The 2nd Glance
คล้อยหลังเพื่อนสนิทที่วนมอเตอร์ไซค์คู่ใจมาส่งตรงปากทางเข้าบ้านเพียงไม่นาน
ก้องเกียรติก็หมุนตัวเดินย้อนศรพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ขณะคิดถึงสีหน้าดีอกดีใจของน้องชายวัยประถมเมื่อรู้ว่า
เย็นนี้จะมีไอศกรีมมะพร้าวน้ำหอมเป็นของหวานล้างปากหลังมื้ออาหาร
ใคร ๆ
ก็บอกว่าก้องเกียรติหลงน้องหัวปักหัวปำ
ใช่ที่ไหนกัน
เขาแค่รำคาญเสียงครางหงิง ๆ ของมันตอนอ้อนขอเงินแม่ไปซื้อไอติมกินมาตลอดทั้งอาทิตย์ต่างหากล่ะ
“ป้าครับ
เอาไอติมไข่แข็งใส่ทุกอย่างกลับบ้านสามกล่องครับ”
“รอเดี๋ยวนะหนู
ขอป้าตักไอติมให้พี่เขาก่อน” เจ้าของร้านไอติมว่าพลางพยักเพยิดไปทางด้านหลังจนก้องเกียรติเผลอเหลือบตามองตามหล่อนอย่างห้ามไม่ได้
“ครับ” เด็กอาชีวะรับคำพร้อมคลี่ยิ้มบางขณะละสายตาจากลูกค้าวัยหนุ่มตรงโต๊ะด้านในร้านแล้วหันมาสนใจเสียงเพลงในหูฟัง
กระนั้น ก่อนที่ก้องเกียรติจะได้รับไอศกรีมที่ตนสั่ง
เด็กหญิงวัยประถมปลายคนหนึ่งก็ขี่จักรยานมาจอดขวางหน้าร้านของหวานด้วยอาการกระหืดกระหอบ
แววตาคาดหวังบนใบหน้าเปื้อนเหงื่อของผู้มาใหม่ทำให้เจ้าของร้านหลุดปากอุทานเสียงหลง
“โอ๊ยตายแล้ว! ป้าลืมหนูไปเลย
หนูรอป้าเดี๋ยวนะ ขอป้าทำให้พี่เขาก่อน” คนพูดคว้ากล่องโฟมใส่ไอติมมาตั้งท่าจัดการกับออเดอร์ของก้องเกียรติ
สีหน้าผิดหวังอย่างชัดเจนของเด็กหญิงทำให้เด็กอาชีวะชิงยื่นข้อเสนอรวดเร็ว
“ทำให้น้องเขาก่อนก็ได้ครับ
ผมไม่รีบ”
“ขอโทษนะจ๊ะ
งั้นเดี๋ยวป้าแถมไอติมให้ทั้งสองคนเลยแล้วกันนะ” เจ้าของร้านยิ้มแหยพร้อมกับพยายามแก้ตัวด้วยการตักไอศกรีมให้เด็กหญิงและก้องเกียรติอย่างว่องไวแถมยังเยอะกว่าปกติดังปากว่าเสียด้วย
ยืนรออยู่ไม่นาน
ของโปรดน้องชายภายในกล่องโฟมขนาดย่อมก็ถูกบรรจุใส่ถุงก่อนคล้องเข้ากับข้อนิ้วมือ
ก้องเกียริตเดินถือถุงไอศกรีมฮัมเพลงมุ่งหน้ากลับบ้านพลางใคร่ครวญถึงวิธีซุกซ่อนของหวานให้รอดพ้นสายตาซุกซนของจอมตะกละประจำบ้านอย่างคร่ำเคร่งจนไม่ทันสังเกตว่า
มีคนแปลกหน้าเดินตามหลังมาห่าง ๆ ก่อนที่ชายผู้นั้นจะเร่งฝีเท้าขึ้นทันทีที่เห็นแผ่นหลังของเด็กอาชีวะหายลับเข้าตรอกเล็ก
ๆ ไป
ความคุ้นเคยตลอดช่วงสิบกว่าปีทำให้การเดินท่อม
ๆ เพียงลำพังกลางซอยตันเปลี่ยว ๆ ไม่ได้ทำให้ก้องเกียรติรู้สึกหวาดหวั่นแต่อย่างใด
ดูได้จากการที่เด็กหนุ่มยังสามารถส่งเสียงร้องคลอไปกับเสียงดนตรีโดยไม่มีทีท่าระวังภัย
อาการผ่อนคลายของก้องเกียรติยั่วยุชายแปลกหน้าให้เร่งสาวเท้าเข้าใกล้อย่างลำพอง
หากไม่มีอะไรผิดพลาด
คืนนี้ เด็กตรงหน้าคงจะช่วยบรรเทาความคิดถึงและความปรารถนาที่มีต่อใครคนหนึ่งลงได้บ้าง
ทว่าชั่วขณะที่ชายแปลกหน้าเฝ้ารอจังหวะเข้าประชิดตัวก้องเกียรติอย่างจดจ่อนั้นเอง
เด็กชายผู้โปรดปรานไอศกรีมไข่แข็งก็กระโดดแผล็วออกมาจากพุ่มไม้ข้างทางเพื่อแกล้งเขย่าขวัญพี่ชายโดยเฉพาะ
“แฮ่!!”
