<|No.16|>
หรือตอนจบดี
ๆ มันมีแต่ในนิยาย?
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………...
“พี่ชายครับ”
หลังจากมอเตอร์ไซค์สี่สูบคันเก่านำชายหนุ่มทั้งสองมาถึงยังลานจอดรถของร้านข้าวต้มในช่วงบ่ายแก่
ๆ วันเสาร์ คนขับผู้นิ่งเงียบมาตลอดทางก็เปรยกับรุ่นพี่ที่กำลังยืนถอดหมวกกันน็อกด้วยสีหน้ายุ่ง
ๆ อยู่ข้าง ๆ กัน
“หืม?
มีอะไรเหรอยิม?”
เจ้าของเสียงพยายามใช้ปลายนิ้วงัดตัวสลักเล็ก
ๆ ใต้คางอย่างเงอะงะไม่ต่างจากทุกครั้ง และก็เป็นรุ่นน้องอีกเหมือนกันที่ต้องกวักมือเรียกสายเปย์ให้เดินเข้าไปหา
ก่อนจะช่วยจัดการปลดล็อกหมวกนิรภัยใบเก่าให้ ทว่าสิ่งที่ผิดแผกไปจากปกติวิสัย คือ การที่เด็กปีหนึ่งเอาแต่จ้องตากับคนโตกว่าไม่วาง
ยิมสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดพลางกวาดตามองใบหน้าชายชาตรีด้วยสายตาลึกซึ้งเกินหยั่ง
“พวกเราคบกันเถอะครับ”
แม้เด็กหนวดจะใช้เวลากว่าค่อนคืนนอนคิดใคร่ครวญเรื่องนี้มาเป็นอย่างดี
ทว่าการรวบรวมความกล้าแล้วพูดความในใจออกมาดัง ๆ กลับยากเย็นกว่าที่คิดเอาไว้เยอะทีเดียว
ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ขอคบกับอีกฝ่ายเอานาทีสุดท้ายก่อนเดินเข้าร้านหรอก
“หืม?!” ประโยคดังกล่าวทำเอาเด็กบริหารหูอื้อตาลายจนพูดไม่ออกบอกไม่ถูก...
เมื่อกี๊ยิมว่าอะไรนะ?
ยิมขอพี่ชายเป็นแฟนงั้นเหรอ?!
“เถอะพี่
พี่เป็นแฟนกับผมนะ”
แววตามุ่งมั่นจริงจังกับน้ำเสียงอ้อนวอนบอกให้คู่สนทนารู้ว่า
มีเพียงคำตอบเดียวที่เด็กวิศวะตั้งตารอฟัง
กระนั้น สายเปย์กลับยังรู้สึกสงสัย “ทำไมอยู่ ๆ ...”
“ตอนแรกผมว่าจะรอ
แต่พอมีเรื่องเมื่อวาน ผมว่าเราคบกันเถอะครับพี่ชาย ผมอยากดูแลพี่ อยากเป็นแฟนพี่”
เด็กวิศวะพรั่งพรูความปรารถนาออกมาอย่างต่อเนื่องราวกับกลัวว่านี่จะเป็นโอกาสสุดท้ายที่พวกเขาจะได้คุยกัน
นั่นจึงทำให้ชายชาตรีเข้าใจอาการอมพะนำของอีกฝ่ายได้ในพริบตาเดียว
“ยิมกังวลเรื่องคุณชายพ่อเหรอ?”
“นั่นก็ด้วยครับ”
ยาจกปีหนึ่งสารภาพตรง ๆ อย่างไม่อาย “แต่ผมห่วงเรื่องคนอื่นที่เข้ามาหาพี่มากกว่า
ผมอยากมีสิทธิหวงพี่ ผมอยากบอกทุกคนได้เต็มปากว่าเราเป็นอะไรกัน” เมื่อเห็นคนโตกว่านิ่งฟัง
เด็กวิศวะก็เผยตัวตนด้านอ่อนไหวของตัวเองออกมาอย่างหมดเปลือก “แล้วผมก็อยากให้พี่ทำเหมือนกัน
คนอื่นจะได้ไม่เข้ามายุ่งกับเราสองคนไง”
“...”
“ว่าไงครับพี่ชาย”
จริงอยู่ เดิมทียิมตั้งใจจะปล่อยให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาค่อย ๆ เติบใหญ่ตามแต่ความพึงพอใจของทั้งสองฝ่าย
แต่เมื่อคนอื่นแสดงทีท่าว่าสนใจในตัวชายชาตรีอย่างออกนอกหน้า
อดีตที่อัดแน่นไปด้วยความอ้างว้างโดดเดี่ยวก็ทำให้เด็กวิศวะไม่อาจรอช้าได้อีกต่อไป
“พี่ชายอย่าเงียบสิครับ ผมใจไม่ได้รู้ไหม?”
“พี่ชายไม่ได้อยากเงียบ
พี่ชายแค่ตื่นเต้นจนไม่รู้จะพูดอะไรต่างหาก!” หลังจากโดนเด็กหนวดต้อนจนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวตามอีกฝ่ายไปติด
ๆ สายเปย์ก็หลุดปากโพล่งความในใจออกมาจนได้
เด็กหนวดยิ้มกริ่มขณะหยัดตัวขึ้นยืน
วาดช่วงขายาว ๆ ก้าวข้ามอานมอเตอร์ไซค์พลางดึงข้อมือรูมเมทเข้าไปยืนใกล้ ๆ
พลางตะล่อมด้วยน้ำเสียงน่าฟัง “พี่ชายแค่ต้องพูดโอเคเองครับ”
“...”
