บทรุกที่ 36: น้ำมาปลากินมด น้ำลดมดกินปลา
(น้ำมาปลากินมดน้ำลดมดกินปลา
:โอกาสของใครหรือจังหวะดีของใคร ฝ่ายนั้นก็ย่อมชนะความหมายอย่างเดียวกับคำว่า
" ทีใคร ทีมัน ")
(น็อต)
ระหว่างปล่อยให้ดวงตาทั้งสองไล่มองผิวขาวเนียนละเอียดของเรือนร่างบางที่กำลังนอนหลับตาหายใจสม่ำเสมออยู่บนเตียงในห้องนอนของตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้าแบบซ้ำไปซ้ำมาอย่างอิสระ
ผมก็เผลอถอนหายใจออกมาดังๆเป็นครั้งที่เท่าไรของวันแล้วก็ไม่รู้...
...สรุปว่า
ไอ้วิธีกลั่นแกล้งขนุนที่ผมทำกับเขาไปก่อนหน้านี้แม่งรุนแรงเกินไปรึเปล่าวะ? กระทู้ในเน็ตแม่งก็เสือกไม่ได้เขียนบอกเสียเอาไว้ด้วยนี่หว่าว่า
ถ้าฝืนไม่หลั่งนานเกินไปจะส่งผลให้เป็นลมหรือหมดสติ... เอ หรือมันเป็นเพราะผมศึกษาข้อดี-ข้อเสียมาไม่ครบ ที่ดันมาเจอเข้ากับร่างกายขนุนในภาวะอ่อนเกินเหตุเข้าเสียอีก
เลยทำให้เมียผมหน้าคว่ำหลับไปทั้งที่ยังไม่เสร็จดีอย่างเมื่อกี๊วะ?
แต่ก็ช่างแม่งเถอะ...เพราะไหนๆเรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว
จะมานั่งฟื้นฝอยหาตะเข็บให้ฉี่เหลืองเป็นบ้าไป ก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น เอาเป็นว่า
รอให้เราสองคนพร้อมทั้งกายและใจมากกว่านี้
ค่อยกลับมาเล่นสนุกกับบรรดาของเล่นชั้นดีกันอีกทีเมื่อไรก็ได้
อีกอย่าง..ผมมีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่าจะต้องทำให้สำเร็จ ก่อนที่ขนุนจะลืมตาตื่นขึ้นมา
เมื่อรู้ตัวแน่ว่าจะไม่ได้นั่งมองคนหลับปุ๋ยอีกพักใหญ่ ผมเลยส่งปลายนิ้วมือไปไล้เบาๆไล่ตามโครงหน้าเล็กๆของเมียด้วยสัมผัสอันรักใคร่และหวงแหนอีกครั้ง
แล้วจึงลุกผละจากเตียงไปคว้าโทรศัพท์และบุหรี่เดินออกไปยังระเบียงห้องฝั่งสระว่ายน้ำอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจนัก
(ขนุน)
เมื่อผมลืมตาขึ้นอีกครั้ง
ก็เห็นใบหน้าหล่อๆของน็อตกำลังก้มลงมองหน้าผมอยู่ไม่ห่าง สายตาและสีหน้าของพ่อคุณดูออกจะตื่นเต้นและดีใจมากหลังจากรู้ว่าผมได้สติแล้ว
พอสัมผัสได้ว่าอีกคนเลิกวางท่าทำหน้าบึ้ง ผมก็ยิ้มเต็มหน้าออกมาทันทีอย่างที่ห้ามตัวเองไม่ได้
แขนแข็งแรงทั้งสองทั้งประคอง
ทั้งโอบอุ้มร่างผมให้ลุกขึ้นนั่งเอาหลังพิงหัวเตียงเอาไว้
พลางส่งเสียงถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงโดยไม่รอช้า “ตื่นแล้วเหรอฮะ?
รู้สึกยังไงบ้างฮะ?”
“เมื่อกี๊เค้า...
ผมถึงกับตกใจที่รู้ว่าเสียงที่ดังออกมาจากลำคอของตัวเองแหบพร่าเหมือนคนเส้นเสียงป่วย
สงสัยว่าตอนเข้าด้ายเข้าเข็มแบบน็อนสต็อปเมื่อตอนนั้นจะทำเอาผมเค้นเสียงที่มีทั้งหมดมาใช้ไปจนไม่เหลืออีกต่อไปแล้วล่ะมั้ง
“เตงหน้ามืด
หมดสติไปพักนึงน่ะฮะ”
ความพยายามในการออกเสียงถามอีกฝ่ายให้แน่ใจถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นหลังจากบทรักอันเร่าร้อนรุนแรงระหว่างผมกับน็อตมีอันต้องเป็นหมันไป
เพราะสุดหล่อชิงตอบผมออกมาด้วยความเร็วไวกว่าแสง
ผมเข้าใจว่า ที่พ่อคุณรีบตอบออกมาอย่างลุกลี้ลุกลนแบบนี้ นี่น่าจะเป็นเพราะสภาพเสียงของผมนี่แหละ
ผมมองหน้าน็อตนิ่งๆอยู่นานเพื่อประเมินสถานการณ์ในภาพรวม
โดยในขณะเดียวกันนั้นเอง ผมก็เฝ้ากลืนน้ำลายอึกแล้วอึกเล่าเพื่อเรียกให้เสียงกลับเข้าที่ได้เหมือนเดิม
เมื่อเห็นว่าสุดหล่อกำลังจ้องผมในทุกๆท่วงท่าด้วยสายตาแป๋วแหวว ผมจึงถามเลียบๆเคียงๆเพื่อเปิดบทสนทนากับพ่อเจ้าประคุณอย่างไม่คิดรีรอ
“น็อต...เตงโอเครึยัง?”
คนฟังเอี้ยวตัวหันไปหยิบแก้วน้ำตรงหัวนอนมาส่งให้ผม
แล้วพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มๆน่าฟังเหมือนเมื่อก่อนอย่างไม่มีผิดเพี้ยน “เตงกินน้ำก่อนนะ
เดี๋ยวเราค่อยคุยกัน”
“เค้าขอโทษ...ที่เค้าทำเกินไป”
ผมเอ่ยทันทีเมื่อภายในคอได้รับความชุ่มชื้นกลับคืน
หลังจากที่พูดถ้อยคำที่ผมต้องการมากที่สุดอย่างที่หมายมั่นแล้ว ผมก็ตั้งหน้าตั้งตารอฟังสิ่งที่น็อตจะตอบผม...
...คำพูดชี้ชะตาที่ท่านกำลังจะได้ยินหลังจากนี้ ได้แก่...
“เค้าก็ขอต้องโทษเหมือนกันฮะ
เค้าเอาแต่หึงงี่เง่ามาตลอด ทั้งที่เตงเคยขอให้เค้าเลิกนิสัยนี้ตั้งแต่แรกที่เราคบกัน”
น็อตพูดเสียงอ่อนด้วยสีหน้าสำนึกผิด
ด้วยความโหยหาความอบอุ่นของร่างตรงหน้ามาโดยตลอด ผมเลยทำตามใจตัวเองด้วยการเอนตัวซบลงไปที่อกของพ่อคุณทันที
และดูเหมือนอีกฝ่ายก็กำลังรอจังหวะเริ่มต้นที่จะทำแบบนี้อยู่เช่นกัน
เพราะเมื่อผมแนบใบหน้าลงตรงอกแกร่ง
แขนทั้งสองของสุดหล่อก็โอบรอบตัวผมเอาไว้แนบกายเหมือนกับไม่อยากจะให้ห่างไปไหน
พอเริ่มจะใจชื้นกับปฏิกิริยาของพ่อคุณ
ผมก็รีบตอบคำเพื่อทำให้อีกฝ่ายสบายใจตามความรู้สึกที่อยู่ข้างในจริงๆ “เตงไม่ต้องขอโทษหรอก...ความผิดส่วนนึงน่าจะมาจากเค้า ที่ผ่านมา เค้าคงทำให้เตงไว้ใจไม่ได้มากนัก
เตงถึงได้ต้องหึงเค้าอยู่ตลอดเวลาแบบนั้น”
เสียงตอบของน็อตดังทุ้มเข้าข้างๆหูด้วยความนุ่มนวลและชัดเจน
หากแต่ความหมายของถ้อยคำกลับพุ่งตรงทะลุเข้ากลางหัวใจผมจนผมเกิดสะอึก “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกฮะ
เค้าเองนี่แหละ ที่หึงมากไป...
.
.
...เตงทำตัวยังไง
มั่นคงแค่ไหน เค้าก็รู้อยู่แก่ใจดี...
...แต่มันเป็นเพราะ
ตลอดมา...เค้าไม่เคยรักใครมาก่อนในชีวิต เค้าเลยไม่รู้ว่า เวลามีคนรักซักคน เค้าควรต้องทำตัวยังไง
เค้าบอกเตงเอาไว้ตรงนี้เลยนะฮะว่า หลังจากที่เราสองคนคบกัน เค้าก็เริ่มรู้สึกกลัวว่า
วันนึงเค้าอาจจะเสียเตงไปให้ใครคนอื่น...
.
...เตงรู้ไม๊
ยิ่งเค้าอยู่กับเตงมากเท่าไร เค้าก็ยิ่งเห็นถึงความน่ารัก ความเซ็กซี่ แถมตัวยังดูดีและดึงดูดสายตาคนอื่นมากขึ้นเท่านั้น
นั่นเลยทำให้เค้าเกิดหวั่นว่า วันไหนซักวัน อาจจะมีผู้ชายคนอื่นมองเห็นสิ่งที่ตัวเป็น
จนเกิดสนใจและอยากจะเข้าหา เข้ามาหลอกล่อเตงเหมือนที่เค้าเคยทำ แล้ววันนึง...เตงก็จะเปลี่ยนใจไปหาคนที่ดีกว่าเค้าก็ได้”
เท่าที่ฟังคำสารภาพของน็อต
ผมก็ชักจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนขึ้นมาเสียแล้วสิว่า
การเริ่มความสัมพันธ์กับผมโดยการยกข้อตกลงลวงโลกมาบังหน้า
ก่อนสานสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวจะเป็นชนักติดหลังที่ทำน็อตเสียศูนย์มาโดยตลอด และไอ้ความละอายใจของเขาในข้อนี้
คงจะหยั่งรากฝังลึกเสียจนเจ้าตัวเกิดปักใจเชื่อไปร้อยเปอร์เซนต์ล่วงหน้าว่า ไม่วันใดก็วันหนึ่ง
เขาเองก็มีสิทธิจะเสียผมไปให้ใครคนอื่นได้ง่ายๆด้วยกลยุทธเดียวกันอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ดี...มันได้สะท้อนให้ผมเห็นความจริงข้อหนึ่ง
นั่นคือ...ไม่ว่าเราสองคนจะพยายามแสดงออกให้อีกฝ่ายได้รับรู้ถึงความรักที่เรามีต่อกันมากแค่ไหน
แต่ความรู้สึกของเราก็ไม่อาจเดินทางไปถึงใจของอีกคนได้เท่าที่ใจปรารถนา เนื่องจากพื้นที่ในหัวใจส่วนหนึ่ง
กลับถูกความกังวลและไม่แน่ใจในความรู้สึกของอีกฝ่ายเข้ายึดครองและปลุกปั่นเสียจนหัวใจของผมกับน็อตเกิดไหวหวั่นและสับสนกันไปคนละทิศละทาง
ด้วยเพราะเราทั้งคู่ไม่เคยเปิดเผยความรู้สึกอันอ่อนไหวต่างๆนาๆให้อีกฝ่ายได้รับรู้เลยแม้เพียงสักครั้ง
ผมว่า
มันสมควรแก่เวลาแล้วล่ะ ที่เราจะเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้ง โดยที่คราวนี้...เราควรจะพูดในสิ่งที่เราคิดจริงๆออกมาให้อีกฝ่ายได้รับฟังเสียที “ขอบคุณมากนะเตง ที่เตงรักเค้ามากขนาดนี้...
ยิ่งฟังเตงพูดเมื่อกี๊ เค้าก็ยิ่งรู้สึกไม่ดีไปกันใหญ่...
.
...สิ่งที่เตงพูด
ทำให้เค้าก็รู้ซึ้งในทันทีเลยว่า ที่ผ่านมา...ในฐานะคนรักของเตง เค้าบกพร่องต่อหน้าที่อย่างไม่น่าให้อภัย
เพราะเค้าไม่สามารถทำให้เตงรู้สึกมั่นใจในความรักที่เค้ามีให้เตงได้เลย...
.
...ซ้ำร้าย
ข้อผิดพลาดนี้ยังส่งผลร้ายแรง จนเตงต้องคอยเป็นกังวล เอาแต่คิดไปเองคนเดียวว่า เค้าจะเปลี่ยนใจไปหาคนอื่นได้ง่ายๆเพียงชั่วข้ามวัน
ซึ่งในท้ายที่สุด...มันก็ได้กลายเป็นชนวนหลักที่นำไปสู่อาการหึงหวงเค้าอย่างหน้ามืดตามัวด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องครั้งแล้วครั้งเล่า
ทั้งๆที่เอาเข้าจริง นอกไปจากเตงแล้ว เค้าก็ไม่เคยชายตามองใครคนไหน
เพราะเตงคือผู้ชายเพียงคนเดียวที่ทำให้เค้าหลงใหลใฝ่หา ปราถนา
และรักได้อย่างไม่มีเงื่อนไข หรือข้อกังขาใดๆทั้งสิ้น...
.
.
...ในทางกลับกัน
สำหรับเค้าแล้ว ยิ่งเราคบกันนานมากขึ้นเท่าไร...ความกังวลเรื่องที่เตงจะเปลี่ยนใจไปมีคนใหม่
หรือกลับไปหาสาวๆทั้งหลาย แทบไม่มีหลงเหลือจนเค้าไม่เคยต้องวิตกเลยแม้ซักครั้ง เพราะเตงทำให้เค้ารับรู้ได้ตลอดเวลาว่า
เตงจะรักเค้าเพียงคนเดียวเท่านั้น
และไม่มีวันที่เตงจะว่อกแว่กหรือหลงใหลได้ปลื้มใครคนอื่นที่ไม่ใช่เค้า...
.
...ที่เค้าพูดน่ะจริงรึเปล่าล่ะ?” พูดจบผมก็ช้อนสายตาขึ้นมองใบหน้าหล่อของน็อตที่กำลังก้มมองหน้าผมอย่างไม่คิดละสายตาไปไหน
ทันทีที่เราสบตากัน
ก็เรียกรอยยิ้มกว้างให้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพ่อเจ้าประคุณของผมได้อย่างง่ายดาย...
...ให้ตายสิ!! จะมีหนุ่มน้อยคนไหนยิ้มให้ผมแล้วชวนละลายได้เท่ารอยยิ้มของน็อตอีกไหม?! .....พ่อหนุ่มน้อยจ๊ะ
ต่อให้สังขารพี่ชายจะไม่เอื้อ แต่ถ้าเพื่อให้ได้มาซึ่งรอยยิ้มนั้น พี่ชายคนนี้ยินดีถวายร่างให้เป็นโชตะพลีที่หนุ่มน้อยจะกระทำย่ำยีเรือนกายของพี่ได้ทุกอย่างตามแต่ใจเลยล่ะ!
.
.
...อรั๊งส์!!...นอกจากผมจะบ้าการ์ตูนและหุ่นฟิกฯท่านลูฟี่กับผองเพื่อนแล้ว ผมยังจะอัพเลเว่ลความประหลาดด้วยการเพิ่มสกิลโชตะค่อนเข้ามาอีกหนึ่งหรอกหรือนี่?...
...อาห์...จบสิ้นกันที กับความฝันที่อยากจะเป็นแค่คนธรรมดา!!
ระหว่างที่หัวผมกำลังคิดบ้าบอไปเองคนเดียว
พ่อสุดหล่อก็ก้มหน้าลงมาบรรจงมอบจุมพิตเบาๆลงตรงหน้าผากของผม
ก่อนจะผละออกเพื่อเปลี่ยนเอาแก้มมาวางแนบหัวเหม่งของผมเอาไว้
จากนั้นจึงตอบผมด้วยน้ำเสียงชื่นมื่นฟังรื่นหัวใจ
“ฮะ...ตั้งแต่เจอเตง สายตาเค้าก็มองไม่เห็นใครนอกจากเตงอีกแล้วล่ะ...
.
...ถ้างั้นเอางี้แล้วกันฮะ
ต่อจากนี้เป็นต้นไป เตงต้องสัญญาว่าเตงจะรัก จะดูแล และเอาใจใส่เค้าให้มากๆ...
...เวลาเตงมีเรื่องอะไรไม่สบายใจ
เตงก็ต้องบอก ต้องคุยกับเค้าทันทีนะฮะ...
...รับรองเลยฮะว่า
ถ้าเตงแสดงออกทางความรักของเตงให้เค้ารู้ได้อย่างเด่นชัด และออกนอกหน้าซะขนาดนี้ ทั้งเค้าและเตงก็น่าจะเลิกกังวลได้ซะที
อีกอย่าง ถ้าเตงยอมทำถึงขนาดนี้แล้ว เค้ายังจะกล้าหึงเตงได้อีก
เตงเตรียมลงแส้หนังกลางหลังเค้าให้เค้าร้องไม่เป็นภาษาได้เลย”
พอน็อตพูดจบ
ผมถึงกับต้องรีบขืนผละตัวเองเพื่อเว้นระยะห่างจากใบหน้าพ่อหนุ่ม แล้วจ้องมองสุดหล่อเต็มๆตาเพราะไม่กล้าเชื่อในสิ่งที่เพิ่งได้ยิน
นี่ขนาดเรากำลังคุยกันด้วยเรื่องจริงๆจังๆแบบเปิดอกเป็นครั้งแรก...พ่อคุณก็ยังไม่วายจะหยอดเรื่องอย่างว่าในประเด็นที่เกี่ยวโยงกับ
SM ออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย
ยิ่งพอผมจ้องหน้าหล่อๆของพ่อเจ้าประคุณด้วยอย่างกินเลือดกินเนื้อ
จนลูกนัยตาแทบจะถลนออกมาจากเบ้าแบบนี้ อีกฝ่ายกลับไม่สนใจ
ไม่เท่านั้น น็อตยังกล้าทำหน้าทำตาทะเล้น แถมยังปิดท้ายด้วยการทำท่าหวดลมล้อผมเข้าให้อีก
ด้วยความอายและไม่สบอารมณ์
ผมเลยจะอ้าปากต่อว่าคนที่เล่นไม่รู้เวลา...แต่แล้วพ่อคุณก็พูดสวนออกมาด้วยประโยคที่ปรับอารมณ์ผมให้กลับไปอยู่จุดเดิมได้ในพริบตา
“หึ หึ หึ...เตงต้องหมั่นบอกรักเค้าบ่อยๆ
มองแต่เค้าคนเดียว... ดูแล เอาใจเค้า และไม่สนใจใครหน้าไหนอีกเลย
แค่นี้...เตงทำได้ไม๊ฮะ?” พูดจบ พ่อคุณก็ทำหน้าเป็น
หากแต่เอื้อมมือมาคว้าหลังมือผมไปพรมจูบเบาๆอีกครั้ง โดยไม่ละสายตาคมกริบไปจากผม
“ได้ซิ...”
สายตาเมื่อครู่ทำเอาผมสะเทิ้นอายจนรับคำพ่อคุณออกไปทันที
ก่อนที่สมองจะคิดประมวลความหมายของสิ่งที่น็อตเพิ่งจะเอ่ย จนต้องตัดพ้อตามออกมาอีกประโยคเพื่อท้วงติงสิ่งที่พ่อคุณร้องขอ
“...ฮึ! ทำอย่างกับว่าที่ผ่านมาเค้าไม่ได้ทำอย่างงั้นแหละ...
หรือที่เค้าทำมันยังไม่พอ ว่าไงฮะพ่อหัวจุก?” ผมเอื้อมมือไปหยิกแก้มทั้งสองข้างของพ่อเจ้าประคุณที่กำลังยิ้มกริ่มอย่างชอบใจด้วยความหมั่นไส้
พ่อแก้มใสสุดหล่อของผมก็ตอบกวนๆด้วยเสียงยานคางออกมา
เพื่อแหย่ผมให้ยิ่งหงุดหงิดไปกันใหญ่ “ม่าย...พอ...ฮะ...หึ หึ” พูดจบ มือหนาใหญ่ของสุดที่รักก็เอื้อมมาจับมือทั้งสองของผมชูขึ้นเหนือหัวตัวเองเอาไว้
ราวกับพ่อคุณกำลังใช้ตัวผมมาเล่นเป็นหุ่นเชิด แล้วจึงพูดเสริม พร้อมกับทิ้งท้ายด้วยการแกล้งทำเสียงหล่อๆ
ใหญ่ๆ ดังก้องที่มาพร้อมกับเสียงสะท้อนแบบเว่อร์ๆ “เตงต้องแสดงออกมากยิ่งกว่านี้ เตงต้องรักเค้าแบบออกนอกหน้า
ประมาณว่า..ชาตินี้ข้าจะขออุทิศชีวิต ร่างกาย
และหัวใจทั้งหมดให้กับท่านน็อตสุดหล่อคนนี้แต่เพียงผู้เดียว เดียว เดียว เดียว
เดียว” เมื่อเล่นสนุกจนหนำใจ
พ่อคุณก็เอาแขนทั้งสองข้างของผมมาคล้องคอตัวเขาเอาไว้แล้วยิ้มเผล่แบบหล่อบาดใจมาให้ผมทันที
พอโดนพ่อคุณทำตัวน่ารักใส่แบบนี้
ผมก็เขินทำตัวไม่ถูกกันเท่านั้นน่ะสิครับ
นั่นเลยส่งผลให้ผมทำเผลอทำตัวตรงข้ามกับสิ่งที่อยู่ในใจออกไปอีกครั้งด้วยการเอ็ดคนหน้าเป็นที่กำลังลอยหน้าลอยตาอยู่ใกล้ๆไปอย่างเสียไม่ได้
ทั้งที่ในใจนี่ชอบการกระทำทั้งหมดของพ่อคุณจนอยากจะยิ้มให้แก้มระเบิดกันไปข้าง “ไอ้หัวจุกบ้า!