“เฮ่ย!” ก้องเกียรติสะดุ้งโหยงจนเด็กชายหลุดขำ ก่อนเจ้าตัวจะเฉไฉไพล่ถามถึงสิ่งที่น่าสนใจในถุงแทน
“อะไรอ่ะพี่เกียร์?”
สายตาแวววาวเป็นประกายของเด็กชายทำให้คนเกิดก่อนรู้สึกหมั่นไส้จนต้องผลักหัวน้องชายเบา
ๆ
“ยุ่ง!
เมื่อกี๊มึงเล่นอะไรของมึง
เห็นไหมเนี่ยว่ากูตกใจ”
“ทีพี่เกียร์แกล้งกอล์ฟ
กอล์ฟยังไม่ว่าเลย”
“แล้วมึงมาแอบอะไรตรงนี้?”
“ก็กอล์ฟรอพี่เกียร์ไง
กอล์ฟไม่อยากเดินเข้าบ้านคนเดียว”
“มึงนี่นะ!
กลับจากโรงเรียนแล้วทำไมไม่รีบเข้าบ้าน?
เมื่อเช้ามึงไม่ได้เอากุญแจมาใช่ไหม?”
ชายแปลกหน้ารีบฉวยโอกาสที่เด็กอาชีวะเอ็ดน้องชายแสร้งทำเมินก่อนจะเดินผ่านทั้งคู่แล้วปราดเข้าไปหลบในมุมอับของซอกกลับรถด้านในซอยอย่างอดทน
จนเมื่อสองพี่น้องผลุบเข้าบ้าน นักล่าก็เริ่มนับถอยหลังรอเวลาจัดการเป้าหมายอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในอีกไม่กี่ชั่วโมงให้หลังทันที
***********
อีกแล้วเหรอ?
อังคารแค่รำพึงเบา
ๆ ในใจเมื่อพบตนเองอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ไม่รู้จักหากแต่กลับคุ้นเคยจนยากปฏิเสธ
จะต้องรู้สึกตื่นเต้นไปทำไมในเมื่ออีกไม่กี่อึดใจข้างหน้าเขาก็จะสะดุ้งตื่นแล้วทิ้งห้องสี่เหลี่ยมมืด
ๆ ขนาดกลางแห่งนี้ให้เป็นเพียงเศษเสี้ยวของความฝันซ้ำซากต่อไป ก่อนจะต้องกลับมาฝันถึงมันใหม่อีกครั้งไม่ต่างจากทุก
ๆ คืนนับตั้งแต่วันที่ผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตา
หลังจากทดลองรับมือกับความฝันบ้า
ๆ นี่มาหลายวิธี รอบนี้ อังคารเลือกที่จะเดินคลำทางสำรวจไปรอบ ๆ ห้องเพื่อฆ่าเวลา ก่อนที่สุดท้าย
ความมืดมนจะทำให้เด็กหนุ่มอึดอัดจนทนนอนต่อไม่ไหว แต่ยังไม่ทันจะสืบเท้าไปถึงไหน
เสียงน้ำหยดใกล้ ๆ หูก็ทำให้เขาชะงักงัน
ติ๋ง
หืม?