“นะครับ”
เฟรชชี่กระซิบอ้อนข้าง ๆ ใบหูที่เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำนำหน้าอวัยวะส่วนอื่น ๆ
ไปหลายปีแสง จากนั้นรุ่นพี่ก็ค่อย ๆ กดหน้าลงต่ำพลางทำปากขมุบขมิบคล้ายกำลังบ่นความใจง่ายของตัวเองเบา
ๆ แต่ยิมกลับเลือกที่จะมองข้ามมันไป เพราะพิธีปิดการขายยังไม่เสร็จสิ้นเสียทีเดียว
“สรุปว่าพวกเราเป็นแฟนกันแล้วนะครับ”
“โอเค”
เด็กบริหารหน้าเข่าอ้อมแอ้มแผ่วเบาราวกับลืมเส้นเสียงเอาไว้ที่ห้อง
“ไปครับ
เข้าข้างในกันเถอะ” ชายหนุ่มรุ่นน้องยิ้มกว้างพลางจับจูงมือรุ่นพี่ที่เอาแต่ยืนก้มหน้ามองปลายเท้าให้เดินตามหลังกันเข้าร้านก่อนเวลาตามคำสั่งของหัวหน้าภายหลังเหตุการณ์ไล่ล่าลูกค้าขาประจำเสร็จสิ้นลง
“ไอ้ชาย
มึงมานี่เดี๋ยวนี้เลย!” ปาณัธจิกมือเสิร์ฟอันดับสองด้วยจิตวิญญาณของไก่แก่แม่ปลาช่อนตัวเอ้
“พี่ผึ้งใจเย็น
ๆ ก่อนครับ ค่อย ๆ พูดค่อย ๆ จากันก็ได้” ยิมออกหน้ารับแทนแฟนหมาด ๆ
เพราะไม่อยากให้การฟาดงวงฟาดงาของตัวอ่อนมนุษย์ป้าขับไล่บรรยากาศมุ้งมิ้งเมื่อไม่กี่อึดใจก่อนให้จางหายไปก่อนเวลาอันควร
“นั่นสิผึ้ง
น้องมันเพิ่งมาถึง ให้พวกมันนั่งพักกินน้ำกินท่ากันก่อนเถอะนะ”
“จิ๊! เย็นไม่ไหวแล้วเฮีย! ยังไงวันนี้เรื่องร้านเราก็ต้องจบ” ผึ้งกวาดตามองหน้าเพื่อนอย่างเอาเรื่อง
“กูอนุญาตให้พวกมึงหยุดงานหนึ่งวัน แต่มึงต้องกลับบ้านไปคุยกับพ่อมึงให้รู้เรื่อง”
“แต่คุณชายพ่อไล่ชายออกจากบ้านแล้วนะครับ
ชายไม่มีหน้ากลับไปหาคุณชายพ่อหรอกพี่ผึ้ง!”
“แต่พ่อมึงไม่มีสิทธิทำแบบนี้กับร้านกู!” นอกจากตัวแม่จะไม่แยแสต่อคำอธิบายใด
ๆ ของสายเปย์แล้ว เจ้าหล่อนยังทะลวงคำพูดเข้าไปสาวไส้ทุกขด ๆ ของอีกฝ่ายออกมาแล้วสาดน้ำเกลือใส่จนเจ็บช้ำน้ำใจไปเสียอีก
“อีกอย่าง ก่อนหน้านี้มึงเคยลั่นวาจาเอาไว้ไม่ใช่เหรอว่า ถ้ามึงหาผัวได้เมื่อไร มึงจะพาผัวมึงไปถวายตัวกับพ่อกับแม่
นี่ไง ไอ้ยิมนี่ไง มึงไม่คิดจะพาไอ้ยิมมันไปเจอหน้าพ่อแม่มึงหน่อยเรอะ?”
ก่อนที่ชายชาตรีจะต้องตอบคำถามที่ยากยิ่งกว่าข้อสอบโอเน็ตเอเน็ตทุกประเภทวิชารวมกันนั้น
เสียงสวรรค์ของชายผู้ไม่พึงปรารถนาก็ดังแทรกขึ้นได้ทันเวลาพอดิบพอดี “ไอ้ชาย
มีคนมาหามึงแน่ะ” ค่าที่กระปุกตั้งฉ่ายมีเส้นรอบวงขนาดใหญ่ จึงไม่มีใครเห็น ‘คนที่มาหาชาย’ ดังคำอวดอ้าง “เจ๊ เฮีย หวัดดี
มีไรกินมั่งอ่ะ?”
“มึงนี่เสือกไม่รู้จักเวล่ำเวลาเลยนะไอ้โจ
ไม่เห็นรึไงว่ากูกำลังคุยกับไอ้ชายอยู่เนี่ย?!”
“ใครมาหาผมเหรอครับพี่โจตู๋?”
ตัวอ่อนมนุษย์ป้าจิ๊ปากขัดใจเมื่อความสนใจของชายชาตรีเบี่ยงไปหาพ่อครัวประจำร้านเป็นที่เรียบร้อย
“กูจะรู้กับมึงไหมล่ะ
แหม่” โจเพิกเฉยต่อสายตาเข่นฆ่าและคาถาทิ่มแทงที่ปาณัธสาปแช่งไม่หยุดปาก ชายหนุ่มเดินส่ายอาด
ๆ เข้ามาหาเจ้าของร้านทั้งสองพลางบรรยายที่มาที่ไปของอาคันตุกะที่เดินตามหลังมาห่าง
ๆ อย่างไม่สนโลก “กูเห็นเขามาชะเง้อมองหาใครอยู่หน้าร้านตั้งนาน พอเข้าไปถาม
เขาก็บอกว่ามาหามึง”
สิ้นเสียงกระปุกตั้งฉ่าย
เหล่าผู้คนที่เหลือก็ออกอาการโวยวายเมื่อเห็น ‘แขกของชาย’ เต็ม ๆ ตา
“พี่แมน?!”
“เฮ่ย! ไอ้หน้าแข็...น ไอ้หน้าแขน”
“น้องชาย!”
“คุณมาทำไม?”
ตัวอ่อนมนุษย์ป้าแอบเป่าปากด้วยความโล่งใจเมื่อเห็นว่าอาคันตุกะไม่ได้ให้ความสนใจในตัวเจ้าหล่อนมากเท่ากับผู้ช่วยพ่อครัวหน้าหนวดที่กำลังตั้งท่าอนุรักษ์ควายน้ำไม่ให้สูญสิ้นเผ่าพันธุ์ตามกระแสรุ่นพี่อย่างกระซู่
หรือกูปรีไปติด ๆ
“ผมมาหาน้องชายครับ”
“คุณมีธุระอะไร?”
เด็กวิศวะเอาตัวสายเปย์เอาไว้พลางแผ่รังสีอำมหิตคุกคามชายหน้าแข็งอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
แต่น่าแปลกที่แมนสรวงกลับดูจะพึงพอใจกับท่าทีไม่เป็นมิตรของยิมเอามาก ๆ
สังเกตได้จากการต่อปากต่อคำ
กอปรกับแสร้งทำลอยหน้าลอยตาพร้อมกับกระชับพื้นที่รุกคืบเข้าใกล้เด็กหนวดมากขึ้นเรื่อย
ๆ
“แล้วคุณเกี่ยวอะไรด้วย?”
“ผมเป็นแฟนพี่ชาย!”
“ผมไม่สน!”
“ก็เรื่องของคุณ
แต่ผมไม่ให้คุณเจอพี่ชายแน่ ๆ ไปครับพี่ชาย เดี๋ยวผมหาอะไรให้กิน” ก่อนที่ระยะห่างเพียงครึ่งฟุตจะถูกร่นจนกลายเป็นประชิดติดตัว
ยาจกมืออาชีพก็หันไปหารุ่นพี่หน้าเข่าพลางฉุดข้อมือให้หมุนตัวเดินไปหลังร้านไปพร้อมกัน
“อ้าวเฮ่ย! พวกมึงกลับมาคุยกับกูให้รู้เรื่องก่อน!” ตัวอ่อนมนุษย์ป้าแหวขึ้นอย่างเหลืออดเมื่อหมดช่วงโต้คารม
แต่ความตั้งใจของหล่อนกลับไม่ได้รับการเหลียวแลใด ๆ เมื่อบุคคลหน้าแปลกกระแทกเสียงไล่หลังทั้งสองหนุ่มที่เดินดุ่ม
ๆ ไปอีกทาง
“ถึงคุณจะห้ามไม่ให้ผมเจอน้องชายวันนี้
แต่วันหลังผมก็ต้องมาหาว่าที่คู่หมั้นของผมอยู่ดี!”
