพราะผมกำลังแย่ จนน็อตต้องพยายามปรับอารมณ์ให้มั่นคงเพื่อปลอบใจผมจนหายกังวลกันนะ?!...
...เอ หรือมันจะเป็นเพราะน็อตมั่นใจว่า ตัวเองจะเปลี่ยนใจคุณป๋าได้ ถึงได้ไม่ดูกังวลมากนัก?!...


เพราะผมไม่หลงเหลือความมั่นใจใดๆอีกแล้ว ผมเลยอดถามอีกฝ่านออกมาไม่ได้ “แต่ถ้าเตงทำไม่สำเร็จ...

น็อตพูดแทรกออกมาทันที คราวนี้ ผมว่าเขาพูดความจริงที่ดูจะมีความเป็นไปได้มากที่สุด “ถ้าเค้าทำไม่สำเร็จ...เค้าขอให้เตงสัญญากับเค้าได้ไม๊ฮะว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เตงก็จะเชื่อใจเค้า ว่าเค้าจะรักเตงแค่เพียงคนเดียวไปตลอด   และต่อให้เค้าต้องแต่งงานกับคนอื่น เตงจะรอเค้า และจะทำทุกอย่างเพื่อประคับประคองให้ความรักของเราอยู่รอดตราบจนถึงวันที่เค้าจะกลับมาเป็นของเตงอีกครั้ง... เตงสัญญากับเค้าได้ไม๊ฮะ?”

“ฮืออออ...เค้าสัญญา เค้าสัญญาว่าเค้าจะรัก และรอเตง.... เค้าจะภาวนาให้คุณป๋าเปลี่ยนใจ ยอมให้เราสองคนได้รักกัน ได้อยู่ด้วยกันโดยที่เตงไม่ต้องไปแต่งงานกับใคร ฮึก ฮึก...ใครที่ไม่ใช่เค้า ฮือออออ” ผมเผลอร้องไห้ออกมาอีกครั้ง เมื่อต้องคิดว่าผมจะเสียน็อตไปให้คนอื่นชั่วคราว โดยที่ผมไม่อาจจะทำอะไรได้ และผมจะกลายเป็นแค่คนนอกที่ไม่มีสิทธิ ไม่มีเสียงอะไรในตัวน็อต ทั้งทางพฤตินัย และนิตินัย

“...เตงรู้ไม๊ฮะว่า หลังจากที่เราต้องห่างกันไปหลายวัน เค้าไปนั่งคิดนอนคิดอยู่หลายตลบ แล้วก็ได้คำตอบว่า สิ่งที่เค้าอยากให้เกิดที่ขึ้นที่สุดในตอนนี้ก็คือ  เค้าอยากให้เมืองไทยยอมให้ผู้ชายสองคนแต่งงานกันได้ตามกฏหมายซะจริงๆ  เค้าจะได้แต่งงานกับเตงให้รู้แล้วรู้รอดไปตั้งแต่วันที่เราตกลงเป็นแฟนกันโน่นแล้ว ทีนี้ ก็จะไม่มีใครมาบังคับให้เค้าต้องไปแต่งงานกับใครหน้าไหนได้อีก...
.
.
...ตั้งแต่วันที่เค้าได้สัมผัสการความสูญเสีย ถึงมันจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆที่เราจะไม่ได้เจอหน้ากัน...
...มันทำให้เค้าตระหนักได้ว่า เค้าอยากเป็นเจ้าของเตงทั้งกายและใจอย่างถูกต้องตามกฏหมาย ถูกทำนองคลองธรรม และถูกใจครอบครัวของเราทั้งสองอย่างที่สุด เพื่อที่เราจะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขไปตลอด” สุดหล่อของผมพูดพลางจ้องมองเข้ามาในตาผมนิ่งๆ ผมเห็นแววตาหลากหลายเปลี่ยนไปมาระหว่างที่เขาร่ายถึงสิ่งที่เขาปรารถนามากที่สุดให้ผมรับฟัง ทั้งความเสียใจ ความหวัง ความผิดหวัง ความสุขสม ความท้อแท้ และความรู้สึกปลีกย่อยอีกมากมาย ซึ่งผมแน่ใจว่า...สิ่งที่เขาเห็นในดวงตาของผมในช่วงเวลานั้น ก็คงจะไม่ต่างกันมากสักเท่าไร

“ฮึก ฮืออออ...เค้าก็อยากให้มันเป็นอย่างงั้น เค้าอยากเป็นคนของเตง เค้าอยากเป็นคนที่อยู่เคียงข้าง คอยดูแล เอาใจใส่เตงไม่ห่างไปไหนทั้งในยามสุขและยามทุกข์...อยากเติบโต และแบ่งปันความสุขไปด้วยกันจวบจนวันสุดท้ายของชีวิตเรา”

เมื่อผมพูดในสิ่งที่ผมต้องการมากที่สุดออกมา น็อตก็นิ่งไปครู่ใหญ่ แล้วจึงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังจนตัวผมเองยังตกใจ “ขนุนฮะ”

