Thursday, April 2, 2015

หลากเรื่องรักเกือบสั้น...ว่าด้วยพยัญชนะตัวที่ ๔๑ :: เห่ย (เรื่องสั้นหมายเลขแปด)

เห่ย




 (“เฮ่ยยย! / โครม!! /...ซี๊ดดดด...อูยยยย!! )


สิ้นสรรพเสียงแปลกปลอมซึ่งไม่ควรเกิดภายในชั้นเรียนรวมระหว่างการบรรยายวิชาประวัติศาสตร์โลก ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบงัน...กระทั่งน้ำเสียงชวนง่วงที่พร่ำเป็นน้ำไหลของอาจารย์ยังหยุดเว้นช่องไฟตามไปด้วย


เพียงอึดใจ บุคคลปริศนาผู้เป็นต้นกำเนิดเสียงก็เผยตัวสู่สายตานับร้อยซึ่งจับจ้องยังจุดเกิดเหตุไม่วาง...
ก็นะ...รู้ๆอยู่ว่า พวกมือถือสากปากถือศีลอย่างเราๆทั้งหลาย สืบทอดนิสัยกระหายใคร่รู้เรื่องชาวบ้านมาเนิ่นนาน
ดีไม่ดี คุณสมบัติข้อนี้อาจหยั่งรากลึกอยู่ในกมลสันดานของคนไทย ตั้งแต่ก่อนสมัยฟื้นฟูศิลปะวิทยาการในยุโรปที่อาจารย์นฤบดีกำลังร่ายยาวให้พวกเราฟังก็เป็นได้...

ถ้าอย่างนั้น คงไม่แปลกอะไร หากจะนับรวมตัวผมไว้ในกลุ่มคนส่วนใหญ่ที่เฝ้ามองเหตุการณ์นี้โดยไม่ถอนสายตาเพิ่มขึ้นมาอีกสักคน...
เถอะน่า ผมมีเหตุผลของผมก็แล้วกัน



ใบหน้าแหยๆกับหัวฟูๆ ที่ผมเฝ้ามองหาตั้งแต่ก่อนเข้าเรียนโผล่พ้นขอบโต๊ะยาวเพื่อชะโงกส่องหาที่นั่ง
สองมือพลางจัดเก้าอี้ที่โดนชนล้มระเนระนาดโดยไม่ตั้งใจให้ตั้งตรง...
นั่นแหละ คือเหตุผลที่ผมยอมหลวมตัวสอดรู้เรื่องคนอื่น ทั้งที่ไม่แยแสมนุษย์หน้าไหนเป็นกิจวัตร

โยไม่เคยนั่งหลังห้อง
คนๆนี้จัดเป็นพวกเด็กเนิร์ดแถวหน้า แต่กลับเข้าชั้นเรียนสายเป็นประจำ
ซึ่งมันจะไม่ใช่ปัญหา ถ้าเขาไม่ใช่คนซวยซ้ำซ้อน...
ไม่ต้องรอตัวอย่างที่ไหนไกล เหตุการณ์ที่ถ่ายทอดสดอยู่ ณ ขณะนี้ คงพออธิบายอะไรๆได้ดี


“ผมเคยได้ยินแต่คำเรียกพวกผู้หญิงมือห่างตีนห่าง ว่า สวยซุ่ม...
.
...ถ้าไม่ได้คุณโยธินสาธิตให้ดู ผมคงไม่เข้าใจคำว่า สายซุ่มแน่เชียวครับ”  หน้านิ่งๆเสียงเนิบๆตำหนิผ่านลำโพงหน้าห้อง


ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า องค์นฤบดีหวดแส้ลงฟาด แล้วสาดเกลือใส่แผลสดของโยได้เจ็บแสบแค่ไหน
แต่ที่น่าหมั่นไส้คงไม่พ้นไอ้พวกลิ่วล้อที่ระเบิดหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง ทั้งที่ตอนเรียนเอาแต่นั่งทื่อมะลื่อบื้อใบ้


โยกระพุ่มมือไหว้อาจารย์ด้วยสีหน้าเจื่อนๆ ก่อนกล่าวด้วยท่าทางนอบน้อม “ขอโทษครับอาจารย์”

สีหน้าผู้อาวุโสที่สุดในห้องดูอิดหนาระอาใจอย่างเห็นได้ชัด ทว่าไม่ต่อความยาว  “เชิญนั่ง...เอาล่ะ เรามาว่ากันต่อเรื่อ........


ถึงอาจารย์จะเริ่มท่องบทสวดส่งวิญญาณผม และนิสิตคนอื่นๆร่วมสองร้อยชีวิตกลับไปเข้าเฝ้าพระอินทร์อีกครั้งแล้วก็ตาม
แต่คราวนี้ เสียงต่ำๆ ฟังหึ่งๆกลับไม่ทะลุเข้าโสตประสาทผมเลยสักนิด 
นั่นคงเป็นเพราะคนมาสายค่อยๆย่างกรายค้อมตัวมาหย่อนก้นลงบนเก้าอี้ตัวข้างๆ
ส่งผลให้เสียงรบกวนอื่นใด ดังสู้เสียงเต้นรัวของหัวใจผมไม่ได้แม้ครึ่ง


“หวัดดีจีน ขอเราดูชีทด้วยได้ไม๊? ชีทเราเปียกน้ำตอนก่อนเข้าห้องน่ะ” คนพูดยิ้มจนตาหยี


พอเห็นหน้าโยตอนนี้ ทำให้ผมเข้าใจอารมณ์ของอาจารย์เมื่อครู่ได้ทันที...
ถึงคนตรงหน้าจะทำความผิด หรือคำขอของเขาจะทำให้ผมนั่งเรียนไม่ค่อยสะดวก
แต่ถ้าจะให้ตั้งป้อมด่าคนหน้าเซ่อ ยิ้มซื่อๆอย่างไม่ปรานี...ผมคงทำไม่ลง  


“เอาสิ” ผมเขยิบไปทางซ้ายพอประมาณ เพื่อให้โยอ่านชีทได้ง่ายขึ้น ทั้งที่ในใจอยากโถมตัวเข้าใส่อีกฝ่ายสุดกำลัง...


นึกขอบคุณตัวเองเป็นรอบที่ล้านที่เปรี้ยวลงเซคนี้คนเดียวไม่แคร์เพื่อน
เพราะสุดท้ายก็ได้รู้ว่า โยธินเป็นอีกคนจากภาควิชาเดียวกันที่หลงมาเรียนด้วย
เราสองคนจึงกลายเป็นผู้มีอารยะนั่งเรียนเคียงบ่าเคียงไหล่อยู่ในฝูงลิงกังคณะอื่น


“ขอบใจนะ” พอเห็นท่าผม โยก็กระเถิบเข้าใกล้ขึ้นอีกนิดแล้วส่งยิ้มให้


เขาพยายามกวาดสายตาอ่านเนื้อหาที่อาจารย์บรรยาย เทียบกับข้อความในหน้ากระดาษ แต่ดูจะยังจับต้นชนปลายไม่ถูก
ผมเลยเอาปลายปากกาจิ้มตรงหัวข้อเนื้อหาที่อาจารย์บรรยายค้างไว้...
ไม่ได้หวังคำขอบใจ แค่อยากทำให้อีกฝ่ายสบายขึ้นสักนิด  แต่คนอย่างโยธินผู้แสนดี มีหรือจะไม่ซาบซึ้ง


“ขอบใจนะจีน ขอบใจมาก” รอยยิ้มจริงใจส่งผ่านใบหน้าบ้านๆงานไม่ประณีตมาให้เป็นครั้งที่สองของวัน จากนั้นอีกฝ่ายก็เริ่มจดเลกเชอร์ตามบทสวดส่งวิญญาณโดยไม่สนใจผมอีกต่อไป


ยิ้มเมื่อครู่สะกดให้เผลอมองหน้าคนข้างๆที่ตั้งใจเรียนด้วยสมาธิสูงสุดอย่างพินิจพิเคราะห์...  
สุดท้ายแล้ว...ผมก็อดย้อนคิดถึงทุกๆเรื่องของคนๆนี้ขึ้นมาอีกครั้งไม่ได้

สองปีที่ฟังเรื่องโยจากปากคนอื่นบอกต่อกันมา
เพียงพอที่จะทำให้คนวงนอกอย่างผมได้ข้อสรุปว่า...
โยเป็นมนุษย์ผู้เกิดมาเพียบพร้อมด้วยความอาภัพอับเฉาเต็มรูปแบบ
ความอับโชคเปรียบเสมือนคุณสมบัติข้อหนึ่งที่ติดตัวโยมาตั้งแต่เกิด นอกเหนือไปจากเรื่องหนักหนาอื่นๆซึ่งไหล่กว้างๆหากผอมแกร็นของเขาจำต้องแบกรับไว้เพียงลำพัง ไม่ว่าจะ...