เพ้อเจ้อ!...”
ระหว่างที่ปากตำหนิพ่อคุณไปอย่างนั้น
แต่ในหัวผมก็กำลังวาดภาพตัวเองจี๋จ๋ากับสามีอย่างน่าหมั่นไส้ไปเสียทุกที่แบบที่น็อตบรรยายมา
แล้วผมก็ได้ข้อสรุปว่า...สิ่งที่น็อตบอกก็ฟังเข้าท่าดีเหมือนกัน
เพราะนั่นหมายความว่า ถ้าผมทำอย่างที่น็อตขอ เขาก็จะไม่ต้องมานั่งสงสัย
หรือหึงหวงให้เหนื่อยใจ
ส่วนผมก็จะได้แสดงความเป็นเจ้าของพ่อเจ้าประคุณจนไม่เหลือใครหน้าไหนในโลกที่จะกล้าทึกทักเอาเองว่า
ผู้ชายคนนี้ยัง ‘ว่าง’
พอจะทาบทามได้อีกต่อไป
แถมผมยังได้กระชับความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคนได้ตลอดเวลาอีกด้วย
แต่เพื่อไม่ให้ผมดูว่าง่ายจนเกินไปนัก
ผมก็แกล้งถามออกไปทันที ทั้งที่รู้ดีว่าคำตอบของทั้งตัวเอง และน็อตจะเป็นอย่างไร “...ว่าแต่ ถ้าเค้าทำอย่างที่ตัวว่าจริงๆ
คนอื่นเค้าจะไม่ยี้คู่เราสองคนที่เอาแต่สวีทกันอยู่ตลอดเวลาหรอกเหรอ?”
ผมสังเกตน็อตมาหลายทีแล้วก็ได้ข้อสรุปข้อหนึ่งว่า
บทสนทนาระหว่างเซ็กส์ของเราสองคนที่เป็นช่วงเวลาที่แฟนผมผ่อนคลาย
เป็นตัวของตัวเองมากช่วงเวลาหนึ่ง โดยที่เขามักจะแสดงออกถึงความน่ารักและการแสดงความรักของเขาที่มีต่อผมอยู่ตลอดเวลาโดยไม่มีอารมณ์อย่างว่าเข้ามาเกี่ยวข้องเลยแม้แต่น้อย...
...ถ้าจะให้เจาะจง
ผมว่า น็อตเป็นคนมีเซ็กส์แบบหนักหน่วงจริงจัง คือ...ตลอดเวลาที่พ่อคุณร่วมรักกับผม
ถ้าไม่ใช่เซ็กส์แบบจานด่วน เขาจะไม่ทำรักแบบครึ่งๆกลางๆ ขาดๆเกินๆโดยปล่อยให้ผมและตัวเองค้างคาเป็นอันขาด
แต่พอเป็นช่วงพักเวลานอก...เจ้าตัวก็จะกลายเป็นแฟนที่น่ารัก และเฝ้าพูดจาหยอดแหย่ทำเอาผมเขินเป็นพักๆ
ไม่เท่านั้น...เขายังเฝ้าสัมผัสร่างกายของผมอย่างทนุถนอมและรักใคร่อยู่เสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกัน...
...สุดหล่อของผมก้มหน้าเข้ามาหาใบหน้าของผมใกล้ๆ
แล้วประกบริมฝีปากริมฝีปากบางแดงจัดของเขาลงบนปากของผมก่อนจะแช่เอาไว้พักหนึ่ง
แล้วจึงผละออกเพื่อถามเบาๆด้วยเสียงกระซิบแผ่วอย่างอ้อนๆ “(จุ๊บ) เตงแคร์เหรอครับ...หื้มมม?”
อยากจะบอกว่า
ทุกเมื่อที่น็อตทำแบบนี้กับผม...ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นหญิงสาววัยกระเตาะที่เพิ่งจะเริ่มมีความรักกับชายหนุ่มที่หล่อเหลาและเพอร์เฟคที่สุดในโลกหล้า
จนผมอยากจะลุกขึ้นมากรีดร้องแล้ววิ่งออกไปประกาศให้กับคนทั้งโลกได้รับรู้ถึงความน่ารักของแฟนตัวเองเสียเหลือเกิน...
...แล้วไอ้ประโยคเมื่อครู่นี้มันคืออะไร??
...ทำไมต้องมาพูดครับ แล้วหื้มในลำคอแบบหล่อๆใส่เค้าด้วย
ลำพังแค่ทำเสียงนุ่มๆ กระเส่าๆอยู่ใกล้ๆหน้านี่ยังกระชากใจเค้าไม่พออีกหรือไง?!
ทำไมต้องมาทำให้มันยิ่งพิเศษด้วยการพูดครับอ้อนๆกับเค้า เพื่อทำให้ยิ่งรู้สึกเป็นสาวไปกันใหญ่?..
...รู้ไหมว่าพอเค้าได้ยินเตงพูดแบบนี้
เค้านี่ถึงกับอ่อนระทวยย้วยไม่เป็นทรงจนอยากจะนอนลงบนฟูกเพื่อให้เตงช่วยปฐมพยาบาลให้สักรอบสองรอบ
รู้บ้างไหมเนี่ยะ?...ไม่เห็นใจเค้าบ้างเลยนะ คนบ้า!!
ผมเผลอหลบตาอีกฝ่ายพลางเม้มปากแน่นหลังจากได้ยินประโยคสั้นๆเมื่อครู่
แล้วจึงค่อยๆตอบคำถามของอีกฝ่ายอย่างระมัดระวังกิริยาอย่างที่ไม่ค่อยจะเป็นบ่อยนัก “อืมม...ก็ไม่นะ..เพราะเค้าแคร์เตงที่สุด”
เมื่อเห็นรอยยิ้มของอีกคนลอยเด่นอยู่จังจังตรงหน้า
ผมก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงหนักแน่นทันที “ต่อจากนี้ไปเค้าจะไม่ทำให้เตงสงสัยในความรักของเค้าอีกแล้ว
เค้าจะทำให้เตงรู้สึกว่าเป็นคนพิเศษที่สุดของเค้า
เค้าจะมีเตงอยู่ในสายตาเพียงคนเดียว เค้าจะรักเตงมากที่สุดเท่าที่คนๆนึงจะรักใครอีกคนได้”
สุดหล่อของผมยักคิ้วให้พลางทำหน้าภูมิอกภูมิใจในสิ่งที่เพิ่งได้ยิน
แล้วจึงยื่นหน้าเข้ามาใกล้เพื่อจูบผมเบาๆอีกครั้งด้วยสีหน้าเป็นสุขยิ่ง
ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง “(จุ๊บ) ฮ่าห์
ได้ยินอย่างนี้แล้วก็สบายใจ... ค่อยคุ้มกับการลดตัวไปก้มหัวร้องขอความช่วยเหลือของไอ้พี่เจี๊ยวอยู่ตั้งนานสองนานขึ้นมาหน่อย”
...ห๊ะ! เมื่อครู่นี้น็อตว่าอะไรนะ?!
...พี่เจี๊ยว อ๋อ...พี่เกี๊ยวน่ะเหรอ
ว่าแล้วเชียวว่าน็อตต้องลากพี่เกี๊ยวเข้ามาเอี่ยว เพราะร้อยวันพันปี
พี่เกี๊ยวไม่มีทางมาหาผมที่บ้านเพื่อชวนออกไปทานข้าว อีกอย่าง...พี่เกี๊ยวไม่มีทางเสียเวลาวันเสาร์อันมีค่าเพื่อขับรถจากบ้านที่ย่านฝั่งธนฯเพียงเพราะอยากจะมากินข้าวและคุยงานนิดๆหน่อยๆกับผมแล้วก็กลับบ้านไปเฉยๆอย่างวันนี้แน่
ผมเลยถามพ่อคุณที่ตอนนี้อุ้มผมไปนั่งลงเหนือตักแล้วกอดผมเอาไว้ทั้งตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“เอ๋?...ที่พี่เกี๊ยวชวนเค้าออกมากินข้าววันนี้...เตงรู้เห็นด้วยเหรอ?”
ร่างสูงหนาตอบพลางใช้ปลายนิ้วไล้ไปตามแผ่นหลังผมเบาๆจนขนอ่อนตามแขนของผมลุกเกรียวเป็นระยะๆ
“ก็แหงซิฮะ...ไม่งั้นเค้าจะมีโอกาสได้เจอหน้าเตงเหรอ ว่าแต่...ตอนที่ไปกินข้าวกัน
มันทำอะไรรุ่มร่ามกับเตงรึเปล่าฮะ?”
ผมตอบน็อตออกไปตามที่ผมรู้สึกโดยไม่ได้ระวังคำพูด
“ไม่นะ พี่เกี๊ยวเค้าก็ปกติดี...
.
.
...หึ
หึ ไม่ซิ...ไม่ปกติ”
ผมยิ้มออกมาทันทีเมื่อนึกย้อนไปถึงสีหน้าเปี่ยมสุขของพี่เกี๊ยวตลอดเวลาที่เรานั่งกินข้าวด้วยกัน
แต่ออร่าความสุขของพี่เกี๊ยวในวันนี้กลับไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเสียวสันหลังเหมือนเวลาที่โดนคนชื่นณัธมอง
หรือตอนที่ช็อปบอกว่าชอบผมแต่อย่างใด... หรือว่าพี่เกี๊ยวจะทำใจเรื่องของผมกับน็อตได้แล้วกันนะ?!
ท่าทางขำๆของผมคงจะไปกระตุกต่อมอะไรบางอย่างของน็อตเข้า
เพราะอยู่ๆพ่อคุณก็ดีดตัวขึ้นจากหัวเตียงที่พิงอยู่ก่อนหน้า
เปลี่ยนท่ามาเป็นนั่งหลังตรง เล่นเอาผมตกใจกับการขยับของอีกฝ่ายแบบกะทันหันไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยแบบนี้
แต่พ่อคุณกลับไม่ใส่ใจ
เนื่องจากเสียงเข้มแฝงความตระหนกถูกส่งออกมาเพื่อคาดคั้นเอาคำอธิบายจากผมโดยไม่คิดเว้นช่องไฟ
“ห๊ะ?? ยังไงฮะที่ว่าไม่ปกติ?”
“เค้าดูร่าเริงและมีความสุขมากน่ะ นั่งกินข้าวอยู่ก็เอาแต่หัวเราะคนเดียวเป็นพักๆ
เหมือนคนอารมณ์ดีราวกับเพิ่งถูกหวยชุดมาน่ะ” ผมอมยิ้มน้อยๆให้กับพ่อกระต่ายหนุ่มจอมตื่นตูมของผม
พลางตอบด้วยน้ำเสียงเอ็นดู...
...ยังไม่ทันไร
น็อตก็กลับมาทำท่าหวงผมจะเป็นจะตายเสียให้ได้...
...แล้วอย่างนี้...ไอ้ที่รับคำผมเอาไว้ดิบดีตอนที่เราคุยกันก่อนหน้านี้ว่า
จะลดละเลิกนิสัยหึงโหดให้ได้น่ะ มันจะเกิดขึ้นจริงหรือเปล่า? พ่อคุณจะมีวันทำได้อย่างที่รับปากเอาไว้ไหมหนอ?
เฮ้อออ!
สุดหล่อของผมทำท่าไม่พอใจตลอดเวลาที่ตอบผมด้วยเสียงเล็กเสียงน้อยที่บอกความไม่พอใจของเจ้าตัวอย่างเห็นได้ชัด
“หึ! น้อยไปซิฮะ
เค้าว่าแม่งคงจะสะใจไม่น้อยที่เอาคืนเค้าได้...
.
...เรื่องที่มันได้ออกไปกินข้าวกับเตง
คือสิ่งที่มันขอแลกเปลี่ยนกับการที่มันยอมช่วยเค้าวันนี้น่ะฮะ...
...เค้ายอมรับกับเตงแบบแมนๆเอาไว้ตรงนี้เลยนะฮะว่า
ตอนแรกที่คุยกันน่ะ...เค้าเกือบต้องก้มลงกราบเท้าไอ้เหี้ยเจี๊ยวแม่งจริงๆแล้วนะฮะ แต่มันเกิดเปลี่ยนใจเพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า แค่เค้ากราบเท้ามันทีเดียว
เรื่องทั้งหมดคงจะไม่สนุกเท่ากับการได้พาเตงออกไปกินข้าวสวีทหวานกันสองต่อสอง
ที่น่าจะทำให้เค้าปวดร้าวหัวใจได้มากกว่ายอมก้มหัวกราบมันเป็นไหนๆ...เตงดูซิฮะ
ดูที่ไอ้เหี้ยเจี๊ยวมันทำกับเค้าซิ”
เวลานี้น็อตน่ารักมากเลยฮะ
เพราะสุดหล่อกำลังทำหน้ายู่ยี่เหมือนเด็กเล็กๆที่เพิ่งถูกขัดใจ เท่านั้นยังไม่พอ...พ่อคุณจงใจทำท่าทำทางออดอ้อนเพื่อให้ผมช่วยปลอบ
และเอาใจพ่อคุณ เพื่อให้สมกับความทุ่มเท
และสิ่งที่เขาได้ทำลงไปเพื่อให้ได้โอกาสในการเข้าถึงตัวผม...
...ไม่อยากจะบอกเลยว่า
แค่เขายอมรับว่าเขาต้องไปก้มหัวให้พี่เกี๊ยวเพื่อขอความช่วยเหลือ
ผมก็เซอร์ไพรส์จะแย่ นี่ยิ่งได้มารู้ว่า พ่อคุณต้องข่มความไม่พอใจ
และไม่ชอบขี้หน้าพี่เกี๊ยวเอาไว้ตั้งเท่าไร เพื่อแลกกับการที่จะได้เจอหน้าผม...
ผมนะอยากจะผลักพ่อคุณให้ล้มตัวลงนอน แล้วเซอร์วิสให้พ่อคุณเสร็จสมอารมณ์หมายด้วยร่างกายของตัวเองสักหลายๆรอบเสียจริงๆ
แต่เป็นเพราะเราสองคนยังอยู่ในช่วงปรับความเข้าใจกัน
ผมเลยจำต้องเลื่อนคิวของกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์ทางกายระหว่างเราสองคนออกไป
เพื่อให้ใจของเราตรงกันเสียก่อน ถึงอย่างนั้น...ใช่ว่าผมจะไม่สามารถแสดงออกทางความรักผ่านการสัมผัสร่างกายของน็อตได้เสียหน่อยนี่นา
ผมเลื่อนข้อมือที่ยังคล้องคอน็อตเอาไว้เปลี่ยนมาประคองข้างแก้มใสทั้งสองข้าง
แล้วยืดตัวขึ้น ก่อนจะโน้มเข้าไปหาใบหน้าหล่อเหลาอย่างร้ายกาจของน็อตใกล้ๆ
สองตาของผมมองจ้องเข้าไปในดวงตาเรียวคมแสนดึงดูดแล้วพูดตอบอย่างเอาอกเอาใจ
ก่อนปิดท้ายด้วยการหอมแก้มทั้งสองข้างสลับไปมานับครั้งไม่ถ้วน “หึ หึ...โอ๋ๆ
ไม่เป็นไรแล้วนะ ขวัญเอ๊ยขวัญมานะคับหัวจุก เค้าอยู่นี่แล้วน้า (ฟอด ฟอด ฟอด ฟอด
ฟอด ฟอด ฟอด ฟอด)...
.
...ว่าแต่
ถามจริงเหอะ...เตงรู้สึกเจ็บปวดอย่างที่พี่เกี๊ยวเค้าว่ารึเปล่าล่ะ?” ผมปิดท้ายด้วยคำถามและสายตายั่วเย้าแบบที่ผมชอบทำเวลาที่เราสองคนพูดคุยเรื่องสัพเพเหระกันอย่างแนบชิดแบบนี้สองต่อสอง
พ่อคุณก็ส่งรหัสลับแบบเดียวกันให้ผมทันที
ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงกึ่งประชดกึ่งหยอกเย้า “(ฟอด ฟอด ฟอด ฟอด ฟอด) เตงนี่ก็ร้ายนะฮะ...รู้แล้วยังจะกล้าถามเค้าอีก...
.
...เตงคิดว่า
การที่เค้าต้องทนเห็นเมียตัวเองนั่งกินข้าวหัวร่อต่อกระซิกกับผู้ชายคนอื่นอยู่ตำตา
โดยที่ไม่สามารถเข้าไปแยกเตงออกมาจากตรงนั้น แถมยังต้องเป็นเจ้ามือออกค่าอาหาร และยอมให้มันขับลูกชายสุดที่รักแบบที่ให้ยืมเมียไปนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้น่ะ
มันสนุกสมใจนักเหรอฮะ?.....ตลอดเวลาที่เค้าต้องนั่งมองเตงอยู่กับมันจากมุมไกลๆน่ะ ทำเอาเค้าเจ็บข้างในหัวอกมากเลยนะฮะ
ขอบอก”
ผมถึงกับยิ้มกว้างทันทีที่น็อตพูดถึงความรู้สึกของตัวเองให้ผมฟังอย่างตรงไปตรงมา
ตอนที่เรายังไม่ได้เปิดใจกันทุกเรื่องแบบนี้
เวลาที่ผมถามความรู้สึกลึกๆของพ่อเจ้าประคุณแต่ละครั้ง
เขาก็ไม่เคยยอมรับความรู้สึกของตัวเองออกมาตามตรงเสียที
ส่วนใหญ่แล้ว...พ่อคุณมักจะชอบใช้วิธีพูดอ้อมๆก่อนจะทำตลกกลบเกลื่อน
ไม่ก็เอาแต่อ้างว่าสิ่งที่พูดออกมานั้นเป็นเรื่องสมมติ
หรือบอกปัดแบบลวกๆซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่นั่นแหละ
แต่คราวนี้...เขากลับยอมบอกเรื่องเสียหน้าเสียศักดิ์ศรีให้กับพี่เกี๊ยวออกมาให้ผมฟังอย่างง่ายๆ
จนผมเองก็รู้สึกยินดีที่จะเล่าความรู้สึกของผมให้เขาได้รับฟังเช่นกัน
ผมเลยนึกย้อนไปถึงช่วงเวลานั้น
แล้วแบ่งปันความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองออกมาให้น็อตเข้าใจ “หึ หึ แต่เตงรู้ไม๊...
ยิ่งเค้าเห็นพี่เกี๊ยวแฮปปี้มากเท่าไร เค้าก็ยิ่งไม่มีความสุขมากขึ้นเท่านั้น...
.
.
...ตลอดเวลาที่เค้านั่งอยู่ตรงนั้น
เค้าเอาแต่ถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาว่า เค้ามัวนั่งทำอะไรอยู่...
...ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนที่เค้าอยากกินข้าวด้วยเลยแม้แต่นิดเดียว...
...แต่เค้าก็ต้องอดทนกล้ำกลืนความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้...แล้วก็ย้ำกับตัวเองว่า เค้าต้องอดทน เค้าต้องผ่านมันไปให้ได้
เพราะเค้าจะรอเวลา จนกว่าที่เตงพร้อมจะเปลี่ยนแปลงตัวเองไปจากตัวตนที่เตงเคยเป็น เพื่อที่เราสองคนจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขไปตลอดชีวิต”
มือข้างหนึ่งของน็อตเลื่อนลงมาเชยคางผมขึ้นเพื่อให้สบตาของเขา
ระหว่างรับฟังคำถามที่เพิ่งออกจากปากบางๆสีแดงที่มีกลิ่นมินท์และใบยาสูบอย่างดีจางๆระเหยออกมพร้อมกับลมหายใจ
“ถามจริงๆเถอะฮะ...เตงทำแบบนั้นกับเค้าลงไป เตงไม่ทรมาน เตงไม่เสียใจมั่งเหรอ?”
ผมมองสบตาคู่นั้นตรงๆโดยไม่คิดหนี
แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสม่ำเสมอ และจริงจัง “เค้าว่า คำว่าเสียใจ กับคำว่าทรมาน
ยังอธิบายความรู้สึกทั้งหมดของเค้าไม่ได้เลยนะ...
.
...บอกตรงๆเลยว่า
เค้าเป็นกังวลกับความหึงหวง ที่มาพร้อมกับความวู่วาม และความเกรี้ยวกราดของเตงมานานแล้วล่ะ...แต่เค้าเพิ่งจะตัดสินใจลงมือทำตามแผน
หลังจากที่เค้าได้รู้ว่า จริงๆแล้วเตงทำงานอะไรเมื่อไม่นานมานี้นี่เอง...
.
