The 1st Glance
“แผลผ่าตัดหายสนิทแล้วนะคะ
ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง การมองเห็นเป็นยังไงบ้างคะ ปกติไหม?” แพทย์หญิงเจ้าของไข้ผละหน้าจากจอเครื่องมือแล้วคลี่ยิ้มกว้างให้อีกคนซึ่งนั่งอยู่อีกฝั่งโต๊ะ
ใบหน้าแย้มยิ้มของผู้ให้การรักษาแสดงถึงความรู้สึกพึงพอใจระคนตื่นตะลึงกับผลการรักษาเป็นที่สุด
เพราะแม้อัตราของการฟื้นตัวในคนไข้อายุน้อยเช่นอังคารจะสูงกว่าผู้ป่วยกลุ่มอื่น
ทว่าในกรณีของเด็กหนุ่ม สภาพของดวงตาหลังการผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตาด้านหลังเข้าขั้นเยี่ยมยอดเสียจนคณะแพทย์ทั้งหมดยังอดประหลาดใจไม่ได้
“เอ่อ” มองเห็นผีนี่เรียกสายตาปกติไหมครับหมอ?
แม้อังคารอยากจะถามประโยคนี้กับหมอเจ้าของไข้ใจจะขาด แต่เพราะรู้ดีว่า นอกจากอีกฝ่ายจะไม่ยอมเชื่อง่าย
ๆ แล้ว เขาอาจจะโดนส่งตัวไปหาจิตแพทย์เพื่อตรวจอาการประสาทไปเสียอีก “ก็... เห็นชัดดีครับหมอ”
“แต่ถึงตอนนี้จะหายดีแล้ว
คนไข้ก็อย่าเพิ่งออกกำลังกายและยกของหนัก หรือใช้สายตาหักโหมเกินไปนะคะ เวลาเจอแสงจ้ามาก
ๆ ก็อย่าฝืนจ้อง ถ้าไม่ลำบาก หมอแนะนำให้ใส่แว่นไว้ตลอดก็น่าจะดีค่ะ” คนพูดว่าพลางก้มหน้าก้มตาเขียนรายงานผลการตรวจครั้งล่าสุดโดยไม่ลืมกำชับอังคารอีกครั้ง
“ที่สำคัญ คนไข้ต้องห้ามลืมเด็ดขาดนะคะว่า ถ้าเมื่อไรมีอาการตาแดง ตาสู้แสงไม่ได้
มองเห็นไม่ชัด หรือปวดตา คนไข้จะต้องรีบมาหาหมอทันทีเลยนะคะ”
“ครับหมอ” อังคารรับคำด้วยน้ำเสียงสบาย
ๆ เพราะไม่ว่าจะต้องมาหาหมออีกสักกี่ครั้ง หรือต่อให้ค่ารักษาพยาบาลจะแพงสักแค่ไหน
เขาก็ไม่ต้องเดือดร้อนควักกระเป๋าจ่ายเองสักแดง
“ช่วงนี้ถ้าเป็นไปได้
หมอยังอยากให้คนไข้พักผ่อนให้มาก ๆ เหมือนที่เคยทำนะคะ”
แพทย์หญิงยังคงง่วนกับชาร์ทผู้ป่วยในมือจึงไม่ทันเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนของอังคารแต่อย่างใด
“รอบนี้หมอลดยาเหลือยาหยอดแค่ตัวเดียวนะคะ หยอดตามเวลาเหมือนเดิมเนาะ ยังไงหมอขอติดตามดูอาการอีกทีสิ้นเดือนหน้านะคะ”
“เอ่อ
หมอครับ” เด็กหนุ่มกลืนน้ำลาย ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกสุดปอด
เมื่อเห็นว่าคุณหมอคนสวยเลิกคิ้วรอฟังด้วยสีหน้าตั้งใจ อังคารก็อ้อมแอ้มบอกความต้องการสูงสุดทันที
“ผมขอยาคลายเครียดด้วยได้ไหมครับ?”
“ยังคิดเรื่องอุบัติเหตุคราวนั้นอยู่อีกเหรอคะ?”