...บ้านจน
...ตัวคนเดียว
...ทำงานตัวเป็นเกลียวส่งเสียตัวเอง
...แต่งตัวไม่เก่ง ซ้ำยังขาดๆเกินๆ
...เงินขาดมือเกือบตลอดเวลา
...หน้าตาห่างไกลจากคำว่าดูดีไปสี่สิบล้านปีแสง 
ข้อด้อยเหล่านั้น ส่งเสริมให้เขาดำรงตำแหน่ง สุดเห่ยประจำคณะได้อย่างไม่มีข้อสงสัย



ถ้าถามผมเหรอ?...
แม้ทั้งหมดที่ใครๆพูดกันจะเป็นเรื่องจริง แต่ผมไม่ใส่ใจหรอกนะ...
เพราะหากมองข้ามความอัตคัตขัดสนที่ไล่รายชื่อกันมายาวเหยียด แล้วดูให้ละเอียดถึงเนื้อในล่ะก็...
ความเป็นโยธิน คือ การรวบรวมสิ่งดีๆทั้งหมดในโลกหล้า เอามาซ่อนไว้ภายใต้เปลือกนอกไร้ราคา และไม่น่าสนใจ
ทำให้คนที่จะเห็นรูปทองผ่องแผ้วของพ่อคุณได้นั้น ต้องมองกันด้วยดวงใจ...หาใช่ดวงตา

สาเหตุที่ผมสามารถพูดจาชื่นชมอีกฝ่ายได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจน่ะเหรอ?...
มีสิ... ก็ผมคืออีกหนึ่งคนที่โยหยิบยื่นน้ำใจ และความปรารถนาดีให้อยู่เนืองๆอย่างไรล่ะ 



ย้อนไปเมื่อสองปีก่อน...ตอนช่วงรับน้องมหาวิทยาลัย  
อย่างที่รู้ มีเฟรชชี่อยู่ไม่กี่จำพวกที่รุ่นพี่มักเรียกออกมาข้างหน้า แล้วฆ่าให้อับอายด้วยกิจกรรมในฐานละลายพฤติกรรม
ก่อนอื่น ขอให้ขีดฆ่าเหล่าสาวสวย หนุ่มหล่อ หรือ พวกที่มีลูกบ้าอยู่ในสายเลือดออกจากสมองไปก่อน
เพราะเมื่อเทียบอัตราส่วนความสมบุกสมบันโหดมันฮาแล้ว...กลุ่มน้องใหม่สายกระเทยย่อมเป็นที่ต้องการของท้องตลาดแบบกินขาดเสมอ


ผมคงไม่เดือดร้อนอะไรนัก หากลักษณะทางกายภาพไม่ดูคล้ายน้องปอยรุ่นก่อนเฉาะราวกับเคาะออกมาจากพิมพ์เดียวกัน
ผิดกันเพียงอย่างเดียวตรงที่ แม้จะชอบผู้ชาย และเป็นฝ่ายรับเหมือนไอดอลคนนั้น...
แต่ผมดันไม่ใช่ประเภทโบกเมคอัพปรับสายบรา แถมยังประหม่าเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าคนหมู่มากเสียด้วยสิ

ทุกครั้งที่เดินเข้าฐาน...ผมมักจะรู้สึกเหมือนซากไก่ที่กำลังลอยละลิ่วลงสู่บ่อจระเข้ก็ไม่ปาน
คือรู้แหละว่าตัวเองว่าตายแล้ว แต่พอนึกได้ว่าเมื่อตกลงไปศพจะไม่สวย...ก็ชวนให้รู้สึกว่า ชีวิตมันช่างห่วยอะไรอย่างนี้
แทนที่กิจกรรมรับน้องจะทำให้มีความสุขสนุกสนานเหมือนคนอื่นๆ...
ผมกลับขวัญหนีดีฝ่อ เพราะต้องคอยหลบตาพี่ๆพลางภาวนาขออย่าให้ใครอยากได้กระเทยออกไปร่วมเล่นเกม

คำขอของผมควรจะสัมฤทธิ์ผลโดยสมบูรณ์ ถ้าไม่โดนสกัดดาวรุ่งด้วยซุ้มสุดโหดของกลุ่มพี่ว้ากปีสามไปเสียก่อน
จริงๆเกมของรุ่นพี่กลุ่มนี้ไม่ได้น่ากลัว แต่บทลงโทษกลับน่าอายสุดๆ...
ก็พวกท่าเต้นเสื่อมๆประกอบเพลงส่อๆพวกนั้นน่ะแหละ

ผลของการเล่นเกม...ผมรอดตายแบบเส้นยาแดงผ่าแปด
ถึงอย่างนั้น...สุดท้าย ผมกลับโดนลากออกมาเต้นด้วย เพราะไอ้พวกรุ่นพี่เฮงซวยมันอ้างว่า อยากเห็นน้องมิ๋วปอยเต้น...
...มิ๋วปอยพ่อพี่สิ!! ผมอยากเกิดมาหน้าตาเหมือนน้องปอยที่ไหนกันเล่า?!!



บอกตรงๆ วินาทีนั้นผมรู้สึกเหมือนถูกขานชื่อก่อนพาเข้าห้องเชือด...
ผมอาย ผมไม่ชอบตกเป็นเป้าสายตา ไม่อยากหาเรื่องเด่นโดยไม่จำเป็น
แต่ในจังหวะที่ผมกำลังจะลุกขึ้นนั้นเอง กลับมีคนอาสาออกไปเต้นแทน แถมยังแอ่นหน้าแอ่นหลังได้อย่างถึงอกถึงใจ จนพี่ๆสั่งให้เต้นโชว์อีกหลายรอบ

นั่นคือครั้งแรกที่เจ้าของป้ายชื่อ โย โยธินได้สร้างรอยประทับในหัวใจให้กับผมแบบไม่รู้ลืม
จากเหตุการณ์วันนั้น ทำให้ผมเริ่มสังเกตตัวตน และความดีของผู้ชายคนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ

จนในที่สุด ก็มาถึงจุดที่ผมยอมรับกับตัวเองว่า...
ผมแอบชอบเขาถึงขั้น ไม่อยากเป็นแค่เพื่อน ขอเลื่อนขั้นเป็นแฟน เสียแล้วสิ
และนับจากวินาทีนี้ไป... ผมจะทำทุกทางเพื่อทำให้เขากลายมาเป็นแฟนผมให้จงได้
.
.
ให้จงได้
ให้จงได้
ให้จงได้
จงได้
จงได้
.
.
...คร่อกกกก...
...ฟี้...




“จีน...จีน หมดคาบแล้ว...
...จีเนียส...
...อีจีเนียส มึงได้ยินกูป่ะเนี่ย?”

“ห๊ะ!? เมื่อกี๊โยว่าไงนะ?”

“โยไหนวะ?...
...อ๋ออออออ...เห่ยน่ะเหรอ?...
...เห่ยมันเพิ่งเดินออกไปเมื่อกี้นี่เอง...
.
...มันบอกให้กูเข้ามาดูมึงหน่อย เพราะมันเขย่าแขนเรียกมึงอยู่ตั้งนาน แต่มึงก็ไม่ยอมตื่นซักที มันเลยไปก่อน...
...เห็นบอกว่าต้องรีบเดินกลับไปเรียนที่คณะ...จักรยานแม่บ้านมันเสีย แร็ปอะไรก็ไม่รู้ กูฟังไม่ทัน”


ผมไม่น่าลืมตัวถอนหายใจเฮือกใหญ่กว่าปกติเลยให้ตาย
ดูสิ อีสองเลยได้ทียิ้มล้อผมใหญ่ ก่อนจะแซะมาอีกระลอก


“ทำไม? อยากอยู่กับเห่ยสองต่อสองเหรอจ๊ะน้องมิ๋วปอย...
.
...(ไปเร็ว!! เดี๋ยวตามเห่ยสุดที่รักไปเรียนไม่ทันนะตะเอง)”  อีสองกระซิบเย้า แบบที่เราชอบทำเวลามอยผู้อื่นในระยะเผาขน


ถ้าไม่ใช่เพราะอีสองเป็นเพื่อนสนิทเพียงไม่กี่คน ผมจะไม่ทนให้มันแหย่ด้วยเรื่องจริงจังที่น่าอับอายทำนองนี้หรอก
แต่ให้ตายเถอะ...เกลียดสีหน้าเป็นต่อของมันเข้าไส้เสียจริงๆ


“อย่ามา!...  กูเพื่อนเล่นมึงเหรออีสอง?”

“อีนี่แวร๊งส์!!


อีสองปรายตา เหยียดปากคว่ำ...สีหน้าจิกแบบไม่เจียมบอดี้ของมัน  
ผมได้แต่กลอกตาเลี่ยงทัศนอุจาดไปเหม่อมองทางอื่น
แล้วก็นึกเสียดาย ที่ไม่มีโอกาสได้คุยกับโยอีกครั้งก่อนเลิกเรียนคาบเมื่อครู่


๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑



ความพยายามครั้งที่: สาม แผน A: ให้ของแทนใจ


“ไปซะทีสิสอง มึงจะรอให้นมเย็นในแก้วจับตัวกลายเป็นชีสไปก่อนรึไง!!...
.
...ไหนบอกว่า ถ้ากูยอมรับเรื่องชอบโย มึงจะช่วยกูเต็มที่ไม่ใช่เหรอ?...
...ยังอีก! ยุงมันจะไข่ลงในแก้วอยู่แล้วนั่น!!

“เออๆ รู้แล้วน่า ก็กำลังจะเดินไปอยู่นี่ไง...
.
...ตกลงกูเป็นกามเทพ หรือกามทาสกันวะอีนี่?”

“บ่น?... ไปเร็วๆซี่!!!
*
*
*
*
*
*
“ว่าไง?...โยถามรึเป่ลาว่าใครฝากนมไปให้?”

“กูยังไม่ทันได้คุยกะโยเลยอ่ะ”

“อ้าว ทำไมอ่ะ?”

“คือ...กูวางแก้วเอาไว้ตรงหน้าไอ้โยใช่ป่ะ กำลังจะอ้าปากบอกมันว่า มีคนน่ารักฝากนมมาให้ดูด...
.
...แต่อยู่ๆ ไอ้เก๋าเจ้งแม่งก็โผล่หัวมา พอมันเห็นแก้ว...แม่งก็คว้านมมึงไปซดหมดแก้วเฉยเลย...
...เพื่อไม่ให้มีใครต้องกระอักกระอ่วน กูก็เลยบอกพวกมันไปว่า นมเย็นแก้วนั้นเป็นนมกูเองน่ะ”

“อีสอง!... อย่าบอกนะว่า จริงๆแล้วมึงหลอกเอานมกูไปแอ๊บอ่อยไอ้เจ๋ง?”