...ทันทีที่เค้ารู้ว่างานของเตงมีธรรมชาติแบบไหน
เค้าก็ฟันธงได้เลยว่า ต่อไปข้างหน้า งานของเตงจะเป็นเงื่อนไขสำคัญ ที่ทำให้เราสองคนต้องอยู่ห่างกัน...มากบ้าง
น้อยบ้าง สุดแล้วแต่ว่างานๆที่เตงได้รับมอบหมายนั้นยากง่ายแค่ไหน คิดไปถึงตรงนั้น
เค้าก็เกิดคำถามชึ้นในใจทันทีเลยว่า ถ้าเราต้องอยู่ห่างกัน
เพราะข้อจำกัดของงานจริงๆ เตงจะทำงานเป็นสุขได้ยังไง ถ้าเตงมัวแต่คอยห่วง คอยหวงเค้าที่คอยอยู่ข้างหลังแทบจะตลอดเวลาอย่างที่เตงเป็นเมื่อก่อน...
.
...ไม่ใช่ว่าเค้าไม่พยายามทำอะไรเพื่อเปลี่ยนแปลงนิสัยข้อนี้ของเตงมาก่อนหน้านี้หรอกนะ...
...ต้องบอกว่า
ที่ผ่านมา เค้าเคยลองหาทางแก้ไขเรื่องความเชื่อใจ เพื่อลดอาการหึงหวงของเตงมาแล้วก็หลายวิธี...
...ทั้งการพยายามคุย
หรือขอร้องกับเตงตรงๆซึ่งซึ่งหน้า พยายามบอกเตงหลายครั้งว่า เค้าไม่ชอบให้แฟนมีพฤติกรรมแบบนี้
แถมยังเกลียดความรุนแรงอย่างกับอะไร เพราะตัวเค้าไม่สนับสนุนการใช้กำลังเพื่อแก้ปัญหา...
...ยิ่งพอมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการหึงหวงในส่วนของเค้าเอง เค้าก็พยายามควบคุมตัวเอง เพราะไม่อยากจะกลายเป็นคนหึงหวงจนขาดสติไปซะก่อน...
...แต่พอเห็นว่าเตงไม่ใส่ใจกับสิ่งที่เค้าพูดมากนัก
เค้าก็เลยลองเปลี่ยนมาเป็นพยายามแสดงออกให้เตง และทุกๆคนที่อยู่รอบๆตัวเรารู้ว่า
เค้ามีเตงเป็นสุดที่รัก และจุดศูนย์กลางของความสนใจแต่เพียงผู้เดียว เตงอยากทำอะไร
อยากประกาศความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของตัวเค้าด้วยวิธีเปิดเผยมากแค่ไหน....ต่อให้เค้าต้องอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี
แต่เค้าก็พร้อมจะทำอย่างเต็มที่ และเต็มใจที่สุด...
.
.
...แต่ยิ่งเราสองคนรักกันมากเท่าไร
การแสดงออกของเตงก็ยิ่งรุนแรงและร้ายกาจมากขึ้นเท่านั้น...
...จากที่เคยทำเสียงฮึ่มฮั่ม
ทำตาขวางใส่คนอื่น ก็เริ่มจะออกอาการไม่พอใจถึงขั้นควบคุมอารมณ์ไม่ได้ จนสุดท้ายก็ลงเอยด้วยการใช้กำปั้นเข้าข่มขู่ใครก็ตามที่เข้าใกล้เค้า
ทั้งๆที่คนพวกนั้นอาจไม่มีเจตนาแอบแฝงอะไรเลย...
.
...เพื่อให้เราทั้งสองฝ่ายไม่ต้องมีเรื่องกังวลใจเวลาที่เราต้องอยู่ห่างกันไกลๆทีละนานๆ
เค้าเลยตัดสินใจดัดนิสัยเตง เพื่อให้เตงได้สติ และลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดู
ก่อนที่อะไรๆมันจะสายเกินแก้ไปซะก่อนน่ะ แต่การที่จะทำแบบนั้นได้
เค้าก็ต้องเตรียมใจอยู่นานเหมือนกัน แถมยังต้องคิดแล้วคิดอีกว่าจะทำยังไงเพื่อให้แผนลุล่วง
โดยเค้าต้องแน่ใจว่า ผลลัพธ์จะต้องออกมาในแง่บวกเท่านั้น เพื่อให้มันคุ้มค่ากับความทรมานที่เราต้องอยู่ห่างกันนานหลายวัน...
.
...เพื่อความสุขระยะยาวของเราสองคน...
...เค้ายอมแลกกับความไม่สบายใจ
อาการกินไม่ได้นอนไม่หลับ และความคิดถึงตัวเจียนบ้าตลอดหลายวันที่ผ่านมาน่ะ”
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมยอมพูดอะไรยาวๆแบบนี้ออกมาเพื่อให้น็อตได้รับฟัง
ไม่ใช่แค่ผมหรอกครับที่ตกใจ สุดหล่อของผมก็ดูจะประหลาดใจไม่น้อยไปกว่ากัน
หนำซ้ำพ่อคุณยังนิ่งไปนาน
เหมือนกับพยายามจะทำความเข้าใจกับบทพูดอันยาวยืดหลายหน้ากระดาษของผม
แต่แล้วหลังจากที่ทำหน้าครุ่นคิดอยู่พักใหญ่
น็อตก็ตอบผมกลับมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นไม่แพ้กัน
“จริงๆ สิ่งที่ตัวทำกับเค้าน่ะ เค้าไม่โกรธเท่าไหร่หรอกฮะ...แต่เค้าเสียใจ
ที่คิดว่าเตงใจร้าย...ยอมแม้กระทั่งอยู่ห่างเค้า ทั้งๆที่เรื่องนี้
สั่งสอนเค้าด้วยการไม่มีเซ็กส์กันซักคืนนึง เค้าก็ซึ้งถึงใจเต็มแก่แล้วฮะ” พูดจบ
พ่อคุณก็ยักคิ้วข้างเดียวพลางยิ้มมุมปากแบบล้อๆส่งมาให้ผม ตามแบบที่เขาชอบทำเพื่อแก้เก้อเวลาที่ต้องพูดจาเกี้ยวผมด้วยการวกเข้าเรื่องอย่างว่า
ผมเลยตอกหน้าหล่อๆของสุดที่รักกลับไปตามความเข้าใจที่ผมมีต่อตัวตนหื่นๆของเขา
“หึ หึ...เค้าไม่เชื่อหรอกว่า การงดเซ็กส์แค่คืนเดียวจะทำให้เตงเปลี่ยนแปลงได้ เพราะงั้น...เค้าจึงได้ข้อสรุปว่า ถ้าเตงไม่ได้รู้ซึ้ง
และเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า การสูญเสียเค้าไปเพราะการกระทำของตัวเองมันเป็นยังไง...เตงคงไม่มีทางเปลี่ยนนิสัยของตัวเองแน่ๆ...
.
...เค้าคิดถูกใช่ไม๊?
ฮึ...เจ้าหัวจุก??” ผมพูดจบก็แกล้งดึงปอยผมนุ่มสลวยที่ผูกเอาไว้เหนือหัวของอีกฝ่ายเล่นเพื่อประกอบคำพูด
แบบที่ผมมักจะทำทุกครั้งที่ผมสัพยอกพ่อคุณด้วยฉายาที่ผมเป็นคนตั้งให้เขาด้วยตัวเอง
คนหน้าเป็นแกล้งทำท่าบีบน้ำตาแล้วตอบด้วยเสียงสะอื้นจอมปลอม
หากแต่แววตาที่ส่งมาให้ผมนั้นกลับดูขึงขังเหมือนต้องการจะออกคำสั่งกลายๆ “ฮะ...เค้าซึ้งแล้วฮะ
ทีหลังมีอะไร...ใช้วิธีคุยกันดีๆนะฮะ
อย่าทำแบบนี้กับเค้าอีกเลย...แค่ไม่เห็นหน้าเตงวันเดียว เค้าก็จะตายซะให้ได้”
พอเห็นหน้าพ่อคุณแบบนี้แล้ว
ผมก็อ่อนไปทั้งตัว...
...พอผมได้ใช้เวลาคิดย้อนกลับไปถึงเรื่องราวความรักระหว่างเรา มันก็ทำให้ผมรู้สึกทึ่งกับอานุภาพอันรุนแรงของความรักรุนแรงเสียนี่กระไร...
.
...ใครเลยจะคิดว่า
ใบหน้ากวนประสาทอย่างที่สุดของผู้ชายคนที่ผมไม่เคยคิดเหลียวแลอย่างที่กำลังเห็นอยู่ตรงหน้านี่
จะกลับกลายมาเป็นใบหน้าเดียว ซึ่งผมอยากจะเฝ้ามองครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่นึกเบื่อได้ในที่สุด...
...ผมขอให้สัญญากับตัวเอง
ณ วินาทีนี้ว่า ผมจะทำทุกหนทาง ขอแค่ให้คนๆนี้ อยู่เป็นคนรักของผมตลอดไป...
...ผมจะได้เป็นคนที่ถูกน็อตกระหน่ำรักอย่างบ้าคลั่ง
พร้อมๆกับที่จะได้แสดงออกให้เขาได้รับรู้ความรักของผมเป็นการแลกเปลี่ยน
เพื่อที่เราสองคน จะได้แสดงสีหน้าต่างๆให้อีกฝ่ายได้ตกหลุมรักกันและกันซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างนี้ไปเรื่อยๆ
ผมรับคำของสุดหล่อด้วยรอยยิ้มกว้าง
“ฮื่อออ...เค้าสัญญาว่า ครั้งนี้จะเป็นครั้งเดียว
และครั้งสุดท้ายที่เราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันนานหลายวันขนาดนี้” ในเมื่อพ่อคุณอยู่ในอารมณ์อยากจะแชร์อย่างนี้แล้ว
ขอผมถามเรื่องคาใจสักเรื่องหน่อยเถอะนะ “...ว่าแต่ เตงรู้รายละเอียดในนิยายของเค้าได้ยังไง?
พี่เกี๊ยวบอกเตงหรอ?”
รอยยิ้มร้ายๆผุดพรายขึ้นบนใบหน้าขาวใสไร้สิวของน็อต
ทันทีที่อีกคนได้ยินคำถามของผม เสียงทุ้มๆของเขาตอบออกมาด้วยลีลาของคนที่กำลังถือไพ่เหนือกว่า
“เปล่าฮะ...
.
...หึ
หึ เค้ายังไม่ได้บอกเตงใช่ไม๊ ว่านอกจากจะเป็นผู้ช่วยนักสืบแล้ว เค้ายังรับจ้างแฮ็กโปรแกรม
และแฮ็กทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ได้อีกด้วย” พอเห็นสีหน้าตกใจของผม
พ่อคุณก็สำทับต่อด้วยใบหน้าอวดรู้อย่างน่าหมั่นไส้“...วิชานอกหลักสูตรที่ร่ำเรียนมาตอนเรียนมหาลัยน่ะฮะ”
มิน่าล่ะ...เพราะอย่างนี้นี่เอง
พ่อคุณถึงได้เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นได้ง่ายๆ
และดูจะไม่ติดใจอะไรมากอย่างที่ผมกังวลเอาไว้แต่ทีแรก...
...แต่เดี๋ยวนะ น็อตบอกว่าเขาเป็นแฮ็กเกอร์หรอกเหรอ?...
...ถ้าอย่างนั้น???!!!
...ไม่นะ!!! น็อตจะรู้หรือเปล่าว่า ผมแอบสร้างโฟลเดอร์ลับสำหรับเก็บนิยายชายรักชายรุ่นพรากเลือด
พรากน้ำลายเรื่องเด็ดๆทั้งหลายที่เซฟมาจากเล้าฯเอาไว้ในเครื่องเป็นกุรุสๆ??!!...
...แล้วภาพดาราเกาหลี กับนายแบบชุดชั้นในวาบหวิวที่ผมเซฟเก็บเอาไว้เพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการแต่งนิยายอีกนับหมื่นรูปนั่นอีกล่ะ?
น็อตจะเผลอเข้าใจผิด คิดว่าผมเป็นพวกเกย์โรคจิตที่นั่งดูรูปหื่นๆแล้วมีอารมณ์หรือเปล่านะ??!!...
...แย่แล้ว อย่างนี้
ผมก็เสียภาพพจน์ในสายตาน็อตกันพอดีน่ะสิ....แว๊กก ทำไงดี ทำไงดี??!!
ผมถามคนที่ทำตัวพองด้วยความภูมิอกภูมิใจในความสามารถของตัวเองออกไปด้วยน้ำเสียงตกใจโดยไม่ได้ยั้งคิด
“งั้นเตงก็รู้หมดแล้วซิว่าเค้า...
น็อตทำหน้าทำเล้นก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก
พลางพูดสวนกลับมาโดยไม่รอให้ผมพูดจบประโยคเสียก่อน “ฮะ...ดีนะ
ที่เขียนถึงเค้าเอาไว้ในแง่ดี...
.
.
...ไอ้เรื่องเมาท์เค้าอย่างโง้นอย่างงี้น่ะ
เค้าไม่ถือ และไม่คิดติดใจ...
...เพราะเมียเค้าก็ต้องดูดี
มีมาดในสายตาคนอ่านอยู่ไม่น้อยใช่ไม๊ล่ะฮะ?”
สงสัยพ่อคุณจะกลัวว่าผมจะเป็นลมเพราะความเข้าใจผิดไปเสียก่อน เลยรีบอธิบายแทรกให้ผมรู้ว่า
สิ่งที่เขาแอบอ่านจากเครื่องผมเป็นแค่เรื่องนิยายเรื่องล่าสุดเท่านั้น
“ฮื่อ....ร้ายจริงๆเลยนะ!!”
สิ้นคำผมก็มอบการทุบกำปั้นลงบนหน้าอกเปลือยเปล่าของเขาเบาๆ แทนรางวัลสำหรับความเก่งกาจในด้านลบของพ่อคุณ
แต่มีหรือที่พ่อหนุ่มแบดบอยของผมจะรู้สึกผิด
เพราะสีหน้าชอบใจที่เจ้าตัวแสดงออกอย่างเปิดเผยกลับบอกให้ผมรู้ว่า
เจ้าตัวชอบใจกับท่าทีของผมสุดๆ
น็อตค่อยๆยันตัวขึ้นนั่งหลังตรง
แล้วจึงขยับตัวผมให้เปลี่ยนท่ามานั่งคร่อมหันหน้าเข้าหาตัวเขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริงแต่ดูมีเลศนัยแปลกๆ
“หึ หึ...นี่ยังไม่ใช่ไคลแม็กซ์ของเรื่องนะฮะ เพราะต่อจากนี้น่ะ ของจริง...
.
.
...คือว่า
เย็นนี้มีเรื่องที่ให้เตงต้องตื่นเต้นยิ่งไปกว่า
เรื่องที่เค้าแฮ็กเครื่องเตงไปถึงไหนๆกำลังรอให้เตงลงไปเจออยู่ฮะ”
บอกตรงๆว่า
ตั้งแต่เห็นหน้าน็อตผมก็ชักจะใจไม่ดีมากอยู่แล้ว
ยิ่งได้มาฟังคำพูดกำกวมแบบนี้เข้าไปอีก ผมก็ยิ่งจะหนาวๆร้อนๆไปกันใหญ่
แต่เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ผมก็ถามอีกฝ่ายออกไปทันที “เอ๋??? เรื่องอะไรเหรอ?”
สุดหล่อทำท่าเหมือนกำลังประเมินสถานการณ์ตรงหน้าอย่างถี่ถ้วน
แล้วก็ค่อยๆเอ่ยอย่างช้าๆด้วยสีหน้าจริงจัง แบบที่ทำให้ผมแน่ใจว่า
สิ่งที่กำลังจะได้ยิน เป็นเรื่องที่ทำให้กระทั่งคนสบายๆอย่างเขา รู้สึกเครียดขึ้นมาได้เช่นกัน
“คืนนี้เตงต้องไปแนะนำตัวเองกับคุณๆทุกคนในบ้านเค้าในฐานะลูกสะใภ้คนใหม่ฮะ”
ผมถามออกไปด้วยเสียงดังกว่าปกติหลายเท่า
“ห๊ะ??!!
เตงว่าไงนะ????” ผมตกใจจนผมไม่อาจควบคุมตัวเองให้สำรวมได้อีกต่อไป...
..บอกเอาไว้ตรงนี้เลยว่า คำว่าตกใจ
มีความหมายไม่ควรค่าพอกับการบรรยายสิ่งที่ผมรู้สึกในเวลานี้...
...ใครจะไปคิดว่าจะต้องมาเจอว่าที่พ่อ แม่ พี่ น้อง ฝั่งสามีของผมเอาวันที่เราเพิ่งจะกลับมาคุยกันในรอบเกือบสัปดาห์อย่างนี้??! งั้นก็แสดงว่า นัดของน็อตที่พี่ดาเตือนก่อนหน้าที่เราสองคนจะขึ้นมาขลุกอยู่ในห้องกันสองต่อสองนี่
ก็คือเหตุการณ์ที่ผมถูกสุดหล่อหลอกล่อให้มาเข้าร่วมโดยไม่ได้เตรียมใจตั้งแต่ทีแรกหรอกหรือเนี่ยะ?!!
.
...หรือว่า นี่คือการลงโทษที่แท้จริงของน็อต
เพื่อให้สาสมกับความผิดของผมที่ทำเอาไว้กับเขากันแน่หนอ?...
...แม้ว่าใจผมจะเคยระริกระรี้อยากเจอหน้าของสมาชิกทุกคนในบ้านของสามีอยู่ตลอด
แต่พอคิดว่าตัวเองจะต้องมาเจอพ่อแม่และทุกๆคนในบ้านน็อตเอาตอนที่กายและใจไม่พร้อมอย่างที่สุด...
คนเก็บอาการเก่งอย่างผม ก็ถึงลมปราณแตกซ่านจนไม่อาจเป็นตัวของตัวเองได้อีกต่อไป...
...พ่อจ๋าแม่จ๋า คืนนี้ลูกขนุนตายแน่ๆ งืออออ......ม่ายยยยยนะ!!!
น็อตเขย่าตัวผมเบาๆเพื่อเรียกสติให้ผมกลับมามองหน้าที่ดูจะเป็นห่วงผมขึ้นมาดื้อๆ
หลังจากได้ยินคำถามของผม “ที่เตงได้ยินน่ะ ไม่ผิดหรอกฮะ...
.
...วันนี้นี่แหละฮะเหมาะสมที่สุด
เพราะคุณๆคนอื่นๆกลับมากินข้าวเย็นที่บ้านพร้อมหน้าพร้อมตากันพอดี เค้าเลยถือเป็นโอกาสอันดี
เปิดตัวให้ทุกๆคนได้ทำความรู้จักกับคนรักของเค้าอย่างเป็นทางการซะที”
พอผมได้ยินคำอธิบายขยายความของน็อต
ผมก็ถึงกับเข่าอ่อน
ยังดีว่าผมกำลังนั่งแหม่บเป็นตุ๊กตาตัวใหญ่ๆอยู่บนตักของสุดหล่อ...ไม่อย่างนั้น
ถ้าผมยืนอยู่ในเวลานี้ ผมคงจะล้มลงไปกองกับพื้น จนต้องอับอายขายหน้าน็อตแน่ๆ ผมร้องท้วงอีกฝ่ายออกไปด้วยสายตาเลื่อนลอย “เอ่อ...เตง...
เค้ายังไม่พร้อมเลยนะ”
สุดหล่อของผมยิ้มรับอาการสติหลุดของผมทันที
แล้วพูดปลอบใจผมด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ “ฮะ ฮะ ฮะ...เตงจะกลัวอะไรล่ะฮะ
เตงมีเค้าอยู่ข้างๆทั้งคน เค้าเป็นถึงลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของคุณป๋ากับคุณบี๋เลยนะฮะ รับรองว่าทั้งสองท่านจะต้องเอ็นดูเตงแน่ๆ
ส่วนคุณๆคนอื่นๆ ถ้าได้เห็นเตงน่ารักแบบนี้ รับรองได้ว่า
เตงต้องได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีแหงๆฮะ”
ผมก้มลงมองสารรูปตัวเอง
แล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาทันที
นอกจากตอนนี้ที่ผมจะไม่เหลือเสื้อเอาไว้ให้ใส่อีกต่อไปแล้ว
กางเกงนักเรียนขาสั้นลูกรักที่กองเป็นซากอยู่กับพื้นนั่นคงไม่ได้ทำให้ผมดูน่ารักขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์เป็นแน่
น็อตนี่ล่ะก็
ชอบพูดจาฟังไม่ขึ้นอย่างนี้อยู่เรื่อย...
...เอะอะก็เอาแต่บอกว่าผมน่ารักมั่งล่ะ
บอกว่าเซ็กซี่น่ามองมั่งล่ะ...
...ไหนล่ะ...ไอ้ที่น่ารัก
น่ามอง แถมยังเซ็กซี่น่ากินน่ะมันไปอยู่ตรงไหน??...
...ทำไมเงาสะท้อนร่างผอมซีดเป็นไก่ต้มที่กำลังมองจ้องผมอย่างไม่ลดละนั่น
ถึงได้ดูไม่ใกล้เคียงกับสิ่งที่น็อตเฝ้าบอกผมอย่างเป็นประจำสม่ำเสมอเอาเสียเลย
แล้วอย่างนี้...ความรู้สึกแรกที่ครอบครัวน็อตจะมีต่อผมจะเลวร้ายสักแค่ไหนกัน??!!