“หื้ม?” ผมเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของอีกคนที่กำลังจ้องมองดวงตาช้ำๆของผมอย่างแน่วแน่ เสียงทุ้มๆน่าฟังของน็อตพูดต่อเนื่องอย่างเป็นจังหวะจะโคน และฟังชัดเจนก้องไปทั้งใจผม

“ช่วยลืมเรื่องที่เกิดขึ้นไปทั้งหมดไปก่อนซักพักได้ไม๊ฮะคนดีของหัวจุก?...” ผมพยักหน้าให้น็อตเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาร้องขอ และตั้งใจฟังประโยคถัดไปของเขาอย่างตั้งใจ
.
.
น็อตสูดลมหายใจเข้าลึกกว่าครั้งไหนๆที่ผมเคยเห็น ก่อนจะนิ่งไปสักพักเหมือนกับกำลังทำสมาธิอย่างหนัก แล้วจึงค่อยๆถามคำถามที่น่าฟังที่สุดในชีวิตผม “เค้าอยากให้เตงตอบคำถามแค่ข้อเดียวของเค้าว่า ถ้าสิ่งที่เราต้องการเมื่อครู่เป็นไปได้...เตงจะอยากแต่งงานกับเค้าไม๊?”

แม้ว่าเรื่องในคืนนี้จะหนักหนาสักเพียงไหน แต่พอคิดว่า น็อตถามเรื่องแต่งงานกับผมด้วยน้ำเสียง สีหน้า และท่าทางจริงจังอย่างที่สุด ผมก็อดตื่นเต้นขึ้นมาไม่ได้ “อยากซิ เค้าอยากแต่งงานกับเตงที่สุดเลยล่ะ” ผมยิ้มให้น็อตอย่างมีความสุขที่สุดหลังจากที่ตัวเองตบปากรับคำของอีกฝ่ายออกไปอย่างเต็มใจ
.
.
.
น็อตยิ้มกว้างให้ผมด้วยใบหน้าดีใจอย่างที่สุด จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงปลาบปลื้มจนผมอดซึ้งขึ้ยมาไม่ได้ “ถ้างั้น...เราแต่งงานกันนะฮะ”

ผมมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า ต่อให้อีกกี่ปีผ่านไป ประโยคสั้นๆได้ใจความประโยคนี้ของน็อต จะยังดังก้องกังวานอยู่ในความทรงจำของผมไปตลอด เพราะมันเป็นสิ่งที่ผมโหยหา และเฝ้าคิดอยู่เสมอว่า...หากผมกับคนรักได้ผูกพันกันด้วยคำสัญญาว่า เราทั้งสองพร้อมจะใช้ชีวิตต่อจากนี้ ด้วยการเป็นบุคคลเดียวกันด้วยความรักที่เราทั้งสองมีต่อกัน ความซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตนเอง และความตั้งมั่นจากใจจริง ความรักของเราก็จะอยู่คู่เราสองคนไปจนนิรันดร์กาล


ผมยิ้มให้อีกคนด้วยความยินดีไม่แตกต่างกัน ก่อนจะรับคำสุดที่รักของผมอย่างชื่นมื่น “ฮื่อ...เราแต่งงานกันเถอะหัวจุก”

แต่ยังไม่ทันจะได้ซึ้งต่อเนื่องไปถึงไหนๆ พ่อคุณก็พูดจาตามสไตล์ชวนให้ผมยิ้มออกมาอีกครั้งอย่างข่วยไม่ได้ “อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะฮะ...ขอเค้าข้ามพิธีไปจูบเจ้าสาวเลยได้ไม๊ฮะ?” พูดจบ ใบหน้าหล่อเหลาแม้ในยามไร้แสงไฟภายในห้องผมก็ยื่นเข้ามาในระยะประชิด เพื่อรอที่จะทำตามคำขอที่พ่อคุณเพิ่งจะบอกอย่างเอาแต่ใจออกมาเมื่อครู่

ผมที่ทั้งน้ำตาไหลด้วยความซาบซึ้ง ไปพร้อมๆกับหัวเราะกับความทะเล้นไม่เป็นเวล่ำเวลาของพ่อคุณก็อดว่าคนหน้าเป็นออกมาไม่ได้ “ฮึก หึ หึ...ไอ้หัวจุกบ้า! ได้ข่าวว่ามากกว่านี้...ก็ทำมาแล้วไม่ใช่เรอะ?!”  




สิ้นคำ...ริมฝีปากของเราทั้งสอง ก็ประกบกันสนิทแน่น ราวกับไม่อยากจะปล่อยให้อีกฝ่ายต้องหายไปจากสายตา...
ปลายลิ้นของเราทั้งสอง เป็นตัวแทนของสายใยที่เชื่อมกายและใจของเราเอาไว้ด้วยกัน...  
นับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป...เราทั้งคู่ ได้พร้อมใจผสานวิญญาณจนกลายเป็นคนๆเดียวกัน  และจะไม่มีวันที่ใครหน้าไหน จะพรากเราสองคนออกจากกัน หรือทำให้ใจเราเปลี่ยนผันเป็นอื่นไปได้อีกแล้ว




๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

No comments:

Post a Comment