“ว่าที่คู่หมั้น?!!” เป็นอีกครั้งที่ทั้งคอง โจ
และผึ้งพากันประสานเสียงอุทานโดยพร้อมเพรียง
ฝั่งคู่รักคู่ใหม่ก็พากันชะงักค้างก่อนที่ทั้งสองจะหันขวับกลับมาจ้องหน้าแมนสรวงเขม็ง
“เมื่อกี๊คุณว่าไงนะ?”
“คุณชายพจน์จะให้น้องชายหมั้นหมายกับผม
เพราะฉะนั้น ต่อให้วันนี้คุณจะกีดกันไม่ให้ผมเจอกับน้องชาย แต่สุดท้าย คุณชายพ่อก็ต้องนัดแนะให้เราสองคนได้อยู่ตามลำพังกันอยู่ดีนั่นแหละ”
แมนสรวงเชิดหน้าตอบคำยิมด้วยท่วงท่าผึ่งผาย
พร้อมกับคลี่ยิ้มมุมปากท้าทายด้วยมาดของผู้ชนะ กระนั้นเด็กวิศวะกลับไม่ชายตาแลให้เสียเวลาไปเปล่า
ๆ ปลี้ ๆ ด้วยเพราะมีเรื่องด่วนที่รอให้ชายหนุ่มรีบเร่งแก้ไขให้เร็วที่สุด
“พี่ชาย
พาผมไปหาพ่อพี่เดี๋ยวนี้เลยครับ!”
$$$$$$$$
“คุณชายพ่อสวัสดีครับ
คุณหญิงแม่สวัสดีครับ”
“โอ๊ยชายน้อยลูก! มาค่ะ เข้ามานี่
เข้ามาให้คุณหญิงแม่กอดรับขวัญหน่อยสิคะ” จังหวะที่สายเปย์กำลังจะคลานเข่าเข้าไปกราบมารดา
เสียงคำรามราวฟ้าผ่าของผู้เป็นพ่อก็ดังขัดขึ้นเสียก่อนจนชายหนุ่มรีบกระถดตัวกลับไปนั่งข้าง
ๆ ยิมแทบไม่ทัน
“หึ! ในที่สุด มึงก็กลับมาตายรังจนได้” คุณชายพจน์แสยะพลางหันไปสบสายตากับคู่ชีวิตอย่างมีนัยยะ
“เห็นไหมคุณหญิง ผมบอกแล้ว จะช้าจะเร็วยังไงไอ้ชายมันก็ต้องซมซานกลับมาพึ่งพาเราสองคนอยู่ดี!!”
เดิมที
ชายชาตรีค่อนข้างจะลังเลเมื่อเผลอคิดว่าตนต้องหวนกลับมาเยือนเรือนนอนแต่อ้อนแต่ออกหลังจากโดนบิดาออกปากขับไล่
แต่เมื่อคำทักทายของคุณชายพจน์ไหลผ่านหูเข้าสู่สมอง ทิฐิก็ทำให้สายเปย์คอแข็ง
หน้าเชิดขึ้นมองสูงอย่างเป็นธรรมชาติ “คุณชายพ่อต่างหากล่ะครับที่ส่งคนไปรังควานชายจนชายต้องกลับมาที่นี่!!”
“กูทำอะไร?! กูไปทำอะไรให้มึง ห๊ะไอ้ชาย?!” ประมุขของบ้านโต้กลับอย่างลุกลี้ลุกลนจนคนเป็นภรรยาทนดูไม่ได้
“โธ่ชายน้อยของคุณหญิงแม่! ชายน้อยอย่าถือโทษโกรธเคืองคุณชายพ่อท่านเลยนะลูก
ที่คุณชายพ่อทำไปทั้งหมดก็เพราะคุณชายพ่อหวังดีกับชายน้อยมากนะคะ”
“พิโธ่พิถังคุณหญิงกีรติ! ใจคอคุณจะไม่ไว้หน้าผมหน่อยเรอะ?” คุณชายพจน์กะจะเสแสร้งแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้เสียหน่อย
แต่กลับถูกนายหญิงของบ้านฉีกหน้าเสียย่อยยับ
“ช่างหน้าคุณชายพจน์เถอะค่ะ
ตอนนี้สิ่งเดียวที่ดิฉันสนใจ คือ ลูกชายน้อยของเรามากกว่า
หรือคุณชายพจน์ไม่ดีใจคะที่ลูกกลับมาบ้าน?”
“...”
คำถามจี้ใจดำของคุณหญิงกีรติทำเอาผู้เป็นพ่อหน้าง้ำ ทำตัวไม่ถูก เห็นดังนั้น
สายเปย์จึงยิงคำถามใส่บิดาอย่างไม่อ้อมค้อม
“เหตุผลที่ชายมาวันนี้
เพราะชายอยากรู้ว่าทำไมคุณชายพ่อถึงต้องไล่ลูกค้าประจำของเฮียไปด้วยครับ
คุณชายพ่อตอบชายได้ไหมครับ?”
“...”
คุณหญิงกีรติถอนหายใจยาวเมื่อเห็นผู้เป็นสามีมัวแต่หลบตาลูกชายพลางพึมพำเบา
ๆ ราวกับไม่อยากให้ใครได้ยิน “เอาเป็นว่าคุณหญิงแม่ขอตอบคำถามเรื่องนี้แทนคุณชายพ่อแล้วกันนะคะ”
เมื่อไม่มีใครโต้แย้ง เจ้าหล่อนจึงรวบตึงส่วนอธิบายเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว “ตั้งแต่วันที่ชายน้อยออกจากวังไป
คุณชายพ่อท่านก็ส่งคนไปคอยติดตามดูความเป็นอยู่ของชายน้อยเสมอ
พอคุณชายพ่อท่านรู้ว่าชายน้อยจะไปทำงานที่ร้านข้าวต้ม
คุณชายพ่อท่านก็อดเป็นห่วงชายน้อยไม่ได้”
“เป็นห่วง?
ไล่ลูกค้าของร้านนี่เรียกเป็นห่วงชายตรงไหนกันครับคุณหญิงแม่?” ชายชาตรีตวัดหางเสียงอย่างไม่พอใจกับนิสัยชอบเอาชนะเป็นเด็ก
ๆ กับเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ของบิดา
“ชายน้อยต้องเข้าใจก่อนนะคะลูกว่าพวกเราเป็นห่วงชายน้อยกันมาก”
คุณหญิงกีรติอมยิ้มพลางเหลือบมองหน้าสามีด้วยสายตารักใคร่ระคนอ่อนใจอยู่ในที “ถึงปากคุณชายพ่อท่านจะขับไสไล่ส่ง
แต่ใจท่านกลับห่วงลูกยิ่งกว่าใคร ๆ กระทั่งคุณหญิงแม่ยังห่วงชายน้อยได้ไม่ถึงครึ่งใจท่าน”
แม้ใจความส่วนใหญ่จะค่อนไปทางแฉคู่ชีวิตให้ลูกฟังเป็นฉาก ๆ
กระนั้นเจ้าหล่อนกลับไม่ลืมพูดจาเอาอกเอาใจสามีในตอนท้ายที่สุด
“...”