“โอ๊ยอีจีน!... กูไหว้ล่ะ ตราบใดที่โลกใบนี้ยังไม่สิ้น ได้โปรดอย่าจิ้นกูกับไอ้เก๋าเจ้งเลย...ไม่ไหวจะเคลียร์!!

“คราวหน้าอย่าพลาดอีกเชียวนะ ไม่งั้นกูด่ากราดถึงต้นตระกูลมึงแน่”

“เชื่อมือกูเหอะน่า”

“หราาาาาา?”  








ความพยายามครั้งที่: ห้า แผน B: ใช้เวลาด้วยกันสองต่อสอง


“อย่าลืมนะสอง หมดคาบนี้แล้วมึงต้องชวนโยมาคุยเรื่องรายงานที่ร้านเค้กให้ได้ ไม่งั้นกูจะอัญเชิญรายนามคุณรัชนี และคุณทินกรมาฟีทเจอริ่งในท่อนแร็ปเพลงด่าที่กูตั้งใจแต่งให้เพื่อนรักหน้าหักหมาปั๊กยังอายอย่างมึงโดยเฉพาะ”

“ขี้กลากยังลามไม่ไวเท่ามึงเลยนะอีนี่”

“อีสองอย่าหือ!!...อยากให้กูแซมเปิ้ลท่อนฮุคซิงเกิลด่าพ่อล่อแม่ให้มึงฟังก่อนรึไง?”

 “อย่าลำบากเลยดีออก...กูเกรงใจ”
*
*
*
*
*
*
“เป็นไง? ได้ความว่าไง?”

“ก่อนที่กูจะเผยสาสน์รักที่ไอ้โยฝากถึงมึง...กูขออะไรอย่างได้ไม๊วะ?...
.
...อย่านิ่งซิอี่นี่ แล้วก็หยุดจิกกูด้วย!!...
...ถ้ามึงไม่รับปาก กูขอสาบานต่อห้องน้ำคณะอันหอมสะพรึงว่า กูจะเก็บความลับนี้ไว้กับตัวจนวันตาย มึงจะได้ทุรนทุรายตายตกไปตามกัน!!


“เออๆ กูรับปาก...อย่าลีลาได้ป่ะ? ขอร้อง”

“ห้ามด่าพ่อแม่กู ตกลงนะ”

“อีสอง!! หรือมึงพลา...”

“กูไม่ได้พลาด แต่มึงไม่รู้หรอกเหรอว่า ทุกๆเย็นไอ้โยมันต้องรีบไปทำงาน? มันรับนัดใครไม่ได้หรอก...
...แต่มันฝากบอกมาว่า ให้พวกเราแบ่งหน้าที่ในกลุ่มกันไปเลย...
...กูเลยบอกมันว่า ให้มันมาถามรายละเอียดงานกับมึงอีกทีพรุ่งนี้หลังคาบแรก...
.
.
...ไง ดีใจล่ะซิที่จะได้คุยกับมันสองต่อสอง...
...เห็นมะ อย่างน้อยๆฝีมือกูก็ไม่ได้แย่ซะทีเดียว ใช่ไม๊ล่ะ?”

“ยัง... กูยังดีใจไม่ได้ คืนนี้กูจะต้องตกเป็นเมืองขึ้นของโย และมึงต้องช่วยกู”

“นางมั่นหน้ามากค่ะ จุดๆนี้”








ความพยายามครั้งที่: หก แผน C: เมื่อโยไม่ว่าง เราต้องหัดสร้างโอกาส


“เออนี่พวกมึง เดี๋ยวกูพาจีนไปห้องน้ำก่อนนะ เมื่อกี้กูเห็นมันทำท่าเหมือนจะอ้วกว่ะ”

“จีนเมาแล้วเหรอวะ?...
.
...ไหงงั้นอ่ะ?...
...มันเป็นคนชวนพวกเรามากินเหล้า แต่ดันเมาล่วงหน้าไปแล้วเนี่ยะนะ?”


ตัวประกอบชื่อวินผู้ไม่สลักสำคัญบ่นกระปอดกระแปด
ถ้าไม่ติดว่ากลัวแผนจะดูไม่สมจริงสมจัง ผมคงไม่ต้องออกหน้าจ้างวานมดปลวกพวกนี้ให้ช่วยมาถลุงเหล้าฟรีจนดูคึกคักเหมือนไม่ตั้งใจมาเที่ยวร้านนี้หรอก


“ช่างแม่งเหอะวิน แดกต่อเหอะ”
“ให้กูช่วยอุ้มจีนไม๊วะสอง?”
“ไม่ต้องหรอกวิน กูไหว...พวกมึงแดกกันไปก่อนเลย เดี๋ยวกูมา”
*
*
*
*
*
*
“อ้าวโย! โยทำงานที่นี่เองเหรอ?...
...ไม่น่าเชื่อว่า โลกเราจะโคตรกลมได้ขนาดนี้”


อีสองทำเสียงประดิษฐ์ประดอยเกินจริง...
แต่อีกฝ่ายไม่รู้เช่นเห็นชาติอีนี่เหมือนกับผม เพราะฉะนั้น...โยคงจับพิรุธแรดเหลือบเร้นอย่างมันได้หรอก


“จริงซิ...
...เจอโยก็ดีแล้ว เราฝากจีนหน่อยได้ไม๊อ่ะ...
...จีนมันเมาแล้วอยากนอนน่ะ แต่พวกเราเพิ่งมาถึงกันเอง...ดูๆแล้วคงไม่น่าจะรีบกลับบ้านง่ายๆแน่...
...ฝากโยหาที่นอนให้จีนมันหน่อยได้ป่ะ  เดี๋ยวพอตอนจะกลับบ้าน เราจะแวะมารับมันกลับไปเอง...
...นะ นะ โยช่วยไอ้จีนมันหน่อยนะ”

“อืมๆ ได้ๆ งั้นช่วยกันพาจีนไปนอนที่โซฟาตรงห้องพักข้างหลังก่อนก็แล้วกันนะ”

“ขอบใจนะโย โยนี่โคตรเป็นคนดีเลย...มิน่าอีจีนมันถึง.....โอ๊ยยยยยยยยย!!!

“สองเป็นอะไรรึเปล่า?”

“อูยยยยย...เปล่าๆ เราแค่เจ็บเสียดราวนมนิดหน่อยน่ะ...
...(ซี๊ดดดดส์! เจ็บนะอีนี่ หยิกหัวนมกูซะเต็มข้อเลยนะมึง)...
.
...เราคงช่วยอุ้มจีนมันไม่ไหวแล้ว...ฝากด้วยแล้วกันนะ”

“เฮ๊ย!! สอง!!! ทิ้งเพื่อนสนิทตัวเองดื้อๆอย่างนี้เลยเหรอ? ท่าจะเจ็บหน้าอกจริงๆล่ะมั้งน่ะ ถึงได้รีบไปขนาดนั้น”
*
*
*
*
*
*
“จีน...จีน จีนตื่นเถอะนะ...
.
...ทำไงดีล่ะ พวกสองก็กลับบ้านไปแล้วด้วยซิ”

“จีน...จีนครับ...
.
...ไหวไม๊ครับจีน? จีนลุกก่อนเถอะนะ”

“อืออออออ ม่ายอาว...จานอน  ค้าวจะนอนนนนน”

“นอนที่นี่ไม่ได้ครับ เดี๋ยวพี่เจว่าเอา”

“อ้าวโย มึงมัวทำอะไรอยู่วะ ทำไมยังไม่รีบกลับบ้านกลับช่องไปอีก? เดี๋ยวรถเมล์ก็ขาดช่วงหรอก”

“คือ...เพื่อนโยเค้าเมามากน่ะครับ”

“ไม่ให้นอนร้านล่ะ?”

“ไม่ดีหรอกครับ ผมเกรงใจพี่น่ะ ไหนจะของ ไหนจะต้องใช้น้ำ เปิดไฟเปิดพัดลม...
...เดี๋ยวผมพาไปนอนที่ห้องก็ได้  ขืนปล่อยให้ขดอยู่อย่างนี้ทั้งคืน ผมกลัวเค้าตื่นมาแล้วจะปวดหลังปวดคอเอาน่ะครับ”

“เอา เอา...งั้นเดี๋ยวพี่วนรถไปส่งก็แล้วกัน”

“ขอบคุณครับพี่เจ”

“มา! เดี๋ยวพี่ช่วยอุ้ม”  


รุ่นพี่ของโยทำท่าเหมือนจะเข้ามาประคองผมอีกแรง
แต่มีหรือที่ผมจะยอมให้ชายอื่นมาแตะต้องตัวผมได้ง่ายๆ...