อังคารยกมุมปากยิ้มแหย หากแต่ไม่เอ่ยคำ เด็กหนุ่มปล่อยให้สายตาของคุณหมอสาวตวัดมองไปทั่วใบหน้าขณะที่หล่อนกำลังชั่งใจ
“หมอว่าคุณลองไปคุยกับจิตแพทย์ดูดีไหม วิธีนี้น่าจะช่วยแก้ปัญหาได้ตรงจุดกว่าการกินยานะคะ”
“จริง ๆ
มันก็ดีขึ้นมากแล้วล่ะครับหมอ แต่ถ้าได้กินยา ผมก็จะพักผ่อนได้มาก ๆ
ตามที่คุณหมอบอกน่ะครับ” คนพูดช้อนตามองอ้อนวอนแพทย์หญิงพลางแอบภาวนาให้อีกฝ่ายยอมใจอ่อนเหมือนทุกที
ด้วยรู้ดีว่าอาจารย์หมอที่ผ่าตัดสมองให้เขาย่อมไม่ใจดีและเห็นอกเห็นใจอย่างคุณหมอตาหน้าใสตรงหน้าแน่
ๆ
“ครั้งนี้ครั้งสุดท้ายนะคะ”
แพทย์หญิงทำหน้าเคร่งขรึมขณะยื่นคำขาดเสียงดุที่แม้จะทำให้คนฟังแอบเศร้าใจอยู่ลึก
ๆ กระนั้น การได้ยาติดมือกลับบ้าน แม้จะไม่มาก ก็ไม่ได้ทำให้การมาหาหมอครั้งนี้คว้าน้ำเหลวเสียทีเดียว
“ขอบคุณครับหมอ”
อังคารยกมือไหว้แพทย์หญิงด้วยความซาบซึ้งใจ
“หวัดดีครับพี่เอ๋ย”
“น้องเพียร?! วันนี้มีนัดพบคุณหมอเหรอคะ?” นางพยาบาลร่างอวบหลังเคาน์เตอร์ประจำวอร์ดผู้ป่วยในที่อังคารเคยพักรักษาตัวเดินปรี่ออกมาคุยกับเด็กหนุ่มด้วยสีหน้าชื่นบาน
“ผมหาหมอเสร็จแล้วครับ
กำลังจะกลับ แต่อยากจะแวะเอาขนมมาให้พี่เอ๋ยกับพี่ ๆ พยาบาลคนอื่น ๆ ก่อน”
“แหมน้องเพียร
ไม่เห็นต้องลำบากเลย พี่ ๆ ทุกคนเต็มใจดูแลน้องเพียรโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนจริง ๆ นะ
แต่น้องเพียรรู้ได้ไงอ่ะว่าพี่ชอบกินขนมร้านนี้?” คนพูดฉวยถุงขนมในมือของอังคารไปสำรวจด้วยสายตาเป็นประกาย
เด็กหนุ่มอมยิ้มเมื่อเห็นอาการปากว่าตาขยิบของอีกฝ่ายด้วยเผลอลำพองใจว่าเมื่อตนยื่นหมูออกไป
ก็ควรจะได้แมวกลับคืนมา
“พี่เอ๋ยครับ”
“ขา ว่าไงคะน้องเพียร?”
“พี่เอ๋ยรู้ไหมครับว่าใครเป็นคนบริจาคดวงตาให้ผมอ่ะครับ?
ผมอยากไปขอบคุณครอบครัวเขาน่ะครับ” อังคารโกหกอย่างแนบเนียนลื่นไหล
เพราะถ้าอีกฝ่ายหลงเชื่อจนยอมแย้มพรายไขข้อสงสัย เด็กหนุ่มก็จะรู้วิธีจัดการกับสิ่งที่คอยตามรังควานเขาจนไม่เป็นอันหลับอันนอนได้เสียที
“หืม?!!”