สายเปย์พินิจดวงหน้าอันงดงามเหนือกาลเวลาของมารดาด้วยสายตาไม่เข้าใจ...
คุณชายพ่อเป็นห่วงชาย
แต่มันเกี่ยวอะไรกับการไล่ลูกค้าร้านคยองโอปป้า?
“คุณชายพ่อทนไม่ได้หรอกนะคะหากท่านต้องปล่อยให้ชายน้อยลำบากรับมือลูกค้าขี้เมาทุกวัน
ๆ น่ะค่ะ ทีนี้ชายน้อยเข้าใจเหตุผลที่คุณชายพ่อทำแบบนั้นหรือยังคะ?”
เหตุผลของมารดาทำให้สายเปย์หนักใจ
แต่เพราะรู้จักพ่อของตัวเองเป็นอย่างดี ชายชาตรีจึงเข้าใจการกระทำของอีกฝ่ายได้ไม่ยาก
“ครับ”
“จริง
ๆ คุณหญิงแม่ก็เคยเตือนคุณชายพ่อเหมือนกันนะคะว่าถ้าทำแบบนี้แล้วชายน้อยอาจจะจับได้”
ยิ่งคุณหญิงกีรติชี้แจงแถลงไข สายเปย์ก็ยิ่งถอนหายใจดังขึ้นเรื่อย ๆ
ฝ่ายคุณชายพจน์เองก็ไม่น้อยหน้า
เพราะจากที่เคยนั่งอกผายไหล่ผึ่งถลึงตาใส่ลูกชายในทีแรก
ตอนนี้ประมุขของบ้านกลับนั่งตาลอยปล่อยให้ภรรยาแฉเบื้องลึกเบื้องหลังอย่างไร้ทางสู้
“สองสามอาทิตย์มานี่คุณชายพ่อท่านเลยให้คนออกไปหาลูกค้ารายย่อยมาทดแทนลูกค้าขี้เมาที่หายไปยังไงล่ะคะ”
“ถ้าอย่างนั้นคุณชายพ่อช่วยหยุดทำแบบนี้เถอะครับ
ชายสงสารคยองโอปป้า สงสารพี่ผึ้ง”
“ถ้ามึงจะให้กูเลิก
มึงก็ต้องกลับมาอยู่บ้านแล้วก็เลิกทำงานที่ร้านนั่นเสียที” คุณชายพจน์ยื่นข้อเสนอด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
ด้วยคิดแต่เพียงว่า หากลูกชายตั้งแง่สร้างเงื่อนไข
เขาก็ควรจะได้สิ่งตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อกัน
“คุณชายพ่อจะพูดจาเอาแต่ใจแบบนี้ไม่ได้นะครับ
ถ้าอยู่ ๆ ชายไม่ไปทำงานแล้วคนอื่น ๆ ที่ร้านจะทำยังไงกันล่ะครับ?” ประมุขทั้งสองของวังพูนทรัพย์ทวีต่างนิ่งไปเมื่อได้ฟังคำตอบล่าสุดจากปากลูกชายหัวแก้วหัวแหวน...
ใครกันจะคิดว่า เลือดเนื้อเชื้อไขซึ่งเคยเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ภายในเวลาแค่หนึ่งเดือน?!
“ชายไม่เลิกครับ
หัวเด็ดตีนขาดยังไงชายก็จะไม่เลิกทำงานแน่ ๆ !” สายเปย์ยังไม่หยุดสร้างความประหลาดใจให้แก่บุพการี
แม้จะพอใจกับบุตรชายเวอร์ชันอัพเกรดอยู่ไม่น้อย
กระนั้นคุณชายพจน์กลับไม่ยอมปล่อยให้สายเปย์ได้ทำตามใจ “ดี! กูก็จะไม่เลิกยุ่งกับร้านข้าวต้มนั่นเหมือนกัน!”
“คุณชายพ่อมีเหตุผลหน่อยสิครับ
ทำแบบนี้คยองโอปป้ากับพี่ผึ้งจะเดือดร้อนเอานะครับ!”
“กูไม่สน! ตราบใดที่มึงไม่เลิกเป็นเด็กเสิร์ฟร้านข้าวต้ม
กูก็จะคอยกันท่าไอ้พวกขี้เมาอยู่แบบนี้แหละ!” คุณหญิงกีรติกับยิมต่างนั่งทอดถอนใจให้กับการละเล่นปาหี่ที่นำแสดงโดยคุณชายพจน์สุดซึนอยู่ในมุมของตัวเอง
ฝ่ายชายชาตรีที่ตกอยู่ภายใต้อำนาจของทิฐิก็โก่งคอไฝว้กับผู้เป็นพ่ออย่างสูสี
“คุณชายพ่อ!”
“พี่ชายคุยกับคุณพ่อดี
ๆ สิครับ” เด็กปีหนึ่งบีบมือคนรักเบา ๆ
เพื่อเรียกสติก่อนจะหันไปเจรจากับว่าที่พ่อตาด้วยท่าทีนอบน้อม “คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องลูกค้าขี้เมาหรอกนะครับ
เดี๋ยวผมจะคอยดูแลพี่ชายให้เองครับ” ยิมจำใจแทรกบทสนทนาของสองพ่อลูกแม้จะรู้ทั้งรู้ว่าตนกำลังทำตัวเสียมารยาท
กระนั้น ชายหนุ่มกลับไม่อาจปล่อยให้ชายชาตรีพูดจาไม่ดีกับพ่อได้
“มึงเป็นใครวะ?!” คุณชายพจน์ตวัดหางตาไปมองเด็กวิศวะตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วลากสายตาย้อนกลับขึ้นบนอย่างคนไม่ถูกชะตากัน
ซึ่งแม้ยิมจะเห็นดังนั้น ชายหนุ่มกลับก้มลงกราบผู้อาวุโสทั้งสองด้วยความเคารพ แล้วเงยหน้าขึ้นสบตากับว่าที่พ่อตาตรง
ๆ
“ผมชื่อยิมครับ
ผมเป็นแฟนพี่ชาย”
“ใช่ครับ
ยิมเป็นแฟนชายเองครับ” ชายชาตรีตามน้ำด้วยความมั่นหน้ายิ่งกว่าหนไหน ๆ ...
โชคดีที่เมื่อตอนบ่าย
พิธีสถาปนาเหนือชายได้สำเร็จเสร็จสิ้นลงไปแล้ว ไม่อย่างนั้นการอวดอ้างสรรพคุณเกินจริงเมื่อกี๊คงทำให้ชายกระดากปากยิ่งกว่านี้แน่
ๆ
“อุ๊ยตาย! คนนี้เองเหรอคะน้องยิมที่ชายน้อยไปอยู่ด้วย?