“อืออออออออ ม่ายอาว ม่ายยยยย”


โยเลยเปลี่ยนจากประคองผมมาเป็นอุ้มผมด้วยท่าเจ้าสาว ไม่ต่างจากตอนที่อีจีนสะบัดตูดทิ้งผมเอาไว้กับโยเมื่อหัวค่ำ...
หลังจากถูกอุ้มเป็นรอบที่สอง ผมบอกได้เลยว่า...เห็นก้างๆอย่างนี้ พ่อโยธินคนดีของผมนี่ก็แอบล่ำอยู่เหมือนกัน
โดยเฉพาะเมื่อกล้ามเนื้อหนั่นๆตรงหน้าท้องของอีกฝ่ายบดเบียดสีข้างผม ก็ทำให้ทั้งสรรพางค์เสียดเสียววูบๆวาบๆ


“ไม่เป็นไรครับพี่เจ ผมอุ้มไหวครับ...
.
...ที่สำคัญ กลิ่นนี่น้องๆละมุดเลยครับ...เดี๋ยวจะติดเสื้อพี่เจเปล่าๆ”

“ดูๆไป เพื่อนมึงนี่หน้าตาเหมือนผู้หญิงเลยว่ะ นี่ถ้าไม่มีกระเดือก...กูนึกว่าเป็นทอมนะเนี่ยะ”

“ครับ...เพราะเค้าสวยชวนให้เข้าใจผิดแบบนี้ เค้าเลยมีดีกรีดาวเทียมคณะผมสามปีซ้อนห้อยท้ายยังไงล่ะครับพี่เจ”

“เออเว้ย...คณะมึงนี่เปิดกว้างดีนะ”

“หึ...คงอย่างงั้นมั้งครับพี่”

“เอ้า เดี๋ยวมึงขึ้นไปนั่งข้างหลังกับน้องคนสวยก็แล้วกัน เผื่อน้องมันจะอ้วก มึงจะได้ช่วยทัน...กูไม่อยากเสียค่าฟอกเบาะ”

“ครับพี่เจ” โยวางผมลงบนเบาะก่อนสอดตัวเข้านั่งข้างๆ แล้วจึงค่อยๆดึงตัวผมให้เอนนอนหนุนตักแน่นๆของเขา...แผนนี้เข้าท่า!

หลังจากออกรถไปได้ไม่นาน  พี่เจก็ถามโยในสิ่งที่ผมเองก็อยากรู้ไม่น้อยไปกว่ากันนัก  “โย”

“ครับพี่เจ มีอะไรเหรอครับ?”

“ไหนๆก็สบโอกาสได้นั่งคุยกับมึงแบบไม่มีลูกค้าทั้งที กูถามหน่อยเถอะ...มึงคิดยังไงกับเกย์วะ?...
.
...มึงโอเคไม๊ที่คนรอบๆตัวมึง...ทั้งกู ไอ้เผ่า ไอ้คีย์ ไอ้แทนเริ่มจะกลายพันธ์กันไปทีละคนสองคน?”

“หึ หึ หึ...ผมโอเคครับพี่...
.
...เห็นพวกพี่ๆมีความสุข ผมก็พลอยดีใจไปด้วย...
...ตราบใดที่ความรักขับเคลื่อนชีวิตเราให้ก้าวเดินไปข้างหน้าพร้อมกับรอยยิ้มได้ ผมว่า จะรักแบบไหนก็ดีทั้งนั้นแหละพี่...
...ถ้าผมมีความรัก ผมคงคิดเหมือนพวกพี่ๆล่ะมั้งครับ...
...ถึงคนนั้นจะเป็นผู้ชาย แต่ถ้ารักไปแล้ว ไม่ว่ายังไง...ผมก็ไม่มีวันเปลี่ยนใจจากคนๆนั้นได้แน่ๆ”

“หึ...มึงพูดเหมือนมีทาร์เก็ตแล้วเลยนะ”

“คนที่ผมแอบปลื้มน่ะก็พอมีอยู่หรอกครับ...
.
...แต่พอมองตัวเองแล้ว ก็ได้แต่บอกตัวเองว่า เอาค่อยไปกังวลอีกทีหลังจากลืมตาอ้าปากได้ก็แล้วกันพี่...
...ลำพังแค่จะชักหน้าให้ถึงหลังยังยาก ผมไม่กล้าฉุดใครลงมาลำบากกินเกลือแทนข้าวด้วยกันหรอกครับ”

“ฮือออออออออ!!!


ผมแอบร้องประท้วงออกไปเพราะขัดใจ...
ไหนจะคนที่โยแอบปลื้ม ไหนจะเรื่องที่โยไม่อยากมีใครเพราะความลำบากนี่อีก...
ทำไมการจะเป็นแฟนโยมันถึงได้ยากขนาดนี้นะ?


“โย...มึงช่วยทำให้เพื่อนมึงเงียบทีได้ไม๊ว่ะ อยู่ๆก็แหกปาก...กูตกใจจนเกือบเสยตูดมอไซค์แหน่ะ”

“ครับๆ ได้ครับพี่”

 (Rrrrrrrrrrrrrr  Rrrrrrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrrrrr – เสียงโทรศัพท์มือถือ)

“มือถือใครดังวะ? ของมึงเหรอ?”

“เปล่าพี่  เดี๋ยวนะครับ...
...ของจีนมั้งครับพี่...
.
...ที่บ้านเค้าโทรมา...
...กดรับดีไม๊ครับพี่?”

“มึงรีบรับเลย เผื่อเค้ามีเรื่องด่วน”

“ฮื่ออออออออออออออออออออ” ...อย่ารับนะโย  ใครโทรมาวะ?!!

“สวัสดีครับ...
...ครับๆ จีนอยู่กับผมครับ...
...เค้าเมามาก ผมเลยรับสายแทน...
.
...อ๋อๆ ได้ครับ งั้นเดี๋ยวผมกับพี่จะแวะไปส่งจีน เอ๊ย!...จีเนียสที่บ้านแล้วกันนะครับ...
...ครับๆ รู้จักครับ ผมเคยไปทำงานแถวนั้น  อ๋อ...ครับๆ ตรงนั้นเอง...ไม่หลงครับ เดี๋ยวอีกราวๆยี่สิบนาทีน่าจะถึงนะครับ...
...ครับๆ สวัสดีครับ”

“พี่เจครับ รบกวนแวะไปส่งผมกับเพื่อนตรงซอยหลังมอผมได้ไม๊ครับ เดี๋ยวพอส่งเค้าเสร็จ ผมค่อยเดินกลับห้องเองอีกที พี่จะได้ไม่ต้องวนรถไปมา”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูแวะไปส่งทั้งมึง ทั้งเพื่อนมึงนี่แหละ”

“ครับๆ ขอบคุณครับพี่”

“ฮือออออออออออออออออออ”

“สงสัยเพื่อนมึงจะเป็นพวกเมาแล้วเพ้อว่ะ นอนอยู่แท้ๆ แต่อ้อแอ้แทรกถูกจังหวะซะด้วย...
.
...หรือว่า ไอ้หน้าสวยมันจะไม่อยากกลับบ้านกันวะ?”


“ฮือออออออออออออออออออ”...ใช่ ผมไม่อยากกลับบ้าน ผมอยากกลับไปกับโย!!

“หึ หึ...ไม่รู้เหมือนกันครับพี่”
*
*
*
*
*
*
 “ใครใช้ให้แกโทรไปตามชั้นกลับบ้าน?” ผมแผ่รังสีทำลายล้างออกมาใส่น้องชายหน้าเป็นที่นั่งเล่นมือถือแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

“จะมีใคร๊...ก็แม่น่ะสิ กลับมาถึงก็สั่งให้เนียร์โทรหา บอกว่าอยากเห็นหน้าลูกชายคนโตใจจะขาด...
...พอรู้ว่าเพื่อนเนียสจะมาส่งบ้าน ก็บอกเนียร์ให้มานั่งรอพาเนียสขึ้นไปนอน...
...ส่วนสองผัวเมียนั่นก็ควงแขนขึ้นไปสวีทกันสองต่อสองตั้งแต่ที่เนียร์วางหูจากเพื่อนเนียสนั่นแหละ...
.
...อ้าว แล้วไหนเพื่อนบอกว่าเนียสเมาไง?”

“โอ๊ย!! ทำไมชั้นถึงมีน้องโง่อย่างนี้นะ”

“เฮ๊ย! เป็นอะไรเนี่ยะ...อยู่ดีๆก็ด่า? ทำไมทำดีถึงไม่ได้ดีล่ะวะ?...
.
...เนียส อย่าเพิ่งขึ้นห้องเด้...
...เนียส ลงมาช่วยเนียร์ปิดบ้านก่อนนน!!
...เหวี่ยงโหดสัดอย่างงี้มันเรียกว่าเมาตรงไหนวะแม่ง?”


๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑


ความพยายามครั้งที่: สิบเอ็ด  แผน D: วีรบุรุษสร้างได้เมื่อภัยมา


“ช่วยด้วย!! ใครก็ได้ช่วยด้วย!!

“อ๊ายยยยย อย่านะ...อย่าเข้ามา!! ปล่อยผมซิ อย่าลวนลามผมเลย...
.
...(อีสอง!! ไหนมึงบอกว่าโยเดินอยู่แถวนี้ไง?)”

“(มึงก็ร้องดังๆซี่อีนี่ กูอ่านตารางตรงข้างผนังห้องน้ำ...อีกไม่ถึงนาทีคงพอดีเวลาที่เห่ยมันต้องเข้ามาเช็คความสะอาดของห้องน้ำประจำชั่วโมงแน่ๆแหล่ะ มึงเชื่อกูเหอะ...เอ๊า ร้องอีกซี่อีจีน!!! ร้องดังๆ!)”

“อย่า!!! อย่าจับนมผม  อ๊า อย่าล้วงเสื้อผมเลย...
.
...ไม่นะ!! ผมมีพ่อมีแม่...
...ผมยังซิง!!!  ผมยังไม่เคยยยยยยย อ๊ายยยยยยยยย”

“(โอ๊ย อีจีน...ใครเค้าตะโกนแบบนั้นกัน!! มึงนี่มันฉลาดซะเปล่า! ร้องช่วยด้วยก็พอ!)”

“(แล้วกูจะรู้ไม๊...ก็มึงบอกให้ร้องดังๆเองนี่)”

“(จะเถียงหรือจะร้องอีจีน...เดี๋ยวแผนก็แตกกันพอดี)”

“ช่วยด้วย...ใครก็ได้ช่วยผมด้วย!!!!
*
*
*
*
*
*
“(โอ๊ย! อีสอง กูร้องจนคอจะแตกแล้ว ทำไมโยยังไม่มาอีกวะ?)”

“คุณครับ? คุณเป็นอะไรรึเปล่าครับ?”