สิ้นคำถามของอังคาร
เสียงคุ้ยถุงของฝากดังกรอบแกรบก็เงียบลงทันควัน นางฟ้าชุดขาวร่างท้วมตวัดสายตามองอดีตคนไข้สำคัญประจำโรงพยาบาลด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน
“เรื่องนั้นพี่ว่าไม่มีใครรู้หรอกค่ะน้องเพียร ที่นี่มีนโยบายเก็บรักษาข้อมูลและรายละเอียดส่วนตัวของผู้บริจาคอวัยวะทุกคนเป็นความลับเพื่อป้องกันปัญหาจุกจิกทีหลังน่ะค่ะ”
“เหรอครับ” หลังจากความพยายามในการหลอกถามจักษุแพทย์คนสวยรวมถึงพยาบาลคนอื่น
ๆ ด้วยหัวข้อเดียวกันล้มเหลวไม่เป็นท่ามาแล้วทั้งสิ้น
การฟังคำตอบที่คล้ายคลึงกันซ้ำอีกครั้งจึงไม่ได้ทำให้อังคารตื่นเต้นนัก
เอ๋ยมองเมินสีหน้าเลื่อนลอยของคู่สนทนาก่อนจะตัดบทฉับไว
“อย่าไปสนใจเลยค่ะว่าน้องเพียรได้ตามาจากที่ไหน แค่น้องเพียรดูแลและถนอมดวงตาที่ได้มาดี
ๆ อย่าให้มีแผล แค่นี้ครอบครัวของเจ้าของตาก็น่าจะมีความสุขที่สุดแล้วล่ะค่ะ
ว่าไหมคะน้องเพียร”
“ครับ” คำพูดของนางพยาบาลไม่ผิดไปจากหนึ่งในคำตอบที่อังคารเก็งไว้ล่วงหน้า
แต่เหตุผลที่ทำให้เด็กหนุ่มหักห้ามใจไม่อาศัยความเป็นกันเองของอีกฝ่ายมาเซ้าซี้ซักไซ้เพิ่มเติม
เพราะท่าทางระมัดระวังตัว กับสายตาหวาดหวั่นของเจ้าหล่อนเมื่อครู่ตอกย้ำให้แน่ใจว่า
เขามาถึงทางตันเสียแล้ว
***********
รู้งี้ไม่น่าซื้อขนมมาเซ่นพี่เอ๋ยเลย
ไม่ใช่ถูก ๆ เลยนะเว่ย หมดนั่นน่ะ
อังคารยืนหน้ามุ่ยพลางบ่นกับตัวเองในใจขณะยืนรอสัญญาณไฟเพื่อข้ามถนนไปขึ้นรถยังป้ายจอดฝั่งตรงข้ามโรงพยาบาล
แต่การถูกจับจ้องด้วยสายตาคู่หนึ่งอย่างเข้มข้นรุนแรงจากอีกฟากถนนทำให้เด็กหนุ่มหมดอารมณ์บ่นเรื่องที่ตนคว้าน้ำเหลวแบบกะทันหัน
ใครมองวะ?! เพียงเสี้ยววินาทีหลังจากกวาดตามองหาคนเสียมารยาท
อังคารก็พบต้นเหตุของความรู้สึกอึดอัดทั้งหลายในท้ายที่สุด...
ท่ามกลางกลุ่มคนเดินเท้าที่กำลังยืนรอสัญญาณไฟประจันหน้าเข้าหากัน
หนึ่งในนั้นกำลังจ้องเขม็งตรงมาที่เขาคล้ายมุ่งหมายราวี ทันทีที่สายตาของอังคารสบประสานกับนัยน์ตาของชายแปลกหน้าผู้นั้น
จู่ ๆ ทุก ๆ สิ่งที่เห็นตรงหน้าก็พลันอันตรธานลับดับไปคล้ายถูกใครกระชากจนหลุดพ้นกรอบสายตา
กระนั้น แทนที่มโนภาพของอังคารจะมืดมนจนมองไม่เห็น
กลับปรากฏภาพแผ่นอกราบของผู้ชายคนหนึ่งเต้นระริกไหวกระเพื่อมเป็นจังหวะอยู่ใกล้แค่เอื้อม
ท่อนบนเปลือยเปล่าของชายผู้นั้นถูกจัดวางภายใต้ลำแสงสปอตไลท์อย่างจงใจจนพื้นเตียงเหล็กสีเงินใต้ลำตัวยิ่งดูเจิดจ้าแวววาว
แม้จะยังไม่รู้ว่าตนกำลังตกอยู่ในสถานการณ์เช่นไร
แต่สายตาของอังคารกลับถูกจองจำให้ผนึกแน่นอยู่กับที่โดยไม่อาจเลี่ยงไปมองทางอื่นได้สักวินาที
แรกเลยเด็กหนุ่มแค่เพียงรู้สึกสงสัยถึงเหตุผลที่ตนต้องทนดูใครสักคนนอนหงายหายใจทิ้งอย่างไม่รู้จักจบสิ้น
แต่ทันทีที่ทุกตารางนิ้วของผิวเนื้อนั้นถูกมือปริศนาใต้ถุงมือยางลากคีมหนีบสำลีชุบน้ำยาสีน้ำตาลไหม้ปาดป้ายจนถ้วนทั่ว
ลมหายใจของอังคารก็เริ่มจะติดขัดขึ้นมาดื้อ ๆ
เป็นเพราะเพิ่งบอกศาลาจากบรรดาคุณหมอและพี่
ๆ พยาบาลเมื่อไม่นานมานี้ อังคารจึงรู้ดีว่า อะไรกำลังจะบังเกิดขึ้น
ถึงอย่างนั้น เขาก็มีสิทธิที่จะไม่ต้องทนเห็นมันไม่ใช่เหรอ?