คุณหญิงแม่ขอบคุณมากนะคะน้องยิมที่คอยดูแลชายน้อยของพวกเราเป็นอย่างดีมาโดยตลอด” ยาจกมืออาชีพคลี่ยิ้มบาง
ๆ พลางกำลังจะอ้าปากตอบรับไมตรีที่ผู้ใหญ่หยิบยื่นให้ แต่กลับไม่วายโดนคุณชายพจน์ปาดหน้าเค้กตัดหน้าอย่างทารุณไปเสียก่อน
“คุณหญิงกีรติ”
ประมุขของบ้านส่งสายตาห้ามปรามภรรยาผู้เป็นที่รักก่อนจะเว้นวรรคสูดลมหายใจตั้งสติ
แล้วจึงเปลี่ยนท่าทีก่อนหันไปมองเลือดในอกด้วยสีหน้ามีเลศนัย “ก็ได้ เอาเป็นว่าหลังจากนี้กูจะไม่ยุ่งกับร้านข้าวต้มอะไรนั่นแล้วก็ได้
แต่มึงต้องกลับมาอยู่บ้าน และต้องคบกับคนที่กูหามาให้เท่านั้น!”
ทันทีที่คุณชายพจน์ประกาศความต้องการออกมาโต้ง
ๆ สายเปย์ก็ตั้งท่าพร้อมลงสนามปะทะฝีปากกับบิดาอีกคำรบ “นี่ก็อีกเรื่องที่ชายต้องคุยกับคุณชายพ่อให้เข้าใจ”
ชายหนุ่มหน้าเข่าสูดลมหายใจหนัก ๆ หากแต่ไม่ละสายตาจากบุพการีเจ้าปัญหาสักวินาที“คุณชายพ่อฟังชายให้ดี
ๆ นะครับ ตอนนี้ ชายกับยิมคบกันแล้ว และชายรักยิม ชายจะไม่คบกับใครคนอื่น”
“อุ๊วะ! นี่กูยอมมึงมากแล้วนะไอ้ชาย!” ผู้เป็นพ่อสบถอย่างเหลืออดก่อนจะพรั่งพรูความคับแค้นใจด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด
“ก่อนหน้านี้มึงบอกกูว่ามึงไม่ชอบผู้หญิง กูก็อุตส่าห์พยายามทำความเข้าใจ
พอกูหาคนที่คู่ควรมาให้มึงได้ มึงก็ต้องยอมทำตามใจกูบ้างสิวะ!”
“แต่ชายไม่รักพี่แมนสรวง
ชายรักยิม!”
“กูไม่สน
เพราะยังไงมึงต้องได้กับแมนสรวง”
“ไม่ครับคุณชายพ่อ
ถ้ายิมไม่ใช่ผัวชาย ชายก็จะไม่เอาใครหน้าไหนอีกเลย!”
ขณะที่สายเปย์กับผู้เป็นบิดากำลังต่อบทดราม่ากันอย่างเมามัน
คุณหญิงกีรติก็แลกเปลี่ยนสายตาเห็นอกเห็นใจกับผู้ร่วมประสบภัยอีกหนึ่งหน่อพร้อม ๆ
กับแอบสังเกตเด็กหนุ่มเป็นระยะ ๆ จะว่าไป...
ว่าที่ลูกเขยที่หล่อนแอบชื่นชมลับหลังสามีนี่ก็หน่วยก้านใช้ได้
ถ้าไม่ติดว่าคุณชายพจน์เอาแต่ใจ
ป่านนี้เจ้าหล่อนคงได้จับยิมมาซักไซ้ไต่ถามประวัติจนสนิทสนมรู้ใจกันไปนานแล้ว
“ไม่รู้ล่ะ
ยังไงมึงก็ต้องดูใจแมนสรวงเพราะกูคุยกับท่านรัฐมนตรีเอาไว้แล้ว
และท่านก็เห็นดีด้วยที่พวกมึงจะได้กัน”
“ถ้างั้นชายลาล่ะครับ!” ชายชาตรีตัดบทห้วน ๆ
พลางกระตุกแขนเด็กหนวดเบา ๆ แทนการให้สัญญาณออกฉาก
“พี่ชาย
คุยกับพ่อให้รู้เรื่องก่อนสิครับ!” เฟรชชี่ทักท้วงด้วยความหวังดี
แต่คงใช้ไม่ได้ผลกับสายเปย์ที่กำลังโมโหบิดาจนถึงขีดสุด
“ไม่ยิม
เรื่องนี้พี่ชายจะไม่ยอมง่าย ๆ ยิมต้องเป็นผัวพี่ชายคนเดียวเท่านั้น!” สิ้นคำ ร่างล่ำ ๆ
ของควายน้ำก็นำผู้ช่วยพ่อครัวก้มลงกราบเท้าบุพการีอย่างรวดเร็ว จากนั้นทั้งสองก็พากันลุกแล้วหมุนตัวเดินจาก
“คุณชายพจน์! คุณชายจะทำแบบนี้กับดิฉันไม่ได้นะคะ
ไหนคุณชายพจน์บอกว่าจะทำให้ลูกกลับมาอยู่บ้านยังไงล่ะคะ?” คุณหญิงกีรติเขย่าตัวสามีเมื่อวี่แววของการจากลาแจ่มชัดขึ้นในกรอบสายตาอีกครั้ง
“คุณชายพจน์ คุณชายพจน์ทำอะไรสักอย่างสิคะ ชายน้อยจะไปแล้วนะคะคุณชาย!”
หลังจากเล่นเกมจ้องตากันอยู่ชั่วอึดใจ
ประมุขฝ่ายชายก็ยอมศิโรราบให้แก่ภรรยาอย่างไม่มีข้อแม้ “เดี๋ยว!”
“???”
“ถ้ากูไม่บังคับมึงเรื่องแมนสรวง
มึงจะยอมกลับมาอยู่บ้านดี ๆ ไหม?” คุณชายพจน์ถามบุตรชายที่หยุดยืนทอดสายตามองเขาอยู่ตรงกรอบประตูห้องรับแขก
ดุเหมือนข้อเสนอดังกล่าวจะตรงตามความต้องการของสายเปย์
เพราะชายหนุ่มหน้าเข่ายอมเดินกลับเข้ามาเจรจากับบิดาอีกครั้ง “ถ้าคุณชายพ่อไม่ว่าอะไร
ชายจะขออยู่กับยิม แต่ชายจะกลับมาบ้านทุก ๆ วันเสาร์อาทิตย์เหมือนเดิมครับ”
“เออ! งั้นเอาตามนั้น!” ไม่ทันขาดคำ คุณชายพจน์ก็วางกุญแจรถกับคีย์การ์ดคอนโด
ก่อนจะกรีดบัตรเครดิตสีดำจำนวนหลายใบลงวางตรงหน้าบุตรชายด้วยท่าทางถนัดถนี่ประหนึ่งซักซ้อมขั้นตอนนี้มาเป็นร้อย
ๆ รอบ
“ขอบคุณครับคุณชายพ่อ
คุณหญิงแม่” ชายชาตรีประนมมือไหว้ผู้มีพระคุณ ก่อนจะคลานเข่าเข้าไปให้มารดากอดรัดเพื่อคลายความคิดถึงหลังจากเห็นเจ้าหล่อนกวักมือเรียกหยอย
ๆ อยู่นานสองนาน
“เดี๋ยวครับ”
สมาชิกทั้งสามแห่งตระกูลมีทรัพย์มากอนันต์หันไปมองยิมเป็นตาเดียว
“ขอผมถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ?”