ผมอ้อมแอ้มตัดพ้ออีกฝ่ายที่จงใจเลือกวันที่ผมไม่พร้อมอย่างที่สุดเพื่อเปิดตัวลูกสะใภ้อย่างผม
“แต่วันนี้เค้าแต่งตัวไม่ได้เรื่อง
แถมเสื้อผ้าเก่าของเค้า..คงจะเอากลับมาใส่ไม่ได้อีกแล้วล่ะมั้ง อีกอย่าง...เค้าก็ไม่ได้เตรียมตัวซื้อข้าวซื้อของอะไรมาฝากที่บ้านเตงเลยนะ”
น็อตจับตัวผมเขย่าแรงๆหลายครั้ง
ก่อนจะประคองใบหน้าของผมเพื่อถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจแบบสุดๆ “เฮ๊ยเตง....ถามจริงๆ ที่พูดจาแบบนี้
เพราะตื่นเต้นใช่ไม๊เนี่ยะ?”
“...ฮื่อ...
ก็ตื่นเต้นน่ะซิ ถามได้ อยู่ๆเค้าก็ต้องมาเจอครอบครัวเตงโดยไม่ได้เตรียมตัวมาล่วงหน้าน่ะ” ผมทำหน้าเป็นจวักออกไปก่อนจะตอบพ่อคุณอย่างเสียไม่ได้
สุดหล่อของผมก็ได้แต่หัวเราะชอบใจโดยไม่คิดจะเดือดร้อนไปกับผมแม้แต่น้อย
แล้วตอบผมด้วยน้ำเสียงสบายๆและไม่คิมากอะไร.. แน่ละสิ
ก็คราวนี้เป็นผมที่ต้องคลานเข่าเข้าบ้านเขานี่... อย่าให้ถึงทีของผมบ้างก็แล้วกัน
เดี๋ยวผมจะบอกพ่อจ๋าแม่จ๋าให้รวมหัวกันแกล้งอำน็อตเสียให้เข็ด “หึ หึ...เรื่องเสื้อผ้าไม่ต้องห่วงฮะ เค้าให้คุณเน้ยส่งมาให้สองสามชุด ส่วนเรื่องของฝาก...ไม่ต้องลำบากเลยฮะ
เพราะแค่เตงยอมมากับเค้านี่
ก็น่าจะทำให้ทุกคนประทับใจได้แล้ว”
ถึงขนาดเตรียมเสื้อผ้าเอาไว้ให้ผมเรียบร้อยแล้ว...นั่นก็แสดงว่าพ่อคุณเตรียมการเรื่องนี้มาเป็นอย่างดี
ถึงได้ว่า อะไรๆมันถึงได้ประดังเข้ามาพร้อมๆกันทันทีหลังจากที่น็อตไปพาตัวผมมาจากบ้านเมื่อกลางวันนี้แล้ว...
ร้ายนักนะหัวจุก!!
ยังไม่ทันที่ผมจะได้ต่อรองอะไรต่อไป
ก็มีเสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอกห้องตามด้วยเสียงผู้หญิงที่ผมคุ้นหูพอสมควร
“คุณน็อตคะ...
อีกยี่สิบนาทีจะตั้งสำรับ คุณท่านเลยให้พี่มาตามคุณลงไปทานข้าวเย็นค่ะ”
สุดหล่อตะโกนตอบออกไปทันทีอย่างร่าเริงผิดกับตอนแรกที่พ่อคุณกลับมาถึงบ้าน
“ฮะ ขอบคุณฮะพี่ดา...เดี๋ยวผมอาบน้ำแป็บนึง แล้วเดี๋ยวจะรีบลงไปเลยฮะ”
เมื่อพ่อคุณพอใจกับคำตอบของตัวเอง น็อตก็หันกลับมาชวนผมที่ยังช็อกกับเรื่องทั้งหมดอยู่ไม่หาย
“ไปอาบน้ำกันฮะคนเก่ง...เดี๋ยวคุณป๋าคุณบี๋กับพี่ๆน้องๆเค้าจะรอนาน”
พูดยังไม่ทันขาดคำ
พ่อคุณก็ลุกขึ้นโดยหนีบเอาตัวผมสะพายติดเอวมาด้วยกัน
จนผมต้องปรามพ่อคุณอย่างด้วยน้ำเสียงเขินจัด
เพราะท่าอุ้มแบบที่ผมกำลังโดนอุ้มอยู่นี่ มันทำให้ผมเผลอคิดเลยเถิดไปถึงไหนๆ “น็อตตต...ไม่ต้องอุ้มเค้าก็ได้
เดี๋ยวเค้าเดินไปเอง”
สุดหล่อยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ
แล้วพูดอ้อนด้วยเสียงเบาๆแค่พอให้ผมได้ยินอย่างน่ารัก “เค้าคิดถึง อยากอุ้ม
อยากกอด...ขอเค้าอุ้มหน่อยนะฮะ”
ผมแสร้งทำหน้าไม่รู้สึกรู้สาก่อนจะถามเสียงเรียบออกไปเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายจับความรู้สึกปลื้มสุดๆได้
“ไม่กลัวว่าอีกหน่อยเค้าจะติดอุ้มหรอกเหรอ?”
เจ้าของรอยยิ้มมุมปากที่มีเสน่ห์สุดๆยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆกับหน้าผม
แล้วกระซิบเบาๆด้วยน้ำเสียงชอบใจ“ว๊า ขนาดพยายามหาโอกาสอุ้มอยู่บ่อยๆแบบนี้แล้ว
เตงยังไม่ติดโดนเค้าอุ้มอีกเหรอเนี่ยะ... สงสัยเค้าต้องอุ้มเตงบ่อยกว่านี้ซะแล้วซิ
เตงจะได้ไม่อยากอยู่ห่างจากเค้าอีกเลย”
ผมเอามือทั้งสองที่โอบรอบหลังคอพ่อคุณมายันหน้าอกน็อตเอาไว้เพื่อจะได้มองเห็นหน้าของอีกฝ่าย
ที่กำลังบานแฉ่งได้ที่ แล้วตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงยั่วๆ “เท่าที่เตงอุ้มเค้าอยู่ทุกวันนี้
ก็ทำเอาเค้าเกือบจะลืมวิธีเดินด้วยตัวเองอยู่แล้ว ถ้าเค้าโดนตัวสปอยล์ด้วยการอุ้มบ่อยๆ
เค้าว่าเค้าต้องอยากผนึกร่างเป็นหนึ่งเดียวกับตัวขึ้นมาซักวันแหงๆ” พูดจบผมก็อมยิ้มน้อยๆส่งไปให้อีกฝ่ายอย่างรู้ใจ
“หึ
หึ...ช่างพูดช่างเจรจานะฮะเมีย(ฟอดดดด)” สุดหล่อทำหน้าถูกใจก่อนตอบ
แล้วตบท้ายด้วยการหอมแก้มผมหนักๆ
จนผมอดยิ้มแล้วหยอดออกมาอีกไม่ได้ “ช่วยไม่ได้...ก็เตงช่างเอาใจก่อนเองนี่นา”
“ก็เค้ารักเตงมากนี่ฮะ
เค้าเลยอยากทำให้เตงมีความสุขมากที่สุด เท่าที่เค้าจะทำได้”
คำพูดของน็อตตรงไปตรงมาเหมือนกับการกระทำของเจ้าตัวเสมอ
ครั้งนี้ก็เหมือนกัน... สิ่งที่เขาบอกกับผม
ยืนยันความรู้สึกและการกระทำของเขาได้ดีเหมือนทุกครั้ง
และมันทำให้ผมอบอุ่นในหัวใจอย่างที่สุด
จนผมต้องบอกให้เขาได้รับรู้ถึงตัวตนที่เขาเป็นในสายตาของผมตั้งแต่ที่เราสองคนเริ่มทำความรู้จักกันมา
“เตงรู้ตัวไม๊ว่า...เตงน่ารักมากเลยนะ”
หนุ่มแบดบอยที่กำลังอุ้มผมเดินเข้าไปใต้ฝักบัวถึงกับยิ้มกว้างออกมาอีกครั้ง
แล้วเสียงของเขาก็ตอบประโยคคำสั้งสั้นๆที่ทำเอาเราสองคนยิ้มให้กันอีกนานสองนานออกมาทันที...
.
.
...“ก็รักซิฮะ!!”
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
ยังไม่ทันที่ผมกับน็อตจะเดินผ่านห้องโถงหน้าบ้านเข้าไปยังห้องทานข้าว
ก็มีเสียงใสๆของผู้หญิงอีกคนทักออกมาจากทางด้านหลัง...โดยที่ผมแน่ใจว่า
ผมเคยได้ยินเสียงแบบนี้ที่ไหนมาก่อนแน่ๆ “คุณน็อต คุณน็อตมาแล้ว...”
.
.
เมื่อผมกับน็อตหันหลังกลับไปมอง
ก็เจอเข้ากับพี่เน้ยที่กำลังยืนยิ้มอยู่ตรงอีกฝั่งของห้องโถงซึ่งเป็นทิศทางตรงกันข้ามกับทางที่น็อตกำลังนำผมเดินไป
พี่เน้ยยิ้มหวานให้ผมกับน็อตทันที
และยิ่งเมื่อเธอเหลือบสายตามองลงมาเห็นมือน็อตกุมมือของผมเอาไว้แน่น เธอก็ยิ่งยิ้มกว้างราวกับคนถูกหวยสองตัวบนแบบเต็งๆ เธอยิ้มไปพลาง ก็เอ่ยแซวผมกับพ่อเจ้าประคุณไปพลาง“...นั่นแน่
วันนี้พาใครมาด้วยเอ่ย?”
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมเพิ่งจะเคยเห็นน็อตทำท่าไปไม่เป็นต่อหน้าคนอื่นนอกเหนือไปจากผม
หรือคุณปีย์ แต่บรรยากาศรอบๆตัวสุดหล่อในเวลานี้ดูผิดไปจากเวลาที่อยู่กับคุณปีย์นิดหน่อยตรงที่
ผมรู้สึกว่าน็อตผ่อนคลายและเป็นตัวของตัวเองอย่างที่สุด... กับคุณปีย์
น็อตจะแสดงออกถึงความเกรงอกเกรงใจและเคารพคุณปีย์มากกว่านี้มากทีเดียว
“โธ่
คุณเน้ยก็ อย่าแซวซิฮะ แค่นี้คนเนี้ยเค้าก็เกร็งจะแย่อยู่แล้ว” เจ้าตัวตัดพ้อพี่สาวของตัวเองออกมาทันที
แต่ผมรู้ดีว่า ที่เขาโต้ตอบอีกฝ่ายออกไปแบบนั้น ก็เพื่อทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น และสามารถคลายความกังวลใจลงได้บ้าง...หากแต่ไม่ได้พูดเพื่อหาความพี่สาวของตัวเองอย่างใจความของถ้อยคำที่แท้จริง
“สวัสดีครับพี่เน้ย”
ผมกล่าวทักทายพร้อมกับพนมมือขึ้นระดับอกแล้วไหว้พี่สาวน็อตอย่างนอบน้อมทันทีเมื่อสบโอกาส
“สวัสดีค่าแฟนคุณน็อต
ในที่สุดเน้ยก็ได้แนะนำตัวในฐานะพี่สาวแฟนแบบจริงๆจังๆซะทีหลังจากที่รอมาตั้งน๊านนาน...
.
.
...ว่าแล้วเชียวว่า
สีนี้ต้องเหมาะกับน้องขนุน เน้ยถึงได้ให้น้องที่ร้านเตรียมมาเอาไว้ให้...
ใส่แล้วช่วยทำให้ใบหน้าดูสดใสมากๆเลยค่ะ
ถ้าน้องขนุนอยู่ว่างๆไม่มีอะไรทำ
อยากมาลองเป็นนายแบบให้แบรนด์ของเน้ยดูบ้างไม๊คะ
รับรองทั้งปังทั้งเปรี้ยงเลยล่ะค่ะ” อีกฝ่ายยื่นมือมาจับมือข้างที่ยังว่างอยู่ของผม
ก่อนจะตอบกลับคำผมด้วยน้ำเสียงเอ็นดูแบบสุดๆจนผมเริ่มจะใจชื้น และมีกำลังใจมากขึ้นเป็นกอง
หลังจากนี้ ผมคงต้องขอบคุณน็อตเสียหน่อยแล้วล่ะ
ที่พาผมไปเจอหน้าพี่เน้ยมาตั้งแต่ครั้งก่อน เพราะถ้าสองในห้าของพี่น้องบ้านนี้ชอบพอผมตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นหน้ากัน
นั่นก็มีแนวโน้มเป็นอย่างยิ่งว่า ผมน่าจะเอาชนะหัวใจพี่น้องทั้งห้าได้อย่างไม่น่าเหน็ดเหนื่อยจนเกินไปนัก
“ฮื่อ...คุณเน้ย
เราคุยเรื่องนี้กันแล้วไงฮะ ให้ตายยังไงน็อตก็ไม่ยอม” พอได้ยินประโยคปิดท้ายของพี่เน้ยเมื่อครู่
สุดหล่อของผมก็ถึงกับบอกปัดออกไปทันทีอย่างไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ชื่อว่าเน้ย
ผู้มีศักดิ์เป็นพี่สาวของตัวเองแท้ๆ...
ดูท่าว่าน็อตจะไม่ได้เป็นแค่ขวัญใจของพ่อกับแม่อย่างเดียวแล้วล่ะมั้ง สงสัยว่าพี่น้องทุกคนก็ต้องยอมลงให้พ่อคุณโดยไม่มีข้อยกเว้นด้วยเหมือนกัน
“แหม
รู้แล้วค่ะว่าหวง อยากจะเก็บน้องขนุนเอาไว้ชื่นชมแค่คนเดียว เชอะ!หมั่นไส้!!” พี่เน้ยทำทีจีบปากจีบคอพูด
แต่เมื่อผมมองหน้าเธอก็รู้ดีว่า เธอไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยอะไร แต่ที่ใช้เสียงแบบนี้
น่าจะเพราะอยากจะล้อผมกับน็อตให้เขินเป็นบ้าเป็นหลังไปมากกว่า...
...ผมไม่รู้ว่ามันได้ผลกับน็อตหรือไม่
แต่กับผม...ผมว่าผมเขินใช้ได้เลยทีเดียว
ถึงอย่างนั้น พี่เน้ยก็ไม่ได้ปล่อยให้ผมต้องยืนทำหน้า
และวางตัวไม่ถูกอยู่นานนัก
เพราะเธอเริ่มจะฉุดมือข้างหนึ่งของผมที่เธอคว้าไปเมื่อไม่นานมานี้เพื่อให้เดินตามเธอไปข้างหน้า “...ไปค่ะน้องขนุน เราเข้าไปข้างในกันเถอะ... “
เธอว่าพลางหันไปเหลือบมองน้องชาย ที่กำลังเดินประกบอีกข้างของผมอยู่อย่างไม่คิดจะปล่อยมือเช่นกัน
“คุณๆคนอื่นๆมากันครบหมดแล้ว เหลือแค่รอรถของคุณป๋ากับคุณบี๋มาถึงบ้านเท่านั้น
แล้วเราจะได้ดินเนอร์กันซะที”
แต่ทันทีที่เราสามคนเดินเข้าสู่ห้องโถงใหญ่อีกห้อง
ที่มีโต๊ะยาวและเก้าอี้นับสิบตั้งอยู่ตรงกลางห้อง ร่างสูงและหนาของชายหนุ่มวัยรุ่น
ผู้มีหน้าตาหล่อเหลาไม่ต่างไปจากน็อตก็เดินปรี่เข้ามาขวางทางของเราสองคนเอาไว้
พลางยิ้มและยกมือไหว้มาทางผมกับน็อตทันทีเมื่อเห็นหน้าเราสองคน
หากแต่สุดที่รักของผมกลับไม่ได้ให้ความสนใจแต่อย่างใด
เพราะพ่อคุณก็กำลังยกมือไหว้หญิงสาวที่สวยสง่าน่ามองไม่ผิดไปจากพี่เน้ย และชายหนุ่มอีกหนึ่งคนที่หน้าตาคล้ายคลึงกับหญิงสาวที่ยืนข้างๆกัน
หากแต่ภาพรวมของเขานั้น ต้องใช้คำว่าหล่อแบบสุขุมแถมยังดูใจดีมาเป็นคำคุณศัพท์ที่ใช้ในการบรรยายคุณลักษณะที่เขาเป็น
เสียงทุ้มๆของน็อตกล่าวทักทั้งสองคนตรงหน้าอย่างอ่อนน้อม จนผมต้องยกมือไหว้ทั้งสองตามน็อตไปด้วย
“คุณเนย คุณเน็ต หวัดดีฮะ”
เมื่อทักทายพี่ทั้งสองคนของเขาจนพอใจ
พ่อสุดหล่อของผมก็หันกลับหาร่างยักษ์ใหญ่ที่หน้าโขกออกมาจากพิมพ์เดียวกันกับน็อตที่กำลังยืนทำหน้ากระเง้ากระงอดพี่ชายตัวเองอยู่ทันที
“ไง! ไอ้หล่อ
ไม่ได้เห็นหน้านาน ตัวโตขึ้นจมเลยนี่หว่า... เล่นบาสหรือเล่นรักบี้วะ ดูไปดูมา...ตัวแม่งชักจะหนาอย่างกะตู้แช่ไวน์ต่อขาเลยว่ะ”
แม้คนฟังจะตัวสูงและหนาใหญ่กว่าแฟนผมมากพอสมควร
หากแต่ใบหน้าปั่นปึงที่ดูเหมือนเด็กถูกขัดใจนั่นก็บอกได้ดีว่า
คนตัวใหญ่แคร์พี่ชายของตัวเองมากแค่ไหน ด้วยความที่อยู่กับพี่ๆที่โตกว่าอีกหลายคน
เขาก็ไม่ได้ออกอาการหงุดหงิดหรือเอาแต่ใจออกมาแต่อย่างใด หลังจากที่โดนร่างสูงของผมแหย่แรงๆแบบเมื่อครู่
พี่เนยสุดสวยเดินเข้ามาถึงตัวพ่อเจ้าประคุณแล้วตีเบาๆลงตรงบ่าน็อตคล้ายๆกับต้องการปราม
และหย่าศึกระหว่างน้องเล็กทั้งสองตั้งแต่เนิ่นๆ “มาถึงก็แกล้งน้องเลยนะคะคุณน็อต
คุณโน้ตอุตส่าห์ตั้งตารอเจอหน้าพี่ชายสุดหล่อมาตั้งแต่ห้าโมง
แทนที่คุณน็อตจะทักน้องดีๆ ที่ไหนได้”
ร่างสูงที่กุมมือผมเอาไว้แน่นก็หัวเราะชอบใจออกมาทันที
แล้วตอบพี่สาวอีกคนของตัวเองออกไปอย่างไม่คิดอะไร ระหว่างนั้น
ผมก็แอบมองตามสายตาน็อตไป
แล้วก็เห็นว่าเขากำลังจ้องมองน้องชายตัวเองด้วยความเอ็นดูแกมขบขันโดยไม่คิดวางสายตา
“ฮ่าๆๆๆๆ แหม คุณเนยล่ะก็ ถ้าน็อตทักคุณโน้ตดีๆ
มีหวังพ่อรูปหล่อของคุณเนยจะได้มาอ้อนขอบิ๊กไบค์ลูกรักน็อตไปขี่โชว์สาวๆที่มหาลัยแหงๆล่ะฮะ”
“การเสียสละของเล่นเล็กๆน้อยๆเพื่อความสุขของน้องเป็นสิ่งที่พี่ชายพึงกระทำอยู่แล้วไม่ใช่เหรอฮะคุณน็อต?” คนตัวหนาที่สุด
หากแต่มีวัยวุฒิน้อยที่สุดตอบออกมาอย่างเอาแต่ใจ ยิ่งฟังเขาพูด ก็ยิ่งทำให้ผมอดนึกไปถึงยัยนิ้งไม่ได้...หรือว่า
ลูกคนเล็กของทุกบ้าน จะมีสกิลในการออดอ้อนพี่ๆและพ่อแม่เหมือนกันหมดทุกคนกันนะ??
พอเริ่มจะได้โอกาสในการวาดลวดลาย
หนุ่มน้อยก็หันมามองผมอย่างสนอกสนใจ แล้วถามพี่ชายของตัวเองออกมาด้วยน้ำเสียงอยากรู้อยากเห็นเป็นที่สุด
“ว่าแต่...วันนี้คุณน็อตพาเพื่อนมาดินเนอร์ที่บ้านด้วยเหรอฮะ?”
น็อตยักไหล่คล้ายกับต้องการจะปฏิเสธจนผมต้องหันกลับไปมองหน้าพ่อคุณทันที...
...หรือน็อตเกิดคิดเปลี่ยนใจเอาตอนนาทีสุดท้าย...
...หรือว่าในความเป็นจริง ลึกๆแล้วเขาก็ไม่อยากแนะนำผมให้คนในบ้านได้รู้จักตั้งแต่ต้น
แต่เขาปฏิเสธผมไม่ได้??!!...
...สรุปว่า ผมควรจะดีใจหรือเสียใจกันล่ะทีนี้?!
“หึ! โทษทีว่ะ เค้าไม่ใช่เพื่อนน็อตหรอก”
นั่นไง...ว่าแล้วเชียวว่าน็อตจะต้องอายที่พาผมมาด้วยกันวันนี้แน่ๆ
...ฮือออออ! พ่อจ๋าแม่จ๋า ผู้ชายหล่อๆคนนี้เค้าหลอกเจาะไข่แดงลูกขนุน แล้วก็จะทิ้งขว้างลูกขนุนอย่างไม่เหลือเยื่อใยในอีกไม่นานนี้แล้วจ๊ะ!!