ขอให้ไม่ใช่ทีเถอะ...
ไม่อยากดูเลยจริง
ๆ ให้ตายสิ!
น่าเสียดายที่ครั้งนี้คำขอของเด็กหนุ่มไม่เป็นผล
เพียงไม่กี่อึดใจให้หลัง
มือปริศนาจากอีกฝั่งก็จรดปลายมีดเบอร์สิบกรีดนำร่องลงบนผิวหนังย้อมสีแล้วลากเส้นเป็นรูปตัวไอเริ่มจากใต้กระดูกไหลปลาร้าไล่ลงไปจนเกือบถึงกระดูกเชิงกรานโดยไม่มีสะดุด
คมมีดพรากเนื้อเยื่อและชั้นไขมันที่ถักทออย่างเหนียวแน่นให้ฉีกขาดออกจากกันในชั่วพริบตา
ทว่าก่อนที่เครื่องมือมากมายที่อังคารไม่รู้จักจะตามติด ลงกรีดซ้ำย้ำรอยผ่าให้ยิ่งลึกกว่าเดิม
กรอบการมองเห็นของเด็กหนุ่มก็ถูกบังคับให้จับจ้องของเหลวในร่างกายตรงหน้าขณะพวกมันค่อย
ๆ ไหลทะลักออกมาย้อมทับสลับสีกับทิงเจอร์เป็นริ้ว ๆ จนอังคารอดรู้สึกปั่นป่วนมวนท้องไม่ได้
ภาพของเลือดที่ไหลเจิ่งเป็นสายที่ถูกแช่ให้ค้างเติ่งภายในกรอบสายตากำลังบอกใบ้ให้อังคารรู้ว่า
การลงมีดในครั้งนี้หาใช่การผ่าตัดอย่างที่เผลอเข้าใจ เพราะหากจุดมุ่งหมายของการสร้างบาดแผลบนร่างกายมนุษย์คือการเยียวยาแล้วไซร้
ชายนิรนามคงไม่ถูกทิ้งขว้างให้นอนอาบเลือดอย่างเดียวดายนานหลายอึดใจขนาดนี้
เชี่ยแล้วไอ้เพียร! เจอพวกโรคจิตเข้าแล้วไง!
ต่อให้เคยผ่านมีดหมอมาก่อน
แต่อังคารก็ไม่วิปริตจนนึกอยากชื่นชมเลือดเนื้อ หรืออวัยวะภายใน ๆ ระยะประชิดเลยสักครั้ง
ยิ่งเมื่อรู้ว่าสิ่งที่กำลังจะเห็นทั้งหมดนั้นล้วนแล้วแต่อัดแน่นอยู่ในร่างกายของตนเองด้วยแล้ว
เด็กหนุ่มก็ยิ่งรู้สึกคลื่นไส้เวียนหัวไปกันใหญ่
โว้ย! ทำไมต้องมาทนดูอะไรแบบนี้ด้วยวะ!?!