“ห๊ะ?! อะไรเหรอครับ?”

“อ้าว...ก็เมื่อกี๊ไงครับ ผมได้ยินเสียงคนร้องขอความช่วยเหลือดังออกมาจากในห้องน้ำนี่ ผมเลยวิ่งมาดู”

“ห๊ะ? เมื่อกี๊?”

(เสียงกดชักโครก ตามด้วยเปิดประตูห้องน้ำ)


“อ๋อ...เอ่อ ไม่มีอะไรนี่ครับ  ผมไม่ยินเสียงอะไรเลย ผมว่าคุณคงหูฝาดไปเองแล้วแหละ ไม่เชื่อคุณถามเพื่อนผมดูก็ได้”

“อ้าว มีอะไรเหรอจีน?”

“ก็คุณคนนี้น่ะซิสอง เค้าได้ยินเสียงคนร้องดังออกมาจากห้องน้ำ... แต่เมื่อกี๊ ก็ไม่เห็นมีใครร้องอะไรเลยเนอะสอง” ผมทำท่าพยักเพยิดพลางแอบหลิ่วตาให้อีสอง

“ช่ายยย... ผมว่าคุณคงหูฝาดไปน่ะครับ ตอนที่เราสองคนอยู่ในห้องน้ำ...ก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยนะครับ”

“อืม...อย่านั้นเหรอครับ...
.
...สงสัยผมจะหูฝาดไปเอง ไม่เป็นไรครับ...
...ถ้าอย่างนั้น ผมขอตัวก่อนก็แล้วกันครับ ขอโทษด้วยนะครับที่เข้าใจผิด”

“ไม่เป็นไรครับ”

ทันทีที่ผู้ชายคนนั้นคล้อยหลังออกจากห้องน้ำไป ผมก็อดกระซิบเหน็บอีเพื่อนหัวใสของตัวเองไม่ได้ “(ไหนมึงบอกว่าแผนมึงเป๊ะไง? ดูดิ๊ คนเข้ามาดันเป็นตาสีตาสาพลเมืองดีที่ไหนก็ไม่รู้)”

“(ก็เป๊ะแหละอีนี่...แต่จังหวะมันไม่ดี จะให้กูทำยังได้ยังไงล่ะอีเพื่อนบังเกิดเกล้า)”

“อะไรเป๊ะเหรอ?”

“แหกๆๆ!!! /เฮ่ยยยยยย!!

“อ้าวเฮ่ย! ตกใจอะไรกัน?”

“โธ่โย! เข้ามาไม่ให้ซุ่มให้เสียง พวกเราตกใจหมด”

“จีนกับสองเป็นอะไรรึเปล่า? เราเข้ามาขัดจังหวะตอนกำลังคุยเรื่องสำคัญกันอยู่เหรอ?...
.
...โทษทีๆ งั้นเราไปก่อนดีกว่า พวกนายจะได้คุยกัน”

“เปล่าๆ โยไม่ได้เข้ามาขัดจังหวะหรอก..
...เรากับสองเข้าห้องน้ำเสร็จพอดี...
.
...คือเมื่อกี๊สองมันล้างหน้าแล้วเอาทิชชู่มาเช็ด  กระดาษมันเลยยุ่ยติดเต็มไปหมด เราเลยช่วยดูให้ว่าหน้าสองมันเป๊ะแล้วรึยังน่ะ” ผมรีบแก้ตัวเพราะไม่อยากให้โยรีบกลับออกไปทำงาน

“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง...
...ถ้างั้นเรากลับไปทำงานต่อนะ...
.
...อ้อ มีคนสั่งเครื่องดื่มพิเศษให้จีนแหน่ะ เราเพิ่งเอาไปเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ...
...คืนนี้ก็อย่ากินเยอะล่ะ เดี๋ยวจะเมาจนกลับบ้านไม่ไหวอีก......เราเป็นห่วงน่ะ” โยยิ้มกว้างให้ผมก่อนจะเดินลับตาไป

“ฮื่อ...ขอบใจนะโย”
*
*
*
*
*
*
“อีจีน!...ทำไมเมื่อกี๊มึงถึงไม่ชวนโยไปกินข้าวขอบคุณที่มันช่วยมึงไว้เมื่อคืนนั้นล่ะวะ?”

“เออ กูลืมว่ะ...มัวแต่ดีใจที่โยบอกว่าเป็นห่วง”

“หึ! อีนี่ชื่อจีเนียสซะเปล่า”

“หนอย อีสอง...เปิดช่องเป็นไม่ได้!

“อุ๊ย! เมื่อกี๊กูไม่ได้พูดนะ...กูแค่คิดดังไปหน่อย โฮะ โฮะ โฮะ”
.
.
.
“เฮ้ออออ จบกัน...
...เจ็บคอแถมยังต้องเสียตังค์ค่าเหล้าทั้งที่กินไม่เป็น สุดท้ายก็ไม่ได้ชวนโยไปเที่ยวอีก”

“เอาน่ามึง...พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่”

“หรือว่ากูจะทำเหมือนคราวที่แล้วดีวะสอง?”

“เอาเหล้ามาพรมๆตามตัวแล้วแกล้งเมากลับบ้านไม่ได้ ผู้ชายจะได้หิ้วกลับห้อง...
.
...แต่เสือกดีใจที่ถูกผู้ชายอุ้มเป็นครั้งแรกจนลืมโทรไปบอกที่บ้านว่าจะค้างกับกูน่ะเหรอ?”

“เออ ก็นั่นแหละ! ยกเว้นว่าคืนนี้กูจะโทรไปสั่งเนียร์เอาไว้ก่อน”

“จีน...มึงตั้งสติแล้วฟังกูให้ดีๆนะ...
.
...กุลเก้ย์อย่างเรา ต้องรู้จักสงวนเนื้อสงวนตัวกันบ้าง ผู้ชายเค้าจะได้เห็นค่า...
...เรื่องให้ท่าน่ะ นานๆทำทีจะดีกว่า ไม่งั้นไอ้เห่ยจะมองว่ามึงง่ายนะ”

“แต่กูไม่ง่ายกับใครเลยนะสอง”

“แล้วโยมันจะรู้กับมึงไม๊ล่ะอีนี่...
...สถานะความซิง กับสกิลความยากน่ะมันแปะหราอยู่ตรงหน้าผากเหรอไง?...
.
.
...จีน  มึงรู้ไม๊ว่าทำไมกูถึงอยากช่วยมึงให้สมหวังกับไอ้เห่ยมัน?”

“ไม่รู้”

“เพราะมึงมันเก่งไปซะทุกเรื่องสมชื่อ จะเว้นก็แต่เรื่องไอ้โยเรื่องเดียวนี่แหละ...ที่มึงซื่อ.......บื้อมากกกกกกกกก”

“ก็กูไม่รู้นี่หว่า กูไม่เคยรักใคร...กูไม่เคยมีแฟน...
.
...โยคือผู้ชายคนแรกในชีวิตที่กูอยากคบด้วย”

“แหม...กูล่ะอยากให้ไอ้เห่ยมันมาได้ยินมึงพูดซะจริงจริ๊งงงง ขนาดกูไม่เกี่ยว...กูยังปลื้มแทนเลยว่ะ”

“จริงเหรอ? ถ้ากูไปพูดแบบนี้กับโย โยมันจะรับได้เหรอ?...
.
...โยจะไม่รังเกียจกูใช่ไม๊?”

“กูจะรู้ไม๊ล่ะอีนี่...กูเป็นกุลเก้ย์ ไม่ใช่กูเกิ้ล”

“เฮ่ออออ...แล้วทีนี้ เราจะทำยังไงกันดี? สารภาพเลยก็อาจจะผิดหวัง สร้างสถานการณ์ให้โยเข้ามาช่วยก็ไม่ได้ผล”

“หึ หึ...ใจเย็นๆอีจีน กูมีแผนล่อเสือออกจากถ้ำ คราวนี้แหละ มึงจะได้รู้ว่าโยมันคิดอะไรกับมึงบ้างรึเปล่า”


๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑


ความพยายามครั้งที่: สิบเก้า แผน E: รักหลอกๆอย่าบอกใคร


“(เหยื่อมาแล้วที่สิบนาฬิกาของกู)...
.
...(อีจีนมึงทำหน้าระรื่นเดี๋ยวนี้  ส่วนวิน...มึงเหน็บปอยแมงสาบของอีมิ๋วทัดหูให้มันหน่อย ทำตาซึ้งๆด้วย...อย่าลืม!)”

 “ต๊าย! อีจีนเมื่อเช้ามึงมาพร้อมวินหรา...อะไรยังไง?

“(อีสอง...ตะโกนทำไม? หูกูจะแตกอยู่แล้วเนี่ยะ!!)”

“(โธ่...อีโง่!! พูดเบาๆแล้วผู้ชายของมึงจะได้ยินรึไงล่ะอีนี่...แล้วก็ตอบกูตามบทได้แล้วอีจีน เด๊ดแอร์ผิดสังเกตแล้วมึง)”

 “อ๋อ! ก็ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่...เราคบกับวินแล้วน่ะ

“(โอ๊ยอีจีน!....อีนี่ เป็นธรรมชาติมากกกก  เล่นแข็งเป็นหินเลยมึง! แหกตาดูกูนี่...แล้วเรียนรู้ซะ!!)”

 “คุณพระ! ทำไมอยู่ๆมึงถึงยอมรับรักวินล่ะ?