“มึงจะถามอะไร?”
คุณหญิงกีรติกอดลูกชายพลางแอบกลอกตามองบนเมื่อจับได้ว่าสามีจงใจใช้ช่องเสียงพิเศษข่มขู่ว่าที่ลูกเขยของเจ้าหล่อนเข้าให้แล้ว
แต่เรื่องน่ายินดีก็คือ คู่สนทนากลับไม่มีท่าทีสั่นคลอนหรือตกประหม่าใด ๆ
“สรุปว่าคุณพ่อจะไม่บังคับพี่ชายให้หมั้นแล้วใช่ไหมครับ?”
“ใช่”
“แล้วคุณพ่อจะจัดการกับทางนั้นยังไงครับ?”
ยิมเงียหูรอฟังคำตอบสุดท้ายของอีกฝ่ายด้วยไม่อยากคาดเดาสถานการณ์ไปเองฝ่ายเดียว
คุณชายพจน์ยักไหล่แสดงอาการไม่ยี่หระพลางตอบคำด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ
หากแต่ใจความกลับทำให้ชายหนุ่มทั้งสองรู้สึกวุ่นวายใจอย่างฉับพลันทันตา
“ก็ไม่ยังไง
เพราะเมื่อกี๊กูแค่รับปากว่ากูจะไม่บังคับ แต่ถ้าทางนั้นสนใจไอ้ชาย กูก็ไม่ห้าม”
“อ้าว!”
“ทำไมคุณชายพ่อถึงพูดจาไม่รับผิดชอบแบบนี้ล่ะครับ?”
“กูไม่รู้
กูถือว่ากูยอมมึงมากแล้ว ที่เหลือมึงก็จัดการเองแล้วกัน!”
“คุณชายพ่อ!” สายเปย์แหวใส่พ่ออย่างเหลืออด
แต่คุณชายพจน์กลับหาได้สลดไม่
“ส่วนเรื่องที่มึงกับไอ้เด็กนี่คบหากัน
ถึงกูจะไม่พูดอะไร แต่ก็ไม่ได้แปลว่ากูยอมรับพวกมึงสองคนหรอกนะ อย่าสำคัญตัวผิดไปล่ะ”
คนพูดปรายหางตามองยิมคล้ายจะห้ามปรามกึ่งท้าทายอยู่ในที “อ้อ! แล้วก็อย่าได้คิดเชียวนะไอ้ชายว่ามึงจะแอบหนีตามมันไป
เพราะถ้ากูยังไม่ตาย กูจะไม่มีวันปล่อยให้พวกมึงได้อยู่กินกันอย่างมีความสุขแน่นอน!”
“แล้วผมต้องทำยังไงเพื่อให้คุณพ่อยอมรับพวกเราล่ะครับ?”
ที่สุดแล้วยิมก็เลือกที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง
และน่าจะถูกใจผู้ใหญ่แห่งวังพูนทรัพย์ทวีเอามาก ๆ เสียด้วย เพราะหากเฟรชชี่ดูไม่ผิด
เมื่อกี๊เขาเห็นอีกฝ่ายแอบอมยิ้มนิด ๆ เมื่อได้ยินคำถามล่าสุดของเขา
“หึ!” จนถึงตอนนี้ คุณชายพจน์ก็ยังคงปรายตามองยิมอย่างมีเลศนัยพลางส่งเสียงครืดคราดในลำคอโดยไม่เอ่ยคำ
แน่นอนว่าอาการสงวนถ้อยคำของบิดาในช่วงเวลาสุดวิกฤตย่อมทำให้ชายชาตรีเดือดเนื้อร้อนใจจนนั่งไม่ติด
“ว่ายังไงล่ะครับคุณชายพ่อ
พวกเราต้องทำอะไรเพื่อให้คุณชายพ่อยอมรับพวกเรา?”
“กูไม่รู้
กูนึกไม่ออก! ไว้ค่อยบอกอีกทีวันหลังแล้วกัน” เมื่อทิ้งระเบิดใส่เป้าหมายจนเป็นที่พอใจ
เจ้าของท่าทีไม่รู้ไม่ชี้ก็เดินหายลับออกจากห้องรับรองไปในพริบตาเดียว
“ชายจะทำยังไงดีครับคุณหญิงแม่?!” สายเปย์วิงวอนขอความเห็นใจจากไอดอลด้านการกินผู้จนเป็นอมตะ
“ไม่ต้องเป็นกังวลไปนะชายน้อยลูก
คุณหญิงแม่ว่าคุณชายพ่อท่านก็แค่ท่ามากไปอย่างนั้นเองแหละค่ะ
ไว้ชายพาน้องยิมมาให้ท่านเห็นหน้าบ่อย ๆ ขี้คร้านท่านจะเอ็นดูน้องยิมมากกว่าคุณหญิงแม่เสียอีก”
ใจจริง คุณหญิงกีรติอยากจะตีแผ่ความลับของคู่ชีวิตให้ลูกและว่าที่เขยได้รับรู้ร่วมกัน
หากแต่เมื่อไตร่ตรองถึงจิตใจของสามีแล้ว เจ้าหล่อนก็ตัดสินใจที่จะบอกใบ้ข้อมูลเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
“ขอบคุณคุณหญิงแม่มากนะครับที่เมตตาผม”
ยิมเอ่ยจากใจจริงพลางก้มลงกราบมารดาของคนรักอีกครั้ง
“อู๊ย
ไม่ต้องขอบคุณคุณหญิงแม่หรอกค่ะน้องยิม
คุณหญิงแม่ต่างหากล่ะที่ต้องขอบคุณน้องยิมที่ช่วยดูแลชายน้อยของคุณหญิงแม่เป็นอย่างดี
นี่ถ้าน้องยิมไม่ช่วยชายน้อยของคุณหญิงแม่เอาไว้ ชายน้อยของคุณหญิงแม่คงตกระกำลำบากยิ่งกว่านี้หลายเท่า”
คุณหญิงกีรติว่าพลางหันไปหอมแก้มลูกชายอย่างรักใคร่ไม่มีใครเกิน
“ใช่ไหมคะชายน้อย?”