ติ๋ง ติ๋ง
ติ๋ง
พอหยุดฟังจนแน่ใจว่าตนไม่ได้หูเฝื่อนเพราะกลัวความมืดขึ้นสมอง
สิ่งแปลกใหม่ในความฝันไร้ทางออกก็เร่งเร้าเรียกร้องให้เด็กหนุ่มคืบเข้าสู่จุดกำเนิดเสียงที่ได้ยินด้วยความอยากรู้อยากเห็น
แม้สภาพเกือบไร้แสงโดยรอบจะทำให้สายตาแทบใช้การไม่ได้ ทว่าสัมผัสเย็นชื่นใจเมื่อน้ำหยดเล็ก
ๆ ตกกระทบหลังมือก็ทำให้อังคารเผลอเพ่งจ้องมองหาแหล่งที่มาของของเหลวที่ว่าอยู่ดี
ติ๋ง ติ๋ง
ติ๋ง ติ๋ง ติ๋ง ติ๋ง ติ๋ง ติ๋ง ติ๋ง ติ๋ง
เฮ่ย! อะไรวะ?
อังคารผงะค้างทั้งที่ยังชะเง้อคอเงยหน้ามองสูงเมื่อหยดของเหลวจากฝ้าเพดานเพิ่มความเร็วในการปะทะขึ้นจากเดิมคล้ายตอบสนองต่อความสนใจของสิ่งมีชีวิตเพียงหนึ่งเดียวภายในห้อง
แต่กว่าเด็กหนุ่มจะสำนึกรู้ว่า ไม่มีความจำเป็นใด ๆ เลยที่จะต้องขวนขวายหาคำตอบในเรื่องไม่เป็นเรื่อง
ก็เป็นตอนที่เขาโดนสายน้ำปริศนาสาดราดรดใบหน้าจนได้กลิ่นคาวคละคลุ้งน่าสะอิดสะเอียนไปแล้วนั่นแหละ
เลือด?! เฮ่ยยย?!!!
แม้ที่สุดแล้ว
สมองจะแยกแยะได้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่การตอบสนองของร่างกายกลับไม่ฉับไวเท่าใจคิด
เพราะทันทีที่ไขปริศนาเกี่ยวกับของเหลวบนเพดานได้ ฝนเลือดห่าใหญ่ก็โหมซัดเข้าใส่เด็กหนุ่มอย่างไม่ปรานี
ซ่า!!
“...เฮือก!!!...” อังคารสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างตะกรุมตะกรามเมื่อตระหนักถึงสติที่หวนคืน
เด็กหนุ่มผุดลุกขึ้นนั่งพลางดึงคอเสื้อขึ้นเช็ดเหงื่อที่ไหลเข้าตาขณะที่ยังหลับหูหลับตาหอบหายใจราวกับคนจมน้ำใกล้ตายที่เพิ่งฉวยห่วงยางกู้ชีพได้ในนาทีสุดท้ายของชีวิต
มึงตื่นแล้วเพียร
มึงตื่นแล้ว
แม้จะพยายามปลอบขวัญให้ตัวเองสงบลงซ้ำ
ๆ อย่างไร แต่จิตใต้สำนึกกลับสั่งให้อังคารเลื่อนกรอบสายตาก้มดูคอเสื้อชุ่มโชกให้มั่นใจว่าสิ่งที่สร้างด่างดวงชื้นแฉะรอยใหญ่บนเสื้อนอนไม่ใช่ของเหลวปริศนาจากในฝัน
จวบจนแน่ใจถึงความปลอดภัยของตัวเอง เด็กหนุ่มก็คว้ามือถือรุ่นลายครามขึ้นดูเวลาก่อนจะลุกขึ้นจากฟูกนอนเมื่อประจักษ์แล้วว่า
สถิติในการสะดุ้งตื่นกลางดึกของค่ำคืนนี้ไม่เลวร้ายนัก...