หากแต่สิ่งที่ผมคาดการณ์เอาไว้กลับผิดพลาดไปเสียทั้งหมด
เพราะหลังจากที่พ่อคุณยักไหล่ และตอบอีกฝ่ายด้วยประโยคปฏิเสธอย่างตัดรอน
จนคนฟังอย่างผม และน้องชายตัวเองทำหน้างงไปตามๆกัน เขาก็พูดหักล้างความคิดด้านลบของผมโดยทันทีด้วยท่าทางสบายๆว่า
“เค้าเป็นแฟนน็อตต่างหากว่ะ...
.
...คนนี้ไง
คนที่น็อตเคยเล่าให้คุณๆฟังเมื่อหลายเดือนก่อนหน้านี้น่ะ...
...เอาล่ะ
ไหนๆคุณๆก็มาอยู่กันพร้อมหน้าแล้ว น็อตขอแนะนำให้พวกคุณๆได้รู้จักกับแฟนสุดที่รักของน็อตฮะ”
ผมจ้องหน้าน็อตด้วยความตื่นตะลึงอย่างที่สุด
เพราะไม่คิดว่าพ่อคุณจะกล้าพูดอย่างเปิดเผยได้มากขนาดนี้
...เอ่อ ขอโทษนะเตง... แล้วเตงจะมาพูดจาตรงไปตรงมาอะไรเอาตอนนี้...
...แค่บอกว่าเป็นแฟนต่อหน้าพี่น้องทั้งสี่ของเตง เค้าก็เขินทำหน้าไม่ถูกอยู่แล้ว
นี่ถึงขั้นต่อท้ายว่าเค้าเป็นสุดที่รักของเตงอีกด้วย... ทำไมเตงถึงไม่จูบปากเค้าโชว์ต่อหน้าธารกำนัลเสียเลยล่ะ
จะได้ทำให้ทุกคนจดจำคำพูดของเตงแบบฝังใจไปจนวันสุดท้ายของชีวิตพวกเค้าทุกคนไปเลย...
...กรี๊ดดดดด!!...ทำไมเตงถึงชอบทำอะไรโดยไม่คิดปรึกษาใจเมียก่อนล่วงหน้าบ้างเล๊ยยยย ให้ตายสิ!!
แต่ผมก็ไม่อาจใช้เวลาไปกับการตกอกตกใจได้นานนัก
เพราะสายตาแปลกๆทั้งสี่คู่
บวกกับอีกหนึ่งของคนข้างๆที่ไม่อาจซ่อนความชอบใจของเจ้าตัวเอาไว้ได้ ก็กดดันผมจนต้องแนะนำตัวเองตามมารยาทอย่างเลี่ยงไม่ได้
ทั้งๆที่ผมยังเขินไม่หายแท้ๆ “สวัสดีครับ
ผมชื่อขนุนครับ ยินดีที่ได้รู้จักทุกๆคนนะครับ”
ทันทีที่ผมพูดจบ
ชายหนุ่มที่หน้าตาเหมือนพี่เนยซึ่งกำลังนั่งดื่มไวน์อยู่ ก็ยิ้มน้อยๆก่อนจะหันไปถามน็อตด้วยน้ำเสียงกวนๆ
คล้ายกับต้องการจะแหย่น้องชายตัวเอง “อ้าวคุณน็อต ไหนตอนนั้นที่เล่าให้เน็ตฟังเห็นบอกว่าคนที่คุณน็อตแอบชอบชื่อบอย
เบยอะไรไม่ใช่เหรอ? เน็ตไม่ยักกะคุ้นกับชื่อขนุนเลยนี่หว่า...ตกลงว่าใช่คนนี้แน่เร้อ?
พามาเปิดตัวถูกคนจริงรึเปล่าวะไอ้เสือ?”
น็อตถึงกับเต้นจนต้องร้องแย้งออกมาทันควัน
“เฮ๊ยยย! คุณเน็ต
อย่าพูดอย่างงี้ดิฮะ...เดี๋ยวบ้านน็อตก็แตกกันพอดี” พอแก้ต่างให้ตัวเองเสร็จ
พ่อคุณก็หันกลับมาหาผมแล้วอธิบายด้วยเสียงอ่อนเสียงหวาน
ไม่ต่างอะไรกับตอนที่ตัวเองแกล้งน้องชายตัวใหญ่ไปเมื่อครู่
“เตง..เตงอย่าไปฟังที่คุณเน็ตพูดนะฮะ รายนั้น วันๆคงจะตรวจคนไข้จนงงไปหมด
เลยสับสนจำผิดจำถูกไปหน่อยน่ะฮะ ไม่คิดมากนะ
อย่าเข้าใจเค้าผิดนะฮะ”
พี่เน้ยที่ยังยืนจับมือผมอยู่โดยไม่ยอมปล่อยก็ยิ้มจนหน้าสว่างแล้วแซวออกมาทันที
“ต๊าย น้องชายชั้น...ใครจะไปคิดว่า คนอย่างคุณน็อตจะตกที่นั่งลำบากจนต้องมาคอยแก้ตัวเป็นพัลวันอย่างนี้...
.
.
...แล้วเมื่อกี๊อะไรนะ...เค้า
เตง...น่ารักมุ้งมิ้งจนเน้ยไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองซะจริงๆ เนอะๆคุณโน้ตเนอะ”
พี่เน้ยหาพวกสนับสนุนความเห็นของตัวเองทันที
จากที่เคยกังวลว่าพี่ๆน้องๆของน็อตจะยอมรับผมไหม
ตอนนี้ผมชักจะเห็นใจน็อตขึ้นมาตงิดๆ
เพราะเท่าที่ฟังและดูรูปการณ์ของสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าในเวลานี้แล้ว ดูเหมือนว่า
พี่น้องทั้งสี่ของพ่อเจ้าประคุณ จะตั้งป้อมถล่มเจ้าตัวอย่างออกหน้าออกตา
แทนที่จะหาเรื่องกลั่นแกล้งให้เสียใจ หรือซักประวัติแบบดูหมิ่นเทือกเถาเหล่ากอของผมอย่างที่ผมเข้าใจผิดไปเองคนเดียว...
...สงสัยว่า
หลังจากนี้ ผมควรต้องลดชั่วโมงในการอ่านนิยายเรื่องอื่นๆในเล้าฯให้น้อยๆลงหน่อย
ผมจะได้เลิกคิดไปเองว่าใครๆ ก็น่าจะปฏิบัติตัวไม่ดีกับแฟนเกย์ของพี่ๆน้องๆตัวเองเหมือนกับในนิยายหลายๆเรื่องเสียที
เพราะบ้านผม กับบ้านน็อตดูจะไม่มีทีท่าแบบนั้นเลยแม้แต่น้อย
น้องโน้ตที่ยืนกอดอกมองหน้าผมสลับกับพี่ชายตัวเองก็ยิ้มกว้างอย่างอบอุ่น
แล้วตอบพี่สาวตัวเองราวกับเตี๊ยมกันมาเป็นอย่างดี “ฮะ ดูท่าพี่เราจะเป็นเอามากฮะ” พอรับคำพี่สาวจบ
หนุ่มน้อยตัวโตก็หันมาจ้องผมด้วยสายตาเชื่อมหวานที่ไม่ชวนฝัน
หากแต่ดูน่าขันและน่าเอ็นดูในเวลาเดียวกัน ก่อนจะพูดกับผมด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มหูราวกับต้องการจะโปรยเสน่ห์อย่างไรอย่างนั้น
“แต่โน้ตก็ไม่แปลกใจหรอกฮะ...ก็พี่ขนุนออกจะน่ารักซะขนาดนี้...
มองไปมองมา น่ารักกว่าดาวคณะในมหาลัยโน้ตบางคนอีกนะฮะ”
ยังไม่ทันสิ้นเสียงของน้องโน้ต
แฟนผมก็แหวออกมาโดยไม่รั้งรอ “ไอ้คุณโน้ตฮะ...อยากตายเหรอไงฮะ...
.
...คนที่คุณโน้ตลามปามอยู่นี่
มีศักดิ์เป็นถึงพี่สะใภ้คุณโน้ตเลยนะเว่ยเฮ่ย...
...อย่ามาเที่ยวทำปากหวานใส่แบบไม่ดูตาม้าตาเรือ
เดี๋ยวจะหาว่าพี่ชายสุดหล่อไม่เตือน”
ดูเหมือนลูกชายบ้านนี้จะชอบแสดงออกทางความรักต่อกันด้วยการแหย่
การอำอีกฝ่ายให้ต้องเสียหน้าแน่ๆ เพราะแม้คนพี่จะออกอาการหวงก้างจนออกนอกหน้า
แต่ฝ่ายน้องชายกลับไม่ได้สะทกสะท้านแต่อย่างใด
หากแต่ต่อปากต่อคำกลับมาด้วยความเร็วแสงพอกัน “แหม่
แตะนิดแตะหน่อยเป็นไม่ได้...หวงเกิ๊น”
พอแหย่พี่ชายตัวเองจนพอใจ
หนุ่มน้อยตัวโตก็หันมาหาผมแล้วทำท่ากรุ้มกริ่มแบบตลกๆใส่ผมอีกครั้ง
เพื่อกระตุกหนวดพ่อเสือที่กำลังพองขนขู่อยู่ข้างๆผม
“พี่ขนุนฮะ...เอาไว้วันไหนเบื่อคุณน็อตแล้ว มาหาโน้ตได้ทุกเมื่อเลยนะฮะ...
.
...บอกเอาไว้ตรงนี้เลยฮะว่า
พี่ขนุนน่ะ...สเปคโน้ตเลยฮะ” เจ้าเด็กน้อยพยายามขยิบตาแล้วส่งยิ้มหลอกล่อมาให้ผมเพื่อปิดท้ายประโยคอย่างหล่อเหลา... แม้ผมจะยอมรับว่า เด็กน้อยจะมีหน้าตาเหมือนกับน็อตอย่างกับฝาแฝด
แต่ในสายตาของผมแล้ว บุคลิกและตัวตนที่น้องโน้ตเป็นนี่ หล่อกระชากใจไม่ได้ครึ่งหนึ่งของพ่อยอดชายของผมเอาเสียเลย
อีกอย่าง...ผมว่า
ตั้งแต่ผมรักน็อตเข้าเต็มเปา ผู้ชายที่มีเสน่ห์ที่สุดสำหรับผม ต้องดูเลวๆร้ายๆไม่รับแขก
มากกว่าจะขี้เล่นเป็นหนุ่มเจ้าสำราญอย่างที่น้องโน้ตเป็น
เพราะฉะนั้น...ต่อให้เด็กน้อยจะพูดเล่นหรือพูดจริง...
ก็ไม่มีวันที่ผมจะไขว้เขวมองเด็กร่างโตผู้มีใบหน้าเหมือนน็อตทุกกระเบียด ดูมีภาษีดีไปกว่าสุดหล่อของผมได้เป็นอันขาด
ไม่ต้องรอให้ผมต้องพูดอะไร
คนข้างๆกายผมก็ตอบน้องโน้ตแทนตัวผมอย่างตรงใจไปแล้ว “คงจะไม่ได้หรอกฮะคุณโน้ต
เพราะไม่มีวันที่ขนุนเค้าจะเบื่อพี่ชายสุดหล่อของคุณน้องโน้ตง่ายๆแน่...ใช่ไม๊ฮะ
คนเก่ง?”
ผมยิ้มให้สุดหล่อของผมแล้วตอบน้องโน้ตช้าๆชัดๆด้วยท่าทางสุภาพ
“ครับ...พี่ไม่มีทางเบื่อน็อตแน่ๆครับ ขอโทษด้วยนะครับน้องโน้ต”
ทันทีที่ผมพูดจบ
เด็กน้อยก็ห่อไหล่แล้วร้องอย่างไม่พอใจออกมาทันที “โธ่ พี่ขนุนล่ะก็....
ผมกับน็อตมองหน้ากันแบบงงๆ
แต่ไม่นานพ่อเจ้าประคุณก็ดูเหมือนจะเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
เลยก้มหน้าลงมากระซิบให้ผมได้รู้ว่า
เพราะอะไรน้องโน้ตถึงได้พูดจาตัดพ้อผมแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่มเมื่อครู่นี้
และก็เป็นลูกชายอีกคนของบ้านนี้
ที่พูดแทรกกลั้วเสียงหัวเราะออกมาอย่างถูกอกถูกใจเพื่อยืนยันสิ่งที่น็อตเพิ่งจะอธิบายให้ผมได้ฟัง
“ฮะ ฮะ ฮะ ไงล่ะ เน็ตบอกคุณโน้ตแล้วใช่ไม๊ว่า คุณน็อตกับแฟนน่ะเค้ารักกันมาก
ไม่มีทางที่ขนุนเค้าจะยอมพูดจาล้อเล่นจนคุณน็อตเสียใจแน่ๆ...
.
...อย่าลืมที่เราตกลงกันไว้นะคุณโน้ต
คุณโน้ตต้องเลี้ยงบรั้นช์พวกเราทุกคน รวมทั้งพลัสวันของแต่ละบ้านก่อนสิ้นเดือนนี้”
พี่ชายคนโตของบ้านกล่าวอย่างยินดี
ระหว่างที่เอื้อมมือไปตบบ่าหนาๆของเด็กน้อยราวกับต้องการให้กำลังใจอีกฝ่ายที่เพลี่ยงพล้ำเสียพนัน
“โห่...
หมดกัน เงินที่อุตส่าห์เก็บได้ตอนไปเวิร์คฯอย่างยากเย็นที่เมกามาตลอดปิดเทอม” เด็กน้อยบ่นกระปอดกระแปดอย่างเสียดาย
แล้วก็มองหน้าผมตาละห้อย
ผมเลยต้องยิ้มปลอบใจน้องโน้ตไปแทนคำขอโทษที่คำตอบของผมผิดไปจากที่เด็กน้อยคาดการณ์
ก่อนที่เรื่องทั้งหมดจะบานปลายไปมากกว่านี้
พี่เนยที่เพิ่งจะเดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมเด็กๆที่ถือถาดใส่อาหารจานใหญ่ๆ
หน้าตาน่ากิน กลิ่นหอมฉุยหลากหลายจานเข้ามาในห้องทานอาหาร ก็ตัดบทออกมาโดยไม่รอให้ใครทักท้วง
“เอาล่ะ เอาล่ะ...ไปนั่งรอที่โต๊ะกันเถอะ
อีกเดี๋ยวคุณป๋ากับคุณบี๋ก็จะมาถึงบ้านแล้ว เราจะได้เริ่มกินข้าวเย็นกันซะที”
แต่พวกเราทั้งหมดก็ต้องหยุดเดินทันที
เมื่อได้ยินเสียงทุ้มต่ำแฝงไปด้วยความมั่นใจ และอำนาจกับวัยวุฒิสูงที่สุดเอ่ยถามมาแต่ไกลอย่างอารมณ์ดี
“ไหนเอ่ย...เสียงใครเพรียกหาคุณป๋ากันหนอ??”
...คุณป๋า??!! คุณป๋าของน็อตมาแล้ว!! เก็บหน้าตึงเดี๋ยวนี้ขนุน
อย่าได้เผลอทำหน้าเหวอออกไปเชียว!!!
พี่เนยเดินไปรับผู้เป็นประมุขของบ้านทั้งสองด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“คุณป๋า คุณบี๋ มาพอดีเลย...เนยกำลังชวนให้ทุกคนเข้าไปรอคุณๆข้างในน่ะค่ะ
เพราะรู้ว่ากำลังจะมาถึงบ้าน” พี่สาวคนโตของน็อตเดินเข้าไปหาแล้วควงแขนคุณป๋าของตัวเองเดินเข้ามาใกล้
ในขณะที่เด็กน้อยตัวโตก็เดินไปกอดคุณบี๋ที่ยังสวยไม่สร่างอย่างรักใคร่ ภาพตรงหน้าที่ผมเห็นในเวลานี้
ทำให้ผมอดตื้นตันไปกับความรักของคนในครอบครัวใหญ่ครอบครัวนี้ไม่ได้จริงๆ
เพราะทั้งคุณป๋า คุณบี๋ และลูกๆทุกคน ดูรักและห่วงใยกันจนผมอดคิดถึงพ่อจ๋าแม่จ๋า
เจ้น้ากับยัยนิ้งขึ้นมาไม่ได้
คุณป๋าก็เอ่ยกับทุกคนอย่างเริงร่าสูงสุดออกมาทันที
“งั้นเราจะรออะไรกันอยู่อีกล่ะ... ไปลงมือกันเลย!!...
.
...ดาเอ๊ย
วานจัดสำรับข้างๆคุณน็อตเพิ่มให้ที่นึงนะ
พอดีชั้นเชิญแขกมาร่วมโต๊ะกับเราด้วยน่ะ” หลังจากที่นั่งลงตรงหัวโต๊ะเป็นที่เรียบร้อย
คุณป๋าก็หันไปสั่งพี่ดาที่ยืนอยู่ข้างๆโต๊ะระหว่างที่เฝ้ามองเด็กๆจัดอาหาร
และเตรียมการทุกอย่างด้วยสายตาคมราวกับเหยี่ยว
“ได้ค่ะ”
พี่ดารับคำแล้วหันไปสั่งเด็กคนหนึ่งเพื่อให้เปลี่ยนแปลงการจัดโต๊ะใหม่ตามคำสั่งล่าสุดของคุณป๋า
นั่นเลยทำให้น็อตต้องเว้นเก้าอี้หนึ่งตัวถัดจากน้องโน้ตเอาไว้เพื่อให้แขกของคุณป๋านั่ง
ส่วนพี่ๆอีกสามคนก็นั่งลงตรงฝั่งเดียวกับคุณบี๋เป็นที่เรียบร้อย ผมที่นั่งอยู่ตรงท้ายโต๊ะก็นั่งลงอย่างประหม่า
เพราะไม่รู้จะทำหน้าอย่างไร ที่สำคัญ...ผมกำลังรอจังหวะที่จะกล่าวทักทายคุณป๋ากับคุณบี๋อย่างเป็นทางการเสียที
แต่ผมกลับไม่ต้องรอนาน เพราะในที่สุด คุณป๋าก็หันกลับมาสบตากับผมเข้าพอดี
เมื่อท่านเห็นหน้าผม
ก็เอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย “อ้าว
แล้วนั่นใครกันล่ะ?”
น็อตที่นั่งกุมมือของผมอยู่ก็หันกลับมายิ้มให้กำลังใจผม
ก่อนจะหันกลับไปตอบคุณป๋าแทนเพื่อเป็นการเกริ่นเบิกทางให้ผมก่อน “คุณป๋า
คุณบี๋ฮะ...นี่ขนุน แฟนน็อตเองฮะ”
เมื่อถึงคิว
ผมก็ยกมือขึ้นไหว้ แล้วกล่าวทักทายผู้ใหญ่ทั้งสองอย่างนอบน้อม “สวัสดีครับ คุณป๋า
คุณบี๋” ผมยิ้มให้ทั้งสองท่านด้วยรอยยิ้มที่คิดว่าน่าจะดูดีที่สุด
เพื่อจะสร้างความประทับใจให้กับท่านทั้งสอง
เหมือนกับตอนที่ผมผ่านด่านลูกๆทั้งหลายของพวกท่านมาอย่างไม่ยากเย็นเมื่อครู่นี้
แต่คุณป๋ากลับไม่ได้สนใจ
เพราะท่านถามน็อตเสียงดังฟังฉุนๆออกมาทันทีหลังจากที่ผมพูดจบ “อ้าว ไอ้เสือ!!...ยังไงของเรากันวะ? เมื่อไม่กี่วันก่อนเพิ่งจะมานั่งร้องไห้ตีโพยตีพายกับคุณป๋าเองว่า
แฟนเราไม่ยอมเจอหน้าดูท่าแล้วเค้าน่าจะขอเลิก แล้วไหงวันนี้จะพามาเปิดตัวแบบไม่บอกไม่กล่าว...
.
...ดีกันแล้วทำไมไม่รีบบอกคุณป๋า...
...อย่างงี้คุณป๋าก็เสียผู้ใหญ่หมดกันซิวะ”
...แย่แล้ว!!...นี่ผมทำให้ลูกชายคุณป๋าถึงกับร้องไห้เลยเหรอ?
,,,แล้วถ้าคุณป๋ารู้ว่า สิ่งที่ผมทำลงไปทั้งหมดมันเป็นเรื่องหลอกลวง
คุณป๋าจะไม่สาปส่งผมเลยเหรอเนี่ยะ?
แล้วการที่ผมดีกันกับน็อตมันไปเกี่ยวอะไรกับท่าทางไม่พอใจของคุณป๋าในตอนนี้ด้วยล่ะ?
หรือว่าคุณป๋าจะไม่ชอบใจผมเข้าแล้วกันนะ?
“เสียผู้ใหญ่ยังไงฮะคุณป๋า?”
สุดหล่อของผมที่บีบมือของผมแน่นยิ่งไปกว่าเดิมก็ถามออกไปทันทีเพื่อขจัดความสงสัยแทนเราทั้งสองคน
ตัวผมในเวลานี้
ได้แต่นั่งก้มหน้าจ้องมองฝ่ามือของเราที่เกาะเกี่ยวกันจนจะกลายเป็นเนื้อเดียวอยู่อย่างตั้งอกตั้งใจ
เพราะไม่รู้ว่าควรจะเอาสายตาไปวางที่ไหน ในระหว่างที่ต้องเผชิญกับปัญหาที่ส่อเค้าว่าจะยืดเยื้อและดุเดือดไม่น้อย ซี่งไอ้ปัญหาที่ว่า มันดันเกิดมาจากการกระทำตามใจของผมเพียงผู้เดียว
หากแต่ส่งผลกระทบต่อคนในครอบครัวของน็อตอย่างใหญ่หลวง
และไร้ทางเลี่ยงเช่นนี้
คุณป๋ายังคงต่อว่าน็อตด้วยน้ำเสียงจริงจังไม่ต่างจากเมื่อครู่
“ก็วันนี้ที่คุณป๋ากับคุณบี๋ออกไปข้างนอกน่ะ เพราะต้องการจะไปทาบทามขอลูกสาวเพื่อนมาเป็นคู่หมั้นคู่หมายให้เรายังไงล่ะ...