 “ก็วินเค้านิสัยดี คอยเป็นห่วง แล้วก็ทำดีกับเราแบบเสมอต้นเสมอปลายมาโดยตลอด เราเลยใจอ่อน

 “อ๊าย นั่ลลักอ่ะ! แต่จะว่าไป กูก็แอ๊บเสียดายแทนคนอื่นนะ...
.
...สงสัยหลังจากนี้ พอข่าวที่พวกมึงคบกันดังไปทั่ว คงมีคนน้ำตาเช็ดหัวเข่าเพราะต้องอกหักจากทั้งมึง ทั้งวินเยอะไปหมดแน่ๆ

“(เอ่อ... สอง  จีน...พอเถอะ  เห่ยมันเดินเลยไปตั้งนานแล้วล่ะ)”

“อ้าว! แล้วทำไมวินจะเพิ่งบอกล่ะ!?”

“ผมสะกิดจีนหลายทีแล้วนะ แต่จีนคงอินกับบทมากไปมั้ง...จีนเลยไม่รู้สึกตัวซักที”

“ช่างเถอะอีจีน...
.
...เออ แล้ววินเห็นหน้าเห่ยมันตอนได้ยินที่เราคุยกับจีนป่ะ?”

“อืม...ก็เห็นแหละ”

“แล้วมันเป็นยังไงมั่งอ่ะ?”

“เห่ยดูเฉยๆ ไม่ออกอาการผิดสังเกตอะไรนะ”

“เห็นไม๊สอง กูบอกแล้วว่าแผนนี้ไม่ได้ผลหรอก” ผมหันไปด่าเพื่อน

“เป็นไปไม่ได้!! แผนอันชาญฉลาดของกูไม่มีทางเฟลอย่างแน่นอน!...
.
...ละครเรื่องไหนๆ มันก็ทำกันอย่างนี้ทั้งนั้นนี่หว่า...
...เอ  หรือว่า...”

“เพ้อเนื้ออะไรอีกอีสอง?”

“จีน มึงลองไปเดินตามมุม ตามที่ลับตาหลังตึกดิ๊”

“ทำไม?”

“ก็ในหนังพระเอกจะชอบไปหลบอยู่ตามหลืบตามมุม...
...แล้วค่อยกระชากตัวนางเอกเข้าไปนัวสั่งสอนหลังจากหล่อนพาชายอื่นมาเย้ยตำตายังไงล่ะ...
...กูว่า ป่านนี้ไอ้เห่ยแม่งไปสแตนด์บายรอซั่มมึงแล้วมั้ง”

“โอ๊ย!! อีสอง อีปัญญาอ่อน......กูไม่น่าหลงเชื่อมึงเล้ย ให้ตาย!

“โธ่อีจีน กูว่าวิธีนี้มันเวิร์คจริงๆนะ เชื่อกูซิ...เมื่อกี๊เห่ยมันอาจจะได้ยินไม่ชัดก็ได้ ไม่แน่...มันอาจจะไม่ทันฟัง”

“พอเลยสอง กูจะไม่หลงเชื่อวิธีการของมึงอีกต่อไปแล้ว...
.
...วิน เราขอโทษนะ เราไม่น่าลากวินเข้ามาลำบากด้วยเลย ป่านนี้ไม่รู้จะลือกันไปถึงไหนๆ...
...แฟนคลับวินจะไม่เข้าใจผิดกันไปหมดแล้วเหรอ”

 “จีนอย่าคิดมากเลยครับ...
.
...ผมว่าวิธีนี้อาจจะได้ผลก็ได้นะ...
...ตอนนี้จีนก็อย่าเพิ่งวู่วามไป รอให้เรื่องที่เราคบกันมันดังไปทั่วก่อนดีกว่า...
...ถึงตอนนั้น เดี๋ยวผมให้เพื่อนไปเลียบๆเคียงๆถามความรู้สึกเห่ยให้ก็แล้วกันนะ”

“แปลว่าเราสองคนต้องทำเหมือนคบกันอย่างนี้ไปเรื่อยๆอย่างงั้นน่ะเหรอวิน?”

“ไม่ต้องก็ได้นะวิน กูว่า...เดี๋ยวกูลองหาวิธีอื่นช่วยอีจีนมันเองก็ได้”

“ไม่เป็นไรหรอกสอง กูอยากช่วยด้วยอีกแรงน่ะ”
*
*
*
*
*
*
“อีจีน เป็นอะไร? ทำไมทำหน้าเหมือนเมนส์ไม่มาแบบนั้น?”

“อีสอง...กูอึดอัด”

“เวลามึงอยู่กับวินใช่ป่ะ?”

“เออ!...ที่สุดของแจ้อ่ะ”

“นึกอยู่แล้วเชียวว่า ไอ้วินมันต้องคิดลึกกับมึงแน่ๆ...
...ตอนกูไปขอให้มันช่วยเล่นเป็นแฟนกำมะลอให้มึง มันถึงได้ทำหน้าดี๊ด๊าชอบกล...
.
..เอางี้แล้วกัน เย็นนี้มึงกับกูไปยกเลิกแผนแฟนปลอมๆกับไอ้วินให้รู้แล้วรู้รอด”

“จะได้บอกมันตอนไหนล่ะ? เดี๋ยวพอเลิกเรียน...วินก็ขอตามกูไปเฝ้าโยอีกเนี่ย”

“บอกคืนนี้ที่ร้านก็ได้ เดี๋ยวกูช่วยกันมันให้มึงเอง”

“เออๆ แต่มึงต้องช่วยกูนะสอง กูกลัววินว่ะ...บอกตรงๆ กูไม่ชอบสายตาที่มันมองกูเลย”

“หึ! สายตาจ้องเหมือนอยากจะแดกมึงลงไปทั้งตัวน่ะเหรอ?”

“ก็เออสิ”

“จะกลัวอะไรล่ะน้องมิ๋วปอย หัดเอาไว้...ถึงเวลาลงสนามจริงจะได้เป็นงานยังไงล่ะจ๊ะ”

“ถ้ามึงชอบนัก...มึงเอาไอ้วินไปไม๊ล่ะ? กูยกให้”

“เรื่อง!! ถึงกูจะสวยเสื่อมๆ แต่กูก็เลือกนะอีนี่”

“มีใจให้ไอ้เจ๋งก็บอกมาเห๊อะ กูรู้ทันหรอก”

“อีจีน อย่าพูดแบบนั้นอีกนะ!! ถ้าไม่เชื่อ...กูตัดเพื่อนกับมึงจริงๆด้วย”

“เออๆ จริงจังนะอีนี่”

“เหมือนที่มึงจริงจังเรื่องไอ้เห่ยน่ะแหละ”

“เดี๋ยวนี้ย้อน?!
*
*
*
*
*
*
“วิน วินเรียกเรามาที่ห้องน้ำทำไมเหรอ?...
.
...บอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย...เรื่องอะไร? ทำไมไม่รอคุยพร้อมกันกับคนอื่นที่โต๊ะล่ะ?...
...โห...แล้วนี่กินไปกี่แก้ว ทำไมถึงได้เหม็นเหล้าคลุ้งไปหมดแบบนี้?” ผมถึงกับผงะเมื่อได้กลิ่นไม่พึงประสงค์โชยออกมาจากตัวประกอบของแผนลองใจโย

“จีน...ผมไม่อยากเป็นแฟนปลอมๆของจีนแล้วล่ะ”

“ถ้าเป็นเรื่องนั้น จีนก็ว่าจะบอกวินอยู่เหมือนกัน...
.
...คือ...
...ต่อจากนี้ วินไม่ต้องมารับบทเป็นแฟนกำมะลอของเราแล้วนะ เพราะเราตัดสินใจว่าจะยกเลิกแผนการนี้แบบเด็ดขาด”

“ไม่ใช่นะจีน ที่ผมบอกจีนเมื่อกี๊ มันไม่ได้หมายความอย่างนั้นซะทีเดียว...
...จริงๆแล้ว ผมอยากเป็นคนรักของจีน ไม่ใช่ตัวสำรองที่จีนใช้ควงเพื่อยั่วให้คนอื่นหึง...
.
...จีน ผมชอบจีนมานานแล้วนะ...
...จีนคบกับผมได้ไม๊?”

“ขอบใจนะวิน... แต่วินกูรู้นี่ว่าเราชอบโย”

“แต่เห่ยมันไม่มีอะไรซักอย่างที่คู่ควรกับจีนเลยนะ...
.
...จนก็จน หน้าตาก็งั้นๆ รถก็ไม่มี ที่ซุกหัวนอนมันยังเป็นห้องคนอื่น...
...ที่สำคัญ ผมว่า เห่ยมันไม่ได้รู้สึกแบบนั้นกับจีนหรอก...
...ไม่งั้นตอนที่มันรู้ว่าเราสองคนคบกัน  มันก็ควรแสดงอาการอะไรออกมาบ้างไม่ใช่เหรอจีน”

“ถึงสิ่งที่วินพูดจะเป็นเรื่องจริง แต่เราก็ยังชอบโยอยู่ดี...
.
อีกอย่าง  เราบอกเลยนะ...การที่วินพูดจากดโยให้ดูด้อยกว่า ไม่ช่วยให้เราเปลี่ยนใจได้หรอก”

“จีน...ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกเห่ยเลยนะ ผมแค่อยากให้จีนตาสว่าง... ผมชอบจีนนะ ชอบมากจริงๆ”

“เราอย่าคุยเรื่องนี้กันอีกเลยนะวิน เพราะจะยังไง...เราก็คงตอบแบบที่วินอยากฟังไม่ได้หรอก”

“ทำไมล่ะจีน?...ทำไมถึงเป็นผมไม่ได้?” ไม่รู้ว่าการปฏิเสธตรงๆของผมมันไปสะกิดใจตัวประกอบที่ชื่อวินที่ตรงไหน ผมถึงได้โดนกระชากแขนแล้วฉุดเข้าใกล้ผู้ไม่พึงประสงค์ในระยะที่ใกล้เกินขัดขืน

“ปล่อยแขนเรานะวิน เราเจ็บ!!