การตื่นตอนเกือบ
ๆ ตีห้าทั้ง ๆ ที่ไม่ต้องลุกไปทำงานย่อมดีกว่าตื่นมานอนตาค้างตั้งแต่ตีสองหลายเท่าตัว
ไม่เป็นไร ไว้เดี๋ยวสาย ๆ เขาค่อยไปนอนต่อที่ห้องยายแล้วกัน
พักหลัง ๆ
อังคารมักจะเปิดไฟทุกดวงภายในห้องทิ้งไว้ตลอดเวลา ดังนั้นเมื่อตื่นตัวเต็มที่ เด็กหนุ่มจึงสามารถสาวเท้าก้าวฉับ
ๆ เข้าห้องน้ำได้ทันใจโดยไม่ต้องพะวงว่าสองขาจะเผลอไปเตะโดนอะไรต่อมิอะไรเข้า แต่ถ้าให้พูดกันตามจริง
ต่อให้สายไฟล้มหรือหม้อแปลงระเบิดจนไฟดับทั้งซอย เชื่อเถอะว่าเขาไม่มีทางสะดุดข้าวของเครื่องใช้จำนวนเพียงหยิบมือที่ตั้งเป็นหย่อม
ๆ อยู่ตามมุมห้องแน่ ๆ
พรึ่บ!!
เชี่ย!!!
ไวเท่าความคิด จู่ ๆ ไฟห้องที่ส่องสว่างอยู่ดี ๆ
ก็กระพริบถี่ ๆ คล้ายต้องการท้าทายและทดสอบกำลังใจของอังคารไปพร้อม ๆ กัน แต่เพราะตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่า
ถึงอย่างไร คืนนี้เขาก็จะไม่กลับไปนอนห่มผ้าคลุมโปงทนอบอ้าวเฝ้ารอให้ตอนเช้ามาถึงไว
ๆ เด็กหนุ่มจึงแสร้งทำเมิน แล้วทำธุระจำเป็นทั้งหลายอย่างรวดเร็วโดยไม่ลืมกล่อมตัวเองให้เข้มแข็งอยู่ทุกขณะจิต...
ไม่เป็นไร ไฟห้องน้ำยังมี
แต่มึงห้ามส่องกระจกเด็ดขาดนะเว่ยเพียร!
ทุกวันนี้
สิ่งที่ยากที่สุดในการใช้ห้องน้ำ ไม่ใช่การชำระล้างร่างกาย หรือถ่ายทุกข์ด้วยความไวแสง
หากแต่เป็นการต้องคอยบังคับสายตาไม่ให้เหลือบมองเงาสะท้อนในกระจกบานเก่าคร่ำคร่าตรงอ่างล้างหน้าข้างประตูห้องน้ำ
เพราะอังคารคงฝืนทำใจดีสู้เสือต่อไปไม่ไหวหากต้องเห็น ‘อะไรที่ไม่ควรเห็น’ เข้าจัง ๆ
ทันทีที่เสร็จกิจ
อังคารก็รีบวิ่งขาขวิดหอบสังขารเปียกโชกครึ่งท่อนบนพุ่งทะยานออกจากห้องน้ำไปหยุดยืนหอบยังโต๊ะกินข้าวตัวเล็ก
ๆ ข้างหน้าต่าง เด็กหนุ่มเปิดวิทยุตัวน้อยที่นางสินส่งต่อให้หลังจากลูกชายของหล่อนซื้อทรานซิสเตอร์เครื่องใหม่มาเมื่อต้นปี
เสียงบทสวดมนต์ก่อนข่าวรับอรุณที่ดังเบา ๆ ช่วยทำลายความเงียบ อีกทั้งยังช่วยบรรเทาอาการหวาดกลัวได้ชะงัด
เมื่อความเครียดคลี่คลาย เด็กหนุ่มก็ทรุดตัวลนั่ง จิบน้ำประปาที่รองใส่ขวดเอาไว้เสียหนึ่งอึกใหญ่พลางกวาดสายตามองไปรอบ
ๆ ห้องก่อนจะหลุดเข้าไปในภวังค์แห่งความวิตกกังวลอีกครั้ง
จากที่เคยคิดว่าการต้องฝันร้ายติดกันทุก
ๆ คืนจนแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน คือ ความทรมานอันยิ่งใหญ่ มาวันนี้ เหตุการณ์น่าสยดสยองเมื่อตอนบ่าย
ได้ยกระดับความเฮงซวยของชีวิตให้ยิ่งซับซ้อนขึ้นไปอีกหลายเท่า เพราะมันหมายความว่า
หลังจากนี้เขาจะต้องพึ่งทั้งยาคลายเครียดและยากันชักอย่างเต็มรูปแบบ... เฮ่อ! ต้องลำบากไปถึงไหนมึงถึงจะพอใจวะไอ้เพียร?