.
...ถ้าคุณน็อตยังจำได้
เราเคยตกลงกับคุณป๋าเอาไว้ว่า ถ้าภายในระยะเวลาสามเดือน คุณน็อตไม่สามารถทำให้ขนุนยอมเป็นแฟนด้วยได้
คุณป๋าจะหาเมียปลอบใจให้ยังไงล่ะ”
ผมนั่งฟังคุณป๋าด้วยสีหน้าช็อคสุดๆ
เพราะไม่คิดว่าคุณป๋าจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับลูกชายเป็นอย่างดี...
...จะว่าไป...ผมว่า มันออกจะดีเกินไปเสียด้วยซ้ำ...
...อย่าบอกนะว่า ที่ว่างที่เตรียมเอาไว้ข้างๆน็อตนั่น
คือที่ของว่าที่คู่หมั้นของน็อตที่จะมากินข้าวร่วมโต๊ะพร้อมหน้ากับพี่ๆน้องๆของน็อตในคืนนี้???!!...
.
.
...แล้วส่วนเกินอย่างผมล่ะ? ...
...ส่วนเกินอย่างผมต้องวางตัวอย่างไร?...
...สำหรับทุกคนในบ้านนี้
ผมเป็นใคร มีศักดิ์และมีสิทธิอะไรที่จะมานั่งเสนอหน้าอยู่แบบนี้?...
...นอกจากน็อตแล้ว ยังมีใครที่นี่พร้อมจะต้อนรับผมอยู่อีกหรือไม่????
“เฮ๊ย!! คุณป๋า...คุณป๋าจะทำอย่างงั้นได้ยังไงกันล่ะฮะ ก็นี่มันยังไม่ถึงกำหนดสามเดือนของคุณป๋าเลยนี่นา
อีกอย่าง...น็อตกับขนุนก็ไม่ได้เลิกกันซะหน่อย” น็อตที่ยังไม่ยอมปล่อยมือผมไปไหนก็ท้วงออกไปอย่างเหลืออด
ผมพยายามบีบมือน็อตเบาๆเพื่อปรามไม่ให้เขาเผลอฟิวส์ขาดใส่คุณป๋าไปเสียก่อน
แต่สิ่งที่คุณป๋าตอบกลับมาก็ทำให้ทั้งผมและน็อตต้องสะอึก
“แล้วไอ้ที่เราร้องห่มร้องไห้จะเป็นจะตายอย่างกับพ่อเสีย เอ๊ย!! อย่างกับญาติผู้ใหญ่เสีย
แล้วก็เอาแต่บอกว่าเค้าเลิกแน่ เค้าต้องเลิกกับน็อตแน่ๆ อย่างงั้นอย่างงี้น่ะมันหมายความว่าอะไรกันฮะ?...
.
...นี่เราสองคนเล่นขายของหลอกผู้หลักผู้ใหญ่ให้กลุ้มไปตามๆกันอยู่อย่างงั้นเหรอ?”
โอ๊ย ขนุนเอ๊ย! ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่แท้ๆ....
...ถ้าผมรู้ตัวมาก่อนล่วงหน้าแต่เนิ่นๆว่า สิ่งที่ผมทำ...ไม่ได้สร้างปัญหาให้เกิดขึ้นระหว่างผมกับน็อตแค่สองคน
หากแต่มันจะลุกลามใหญ่โตร้อนไปถึงพ่อแม่ของน็อตอีกทอดหนึ่งแบบนี้...
...ต่อให้หัวเด็ดตีนขาดอย่างไร...ผมก็ไม่มีทางจะตัดสินใจทำแบบนั้นกับน็อตแน่ๆ...
...แต่เวลานี้ ไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งทอดถอนใจอาลัยอดีตอยู่
ผมต้องแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยตัวของผมเอง และทำทุกอย่างให้ถูกต้อง ก่อนที่เรื่องทั้งหมดมันจะยุ่งเหยิงไปกว่านี้!!!
ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึกกว่าปกติเพื่อเรียกขวัญและกำลังใจ
แล้วเอ่ยตอบคุณป๋ากลับไปแทนน็อตที่ดูจะร้อนรนจนเริ่มควบคุมสีหน้าให้เป็นปกติไม่ได้
“คุณป๋าครับ เรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของผมเองครับที่ทำกับน็อตอย่างนั้น...
.
...จริงๆเราสองคนไม่ได้เลิกกัน
หรือมีปัญหากันหรอกครับ แต่การที่เราต้องห่างกัน มันเป็นส่วนหนึ่งในอุบายของผมเอง...
...ผมอยากให้น็อตได้ปรับปรุงตัวเรื่องความไม่เชื่อใจกัน
เรื่องหึงหวงจนอารมณ์ร้อนขาดสติ และเรื่องการใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหาต่างๆ เพราะตลอดมา...ตั้งแต่ที่เราเริ่มคบกันมาจนถึงเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว
ต่อให้ผมพยายามมากเท่าไร
หรือแสดงออกถึงความมั่นคงในความรักที่ผมมีต่อน็อตซักแค่ไหน
น็อตก็ไม่เคยแก้ไขเรื่องพวกนี้ได้เลย...
.
...หนำซ้ำ
ยิ่งเราคบกัน รักกันมากขึ้นเท่าไร
อะไรๆมันก็ยิ่งย่ำแย่จนยากเกินควบคุม...
...สุดท้าย
ผมก็วางแผนสร้างสถานการ์ณขึ้นมาเพื่อทำให้น็อตเข้าใจผิดผมกับผู้ชายคนอื่น เพราะคิดไปเองคนเดียวว่า
การที่เราต้องอยู่ห่างกันซึ่งเป็นผลพวงมาจากนิสัยใจร้อนวู่วามจนเกินไปของน็อต จะทำให้เค้าเข้าใจได้ว่า
สิ่งที่เค้าเป็นมันอาจบ่อนทำลายความสัมพันธ์ของเราสองคนในระยะยาวน่ะครับ...
.
...ผมทำแบบนั้นกับน็อตลงไปโดยที่เจ้าตัวไม่ได้รู้อิโหน่อิเหน่อะไรด้วยเลยครับ...
...ถ้าคุณป๋า
คุณบี๋ และคุณๆในที่นี้ทุกๆคนจะโกรธ หรือไม่พอใจ ก็ขอให้โกรธผมแต่เพียงผู้เดียว...
...ผมเองนี่แหละครับ
ที่เป็นตัวการของเรื่องทั้งหมดในครั้งนี้...
.
.
...และถ้าเป็นไปได้
หากคุณป๋าจะยังกรุณาผมอยู่บ้าง ได้โปรดยกเลิกเรื่องหมั้นหมายของน็อตด้วยเถอะครับ”
ผมยกมือขึ้นไหว้ผู้เป็นพ่อของน็อตด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้งอีกครั้ง
ด้วยหวังว่าความรู้สึกเสียใจของผมจะส่งไปถึงใจท่าน จนท่านเกิดเห็นใจ
และยอมทำตามคำร้องขอของผมสักครั้ง
แต่ดูเหมือนจังหวะของผมจะไม่ดีนัก
เพราะยังไม่ทันที่คุณป๋าจะได้พูดอะไร
พี่ดาก็เดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมกับรายงานถึงสิ่งที่ผมไม่ต้องการได้ยินที่สุดทันที “คุณท่านคะ
คุณจินนี่มาแล้วค่ะ”
ในระหว่างที่ผมยังคงจ้องตากับคุณป๋าไม่วางนั้น
คุณบี๋ก็ชิงตอบคำพี่ดาทันที “พี่ดา พี่ดาไปเชิญคุณจินนี่เข้ามาได้เลยจ๊ะ” เมื่อพี่ดาเดินออกจากห้องอาหารไป
คุณบี๋ก็ยื่นมือไปแตะต้นแขนคุณป๋าเพื่อเรียกความสนใจ แล้วกล่าวกับเราทุกคน โดยที่ท่านไม่ได้ละสายตาไปจากหน้าผมเลยแม้แต่วินาทีเดียว
“เอาอย่างงี้ก็แล้วกันนะ... คุณบี๋ว่า ตอนนี้...เราพักเรื่องนี้เอาไว้ก่อนดีไม๊
เอาไว้เราส่งแขกเรียบร้อยแล้ว เราทั้งหมดค่อยมาหาทางออกของเรื่องนี้กันต่อ” คุณบี๋ยิ้มน้อยๆส่งมาให้
ราวกับต้องการมอบกำลังใจให้กับผม
ชายผู้เป็นเจ้าบ้านกล่าวตอบภรรยาด้วยเสียงติดฉิว
ท่าทางของคุณป๋าในตอนนี้ ทำให้ผมเผลอนึกไปถึงเวลาที่ผมคอยปรามไม่ให้น็อตทำโน่นนี่
แล้วอีกฝ่ายก็ต้องยอมลงให้กับผมในท้ายที่สุดขึ้นมาตงิดๆ ไม่นึกเลยว่าลูกไม้จะหล่นไม่ไกลต้นได้ถึงขนาดนี้
“คุณป๋ายอมคุณบี๋ก็ได้...
.
...แต่มื้อนี้
คุณน็อตต้องเทคแคร์น้องจินนี่ให้ดีอย่าให้ขาดตกบกพร่องแม้แต่นิดเดียวเลยนะ
เพราะกว่าคุณป๋าจะไปขอไอ้เสริญให้ยอมปล่อยลูกสาวมากินข้าวเย็นที่บ้านเราได้
ก็เล่นเอาเหงื่อตก...คุณป๋าไม่อยากให้น้องจินนี่รู้สึกกระอักกระอ่วนที่ต้องมาอยู่ในดงเสือเพียงลำพัง
เดี๋ยวจะพลอยทำให้คุณป๋าเข้าหน้าเพื่อนเก่าเพื่อนแก่อย่างไอ้เสริญไม่ติดไปซะเปล่าๆ”
พอผมได้ฟังคำคุณป๋าแล้วหัวใจผมก็ตกวูบไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที
เพราะผมไม่นึกว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
นี่ผมจะต้องมานั่งกินข้าวกับครอบครัวน็อตทั้งๆที่เรื่องเข้าใจผิดทั้งหมดยังไม่คลี่คลาย
แถมน็อตก็ต้องไปทำตัวดีกับผู้หญิงที่พ่อตัวเองจัดหามาให้ต่อหน้าต่อตาของผมอีกหรือนี่??!!
ทำไมเรื่องทั้งหมดถึงกลับตาลปัตรไปหมดอย่างนี้กันล่ะ?
ผมจะต้องเสียน็อตไปเพราะการกระทำด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของตัวเองเพียงครั้งเดียวเท่านั้นจริงๆน่ะหรือ????!!!
“แต่คุณป๋าฮะ... น็อตพยายามทัดทาน หากแต่ไม่สำเร็จ
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น!..มีอย่างที่ไหน แทนที่คุณป๋า
คุณบี๋จะได้กินมื้อเย็นอย่างชื่นมื่นตามประสาหัวหน้าครอบครัวที่นานๆจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับลูกๆแต่ละคนซักที กลับต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกซะอย่างงั้น...
.
...ถ้าคุณน็อตจะโวยวาย
คุณน็อตก็ไปต่อว่าแฟนตัวเองก็แล้วกันที่ทำเรื่องไม่เข้าท่า
จนเดือดร้อนกันไปทั่วทั้งหัวดำหัวหงอกแบบนี้” คุณป๋าสั่งเสียงเฉียบ
จนผมรู้สึกได้ว่าทุกๆคนที่นั่งร่วมโต๊ะ รวมไปถึงเด็กๆที่คอยบริการหยิบนั่นเตรียมนี่
ต่างหวั่นวิตกเพราะสถานการณ์อันตึงเครียดที่กำลังเกิดขึ้นไปตามๆกัน สำหรับตัวผม...เพื่อไม่ให้บรรยากาศแย่ยิ่งไปกว่านี้
ผมเลยเพ่งสมาธิทั้งหมดไปกล่อมจิตใจไม่ให้เอาแต่ตำหนิตัวเองเสียจนเผลอร้องไห้ออกมากลางคัน
น็อตยื่นหน้าเข้ามาหาผมใกล้ๆ
ก่อนจะกระซิบถามข้างๆหูผมด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย “ขนุน ไม่เป็นไรนะฮะ?”
ผมแสร้งฝืนยิ้มกลับไปให้สุดหล่อของผมที่ทำหน้าปริ่มว่าจะขาดใจด้วยความเป็นห่วงใจผมอย่างที่สุด
แล้วปลอบอีกฝ่ายให้ไม่ต้องคิดเรื่องผมจนวิตกจนเกินไปนักด้วยคำพูดสั้นๆที่พอจะคิดออกในเวลานั้น
“ฮื่อ...ไม่เป็นไร” แต่ในความเป็นจริงแล้ว
ใจผมมันกำลังสั่น เมื่อตระหนักถึงความเลวร้ายที่กำลังเกิดขึ้นในเวลานี้...
...น็อตอาจจะต้องหมั้นกับผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้...
...และสาเหตุที่ทำให้น็อตต้องหมั้น
มันมีต้นเหตุมาจากผม!!
หัวใจของผมยิ่งสั่นและแกว่ง
ทันทีที่หญิงสาวหน้าตาสะสวยราวกับดาราเดินเข้ามาในห้อง
แล้วนั่งลงตรงที่นั่งว่างข้างๆน็อต แค่เธอเดินย่างกรายเข้ามาในห้อง
ก็ทำให้ทุกๆสิ่งดูสว่างไสวไปกันใหญ่ ยิ่งเธอนั่งลงข้างๆกายน็อต
แล้วหันมายิ้มให้สุดหล่อของผม ที่จำต้องปล่อยมือจากมือผมเพื่อรับไหว้อีกฝ่าย
ใจผมก็เต้นแผ่วลงไปทุกที ทุกที...
.
.
...มันคงจะดีกว่านี้
ถ้าน้องจินนี่ไม่ใช่คนสะสวยอะไรมากนัก...
...มันคงจะดีกว่านี้
ถ้าน้องจินนี่จะดูไม่เหมาะสมกับน็อตราวกับกิ่งทองใบหยก...
...มันคงจะดีกว่านี้
ถ้าครอบครัวของน็อตจะไม่ดูเอาใจใส่น้องจินนี่มากเท่านี้... ไม่สิ ผมต้องบอกว่า
มากกว่าผมต่างหาก...
...และมันคงจะดีกว่านี้
ถ้าน็อตไม่จำเป็นต้องปล่อยมือไปจากผมทันทีที่คุณป๋ากระแอมบอกใบ้ให้ผู้ชายที่ผมรัก
จำต้องเอาใจและดูแลผู้หญิงคนอื่น ผู้ที่เป็นคู่หมายซึ่งผู้ใหญ่ฝ่ายชายเป็นคนจัดหามาให้อย่างนี้
.
.
.
.
แล้วผมมานั่งอยู่ตรงนี้ในฐานะอะไร???!!
นี่ผมกำลังสู้อยู่ในศึกที่ผมจะพ่ายแพ้เพราะภัยตัวเองอยู่ใช่ไหม??!!
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
หลังจากจบมื้ออาหาร
ทุกๆคนรวมทั้งผมก็เดินออกไปส่งน้องจินนี่ขึ้นรถยนต์คันหรูของบ้านน็อตกลับบ้านตัวเองอย่างพร้อมหน้า
ก่อนที่พวกเราทั้งหมดจะเดินตามคุณป๋ากับคุณบี๋เข้าไปนั่งกินขนม กาแฟ
หรือดื่มเครื่องดื่มอื่นๆตามแต่ต้องการในห้องนั่งเล่น
ซึ่งมีทีวีจอใหญ่คับผนังที่กำลังถูกน้องโน้ตเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆจนกว่าเจ้าตัวจะพอใจ
คุณป๋าที่นั่งอย่างสบายอยู่บนโซฟาตัวยาวหันกลับมาถามน็อตที่นั่งตัวติดกับผมด้วยท่าทางตื่นเต้นยินดี
“ว่าไงคุณน็อต น้องจินนี่เป็นไงมั่ง น่ารักดีใช่ไม๊ล่ะ?”
น็อตตอบคำคุณป๋าด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก
“คุณป๋าฮะ เลิกล้อเล่นซะทีเถอะฮะ คุณป๋าก็รู้อยู่นี่ฮะว่า น็อตกับขนุนคบหากันอยู่
และพวกเราก็รักกันมากด้วย”
แม้ว่าคำตอบนี้
จะส่งตรงถึงลูกชายของตน แต่สายตาของคุณป๋ากลับไม่ได้จ้องหน้าน็อตแต่อย่างใด
ทำไมผมถึงรู้ดีน่ะหรือ...ก็เพราะผมนี่แหละ
คือคนที่คุณป๋ากำลังมองด้วยสายตาไม่ชอบใจสักเท่าไร “แต่คุณป๋าไม่ชอบใจเรื่องที่ขนุนทำกับน็อตอย่างนั้นนี่หว่า...
.
.
...จริงอยู่ว่าเจตนาของขนุน
มาจากความประสงค์ดี และหวังจะให้ความรักของทั้งสองคนยืนยาวโดยไร้ซึ่งปัญหาใดๆ...
...แต่ไม่ว่าจะมองมุมไหน
คุณป๋าก็ยังรู้สึกอยู่ดีแหละว่า...คนรักกัน เค้าไม่ทำกันแบบนั้นหรอก...
.
...ลงว่ารักกันแล้วน่ะนะ
ต่อให้ไม่ชอบใจนิสัยของคนของเราแค่ไหน แต่การดัดนิสัยด้วยการเอามือที่สามเข้ามาเพื่อยั่วยุให้คนรักที่เลือดร้อนง่ายเป็นทุนเดิม
เผลอเลือดขึ้นหน้า แล้วโยนความผิดทั้งหมดให้ตกอยู่กับฝ่ายอารมณ์ร้อนเพียงคนเดียว เพราะต้องการสั่งสอนให้คนบุ่มบ่ามบ้าเลือดคิด
หรือเลิกทำนิสัยแบบที่ตัวเองไม่ชอบได้ โดยไม่สนใจว่า
ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นฉับพลันทันตากับคนของเราคือความเจ็บปวดจากความไม่เข้าใจ
และความรู้สึกว่าตนเองไม่เป็นที่ต้องการของคนรักน่ะมันโหดร้ายแค่ไหน...
.
.
...ซ้ำร้ายไปกว่านั้น...
ขนุนยังเลือดเย็นถึงขนาดผลักไสคนรักที่กำลังสับสนงุนงงให้อยู่ห่างไป โดยยอมไม่เปิดโอกาสให้คุณน็อตได้อธิบาย
หรือปรับความเข้าใจใดๆ ทั้งที่ความรักของคนสองคนไม่มีทางเกิดขึ้นได้
หากไร้ซึ่งความเข้าใจ ความเมตตา และการให้อภัยเป็นพื้นฐาน และที่ไม่น่ารักสำหรับคุณป๋าอย่างที่สุดก็คือ
การที่ขนุนขอเว้นระยะห่าง หรือทำให้อีกฝ่ายตีความได้ว่าเรื่องมันจะลงท้ายด้วยการเลิกราน่ะ
มันทำลายความเชื่อมั่นของคนรักเราได้ไม่น้อยเลยนะ...
.
.
...พูดมาก็ตั้งเยอะขนาดนี้
คุณป๋าขอถามขนุนหน่อยแล้วกันว่า ขนุนคิดว่า การกระทำของตัวเองมันถูกต้องไม๊?
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเรารักใครอย่างสุดหัวใจแล้ว การเอาเรื่องรักๆเลิกๆมาเป็นเดิมพันในเรื่องความรู้สึกง่ายๆ
คงไม่ใช่สิ่งที่เราควรจะทำหรอก...ขนุนว่าจริงไม๊?”
“ครับ
ที่คุณป๋าว่ามา ถูกต้องทั้งหมดครับ ผมผิดเองครับ ผมกราบขอโทษคุณป๋า
และคุณบี๋ด้วยครับที่ทำให้ต้องเดือดเนื้อร้อนใจกับเรื่องของพวกผมสองคน”
ผมรับคำของคุณป๋าอย่างตรงไปตรงมา เพราะเมื่อคิดตามสิ่งที่คุณป๋าว่ามาทั้งหมด
แล้วก็ต้องยอมจำนนกับเหตุผลที่คุณป๋ายกขึ้นมาทุกประการ เพราะมันคืออีกด้านของเหรียญ
ที่ผมไม่ได้คำนึงถึง
อีกอย่าง
มันคงไม่มีประโยชน์อะไร หากผมจะมัวแต่ตีโพยตีพายกับสิ่งที่เกิดขึ้น และจบสิ้นไปแล้ว...
ต่อจากนี้ ผมต้องพยายามแก้ไขความผิดพลาดทั้งหมด ในขณะที่ยังมีโอกาส
คุณป๋าทำท่าโบกมือแล้วพูดอย่างไม่ถือสาหาความใดๆ
“เอาเถอะ เอาเถอะ...เรื่องมันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว คุณป๋ากับคุณบี๋ก็ไม่ติดใจอะไรอีกแล้วล่ะ”
เมื่อผมกับน็อตได้ฟัง
เราสองคนก็หันมายิ้มให้กันอย่างโล่งอก
จากนั้นผมก็รีบหันกลับไปยกมือไหว้ขอบคุณคุณป๋าที่ใจกว้าง
และยอมรับคำขอโทษของผมในที่สุด “ขอบคุณครับคุณป๋า...