ทุก ๆ วินาทีที่ถูกบังคับให้จดจ่อต่อภาพการแหวก
การล้วง การชำแรกผ่านหน้าท้องของเพื่อนมนุษย์แบบจัง ๆ ทำให้แข้งขาของเด็กหนุ่มค่อย
ๆ อ่อนยวบ ขนาดมาเป็นภาพเคลื่อนไหวปราศจากกลิ่น และไร้เสียงประกอบ แต่เลือดสีแดงจัดจ้านที่หลั่งไหลเป็นตาน้ำผุดพรายกับลวดลายคล้ายแขนงต้นไม้ของเส้นเลือดทั้งน้อยใหญ่ตามเนื้อเยื่อต่าง
ๆ ที่ยิ่งโดดเด่นล้อเล่นกับแสงไฟก็พลอยทำให้อังคารจินตนาการถึงกลิ่นคาวเลือดได้อย่างจะแจ้ง
เมื่อไรจะพอเสียที?! ขอร้องล่ะ ปล่อยผมไปเถอะนะ ผมทนดูไม่ไหวแล้ว!
ความรู้สึกสยดสยองของอังคารไต่ระดับขึ้นเรื่อย
ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง ยิ่งเมื่อเครื่องมือที่ดูคล้ายด้ามจับมีบานพับสีเงินถูกสอดลงในปากแผล
ก่อนที่เจ้าของมือปริศนาหลายคู่จะค่อย ๆ หมุนกลไกเพื่อแหวกกระดูกซี่โครงชายนิรนามให้ค่อย
ๆ ถ่างกว้างไม่ต่างจากสัตว์ถูกเลื่อยชำแหละด้วยแล้ว อังคารก็แทบจะหยุดหายใจ
และทันทีที่เนื้อเยื่อชั้นสุดท้ายถูกปลายกรรไกรขลิบเปิดเป็นวางกว้าง
ก็ไม่เหลืออะไรมากั้นกลางระหว่างสายตาของเด็กหนุ่มกับอวัยวะภายในช่องท้องทั้งหมดได้อีกแล้ว
ไม่ได้อยากรู้เลยว่าอะไรอยู่ตรงไหน...
ได้โปรด ปล่อยผมไปเถอะครับ! ใครก็ได้ ช่วยไอ้เพียรด้วย!!
ภายใต้ชั้นผิวหนังและพังผืดตรงหน้า
ปรากฏกลไกแห่งชีวิตที่ฟ้องว่า ฟันเฟืองทุกตัว กำลังพยายามยืดเวลา
ต่ออายุขัยให้แก่เจ้าของร่างอย่างขมักขเม้น ทว่าไม่นานหลังจากนั้น เจ้าของมือปริศนาที่หยุดชื่นชมผลงานของตัวเองอยู่พักใหญ่
ๆ ก็ตวัดปลายนิ้วใต้ถุงมือชุ่มเลือดส่งสัญญาณบอกใบ้ถึงการเคลื่อนไหวอีกครั้ง
ก่อนที่เวลาของชายนิรนามคนนี้จะหมดลงโดยสมบูรณ์
แม้ความคิดชั่ววูบเกี่ยวกับการปลดปล่อยเพื่อนร่วมโลกให้หลุดพ้นจากความทรมานจะช่วยลบล้างความรู้สึกคลื่นเหียนได้สิ้นซาก
ทว่ามันกลับชักนำความหวาดกลัวจับขั้วหัวใจเข้ามาแทนที่ อังคารกลัว
และยิ่งกลัวไปกันใหญ่เมื่อเห็นปลายมีดค่อย ๆ จ่อเข้าใกล้หัวใจที่ยังดิ้นรนเต้นตุบ
ๆ ส่งท้ายอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่
ผู้ชายคนนั้นกำลังจะตาย!
เขากำลังจะตาย!
“อ้าก!”
“หนู”
“ว้ากกกก!”
“หนูเป็นอะไร?
หนูร้องทำไม?!”
อังคารปรือตามองหญิงวัยกลางคนหน้าตาไม่คุ้นที่ยังซักถามอาการเขาไม่หยุดปาก
จริงอยู่ว่าการโน้มตัวลงเฝ้ามองเขาจากที่สูงของอีกฝ่ายจะช่วยบดบังแสงอาทิตย์ช่วงบ่ายสองได้มาก
แต่มันก็ทำให้เด็กหนุ่มผู้เพิ่งฟิ้นคืนสติยิ่งหวาดผวาด้วยไม่รู้ว่าคู่สนทนามีรูปพรรณสัณฐานเป็นเช่นไร...
เกิดหล่อนเป็นไอ้โรคจิตเจ้าของมือปริศนานั่นล่ะ?!