‘...รับวันใหม่ด้วยข่าวปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่กำลังจะเกิดขึ้นในบ้านเราและประเทศใกล้เคียงกันดีกว่าค่ะ
บ่ายวันนี้ อธิบดีกรมอุตินิยมวิทยาประกาศว่า พรุ่งนี้ ทั่วทุกจังหวัดจะเริ่มสัมผัสปรากฏการณ์สุริยุปราคาเต็มดวงได้ตั้งแต่เวลาสิบสองนาฬิกาสองนาที
จนถึงเวลาสิบสองนาฬิกาเก้านาที โดยอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยาได้เน้นย้ำว่า
สุริยุปราคาเป็นปรากฏการณ์ที่ห้ามดูด้วยตาเปล่าเป็...’
“หึ!” อังคารแค่นหัวเราะทันทีที่ข่าวสุริยะคราสในรอบสี่สิบปีลอยเข้าหู...
ถ้าพรุ่งนี้ไม่หลับยาวจนเพลิน เขากับยายคงได้นั่งดูการถ่ายทอดสดหน้าทีวีห้องแกไปพร้อม
ๆ กันล่ะมั้ง
‘...ล่าสุด ตำรวจนครบาลได้ออกหมายจับเจ้าของรถเก๋งส่วนบุคคลที่พุ่งชนรถคันอื่น
ๆ รวมสิบเอ็ดคันบนถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรีเป็นที่เรียบร้อย
หลังจากพบว่าผู้ต้องหาปฏิเสธที่จะเข้...’
เนื้อความข่าวล่าสุดเรียกความทรงจำเกี่ยวกับอุบัติเหตุเมื่อสองเดือนก่อนให้แจ่มชัดขึ้นอีกครั้ง
จริงอยู่ที่แม้จะตกอยู่ในฐานะเหยื่อรถชนอันเป็นผลจากความประมาทของลูกหลานผู้มีอิทธิพลในประเทศเหมือน
ๆ กับเจ้าของรถสิบเอ็ดคันจากเหตุสลดในข่าวเมื่อครู่ แต่เด็กหนุ่มกลับโชคดีกว่าบรรดาเจ้าทุกข์ในคดีนี้มากนัก
เพราะคนที่ขับรถเสยฟุตบาทจนทำให้อังคารต้องนอนแบ็บในห้องไอซียูอยู่หลายวันเป็นถึงลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของนักธุรกิจแถวหน้าที่ผันตัวลงเล่นการเมืองเป็นครั้งแรกในสนามผู้ว่าฯ
แถมเหตุยังเกิดในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งเสียอีก ผู้สมัครเต็งจ๋าจึงออกตัวแสดงความรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างเต็มที่
ช่วงแรก ๆ สังคมก็ดูจะสนุกสนานกับการขุดคุ้ยและโจมตีคนทำผิดอย่างเสีย
ๆ หาย ๆ แต่หลังจากสื่อประโคมข่าวความเจ็บปวดของคนเป็นพ่อคู่กับหยาดน้ำตาและสีหน้าสำนึกผิดของคนเป็นลูก
ตบท้ายด้วยการแสดงน้ำใจขอชดใช้ความผิดอย่างสมน้ำสมเนื้อซ้ำแล้วซ้ำอีก ไป ๆ มา ๆ
กระแสของผู้คนก็กลับตาลปัตร จนสุดท้าย ชะตากรรมสุดห่วยของอังคารก็ช่วยเสริมส่งให้นักธุรกิจคนนั้นกลายเป็นผู้ว่าฯ
ที่ใครต่อใครต่างรักใคร่ชื่นชมในวันนี้
แต่ครั้นจะสรุปว่าสมาชิกครอบครัวนั้นได้ประโยชน์จากเรื่องนี้เพียงฝ่ายเดียวก็คงไม่ได้
เพราะนอกจากจะไม่ต้องไปนอนเป็นปุ๋ยในสุสานฝังศพไร้ญาติโดยไร้คนเหลียวแลแล้ว อังคารเองก็ได้รับสิ่งดี
ๆ ทดแทนการสูญเสียมากมายเช่นกัน ทั้งโอกาสในการกลับไปเรียนแบบหมดห่วงเรื่องค่าเทอม
เงินชดเชยก้อนใหญ่ที่หากรู้จักใช้ ก็จะช่วยต่อชีวิตได้อีกหลายปี
รวมถึงการดูแลสุขภาพในโรงพยาบาลอันดับหนึ่งฟรีตลอดชีวิต ติดอยู่แค่เรื่องเดียวจริง
ๆ ที่ทำให้ข้อดีทั้งหมดแทบไม่มีความหมาย...