ผมสัญญาว่า ต่อไป ผมจะไม่ทำให้น็อตเสียใจแบบนี้อีก”
.
.
.
คุณป๋าเว้นช่วงเพื่อจิบชาอยู่พักใหญ่
ก่อนจะเอ่ยเนิบๆ “ถึงขนุนจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ แต่คุณป๋าก็ไม่คิดว่า
ต่อจากนี้ไป...ขนุนจะมีโอกาสได้ทำให้คุณน็อตเสียใจได้อีกแล้วล่ะ”
พอเห็นสีหน้า
และได้ยินสิ่งที่คุณป๋าพูดออกมา น็อตก็ถามบิดาของตัวเองด้วยน้ำเสียงตกใจสุดขีด “คุณป๋า...คุณป๋าหมายความว่าไงฮะ?”
..ทำไมน็อตจะต้องทำท่าตกอกตกใจขนาดนั้นด้วย
หรือว่า...มันยังมีอะไรที่ยังน่าเป็นห่วงอยู่อีกหรือ??
“ก็ไม่ยังไงหรอกคุณน็อต คุณป๋าว่า
คุณป๋าจะให้คุณน็อตหมั้นกับน้องจินนี่น่ะซิ” คุณป๋าตอบเสียงนิ่งโดยไม่คิดจะเล่นหัว
หรือยิ้มแย้มแม้แต่น้อย
“คุณป๋า!!!” เมื่อสิ้นเสียงประกาศของคุณป๋า
ทุกคนในบ้านยกเว้นผมที่กำลังนั่งช็อกอยู่ก็ร้องออกมาเป็นเสียงเดียวกัน
...แค่ได้ยินประโยคนี้ออกมาจากปากคุณป๋า
ผมก็หมดเรี่ยวหมดแรงจนชักจะนั่งไม่ตรงอีกต่อไป...
...ความรู้สึกของโลกถล่มทลายลงตรงหน้านี่ มันคือสิ่งเดียวกันกับเรื่องที่ผมกำลังเผชิญอยู่หรือไม่หนอ??...
...น็อตต้องหมั้นกับน้องจินนี่จริงๆใช่ไหม?...
.
.
...แต่ขนุน เรื่องมันยังไม่ถึงขั้นนั้นเสียหน่อยนี่นา...
...คุณป๋าแค่บอกว่า จะให้น็อตหมั้น..นั่นก็แปลว่า
ถ้าน็อตยังไม่ได้หมั้นจริงๆ ผมก็ยังจะมีโอกาสเปลี่ยนใจคุณป๋าได้อยู่ดี...
...ผมจะไม่มีทางเสียน็อตให้ใครอื่น
ผมจะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเต็มที่... ผมจะพยายามเพื่อความรักของเราสองคน!!
“ไม่ได้นะฮะคุณป๋า
น็อตไม่ยอม!!”
สุดหล่อของผมประท้วงด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเอามากๆ
ถ้าเป็นคนอื่น...เมื่อมาถึงขั้นที่บทสนทนาไม่ไปถึงไหนเสียทีแบบนี้ ผมว่า
ด้วยดีกรีความโกรธเท่านี้ น็อตคงจะโวยวายและท้าตีท้าต่อยไปแล้วล่ะ แต่เพราะว่าอีกฝ่ายคือต้นฉบับของความเป็นน็อตทั้งหมดในทุกวันนี้
บารมีของคุณป๋าก็ย่อมจะแก่กล้ายิ่งกว่า...ถ้าใครบอกว่าน็อตกวน น็อตเกรียน
ผมว่า...คุณป๋านี่แหละ ที่ทั้งกวน และเกรียนตัวพ่อของแท้
“ไม่ยอมก็ต้องยอม
เพราะคุณป๋าตัดสินใจแล้ว” คุณป๋าตอบหน้านิ่ง
แล้วเบือนสายตาหลบไปมองหน้าจอทีวีที่ฉายการ์ตูนอะไรก็ไม่รู้ด้วยทีท่าสนใจจนเกินเหตุ
เมื่อเห็นสีหน้าไม่พอใจจนเจ้าตัวเผลอขบกรามแน่นและไม่พูดไม่จาอะไร
ผมเลยต้องออกปากต่อรองขอความเห็นใจจากคุณป๋าอีกครั้ง
ทั้งๆที่ผมเริ่มรู้สึกละอายใจกับการกระทำของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ “คุณป๋าครับ
คุณป๋า ได้โปรดเถอะครับ อย่าทำแบบนั้นเลย อย่าพรากน็อตไปจากผมเลยครับ”
คุณป๋ามองหน้าผมอย่างพินิจพิเคราะห์
แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเชือดเฉือน เหมือนเอาเกลือมาสาดลงแผลสดที่กลางหลังของผม “คุณป๋าไม่ได้พรากคุณน็อตมาจากขนุนนะ
ขนุนลองคิดดูให้ดีๆ ว่าใครกันแน่ที่ทำให้คุณป๋าต้องตัดสินใจแบบนี้...
...ที่ผ่านมา
ทั้งที่ก็รู้อยู่เต็มอกว่าลูกชายตัวเองกำลังจะหันไปชอบผู้ชาย คุณป๋ากลับไม่คิดห้าม แถมยังสนับสนุนให้ไอ้เสือมันไปตามจีบขนุนซะด้วยซ้ำ...
.
...แต่จากสิ่งที่คุณป๋าเห็นผ่านการกระทำของขนุนเมื่อไม่นานมานี้
คุณป๋าก็ได้ข้อสรุปว่า ในฐานะคนเป็นพ่อเป็นแม่...
สิ่งที่ดีที่สุดที่เรามุ่งหวังอยากให้เกิดขึ้นกับลูกๆของเราทุกคนก็คือ ความสุข
ความมั่นคง และความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตของลูกๆแต่ละคนจวบจนสิ้นอายุขัยของพวกเค้า...
.
...แม้ว่าคุณน็อตจะยังอายุไม่มากไม่มาย
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะลงหลักปักฐานสร้างครอบครัวไม่ได้ซะหน่อย...
...คุณป๋ากับคุณบี๋ก็เลยคิดว่า
มันสมควรแก่เวลาแล้วล่ะ ที่คุณน็อตควรจะแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาไปกับคนที่คู่ควรทั้งด้านหน้าตา
ฐานะ หน้าที่การงาน
ที่สำคัญ...คนๆนั้นต้องรักลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนนี้ของคุณป๋ามากอย่างไม่มีข้อสงสัย...
.
...ซึ่งเท่าที่คุณป๋าสังเกตดูจากสิ่งที่คุณป๋าเห็นในคืนนี้ คุณป๋าก็แน่ใจว่า ในไม่ช้า...น้องจินนี่จะรักคุณน็อตได้หมดทั้งใจแน่ๆ
เพราะไอ้เสือของคุณป๋ามันมีค่า และไม่ได้เป็นแค่ของเล่นพิสูจน์หัวใจของใครบางคน
อย่างที่ขนุนทำกับลูกชายคุณป๋า”
คำพูดทั้งหมดของคุณป๋า
เปรียบเสมือนคมมีดที่กรีดซ้ำๆลงมาตรงกลางหัวใจผม แต่ในเมื่อทุกอย่างเป็นเรื่องจริง
และผมไม่อาจกลับไปแก้ไขอดีตอันผิดพลาดได้ ผมจึงพยายามตั้งสติ
แล้วเรียกความกล้าที่ยังพอมีเหลือ ออกมาเพื่อใช้เจรจาหว่านล้อมให้คุณป๋ายอมใจอ่อนกับผมเสียที
“คุณป๋าครับ
ผมขอร้องล่ะครับ ผมรักน็อตมากนะครับ ได้โปรดให้โอกาสผมพิสูจน์ตัวเองให้คุณป๋า
คุณบี๋ และคุณๆทุกๆคนได้เห็นด้วยเถอะครับ ผมจะทำให้ทุกๆคนได้รู้ว่า
ผมเองก็รักน็อตไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าใครในที่นี้เลยแม้แต่คนเดียว”
สุดหล่อของผมลงไปนั่งพับเพียบกับพื้น
ก่อนจะพนมมือกลางอกพลางวิงวอนผู้เป็นพ่ออย่างน่าสงสาร “คุณป๋า คุณป๋าฮะ คุณป๋าอย่าทำอย่างงี้ซิฮะ
น็อตรักขนุนนะฮะ คุณป๋าเปลี่ยนใจตอนนี้ก็ยังทันนะฮะ” ผมทนเห็นน็อตทำแบบนั้นเพียงลำพังไม่ได้
ก็ลงนั่งกับพื้นข้างๆกายเขา แล้วทำในสิ่งเดียวกันกับสุดที่รักของผมพยายามทำ
แต่คุณป๋ากลับไม่คิดแม้แต่จะชายตามองเราทั้งสองคนที่กำลังอ้อนวอนคุณป๋าด้วยท่าทาง
และสายตาอย่างตั้งอกตั้งใจ หากแต่ท่านเอ่ยตอบเราสองคนกลับมาด้วยน้ำเสียงออกจะรำคาญนิดๆ
“คุณน็อตไปส่งขนุนกลับบ้านเถอะ นี่ก็ดึกมากแล้ว เดี๋ยวจะเดินทางลำบาก......อ้อ! รีบไปแล้วก็รีบกลับล่ะ เพราะคืนนี้...เราทุกคนต้องมานั่งคุยรายละเอียดเรื่องงานหมั้น งานแต่งที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้กันอีก”
“คุณป๋า!!
คุณป๋าฮะ!!!”
น็อตพยายามร้องขอความเห็นใจจากคุณป๋าอย่างไม่มีลดละ
ผมเหลือบตามองสมาชิกที่เหลือในบ้าน ที่กำลังมองพวกเราสองคนอย่างเห็นอกเห็นใจ
แล้วก็อดขอบตาร้อนขึ้นมาไม่ได้...เวลานี้ คนที่ผมสงสารมากที่สุดนอกไปจากตัวเอง
ก็คือผู้ชายคนที่กำลังเขย่าขาข้างหนึ่งของพ่อตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตาย
เพื่อร้องขอให้พ่อเปลี่ยนใจเรื่องอนาคตของเราทั้งสองคน
เวลานี้...ชายหนุ่มที่เคยแบ่งปันอ้อมกอดอันแข็งแกร่ง
และอบอุ่นอย่างที่สุดให้กับผมเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า
ได้กลายร่างกลับไปเป็นเด็กชายน็อตตัวน้อยๆ ซึ่งกำลังร้องขอให้พ่อหยิบยี่นความสุขที่สุดให้กับเขาด้วยความพยายามทั้งหมดที่เขามี...โดยที่ผมคนนี้
เป็นผู้พรากความสุขที่ว่านั้นไปจากหัวใจดวงน้อยๆของเขาด้วยตัวเอง...
...ผมจะไม่มีวันทำร้ายหัวใจของน็อต
และหัวใจตัวเอง!
ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไร
พี่เนยก็เดินเข้ามาฉุดให้น็อตกับผมลุกขึ้น แล้วพูดกับเราสองคนด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“คุณน็อต คุณน็อตพาขนุนกลับไปก่อนเถอะนะ....ต่อรองไปตอนนี้ เนยว่าไม่น่าจะได้ผลอะไรหรอก ดีไม่ดี
คุณน็อตนี่แหละจะอารมณ์เสียไปเปล่าๆ...
.
...คุณน็อตก็รู้หนิว่า
คุณป๋าน่ะดื้อแค่ไหน ถ้าคุณป๋าอยากได้อะไร หรือตัดสินใจอะไรไปแล้ว
ไม่มีทางจะเปลี่ยนใจกันได้ง่ายๆ เอาเป็นว่า คุณน็อตก็ถือโอกาสนี้กลับไปตกลงกับขนุนให้รู้เรื่องก็แล้วกัน
แล้วก็อย่าลืมว่าต้องรีบกลับมาบ้านตามที่คุณป๋าสั่งนะ ไม่งั้น...เตรียมกลับบ้านมาเจอศึกหนักได้เลย...
.
.
...อย่าทำหน้าอย่างงั้นซิคุณน็อต
ขนุน... เอาเป็นว่า ระหว่างนี้ เนยกับคุณๆทุกคนจะช่วยเกลี้ยกล่อมคุณป๋าให้ก็แล้วกัน...
...รีบไปเถอะ
ก่อนที่คุณป๋าจะเปลี่ยนใจ ให้พี่อ๋องเอารถไปส่งขนุนแทนไม่รู้ด้วยนะ”
พอได้ฟังสิ่งที่พี่เนยเตือน
น็อตก็ได้สติ แล้วพยายามฉุดมือผมให้เดินตามเขาออกจากห้องนั่งเล่นไปทันที “เตง...เราไปกันเถอะฮะ
อยู่ไป เตงก็เปลี่ยนใจคุณป๋าตอนนี้ไม่ได้หรอก”
ทว่า
ผมที่กำลังอยู่ในภาวะพร้อมสู้เต็มที่
กลับยังไม่อยากจะละทิ้งสมรภูมิรบในครั้งนี้จากไปไหนมือเปล่า เพราะผมมั่นใจว่า
หากคุณป๋ารับรู้ได้ถึงความรักที่ผมมีต่อน็อต รวมทั้งความสำนึกผิดของผมแล้วล่ะก็
คุณป๋าน่าจะยอมเปลี่ยนใจอย่างแน่นอน ผมเลยอดทันทานอีกฝ่ายออกมาไม่ได้ “แต่น็อต..”
ถึงอย่างนั้นน
น็อตก็ไม่ได้รอฟังคำปฏิเสธคำอื่นๆของผม
เพราะฝ่ามือที่กำลังกุมมือของผมแน่นอยู่นั้น
ค่อยๆลากให้ตัวผมเดินตามร่างของเขาออกจากบ้านหลังนี้ไปอย่างช้าๆ พร้อมกับเสียงนุ่มๆที่พูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยอย่างเบาๆตรงข้างๆหูผม
“ไปก่อนเถอะฮะ ก่อนที่คุณป๋าจะเปลี่ยนใจไม่ให้เค้าไปส่งเตง”
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
“ขนุน...ขนุนเป็นอะไรรึเปล่าฮะ?
เค้าเห็นเตงนั่งเงียบมาตลอดทางจนตอนนี้
เตงก็ยังไม่พูดอะไรกับเค้าซักคำ..เตงคิดอะไรอยู่ฮะ ไหนลองบอกเค้าซิ?” เสียงของน็อตปลุกให้ผมตื่นจากภวังค์
เมื่อเราสองคนเดินเข้ามาอยู่ในห้องผมเรียบร้อยแล้ว...
นี่ผมเอาแต่ใจลอยคิดเรื่องที่คุณป๋าพูด จนกลับมาถึงบ้านโดยไม่รู้เนื้อไม่รู้ตัวได้แบบนี้เลยหรือนี่??!
พอรู้ว่าตัวเองได้กลับมาอยู่ในสถานที่ๆปลอดภัยอย่างที่สุด
และเมื่อรู้ว่าในที่นี้ มีเราแค่สองคน และเราไม่ต้องต่อสู้กับใครคนไหนอีกต่อไปแล้ว
ความกล้าหาญ และเรี่ยวแรง กับกำลังใจที่ผมเคยมีเต็มเปี่ยมมาก่อนหน้านี้
ก็เหือดแห้งหายไปทันที จนตอนนี้ ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังอ่อนแออย่างที่สุด
ผมเดินเข้าไปกอดน็อตเอาไว้แน่น
แล้วถามสุดหล่อของผมราวกับคนหมดเรี่ยวแรงในสิ่งที่ผมไม่อยากจะยอมรับมากที่สุด “น็อต
นี่เราต้องเลิกกันจริงๆเหรอ?”
สองมือของน็อตสวมกอดร่างของผมเอาไว้แน่นไม่แพ้กัน
เสียงของน็อตสั่นน้อยๆเมื่อเอ่ยตอบผม “ไม่ถึงขั้นนั้นหรอกฮะ
คุณป๋าก็แค่โกรธนิดหน่อยกับเรื่องที่เกิดขึ้นเท่านั้นเอง”
...ถ้าเมื่อครู่
ผมไม่ได้ยินเสียงสั่นเครือของน็อต สิ่งที่เขาเพิ่งพูดออกมาคงจะช่วยทำให้ผมยังพอมีความหวัง
และมีกำลังใจจะต่อสู้อีกมากโข......แต่กระทั่งน็อตเองยังปิดบังความหวั่นไหวในเสียงของตัวเองเอาไว้ไม่ได้แบบนี้
เราสองคนจะยังพอมีหนทางที่จะได้อยู่ด้วยกันอยู่อีกหรือ??!!
ผมตอบน็อตไปพลาง
ก็คิดย้อนกลับไปกล่าวโทษตัวเองอีกครั้ง หลังจากหักห้ามใจได้แล้วช่วงหนึ่งแท้ๆ “เตงไม่ต้องปลอบใจเค้าหรอก
เพราะเค้าไม่คิดว่า คุณป๋าแค่โมโหชั่ววูบอย่างที่เตงพูดเลย
ไม่งั้นคุณป๋าจะพูดเรื่อง งานหมั้นงานแต่งด้วยน้ำเสียงจริงจังแบบนั้นเหรอ ที่สำคัญ
ต่อให้เค้าพยายามอธิบาย และขอโทษมากเท่าไร...
ต่อให้เค้าเฝ้าย้ำกับคุณป๋าว่าเค้ารักเตงบ่อยครั้งแค่ไหน
คุณป๋ากลับไม่มีทีท่าว่าจะสนใจสิ่งที่เค้าบอกไปเลยแม้แต่น้อย...
.
.
...ทั้งที่เราเพิ่งจะปรับความเข้าใจกันได้...
...ทั้งๆที่เค้ารักเตงมาก
รักจนไม่อยากจะเสียไป
รักจนไม่รู้ว่าถ้าอยู่โดยที่จะไม่เจอหน้ากันอีกต่อไปอีกแล้วแท้ๆ...
...เรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะเค้าคนเดียว...
...เค้าทำให้เรื่องมันบานปลาย
เค้าทำให้เราสองคนต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้......
...มันเป็นความผิดของเค้าคนเดียว
ฮึก ฮึก...ฮือออ”
ในที่สุด
จิตใจของผมก็ตกต่ำจนถึงจุดแตกหักทางความรู้สึก นั่นจึงส่งผลให้ผมไม่อาจปิดกั้นการแสดงออกทางอารมณ์ได้อีกต่อไป
ทั้งๆที่โดยปกติผมจะไม่ร้องไห้ออกมาง่ายๆ ทั้งๆที่ผมพยายามห้ามน้ำตาเอาไว้ตลอดคืนแท้ๆเชียว...
ทำไมคืนนี้ผมถึงอ่อนไหวกับเรื่องที่ยังมาไม่ถึงจนต้องร้องไห้สะอึกสะอื้นเหมือนเด็กๆให้น็อตต้องเป็นห่วงอย่างนี้ด้วยก็ไม่รู้
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมร้องไห้อย่างเอาเป็นเอาตายขนาดนี้
น็อตเลยดูจะตกอกตกใจมากเป็นพิเศษ
สุดหล่อของผมพยายามปลอบใจด้วยคำพูดหวานหูทั้งหลายแหล่เพื่อให้ผมไม่ต้องเสียน้ำตามากไปกว่านี้
“โอ๋ๆ คนดี อย่าร้องซิฮะ อย่าเพิ่งคิดมาก แล้วก็เลิกโทษตัวเองได้แล้วฮะ
เดี๋ยวพอเค้ากลับถึงบ้านคืนนี้ เค้าจะรีบกลับไปคุยกับคุณป๋า และทุกๆคนอีกที
เค้าว่า เค้าน่าจะกล่อมคุณป๋าได้แน่ๆฮะ...เชื่อเค้าเถอะนะ” น็อตพูดพลางก็เอามือลูบหัวลูบหูผมไปทั่วราวกับว่าพ่อคุณ
ก็ทำตัวไม่ค่อยจะถูกนักในสถานการณ์ที่ผมอ่อนแอเช่นนี้
ผมพยายามกลั้นน้ำตา
แล้วถามออกไปด้วยน้ำเสียงงอแงเหมือนเด็กๆที่ถูกขัดใจ “ถ้างั้นคืนนี้เราก็ไม่ได้นอนด้วยกันอีกคืนแล้วซิ
ฮึก”
น็อตเชยคางผมแล้วเอาปลายนิ้วเช็ดหยาดน้ำตาที่แก้มทั้งสองข้างอย่างแผ่วเบา
ระหว่างพยายามพูดจาปลอบใจผมในแบบที่เขาถนัด “ก็คงจะอย่างงั้นแหละฮะ
แต่แค่คืนเดียวฮะ...รับรอง เดี๋ยวพรุ่งนี้เค้ากลับมานอนด้วยน้า
คืนพรุ่งนี้เค้าจะชดเชยคืนที่เราไม่ได้นอนด้วยกันแบบทบต้นทบดอกจนเตงต้องร้องขอให้เค้าหยุดเลยล่ะ
หึ หึ” เมื่อพูดจบ พ่อคุณก็ยิ้มหวานให้ผม
พร้อมๆกับยักคิ้วหลิ่วตาให้ผมเสียยกใหญ่
จะว่าขำก็ขำ จะว่าเศร้าก็เศร้า...
เพราะผมเกิดรู้สึกหวิวในใจขึ้นมาทันทีที่เห็นน็อตทำหน้าตาแบบนี้...