“ครับคุณหญิงแม่”
“เอาล่ะ
ไหน ๆ ก็กลับบ้านมาให้คุณหญิงแม่ชื่นใจแล้ว
วันนี้อยู่รับมื้อเย็นเป็นเพื่อนคุณหญิงแม่หน่อยนะคะชายน้อย น้องยิม” หลังจากได้ลูกชายกลับคืนสู่อ้อมอก
บุหงาอมตะประจำวังพูนทรัพย์ทวีก็เปล่งประกายความงดงามและสดใสให้ผู้คนได้ชื่นชมอีกครั้ง
$$$$$$$$
“ชายน้อยพาน้องยิมมานั่งตรงข้าง
ๆ คุณหญิงแม่สิคะ คุณหญิงแม่จะได้ตักอาหารให้กินได้สะดวก ๆ ”
“ขอบคุณครับคุณหญิงแม่”
“เลิกเกร็งได้แล้วค่ะน้องยิม
คุณหญิงแม่ไม่ดุหรอกค่ะ เขื่อคุณหญิงแม่นะคะ คุณหญิงแม่ไม่เคยโกหก” คุณหญิงกีรติขยิบตาให้ว่าที่ลูกเขยอย่างไม่ถือตัว
กระนั้นท่าทีเป็นกันเองของเจ้าหล่อนกลับไม่เป็นที่ถูกใจประมุขฝ่ายชายของบ้านที่นั่งรอท่าอยู่ตรงหัวโต๊ะเพียงลำพัง
“อ่ะแฮ่ม!!”
“นมสายช่วยเสิร์ฟน้ำใบเตยให้คุณชายเธอหน่อยสิคะ
กิ๋งว่าคงมีอะไรติดคอเธออยู่น่ะค่ะ เห็นนั่งกระแอมมาตั้งแต่เมื่อเช้า” ประมุขหญิงของบ้านหันไปสั่งความกับคนเก่าคนแก่ด้วยน้ำเสียงเอือมระอา
แต่ถึงแม้คุณหญิงกีรติจะหมั่นหน้าความเยอะของสามีเอามาก
ๆ หล่อนกลับไม่เคยอยากจับคู่ชีวิตมาเยอรมัน ซูเพล็กซ์ตามด้วยฟิกเกอร์โฟร์เลคล็อกเท่ากับครั้งนี้มาก่อน
เพราะภายใต้ท่าทางหงิม ๆ ติ๋ม ๆ เอาแต่นั่งยิ้มไม่พูดไม่จาอะไรมาตลอดบ่ายนั้น
ดันมีอสรพิษร้ายหมายทำลายบรรยากาศชื่นมื่นของวันคืนสู่เหย้าซุกซ่อนเอาไว้อย่างแนบเนียน
[หมายเหตุ
: เยอรมัน ซูเพล็กซ์ กับ ฟิกเกอร์โฟร์เลคล็อก
คือ ท่ามวยปล้ำ]
สตรีผู้เป็นอมตะไม่ได้โมโหพ่อของลูกหรือผัวของหล่อนจนเพี้ยน
หากแต่เป็นเพราะหายนะของชาติบ้านเมืองกำลังเดินหน้าแข็งมาโน่นแล้วต่างหาก
“กราบสวัสดีครับคุณหญิงแม่
คุณชายพ่อ” อาคันตุกะหอบกระเช้าใบใหญ่เดินเข้ามาในห้องอาหารของวังพูนทรัพย์ทวีด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
เมื่อส่งของกำนัลในมือให้เด็กในบ้านช่วยถือเป็นที่เรียบร้อย แมนสรวงก็กระพุ่มมือไหว้ประมุขทั้งสองอย่างรู้งาน
“แมนสรวง
แมนสรวงมายังไงคะเนี่ย?” คุณหญิงกีรติถามไถ่อีกฝ่ายตามมารยาท
ทว่าคนมาใหม่กลับประจบประแจงใส่เจ้าหล่อนแบบไม่ยั้ง
“พอดีเมื่อวานคุณแม่ท่านสั่งซื้อเบอร์รี่มาเยอะน่ะครับ
แมนเลยขอให้แม่บ้านช่วยจัดกระเช้าแบ่งเบอร์รี่มาให้คุณหญิงแม่ลองชิม
เผื่อคุณหญิงแม่ชอบ แมนจะได้สั่งมาให้คุณหญิงแม่รับทานได้บ่อย ๆ ”
“ขอบใจ ๆ นาน
ๆ พ่อถึงจะเจอคนหนุ่มหัวสมัยใหม่ที่รู้จักเข้าหาผู้หลักผู้ใหญ่แบบนี้ อีกไม่กีปี
ตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยจะไปไหนเสีย จริงไหมตาแมน?” ทันทีที่ประโยคแรกของคุณชายพจน์หลุดจากปาก
ผู้ร่วมโต๊ะอาหารทั้งสามก็หันไปจ้องคนพูดด้วยสีหน้าตื่นตะลึง... ที่แท้ ไส้ศึกก็แฝงตัวอยู่ในหมู่พวกเขานี่เอง
“แหมคุณชายพ่อก็ชมแมนเกินไปครับ
แมนยังเป็นแค่ผู้ช่วยเองครับ!”
“ไม่ต้องถ่อมตัวหรอกตาแมน
ใคร ๆ เขาก็ชมว่าที่รมต.ช่วยแมนสรวงให้พ่อฟังกันทั้งนั้น
วันไหนเข้ารับตำแหน่งอย่าก็ลืมแฟนคลับอย่างพ่อล่ะ ไม่งั้นพ่อเสียใจตายเลยนะ”
“ไม่ครับ
แมนไม่ทีทางลืมคุณชายพ่อแน่ ๆ ครับ” คุณชายพจน์หัวเราะชอบใจกับคำป้อยอของตัวบ่อนทำลายความสุขหน้าแข็ง
ในขณะที่อีกสามชีวิตรู้สึกเบื่อหน่ายเสียจนนึกอยากจะละทิ้งกายหยาบแล้วไปวิ่งเล่น ณ
ดินแดนสุขาวดีเพื่อฆ่าเวลาเสียให้รู้แล้วรู้รอด “ที่จริงวันนี้ นอกจากจะตั้งใจเอาผลไม้มาให้คุณหญิงแม่ช่วยชิมแล้ว
แมนยังแอบหวังว่า คุณชายพ่อกับคุณหญิงแม่จะเมตตาแมนจนยอมให้แมนร่วมโต๊ะอาหารกับน้องชายสักมื้อน่ะครับ”
แมนสรวงแสร้งส่งความหวานผ่านสายตาไปหยอดใส่หน้าชายชาตรี กระนั้นแล้วกลับมีชั่วอึดใจที่ชายหนุ่มแอบเหล่คนตัวใหญ่ที่นั่งข้าง
ๆ สายเปย์ด้วยแววตาวาวโรจน์
“ก็เอาสิ!” ประมุขชายตอบรับคำขอของลูกชายท่านรัฐมนตรีง่าย
ๆ คล้ายกับโดนอีกฝ่ายยัดเงินใต้โต๊ะ “นมสาย บอกเด็กให้ช่วยตั้งสำรับเพิ่มอีกที่สิ
ให้นั่งตรงข้าง ๆ ฉันนี่แหละ จะได้คุยกันสะดวก ๆ ”
“แต่คุณชายพ่...”