“ปล่อย! ปล่อยผม!”
“อย่าเพิ่งรีบลุกสิหนู”
คำพูดทัดทานกับแรงบีบกระชับตรงข้อมือของผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ทำให้อังคารละล้าละลัง
กลับกัน มันยิ่งกระตุ้นให้เด็กหนุ่มรีบฝืนผุดลุกขึ้นยืนอย่างทันควันก่อนจะหันมองไปรอบ
ๆ ตัวด้วยสีหน้าแตกตื่น “หนู... นั่งพักก่อนเถอะ หนูเพิ่งชักแล้วก็ล้มไปเมื่อกี๊เองนะ
นี่ถ้าไม่ได้พี่อีกคนเขาช่วยเอาไว้ ป่านนี้รถคันนั้นคงชนหนูไปแล้ว
พี่คนนั้นเขาดีมากเลยนะหนู ช่วยหนูไว้ไม่พอ เขายังวิ่งไปซื้อน้ำมาให้หนูอีก หนูนั่งรออีกเดี๋ยวเดียวนะ
เดี๋ยวพี่เขาก็กลับมาแล้วล่ะจ้ะ”
“...” อาการมึนจนต้องหลับตายิ่ง
ๆ อยู่ชั่วอึดใจทำให้อังคารอดรู้สึกเสียใจไม่ได้ เขาไม่น่าดึงดันเปลี่ยนอิริยาบทจากนอนราบเป็นปักหลักตั้งฉากกับพื้นโลกอย่างรวดเร็วเลย
ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องรู้แล้วล่ะว่า เกิดอะไรขึ้นกับตัวเองบ้าง... หลังจากเผลอจ้องตาผู้ชายคนนั้นเข้าอย่างจัง
เขาก็ชักจนเกือบโดนรถชนอย่างนั้นเหรอ?
เมื่อไรมึงจะเลิกซวยเสียทีวะไอ้เพียร
ทั้งผี ทั้งชัก ไหนจะภาพบ้า ๆ นั่นอีก?!
“หนู! นั่นหนูจะไปไหน?! หนูไม่อยู่รอเจอพี่คนนั้นก่อนเหรอจ๊ะ?”
“หนู! เดี๋ยวหนู!”
ภาพสยดสยองที่เหมือนของจริงจนน่าขนลุกกับอาการป่วยใหม่แกะกล่องทำให้อังคารสะบัดมือหญิงคนนนั้นทิ้ง
จากนั้นจึงค่อย ๆ เดินลากขาทั้งสองออกห่างจากต้นเสียงอย่างอ่อนล้าเซื่องซึม
สิ่งที่เด็กหนุ่มต้องการที่สุดในเวลานี้ไม่ใช่การรอพบหน้าพลเมืองดีเพื่อแสดงความซาบซึ้งใจ
หากแต่เป็นการทำอะไรก็ได้เพื่อให้ลืมการผ่าชำแหละเพื่อนร่วมโลกที่เพิ่งเห็นผ่านตาไปสด
ๆ ร้อน ๆ ให้ได้เร็วที่สุด
***********
“อ้าว
แล้วน้องคนนั้นเขาไปไหนแล้วล่ะครับ?”
“ป้าก็ไม่รู้เหมือนกันจ๊ะ”
“งั้นคุณป้าช่วยรับนี่ไว้ได้ไหมครับ
ผมคงกินคนเดียวไม่หมด” สัตยายื่นถุงเซเว่นถุงใหญ่ส่งให้พลเมืองดีแทนคำปลอบประโลมหลังเห็นเจ้าหล่อนคลี่ยิ้มเจื่อนคล้ายกับรู้สึกผิดที่ปล่อยให้เด็กคนนั้นหายตัวไปต่อหน้าต่อตา
“ขอบใจนะพ่อหนุ่ม”
“ไม่เป็นไรครับ”
แม้จะผิดหวังที่หมดโอกาสซักถามเด็กคนนั้นอย่างที่หมายมั่นไว้ แต่ลึก ๆ แล้ว สัตยาก็ยังมั่นใจว่า
อีกไม่นาน เขาจะได้เจอกับเด็กคนนั้นอีกครั้งอย่างแน่นอน
*****|| TBC ||*****
No comments:
Post a Comment