...ถ้าเกิดคืนนี้กลายเป็นคืนสุดท้ายที่เราจะได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองแบบนี้ล่ะ??
...ถ้าเกิดน็อตกลับบ้านไป แล้วไม่ได้กลับมาที่นี่อีกเลยล่ะ??
...ถ้าเกิดน็อตกลับไป แล้วคุณป๋าบังคับให้ต้องแต่งงาน
และอยู่กินกับน้องจินนี่อะไรนั่นไปตลอดชีวิต...แล้วผมล่ะ ผมจะอยู่อย่างไร???!!
ไม่เอานะ...ผมไม่อยากให้น็อตกลับบ้านเลย...
ผมทุบอกของน็อตเบาๆพลางต่อว่าอย่างไม่จริงจังนัก
ก่อนจะปิดท้ายด้วยการอ้อนวอนขอในสิ่งที่ไม่มีเหตุผลที่สุดเท่าที่ผมเคยร้องขออีกฝ่ายมาก่อน
“ไอ้บ้า! ไอ้หัวจุกบ้า...ฮือออ....
.
...หัวจุก...
...คืนนี้เตงไม่กลับบ้านได้ไม๊?
นะ นะ...นะหัวจุก นะ...”
“ทำไมล่ะฮะ
ทำไมอยู่เตงๆก็พูดจาเอาแต่ใจตัวเองโดยไม่มีเหตุผลอะไรแบบนี้ออกมากันล่ะฮะ?”
น็อตถามในสิ่งที่ผมเองก็สังเกตเห็นเช่นกัน แต่พอเรื่องทั้งหมดมันดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว
หากต้องเลือกระหว่างเปิดอกและบอกความรู้สึกนึกคิดทั้งหมดที่อยู่ในใจ
กับสูญเสียน็อตไป โดยไม่มีวันหวนกลับมาเจอกันอีกเลย....แน่นอนว่า
ผมต้องเลือกอย่างหลังอยู่แล้ว
ผมมองหน้าน็อตผ่านม่านน้ำตาที่หนาขึ้นเรื่อยๆ
ระหว่างนั้น ปากของผมก็เอ่ยสิ่งที่ผมคิดข้างในออกมาอย่างไม่นึกอาย “ก็เค้ากลัวหนิ......เค้ากลัวว่า
ถ้าเตงกลับบ้านไปคืนนี้ เตงจะไม่ได้กลับมาหาเค้าอีกเลย ฮึก ฮึก” พอคิดว่าจะไม่ได้เจอน็อตอีกเลย
ผมก็กลายเป็นเด็กขี้แยขึ้นมาเสียดื้อๆ ผมร้องไห้จนตอนนี้เริ่มจะมองไม่เห็นหน้าน็อตได้ชัดอีกต่อไปแล้ว
น็อตพยายามทั้งปลุก
ทั้งปลอบผมผ่านทั้งน้ำเสียง คำพูดเอาอกเอาใจ
และอ้อมกอดที่ไม่ยอมปล่อยให้ผมห่างจากกายเขาไปไหนไกลๆ “ไม่เอานะฮะ ไม่เอา...เตงอย่าคิดมากไปซิฮะ......โอ๋
โอ๋ หัวจุกก็อยากอยู่กับขนุนคนดีน้า
แต่หัวจุกจำเป็นต้องกลับบ้าน เพราะหัวจุกยังต้องเคลียร์กับคุณป๋าให้รู้เรื่อง
ขนุนคนดีเข้าใจหัวจุกใช่ไม๊ฮะ?”
“ฮึก
ฮึก...เค้ารู้สึกไม่ดีเลย เค้าไม่อยากให้เตงกลับบ้านเลยไม่รู้ทำไม” ผมตอบอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นตามความรู้สึกและสังหรณ์ด้านลบที่เอาแต่หลอกหลอนผมอยู่ในตอนนี้
พอได้โอกาส
น็อตก็พยายามเปลี่ยนเรื่องทันที“สงสัยเพราะเตงคิดถึงเค้าแน่ๆเลยใช่ม่า?
เพราะที่ผ่านมา เราก็ไม่ได้นอนด้วยกันมาตั้งหลายคืน
แถมยังไม่ได้เจอหน้ากันมาตั้งหลายวัน
แล้วพอได้เจอหน้ากัน ก็ดันกลับจะไม่ได้อยู่ด้วยกันซะอีก”
“ฮื่ออออ...เค้าคิดถึงเตงมากเลยล่ะ
เค้านะ เฝ้าคอยภาวนาให้เตงกลับมาง้อเค้าเร็วๆ ทั้งๆที่ก็รู้ว่า
เค้าเองนี่แหละที่เอาแต่คอยหลบหน้าเตงอยู่ตลอดเวลา
ตอนนี้เค้ารู้ซึ้งแล้วนะว่า...ไม่ใช่แค่เตงหรอก
ที่นอนไม่หลับเวลาที่เราสองคนไม่ได้นอนด้วยกัน
เพราะตั้งแต่วันที่เค้าขอให้เราห่างกันน่ะ เค้าก็เพิ่งรู้ตัวว่า การนอนคนเดียวมันทรมาน
และเป็นเรื่องยากมากแค่ไหน” ผมยอมรับกับน็อตไปซื่อ
นี่ถ้าน็อตหลอกถามเรื่องอื่นๆที่ลึกซึ้งยิ่งกว่านี้จากปากผม
รับรองเลยว่า...ผมยอมพูดหมดเปลือกแน่ๆ
ขอแค่ให้ผมได้คุยกับน็อตแบบนี้ไปเรื่อยๆก็พอแล้ว
“เอาอย่างงี้แล้วกัน
เดี๋ยวเค้ากล่อมเตงนอนก่อน แล้วเค้าค่อยกลับดีไม๊ฮะ?”
น็อตสรุปพลางอุ้มร่างผมมาวางลงอย่างนุ่มนวลบนเตียง
ก่อนที่พ่อคุณจะโอบกอดผมเอาไว้เหมือนกับที่เราชอบทุกครั้งที่จะหลับตานอน
“หัวจุก...เค้าไม่อยากเลิกกับเตง
เค้าไม่อยากให้เตงแต่งงาน เค้าไม่อยากเสียเตงไป ฮือออ”
ด้วยความกลัวกับเรื่องที่คุณป๋าเพิ่งจะตัดสินใจอย่างสดๆร้อนๆเมื่อหัวค่ำวันนี้
ผมเลยเริ่มร้องงอแงออกมาอย่างเอาแต่ใจที่สุดอีกครั้ง
และนั่นก็ทำให้ร่างหนากำยำที่ผมรักเหลือเกินต้องออกแรงปลอบเด็กโยเยอย่างผมอีกคำรบหนึ่ง
“ชู่ว์
อย่าร้องน้า คนดีของหัวจุก อย่าร้องน้า... เรื่องมันคงจะไม่ร้ายแรงถึงขั้นนั้น
คุณป๋าไม่น่าจะใจร้ายกับเราสองคนได้ขนาดนั้นหรอกฮะ
ที่สำคัญ...ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต เค้าก็ไม่มีวันที่จะยอมเลิกกับเตงเป็นอันขาด”
ผมยิ้มทั้งน้ำตาเมื่อได้ยินคำมั่นของน็อต
ถึงอย่างนั้น ผมก็อดถามด้วยความกังวลออกไปไม่ได้ “แต่ถ้าที่คุณเนยบอกเป็นเรื่องจริงล่ะ...
ถ้าคุณป๋าไม่ยอมเปลี่ยนใจง่ายๆ
แล้วบังคับให้เตงต้องแต่งงานกับน้องจินนี่อะไรนั่นจริงๆ เรื่องของเราสองคน
ก็คงต้องถึงคราวจบลงในที่สุด”
“แต่งได้ก็เลิกได้ฮะ
ถ้าเค้าต้องแต่งงานจริงๆ เค้าก็จะรีบแต่ง แล้วก็รีบหย่า...เค้าจะได้กลับมาหาเตง
มาอยู่กับเตงไง” น็อตพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆราวกับไม่คิดมากอะไร
ทั้งๆที่สิ่งที่น็อตเพิ่งพูดออกมา มันทำร้ายหัวใจผมไปเกือบทั้งดวง
...ผมคงทนไม่ได้
หากต้องอยู่โดยที่รู้ว่าน็อตหายหน้าไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น...
...ผมจะใช้ชีวิตแบบไหน หากต้องคอยระแวงอยู่ตลอดเวลา เพราะกลัวว่า
น็อตอาจจะเผลอเปลี่ยนใจ หลังจากที่ต้องอยู่ใกล้ชิดกับผู้หญิงที่คุณป๋าเลือกให้อย่างไม่มีทางเลือก...
...แน่นอนว่า ระหว่างนั้น ทุกๆเช้าที่ผมตื่นลืมตา
ผมก็จะเอาแต่เฝ้าโทษตัวเองซ้ำๆโดยไม่อาจอยู่เป็นสุขได้...
...ไม่เอา เค้าไม่อยากให้เตงแต่งงาน...
ถึงเตงจะบอกว่าเตงจะเลิกกับน้องจินนี่อะไรนั่นก็เถอะ!!
“ฮือ ฮึก ฮึก...แล้วระหว่างนั้นล่ะ?
เค้าจะอยู่ได้ยังไง? เค้าจะทำใจให้สงบได้ยังไง
ในเมื่อเค้ารู้อยู่เต็มอกว่าคนที่เค้ารักต้องไปอยู่กินกับคนอื่น...
ฮือออออ” ผมโผเข้าไปกอดน็อตเอาไว้แน่น
เพื่อเป็นการบอกให้อีกฝ่ายรับรู้ผ่านการกระทำทางกายว่า ผมจะไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ
ไม่ต่างอะไรกับอ้อมกอดของผมนี่
“โอ๋
โอ๋ โอ๋...คนเก่งของหัวจุก ชู่วว์...อย่าร้องไห้เลยฮะ
เอาอย่างงี้แล้วกัน...ถ้าเค้าต้องแต่งงานกับน้องจินนี่อะไรนั่น เค้าก็จะแค่แต่งๆไปเพื่อให้คุณป๋าพอใจ
แล้วก็ย้ายออกมาอยู่กับเตงที่นี่ โดยไม่กลับไปที่บ้านอีกเลย เค้าจะได้ไม่ต้องไปเจอกับน้องจินนี่
เตงก็จะได้ไม่ต้องกังวล...เตงว่าเข้าท่าดีไม๊ล่ะฮะ?”
น็อตพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆจนทำให้ผมชักจะแปลกใจในความสุขุมของพ่อคุณขึ้นมาดื้อๆ
ผมว่าอีกฝ่ายออกไปทันทีที่ได้ยินสิ่งที่น็อตตอบ
“บ้าเหรอเตง!!
ทำเหมือนเค้าเป็นเมียน้อย ต้องอยู่กินกันแบบลับๆล่อๆ
แล้วเราสองคนจะมีความสุขได้ยังไงกัน? คุณป๋า กับคุณบี๋
และพวกคุณๆที่บ้านเตงจะไม่กลุ้มใจกับสิ่งที่เตงทำหรอกเหรอ?”
“ถ้างั้น...เอาเป็นว่า เค้าสัญญาว่าเค้าจะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อหาทางยกเลิกงานหมั้น
งานแต่งกับน้องจินนี่ให้จงได้”
...น่าแปลก ทั้งๆที่หากเกิดเรื่องคอขาดบาดตายขนาดต้องเลิกรากับผมอยู่รอมร่อแบบนี้ เขาไม่น่าจะทำตัวปกติได้...
...หรือมันเป็นเพราะผมกำลังแย่ จนน็อตต้องพยายามปรับอารมณ์ให้มั่นคงเพื่อปลอบใจผมจนหายกังวลกันนะ?!...
...เอ หรือมันจะเป็นเพราะน็อตมั่นใจว่า ตัวเองจะเปลี่ยนใจคุณป๋าได้
ถึงได้ไม่ดูกังวลมากนัก?!...
เพราะผมไม่หลงเหลือความมั่นใจใดๆอีกแล้ว
ผมเลยอดถามอีกฝ่านออกมาไม่ได้ “แต่ถ้าเตงทำไม่สำเร็จ...
น็อตพูดแทรกออกมาทันที
คราวนี้ ผมว่าเขาพูดความจริงที่ดูจะมีความเป็นไปได้มากที่สุด “ถ้าเค้าทำไม่สำเร็จ...เค้าขอให้เตงสัญญากับเค้าได้ไม๊ฮะว่า
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เตงก็จะเชื่อใจเค้า
ว่าเค้าจะรักเตงแค่เพียงคนเดียวไปตลอด
และต่อให้เค้าต้องแต่งงานกับคนอื่น เตงจะรอเค้า
และจะทำทุกอย่างเพื่อประคับประคองให้ความรักของเราอยู่รอดตราบจนถึงวันที่เค้าจะกลับมาเป็นของเตงอีกครั้ง...
เตงสัญญากับเค้าได้ไม๊ฮะ?”
“ฮืออออ...เค้าสัญญา
เค้าสัญญาว่าเค้าจะรัก และรอเตง.... เค้าจะภาวนาให้คุณป๋าเปลี่ยนใจ
ยอมให้เราสองคนได้รักกัน ได้อยู่ด้วยกันโดยที่เตงไม่ต้องไปแต่งงานกับใคร ฮึก
ฮึก...ใครที่ไม่ใช่เค้า ฮือออออ” ผมเผลอร้องไห้ออกมาอีกครั้ง
เมื่อต้องคิดว่าผมจะเสียน็อตไปให้คนอื่นชั่วคราว โดยที่ผมไม่อาจจะทำอะไรได้
และผมจะกลายเป็นแค่คนนอกที่ไม่มีสิทธิ ไม่มีเสียงอะไรในตัวน็อต ทั้งทางพฤตินัย
และนิตินัย
“...เตงรู้ไม๊ฮะว่า
หลังจากที่เราต้องห่างกันไปหลายวัน เค้าไปนั่งคิดนอนคิดอยู่หลายตลบ
แล้วก็ได้คำตอบว่า สิ่งที่เค้าอยากให้เกิดที่ขึ้นที่สุดในตอนนี้ก็คือ
เค้าอยากให้เมืองไทยยอมให้ผู้ชายสองคนแต่งงานกันได้ตามกฏหมายซะจริงๆ เค้าจะได้แต่งงานกับเตงให้รู้แล้วรู้รอดไปตั้งแต่วันที่เราตกลงเป็นแฟนกันโน่นแล้ว
ทีนี้ ก็จะไม่มีใครมาบังคับให้เค้าต้องไปแต่งงานกับใครหน้าไหนได้อีก...
.
.
...ตั้งแต่วันที่เค้าได้สัมผัสการความสูญเสีย
ถึงมันจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆที่เราจะไม่ได้เจอหน้ากัน...
...มันทำให้เค้าตระหนักได้ว่า
เค้าอยากเป็นเจ้าของเตงทั้งกายและใจอย่างถูกต้องตามกฏหมาย ถูกทำนองคลองธรรม
และถูกใจครอบครัวของเราทั้งสองอย่างที่สุด
เพื่อที่เราจะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขไปตลอด”
สุดหล่อของผมพูดพลางจ้องมองเข้ามาในตาผมนิ่งๆ
ผมเห็นแววตาหลากหลายเปลี่ยนไปมาระหว่างที่เขาร่ายถึงสิ่งที่เขาปรารถนามากที่สุดให้ผมรับฟัง
ทั้งความเสียใจ ความหวัง ความผิดหวัง ความสุขสม ความท้อแท้
และความรู้สึกปลีกย่อยอีกมากมาย
ซึ่งผมแน่ใจว่า...สิ่งที่เขาเห็นในดวงตาของผมในช่วงเวลานั้น
ก็คงจะไม่ต่างกันมากสักเท่าไร
“ฮึก
ฮืออออ...เค้าก็อยากให้มันเป็นอย่างงั้น เค้าอยากเป็นคนของเตง
เค้าอยากเป็นคนที่อยู่เคียงข้าง คอยดูแล
เอาใจใส่เตงไม่ห่างไปไหนทั้งในยามสุขและยามทุกข์...อยากเติบโต
และแบ่งปันความสุขไปด้วยกันจวบจนวันสุดท้ายของชีวิตเรา”
เมื่อผมพูดในสิ่งที่ผมต้องการมากที่สุดออกมา
น็อตก็นิ่งไปครู่ใหญ่ แล้วจึงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังจนตัวผมเองยังตกใจ “ขนุนฮะ”
“หื้ม?”
ผมเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของอีกคนที่กำลังจ้องมองดวงตาช้ำๆของผมอย่างแน่วแน่
เสียงทุ้มๆน่าฟังของน็อตพูดต่อเนื่องอย่างเป็นจังหวะจะโคน
และฟังชัดเจนก้องไปทั้งใจผม
“ช่วยลืมเรื่องที่เกิดขึ้นไปทั้งหมดไปก่อนซักพักได้ไม๊ฮะคนดีของหัวจุก?...”
ผมพยักหน้าให้น็อตเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาร้องขอ
และตั้งใจฟังประโยคถัดไปของเขาอย่างตั้งใจ
.
.
น็อตสูดลมหายใจเข้าลึกกว่าครั้งไหนๆที่ผมเคยเห็น
ก่อนจะนิ่งไปสักพักเหมือนกับกำลังทำสมาธิอย่างหนัก
แล้วจึงค่อยๆถามคำถามที่น่าฟังที่สุดในชีวิตผม “เค้าอยากให้เตงตอบคำถามแค่ข้อเดียวของเค้าว่า
ถ้าสิ่งที่เราต้องการเมื่อครู่เป็นไปได้...เตงจะอยากแต่งงานกับเค้าไม๊?”
แม้ว่าเรื่องในคืนนี้จะหนักหนาสักเพียงไหน
แต่พอคิดว่า น็อตถามเรื่องแต่งงานกับผมด้วยน้ำเสียง สีหน้า
และท่าทางจริงจังอย่างที่สุด ผมก็อดตื่นเต้นขึ้นมาไม่ได้ “อยากซิ
เค้าอยากแต่งงานกับเตงที่สุดเลยล่ะ”
ผมยิ้มให้น็อตอย่างมีความสุขที่สุดหลังจากที่ตัวเองตบปากรับคำของอีกฝ่ายออกไปอย่างเต็มใจ
.
.
.
น็อตยิ้มกว้างให้ผมด้วยใบหน้าดีใจอย่างที่สุด
จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงปลาบปลื้มจนผมอดซึ้งขึ้ยมาไม่ได้ “ถ้างั้น...เราแต่งงานกันนะฮะ”
ผมมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า
ต่อให้อีกกี่ปีผ่านไป ประโยคสั้นๆได้ใจความประโยคนี้ของน็อต จะยังดังก้องกังวานอยู่ในความทรงจำของผมไปตลอด
เพราะมันเป็นสิ่งที่ผมโหยหา และเฝ้าคิดอยู่เสมอว่า...หากผมกับคนรักได้ผูกพันกันด้วยคำสัญญาว่า
เราทั้งสองพร้อมจะใช้ชีวิตต่อจากนี้ ด้วยการเป็นบุคคลเดียวกันด้วยความรักที่เราทั้งสองมีต่อกัน
ความซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตนเอง และความตั้งมั่นจากใจจริง ความรักของเราก็จะอยู่คู่เราสองคนไปจนนิรันดร์กาล
ผมยิ้มให้อีกคนด้วยความยินดีไม่แตกต่างกัน
ก่อนจะรับคำสุดที่รักของผมอย่างชื่นมื่น “ฮื่อ...เราแต่งงานกันเถอะหัวจุก”
แต่ยังไม่ทันจะได้ซึ้งต่อเนื่องไปถึงไหนๆ
พ่อคุณก็พูดจาตามสไตล์ชวนให้ผมยิ้มออกมาอีกครั้งอย่างข่วยไม่ได้ “อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะฮะ...ขอเค้าข้ามพิธีไปจูบเจ้าสาวเลยได้ไม๊ฮะ?” พูดจบ
ใบหน้าหล่อเหลาแม้ในยามไร้แสงไฟภายในห้องผมก็ยื่นเข้ามาในระยะประชิด เพื่อรอที่จะทำตามคำขอที่พ่อคุณเพิ่งจะบอกอย่างเอาแต่ใจออกมาเมื่อครู่
ผมที่ทั้งน้ำตาไหลด้วยความซาบซึ้ง
ไปพร้อมๆกับหัวเราะกับความทะเล้นไม่เป็นเวล่ำเวลาของพ่อคุณก็อดว่าคนหน้าเป็นออกมาไม่ได้
“ฮึก หึ หึ...ไอ้หัวจุกบ้า! ได้ข่าวว่ามากกว่านี้...ก็ทำมาแล้วไม่ใช่เรอะ?!”
สิ้นคำ...ริมฝีปากของเราทั้งสอง
ก็ประกบกันสนิทแน่น ราวกับไม่อยากจะปล่อยให้อีกฝ่ายต้องหายไปจากสายตา...
ปลายลิ้นของเราทั้งสอง
เป็นตัวแทนของสายใยที่เชื่อมกายและใจของเราเอาไว้ด้วยกัน...
นับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป...เราทั้งคู่
ได้พร้อมใจผสานวิญญาณจนกลายเป็นคนๆเดียวกัน และจะไม่มีวันที่ใครหน้าไหน จะพรากเราสองคนออกจากกัน หรือทำให้ใจเราเปลี่ยนผันเป็นอื่นไปได้อีกแล้ว
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
No comments:
Post a Comment