ก็ไอ้ตาซ้ายที่เพิ่งถูกเปลี่ยนกระจกตาใหม่นี่แหละ...
ตาซ้ายที่มาพร้อมกับเรื่องไม่ชอบมาพากลจนอังคารไม่สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้อีกต่อไป
ไอ้ตาซ้ายเฮงซวยที่แม่งทำให้เขาต้องรับรู้
‘อะไร’ ที่คนปกติทั่ว ๆ ไปไม่ควรเห็น ไม่ควรสัมผัส
แม่ง!
พรึ่บ!!
ทันทีที่เด็กหนุ่มนึกโทษดวงตาเจ้าปัญหา
ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความมืดมิดคล้ายมีมือดีจงใจสับคัทเอาท์ตัดกระแสไฟ กระนั้น เสียงครวญแผ่วที่ดังลอดออกจากลำโพงของวิทยุเครื่องเก่ากลับทำให้อังคารตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวแทบสิ้นสติ
‘...ช่วย...ด้วย ช่วยด้วย...’
“ฮืออออ” อังคารครางเสียงเครือพลางเบียดตัวเป็นเนื้อเดียวกับผนัง
เขาหลับตาสวดภาวนาอ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยผ่อนผันแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้าให้พ้นผ่าน
ยิ่งถ้าทำให้มันกลายเป็นเพียงฝันซ้อนฝันได้ยิ่งดี เพราะอีกไม่นาน
ความรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงก็จะปลุกเขาให้ตื่นจากฝันร้ายได้เอง
แต่ในโลกนี้ ไม่มีผู้ใดหรอกที่จะสมหวังทุกประการสมดั่งใจ...
กับอังคาร
ยิ่งไม่ใช่เลย
เพราะแม้สุดท้าย
ดวงไฟทุก ๆ ดวงในห้องจะส่องแสงสุกสว่างดังเดิมแล้วก็ตาม แต่ทันทีที่อังคารลืมตา เจ้าของเสียงพร้อมใบหน้าโชกเลือดไร้ซึ่งดวงตาก็โผล่มาแสดงตัวตรงหน้าในระยะเผาขน
‘...ช่วยผมด้วย...’
“อ๊ากกก!!” เด็กหนุ่มเจ้าของห้องเช่าโก่งคอกรีดร้องสุดเสียงก่อนที่ความหวาดกลัวจะผลักให้เขาตกลงสู่ห้วงแห่งความฝันอันน่าสยดสยองอีกครั้งทั้ง
ๆ ที่ยามนิทราของราตรีถัดไปยังมาไม่ถึงแท้ ๆ
*****|| TBC ||*****
สารภาพเลยว่าตอนวางพล็อตเรื่องนี้ไม่เครียดเท่าตอนเขียนค่ะ
เพราะเมื่อได้ลงมือ
เราก็ตระหนักว่าแม้จะทำการบ้านด้วยการอ่านเรื่องลี้ลับมาเยอะแยะแค่ไหน
แต่การจะเขียนเรื่องผีให้น่ากลัวต้องอาศัยทักษะหลายด้าน
บวกด้วยประสบการณ์ที่ต้องสั่งสม
เราเลยต้องขออภัยคุณผู้อ่านทุก
ๆ ท่านนะคะ หากสิ่งที่เราเขียน พลาดเป้าประสงค์ไปไกลโพ้น
ถ้าเป็นไปได้
กรุณาชี้แนะเราด้วยนะคะ ว่าเราควรต้องปรับปรุงหรือแก้ไขอย่างไร
เราจะได้นำคำติชมทั้งหลายไปใช้กับนิยายเรื่องอื่น
ๆ ในอนาคตค่ะ
ขอบคุณทุก ๆ คนล่วงหน้าค่ะ
^^
No comments:
Post a Comment