“ไม่ปล่อย!! ตอบผมสิจีน ว่าทำถึงเป็นผมไม่ได้? ทำไม?”

“วินเมาแล้ว ต่อให้เราพูดอะไรไป..วินก็ฟังไม่รู้เรื่องหรอก”

“ทำไมเป็นผมไม่ได้ล่ะจีน...ผมรักจีนนะ  เป็นของผมเถอะนะจีน” คนเมาเริ่มทำมือปลาหมึกใส่ แต่ผมกลับสู้แรงอีกฝ่ายแล้วหนีออกมาไม่ได้

“วินจะทำอะไรน่ะ... ปล่อยเราเดี๋ยวนี้นะ!!!...
.
...ปล่อย!!! บอกให้ปล่อยยังไงล่ะ ไม่ได้ยินรึไง?!!

“ฮื่อ...อย่าดื้อซิครับ(ฟอดดดด)” เมื่อแก้มผมต้องหมองเพราะไอ้ตัวประกอบขี้เมาพรรค์นี้ ผมจึงร้องขอความช่วยเหลือจากใครก็ได้โดยไม่คิดลังเล

“ช่วยด้วย!! ใครก็ได้ ช่วยผมด้วย!!! ช่วยด้วยยยย!!!“   

“อย่าร้องนะคนดี เดี๋ยวผมจะทำให้จีนมีความสุขที่สุดเองนะครับ”

“ช่วยด้วย!! ช่วยด้วยยย...ช่วยผมด้วย!!!” สาบานได้ว่าถ้าไม่หลุดไปจากตรงนี้ ผมจะไม่ยอมหยุดแหกปากร้องเด็ดขาด

“เฮ่ย! ไอ้วิน มึงทำอะไรจีนน่ะ? ปล่อยจีนนะเว่ย!!!

เหมือนพระมาโปรด...ในที่สุด คนที่ผมอยากเจอที่สุดก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าในยามคับขันเช่นนี้ “โย...ช่วยจีนด้วย!!
*
*
*
*
*
*
“ไปเลยไอ้โย มึงกลับไปก่อนเลย...
...หน้าแหกหมอไม่รับเย็บขนาดนี้ ต่อให้แขนขายังดี กูก็ไม่ยอมให้มึงทำงานแน่”

“แต่พี่เจครับ...

“มึงไม่ต้องแต่ เดี๋ยวพอจัดการเรื่องที่นี่เสร็จกูกะจะปิดร้านแล้วกลับเลยเหมือนกัน พอดีมีนัดฉลองกับหยก...ไม่อยากเลทว่ะ”

“ผมทำเองก็ได้ครับ พี่เจไปเถอะ...นี่ก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว เดี๋ยวพี่หยกจะรอ”

“กูบอกให้มึงกลับบ้านเดี๋ยวนี้!...
.
...ถ้าไม่เห็นแก่เจ้านายและพี่ชายอย่างกู...
...ก็ถือซะว่าทำเพื่อน้องคนสวยที่นั่งร้องไห้ตาบวมฉึ่งอยู่นั่นก็แล้วกัน...
.
.
...ห่า...แค่มึงลงไปนอนให้ไอ้นั่นมันกระทืบไม่กี่ที  น้องคนสวยแม่งก็ร้องซะอย่างกับมึงถูกรถชนตายต่อหน้าต่อตา...
...ไปเลย!  มึงรีบพาเค้ากลับไปดูใจที่บ้านเดี๋ยวนี้เลยนะ กูแพ้น้ำตาว่ะ”

“เอ่อ..ครับๆ ได้ครับพี่เจ”

“แล้วพรุ่งนี้ก็ไม่ต้องมานะ กูปิดร้านหนึ่งวัน...กูบอกขาประจำเอาไว้แล้ว”

“ขอบคุณครับพี่...ผมฝากขอโทษพี่หยกด้วยนะครับ”

“มึงไปเถอะ...พาน้องคนสวยกลับไปด้วย!!

“ครับๆ...
.
...ไปครับจีน เดี๋ยวเราไปส่งที่บ้านนะ”

“ไม่เอา...คืนนี้จีนจะไม่กลับบ้าน...
.
...จีนขอไปดูแลโยได้ไม๊?...
...นะโยนะ”

“แล้วที่บ้านจีนจะไม่ว่าเอาเหรอ?”

“จีนโทรไปบอกแล้ว จีนจะไม่กลับบ้านจนกว่าโยจะหายเป็นปกติ”

“เอ่อ...มันจะดีเหรอจีน?”

“ดีสิ...นะโยนะ ให้จีนไปดูแลโยเถอะนะ”

“ก็ได้......ถ้าที่บ้านจีนไม่ได้ว่าอะไร เราก็ไม่มีปัญหาหรอก”


๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑


“โยอยู่ที่นี่คนเดียวเหรอ?”

“ใช่”

“แล้วนี่ห้องใครล่ะ? ได้ยินมาว่า...ก่อนหน้านี้โยอยู่หอไม่ใช่เหรอ?”

“อ๋อ ห้องนี้เป็นห้องของเพื่อนสนิทเราเองน่ะ...
.
...พอดีเค้าเพิ่งย้ายไปอยู่ห้องข้างๆกับแฟน เค้าเลยขอร้องแกมบังคับให้เรามาอยู่ห้องนี้แทน...
...เค้าบอกว่า ไม่อยากให้เราต้องเสียค่าเช่าหอ ค่าเดินทาง แล้วเราจะได้มาช่วยดูแลห้องให้เค้าด้วย”

“ดีจังเลยนะ...แต่ห้องมันออกจะคิตตี้ไปหน่อยเนอะ”

“ฮื่อ..เพื่อนเราชอบคิตตี้มาก ตอนมาอยู่แรกๆก็มึนๆเหมือนกัน แต่พอเริ่มชิน เราว่ามันก็น่ารักดี...
.
...ดึกมากแล้ว อย่าเพิ่งสนใจเรื่องห้องเลย จีนไปอาบน้ำก่อนเถอะ...จะได้รีบนอน”

“ไม่เอา ขอจีนเช็ดตัวกับทำแผลให้โยก่อนดีกว่า แล้วเดี๋ยวพอเช็ดตัวโยเสร็จ ค่อยไปอาบน้ำทีเดียว”

“เอ่อ...ไม่เป็นไรมั้ง เราอาบน้ำเองได้ เร็วดี แล้วก็ไม่ลำบากจีนด้วย”

“ไม่ได้!!...เดี๋ยวแผลที่หน้าจะอักเสบยิ่งไปกว่านี้! ถอดเสื้อแล้วนั่งหันหลัง!... จีนจะเช็ดตัวให้”

“เอ่อ...ก็ได้”  

“โย...ขอโทษนะ เป็นเพราะเราแท้ๆโยเลยต้องมาโดนทำร้ายแบบนี้ ดูซิเนี่ย แผลเต็มตัวเลย...เจ็บมากไม๊?”

“ไม่หรอก แผลแค่นี้...จิ๊บจ๊อย  เราว่าวินก็คงเจ็บพอตัวเหมือนกันน่ะแหละ โดนพี่เจอัดซะน่วมเลยนี่”

“ยังจะไปห่วงคนอื่นอีก แผลโยน่ะยังเลือดไหลไม่หยุดเลยนะ”

“จีน...
.
.
...เราถามได้ไม๊ว่า ตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้น?...
...ทำไมวินถึงทำแบบนั้นกับจีน...แล้วทำไมจีนถึงดูไม่เต็มใจ?”

“แล้วทำไมจีนต้องเต็มใจด้วยล่ะ?”

“อ้าว!... ก็ไอ้ที่วินทำ มันเป็นเรื่องธรรมดาของคนเป็นแฟนกันมักจะทำไม่ใช่เหรอ?”

“โยรู้?” ดีนะที่โยยังนั่งหันหลังให้ ไม่อย่างนั้นคงได้เห็นสีหน้าตกใจจนดูไม่ได้ของผมแน่ๆ

“ก็รู้น่ะซิ เดือนเทียมกับอดีตเดือนแท้เศรษฐศาสตร์คบกันจะไม่ให้เป็นข่าวได้ยังไง”

“จีนไม่ได้เป็นแฟนกับวินซะหน่อย”

“แล้วที่สองคุยกับจีนเมื่อวันก่อนมันคืออะไรล่ะ...จีนยอมรับเองไม่ใช่เหรอว่าคบกับวินแล้ว?”

“โยได้ยินด้วยเหรอ?”

“ได้ยินซิ...ก็คุยกันเสียงดังออกซะขนาดนั้น”

“จีนนึกว่าโยไม่ได้ยิน เห็นวินบอกว่า โยเดินผ่านไปเฉยๆ”

“แล้วการที่เราเดินผ่านไปเฉยๆ มันเกี่ยวอะไรกับการคบกันของจีนกับวินด้วยล่ะ?”

“เกี่ยวซิ!! ก็จีนอยากรู้ว่าโยจะรู้สึกยังไงถ้าโยรู้ว่า จีนคบกับคนอื่นน่ะ”

“ทำไมต้องอยากรู้?”

“เอ๊! โยนี่...แล้วโยจะเซ้าซี้ทำไมล่ะ...หันหน้ามา เดี๋ยวจะเช็ดข้างหน้าให้”


ความพยายามในการเปลี่ยนเรื่อง ถูกตอบแทนด้วยฝ่ามือที่กุมรอบข้อมือผม
ผมเงยหน้าขึ้นสบตาโยได้เพียงชั่ววินาทีแล้วก็ต้องรีบหลบ เพราะสายตาแน่วแน่ของเขาทำเอาผมประหม่าอย่างไม่มีสาเหตุ


“ตกลงจีนเป็นแฟนกับวินรึเปล่า?”

“เปล่า!

“ทำไมจีนต้องโกหกว่าเป็นแฟนกับวินด้วย?”