“พี่ชายครับ” สายเปย์สงบคำทันทีที่ฝ่ามือใหญ่
ๆ ของเด็กหนวดบีบนวดต้นขาของตนอย่างแผ่วเบาหลังจากเอ่ยเตือนเขาด้วยน้ำเสียงกระเส่าที่เจ้าตัวเผลอมโนไปคนเดียว...
ยิมล่ะก็! แค่ยอมตกลงเป็นแฟนด้วยก็กล้าทำชีกอใส่พี่ชายแบบไม่เลือกเวลาหรือสถานที่เชียวเหรอ?!
ไม่กลัวคุณชายพ่อเห็นหรือไงนะ
เด็กผี!!
“น้องชาย
สวัสดีครับ”
“...”
“อ้าวไอ้ชาย
ไม่ได้ยินที่พี่เขาทักรึไง?”
“สวัสดีครับ” สุ้มเสียงกระโชกโฮกฮากของบิดากระชากสติของชายชาตรีให้กลับเข้าร่างอย่างว่องไว
ชายหนุ่มจึงรีบยกมือไหว้ชายหนุ่มหน้าแข็งที่นั่งยิ้มจนแป้งรองพื้นตกร่องแก้มอย่างเสียไม่ได้ทันที
“ในที่สุดเราก็ได้เจอกันเสียทีนะครับ”
คนนั่งตรงข้ามจ้องยิมตาเป็นมันพลางพยายามแสยะยิ้มหวานอย่างเต็มความสามารถ “เอ๊ะ
แล้วนั่นใครเหรอครับ ทำไมถึงไม่แนะนำให้พี่แมนรู้จักบ้างล่ะ?”
“นี่ยิมแฟนชายครับ”
“อ้าว!
น้องชายมีแฟนแล้วเหรอครับ?”
แมนสรวงแสร้งยกมือทาบอกทำท่าตกใจเสียเต็มประดา จากนั้นจึงหันไปหารือกับไส้ศึกบิดาหัวโต๊ะ
“ไหนคุณชายพ่อบอกว่าน้องชายยังไม่มีแฟนยังไงล่ะครับ?”
“มีได้ก็เลิกได้น่ะตาแมน
คนสมัยนี้เขาคบกันแป๊บ ๆ ไม่พอใจกันเดี๋ยวเดียวก็เลิก พ่อเห็นมาเยอะแล้ว” คุณชายพจน์พูดจายั่วยุอย่างจงใจ
แต่แทนที่จะได้เห็นอาการหัวร้อนของเฟรชชี่เป็นบุญตา กลับกลายชายชาตรีเสียเองที่ทนฟังคำพ่อไม่ไหว
“ชายไม่เลิกกับยิมง่าย
ๆ หรอกครับคุณชายพ่อ!”
“นั่นสิครับคุณชายพ่อ
แมนว่าน้องชายกับน้องยิมดูสมกันดีออก พี่แมนขอให้น้องชายกับน้องยิมรักกันไปนาน ๆ
นะครับ”
“ไม่ต้องเสียแรงอวยพรหรอกตาแมน
พ่อว่าช่วยกันแช่งให้เลิกกันไว ๆ จะดีกว่า พ่ออยากเป็นพ่อตารมต.ช่วย”
“คุณชายพ่อ!”
“พี่ชายครับ
ใจเย็น ๆ ครับ” เด็กวิศวะยังคงเก็บอาการได้เป็นอย่างดีด้วยเพราะเห็นแก่ศักดิ์ศรีและหน้าตาของบุพการีคนรักเป็นสำคัญ
เพราะหากยิมไม่เกรงใจพ่อแม่ของสายเปย์แล้วไซร้
ชายหนุ่มคงได้ลุกขึ้นตะบันหน้าคนนั่งตรงข้ามที่พยายามยื่นปลายเท้าข้ามฝั่งมาเขี่ยขาเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนสลบเหมือดไปแล้ว
“โธ่! คุณชายพ่ออย่าพูดอย่างนี้สิครับ แมนขออยู่เป็นโสดแบบนี้ไปก่อนดีกว่า
เผื่อว่าวันไหนแมนจะเจอคนที่รักแมนจริงเหมือนน้องยิมที่รักน้องชายมาก ๆ ” ชายหนุ่มเปรยด้วยสีหน้าอิจฉาคู่รักตรงหน้าอย่างที่สุด
แต่ใครเลยจะรู้ว่า
ระหว่างที่ปากของชายหนุ่มเจื้อยแจ้วไปเรื่อยเปื่อยนั้น แมนสรวงก็แอบเล็งพิกัดต้นขาของเด็กปีหนึ่งเอาไว้ในใจ
ก่อนจะยื่นปลายเท้าไปสะกิดเชิญชวนอีกฝ่ายหลังจากแอบจกต้นขาแข็งแรงคู่นั้นไปหลายดอก
อนิจจา แทนที่รอบนี้ลูกชายท่านรัฐมนตรีจะได้ฟินกับขาแน่น ๆ ของยิมให้สมใจ ชายหนุ่มกลับตั้งพิกัดผิดไปสะกิดขาของสายเปย์โดยมื่ทันรู้ตัว
“ใช่ไหมครับน้องยิม?”
“ครับ
ผมรักพี่ชายมากครับ และผมจะไม่เลิกกับพี่ชายเด็ดขาด”
หลังจากจับตาดูสถานการณ์จนแน่ใจว่าอะไรเป็นอะไร
หัวสมองของสายเปย์หน้าเข่าก็ตัดขาดจากโลกภายนอกโดยพลัน พิษรักแรงหึงสร้างความปั่นป่วนในใจจนชายชาตรีแทบจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่า
หลังจากนั้น บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเป็นเช่นไร
เขาควรจัดการกับความรู้สึกว้าวุ่นเมื่อรู้ว่าชายหน้าแข็งกำลังหมายตาคนของตัวเองด้วยวิธีไหน?!! หรือถึงเวลาที่เขาควรจะใช้ร่างกายมัดใจยิมให้อยู่หมัดอย่างที่พี่โจตู๋แนะนำ?
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………...
ความในใจทิ้งท้ายตามสไตล์ชายชิค ๆ :
ชายเคยเข้าใจว่าการค้นหาว่าที่เหนือชายยากเย็นเหนือสิ่งใด
แต่เมื่อเป็นอมตะสมใจ กลับพบว่า การดูแลรักษาเหนือชายเพื่อเก็บเอาไว้กินคนเดียวไม่แบ่งใคร
สาหัสสากรรจ์ยิ่งกว่าเข็นภูเขาเข้าไปในครกหลายเท่านัก
$$$$<| TBC |>$$$$
No comments:
Post a Comment