“ไม่บอก!!

“ไม่ชอบวินเหรอ?”

“ไม่...ไม่ชอบ!! ถ้าวินทำโยแรงกกว่านี้ จีนจะเกลียดขี้หน้าวินไปตลอดเลย...คอยดูสิ”

“ทำไมต้องเกลียดวินด้วย?”

“วินทำร้ายโย”

“เรานี่แย่จริงๆ เกือบทำให้จีนต้องเกลียดวินซะแล้วสิ...
.
...เอางี้ ต่อไปเราจะอยู่ห่างๆจีนก็แล้วกัน จีนจะได้ไม่เกลียดใครเพราะเราอีก”

“ไม่ได้นะ!! โยห้ามอยู่ห่างจีนเด็ดขาด...จีนทนไม่ได้หรอก”

“ทำไม?”

“ก็จีนอยากอยู่ใกล้ๆโยนี่นา”

“ทำไมล่ะ?”

“โย...ปล่อยมือก่อน จีนเช็ดตัวให้ไม่ได้” ผมอุทรณ์ เพราะตอนนี้สองมือถูกโยธินกุมเอาไว้แน่น

“ทำไมล่ะจีน...ทำไมถึงอยากอยู่ใกล้ๆเรา?” คนพูดเขยิบเข้าใกล้จนผมชักใจสั่น

“ฮื่ออออ...ปล่อยซี่”

“ทำไมจีนถึงมาที่ร้านทุกคืน? ที่บ้านไม่ว่าเอาเหรอ?”

“ปล่อย แล้วก็ส่งแขนซ้ายมา จะเช็ดให้”


แทนที่จะได้อย่างที่ขอ โยกลับขืนดึงมือทั้งสองของผมเอาไว้
เขาพูดเสียงเนิบๆ โดยไม่สนใจผม ที่โดนความชิดใกล้ทางกายภาพทำร้ายจนชักจะวางตัวไม่ถูก


“นมเย็นกับขนมที่ฝากสองมาให้เราทุกวันน่ะ อร่อยดีนะ”

“ปล่อยมือก่อนเถอะนะ...จีนเช็ดไม่ถนัด”

“ขอบคุณที่ทิ้งชีทสรุปบทเรียนเอาไว้ตรงร้านซีร็อกซ์นะ...ช่วยเราได้เยอะเลย แต่ทีหลังไม่ต้องจ่ายตังค์ให้หรอก...เราพอมี”

“จริงๆไม่ได้อยากทิ้งเอาไว้ให้คนอื่นมาซีฯไปหรอก...ตั้งใจทำให้แค่โยอ่านคนเดียวนี่แหละ”

“ทีหลังไม่ต้องแอบเอาข้าวมาแขวนไว้ที่จักรยานเราก็ได้”

“ก็ไม่อยากให้หิวนี่”

“แต่เราไม่อยากให้จีนลำบาก...ขอร้อง หยุดเถอะ”

“ไม่!! จีนจะทำ จีนพอใจ”

“งั้นเราขอเหตุผลที่เราควรจะยอมตามใจจีนได้ไม๊?”

“ก็....แค่....ชอบ...”

“ชอบอะไร?”

“ชอบ....โย”

“ใครชอบโย?”

“จีนชอบโย พอใจยัง?”
.
.
.
“จีน...เราจนนะ เลี้ยงใครไม่ได้หรอก”

“รู้แล้ว”

“เราไม่หล่อด้วย แต่งตัวก็ไม่เป็น...แถมเสื้อผ้ายังเก่าๆขาดๆอีก...ตอนเดินควงด้วย ต้องอายแน่ๆ”

“ไม่จริงหรอก สำหรับเรา...โยดูดีออก โดยเฉพาะตอนนี้ด้

“หึ หึ หึ...เราไม่มีเวลาให้นะ เราต้องทำงานเก็บเงินใช้หนี้กยศ. แล้วก็หาเงินเรียน”

“ก็ไม่ได้เรียกร้องหนิ”

“เราเห่ย...เห่ยมาก แถมยังปกป้องจีนไม่ได้อีก”

“ไม่ต้องปกป้อง จีนดูแลตัวเองได้”

“อยู่กับเรา...ไม่ได้เที่ยว ไม่ได้กินหรูๆหรอกนะ”

“ไม่เป็นไร เอาไว้ไปเที่ยวเล่นกับสองก็ได้”

“เราทำงานดึกทุกคืนเลยนะ”

“ถ้าจีนจะออกมาอยู่ด้วย เพื่อนโยเค้าจะว่าอะไรไม๊ล่ะ?”

“จีน...จีนกำลังทำให้ความพยายามของเราล้มเหลวนะ”

“ยังไง? แค่จะย้ายออกมาอยู่ด้วยเพราะอยากอยู่ใกล้ๆ อยากมาคอยดูแล อยากมาใช้เวลาด้วย...มันไม่ดียังไง?”

“ไม่ใช่ไม่ดี แค่รู้สึกผิดหวังกับตัวเองที่ปล่อยให้ความปรารถนา ทำลายความพยายามไม่คบใครก่อนเรียนจบพังไม่เป็นท่า...
.
...อย่าทำหน้างอแบบนั้นซิจีน”

“ทำไมจะทำไม่ได้? หน้าก็หน้าจีน...ใครจะทำไม?”

“เดี๋ยวเราอดใจไม่ไหวนะ”

“ห๊ะ?!

“หึ หึ...จีนรู้ตัวไม๊ว่าจีนน่ะน่ารักมากเลยนะ...
.
...นี่แหละน้า เราถึงแอบปลื้มอยู่ห่างๆแล้วปล่อยให้จีนอยู่คนเดียวไม่ได้ซักที”

“เดี๋ยวนะ...สรุปว่าไง?”

“โยชอบจีนครับ...ขนาดคอยตัดใจอยู่ตลอด ยังทำไม่สำเร็จ”

“ห๊ะ?! ว่าไงนะ?”

“ไม่ห๊ะแล้ว...โยง่วงแล้ว ไปนอนกันเถอะนะจีน”

“ห๊ะ? นอน? นอนยังไง? นอนด้วยกันเหรอ?...เดี๋ยวนะ จีนยังไม่ได้เตรียมใจ!! จีนยังไม่พร้อม!!!

“หึ หึ หึ...จะเดินไปเอง หรือจะให้โยอุ้ม?”

“เฮ่ย...อย่าเพิ่ง  โย!!! ปล่อยก่อน...จีนยังไม่ได้อาบน้ำ! ยังไม่ได้อุ่นเครื่องช่วงล่างเลย!! ปล่อยยยยยยย!!!


๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑


“หนอย...อีจีน เดี๋ยวนี้มึงผุดผ่องเป็นยองใยมาก”

“ช่วยไม่ได้ ก็คนมันได้น้ำดี”

“จริงเด่ะ? เห่ยมันดีงามมากเลยเหรอ?”

“อยากรู้ล่ะซิ  งั้นอีนี่เอียงหูมา...
.
...(มึงรู้ไม๊ว่า พอโยแก้ผ้าแล้วเซ็กซี่สุดพลัง!! แถมเรื่องบนเตียงยังเก่งมากกกกกกกกกก)”

“แหมมมมมม... ดีออก!! (พูดอย่างกับมึงเจอมานักต่อนัก)”

“(ไม่รู้ล่ะ...บูชาสามีคือเรื่องดีที่ภรรยาควรยึดถือ ส่วนเรื่องฝีมือ...กูยอมรับจริงๆนะ สงสัยผัวกูจะเป็นคนเก่งฟ้าประทาน)”

“จ้า...เริ่ดจ้า...(ผัวข้าใครอย่าแตะนะอีนี่)”

“หึ...แน่นอน! มึงลองมีซักคนซิ...เดี๋ยวมึงก็จะรู้”

“ไม่เอาอ่ะ กูอยากอยู่เป็นสาวโสดให้ผู้ชายโฉดๆเฝ้าใฝ่ฝัน”

“โฉดๆอย่างเจ๋งน่ะเหรอ  เอามะ...เดี๋ยวกูบอกโยให้ช่วยอีกแรง”

“อีจีน พอเลยนะ...อย่างไอ้เก๋าเจ้งน่ะเหรอ ใครจะเอาไปทำพันธุ์”

“มึงด่าอะไรกูอีสอง?...บอกมาเดี๋ยวนี้นะ!! อย่าให้มีน้ำโห...หรือมึงชอบให้กูพิศาล?”

“(งานงอกแล้วอีนี่...อุ๊ย!! สามีกูมาแล้ว กูไปก่อนนะ บั๊บบายยยย) โย...มาแล้วเหรอ เราไปเรียนกันเถอะ”

“อีจีน!! อีนี่...กลับมาช่วยกูก้อนนนน!!
.
.
.
“อ้าว แล้วสองล่ะจีน? ไม่รอสองก่อนเหรอ?”

“ไม่ล่ะ ปล่อยมันเดินไปกับเจ๋งก็ได้...จีนอยากแวะไปซื้อขนมก่อนเข้าห้องน่ะ”

“งั้นเราไปกันเถอะ...กลางวันจีนอยากกินอะไร?”

“อะไรก็ได้ โยอยากกินอะไร...จีนก็กินได้ทั้งนั้นแหละ”

“น่ารักจังน้า แฟนใครเนี่ยะ?”

“ก็แฟนเห่ยยังไงล่ะ”

“ครับ สุดที่รักของเห่ยเองครับ”



๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑


กลับมาแล้วค่า มาพร้อมกับตอนล่าสุด...
ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นที่ทิ้งเอาไว้ให้อ่านจนชื่นใจนะคะ...
รักคนอ่านทุกคนเลยค่ะ จ๊วบๆๆ
แล้วเจอกันอาทิตย์หน้าค่ะ ^^



No comments:

Post a Comment