Sunday, March 1, 2015

หลากเรื่องรักเกือบสั้น...ว่าด้วยพยัญชนะตัวที่ ๔๑ :: โหด (เรื่องสั้นหมายเลขสี่)


โหด(เล็กๆ)




เสียงฝีเท้าหนักๆด้านหลังดังสลับกับเสียงเอี๊ยดอ๊าดทุกครั้งที่รองเท้าผ้าใบผมย่ำพื้น...
แค่เงี่ยหู...ก็รู้ว่าพวกมันอยู่ใกล้ขึ้นทุกที 


ผมพุ่งตัวไปข้างหน้าเต็มฝีเท้า...
สองขาสั้นๆของผมสับกว้างอย่างว่องไวผิดจากการเคลื่อนไหวยามปกติหลายสิบเท่า
ไม่ต่างกัน...พวกมันเองก็กำลังกวดผมอย่างเอาเป็นเอาตาย


หึ หึ...เวลานี้ ผมไม่รู้จริงๆว่า ระหว่างเสียงหอบหายใจ เสียงฝีเท้า เสียงตะโกนโหวกเหวก และเสียงหัวใจผมเต้น...
เสียงไหน...ดังทำลายความเงียบสงัดช่วงหลังห้างปิดได้มากที่สุด


สิ่งเดียวที่ผมรู้ดียิ่งกว่าอะไร คือ ความรู้สึกทั้งหลายภายในอก...

ตื่นเต้นฉิบหาย...
เกมไล่ล่าเร้าใจจนทำให้กล้ามเนื้อทุกมัดสั่นระริก ประสาทสัมผัสตื่นตัวเริงร่า

มาดหมายอย่างปรีดา...
ในอีกไม่กี่นาที ผมจะได้ปลดปล่อยความเครียดสะสมที่แบกรับมาตลอดวันให้พ้นจากร่างกายไปเสียที

หวาดหวั่น...
ทั้งกลัวว่า จะเกินกำลัง
ทั้งกังวลว่า อาจเพลี่ยงพล้ำจนเจ็บหนัก
ทั้งไม่แน่ใจว่า ลำพังแค่พวกหางแถวอย่างพวกมัน จะบันเทิงผมได้สมกับที่ตั้งใจไว้หรือไม่




อาศัยจังหวะวิ่งพ้นมุมตึกเหลียวกลับไปมองพวกมันอีกครั้ง
กะคร่าวๆด้วยสายตา...

...ห้าคน...

หึ! ลูกกระจ๊อกมาสมทบไวกว่าที่คิด
แต่ก็ดี... คืนนี้จะได้หลับสบาย


ผมรู้ทางหนีทีไล่ของห้างนี้ทะลุปรุโปร่งเพราะอยู่ใกล้โรงเรียน
เลี้ยวซ้ายข้างหน้าจะเจอซอยตันหลังห้าง...
เปลี่ยวเหมาะเจาะกับการยืดเส้นยืดสายระบายอารมณ์ดีแท้
ที่นั่น...คือที่หมายของการวิ่งล่อกระสอบทรายเคลื่อนทื่ทั้งห้าในคืนนี้


“แฮ่ก แฮ่ก...ไอ้หน้าหวาน อย่านึกนะ.......ว่ามึง..แฮ่ก....จะหนีกูพ้น แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก...
.
...หึ... มึงไม่รู้เหรอ....ว่า..ซอยนี้มัน...ตัน...แฮ่ก..แฮ่ก..” พอไอ้ตัวที่ผมไปทำหน้ากวนตีนใส่พูดจบ มันก็ยืนค้อมตัวเอามือสองข้างเท้าหัวเข่าตัวเองเอาไว้...  ดีนะ แม่งไม่ไอจนสำลัก...ไม่งั้นล่ะขำตายห่า


ไอ้ขี้กลากพวกนี้ก็แปลกนะ...
ไม่รู้หรือไง...ถ้าใฝ่จะเป็นอันธพาลจริงๆจังๆ ควรออกกำลังเสียบ้าง
เวลาวิ่งไล่ใคร จะได้ไม่เหนื่อยเป็นหมาหอบแดดชวนให้ทุเรศลูกนัยน์ตาแบบนี้


“อ้อนตีนดีนัก...แฮ่ก...อีกเดี๋ยวมึงได้ลิ้มรสคอนเวิร์สกูแน่ แฮ่ก แฮ่ก”  ไอ้ปากกล้าตัวเดิมย่างสามขุมทำหน้าเหี้ยมเข้าหา
ตามสูตร...ไอ้ตัวประกอบทั้งสี่ ก็ตั้งแถวหน้ากระดานเดินตามลูกพี่เพื่อล้อม และกดดันจนผมหมดทางหนีทีไล่  


เห็นผมค่อยๆเดินถอยหลังลึกเข้าซอยไปเรื่อยๆ
ไอ้ตัวนำหน้าปลวกจึงโอ่อย่างลำพอง


“เดี๋ยวหลังจากที่กระทืบมึงจนหนำใจ... 
...พวกกูจะโทรมมึงแถมให้ซักรอบสองรอบก็แล้วกัน...
...เห็นว่าหน้าตาน่ารักถูกใจกูหรอกนะ ไม่งั้น...ขาอ่อนกู มึงคงไม่มีวันได้เห็น...
.
.
...จึ๊ จึ๊ จึ๊...มึงนี่โคตรโชคดีเลยนะไอ้ตุ๊ด ที่จะได้สัมผัสความรักจากพวกกูอย่างทั่วถึง...ฮะ ฮะ ฮะ ฮ่า”


เมื่อถึงทำเลที่ผมมั่นใจว่า พวกมันไม่น่าจะชิ่งหนีวิถีตีนผมกลับออกไปตรงถนนใหญ่ได้ทันแน่ๆแล้ว
ผมก็ปักหลักอยู่กับที่ พร้อมตั้งท่ารอพวกมันทันที
ระหว่างยืนหักข้อนิ้ว คลายเส้นข้อเท้ารอพวกมันอย่างหน่ายๆ
ก็เผลอนึกย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นของวงจรอุบาทว์นี้อย่างอดไม่ได้


พูดกันตามจริง ผมไม่ได้เสพติดความรุนแรงมาตั้งแต่แรก... 
ออกจะอ่อนแอไม่ประสีประสาเสียด้วยซ้ำ
แต่เพราะยิ่งนานวัน  ไอ้พวกชิงหมาเกิดอย่างไอ้ห้าตัวนี่แม่งมีเยอะจนนับไม่ถ้วน 
ผมเลยต้องคอยหาโอกาสออกกำลังกายระบายความเครียดอยู่บ่อยๆ

หึ! หล่ออย่างกูนี่ตุ๊ดเหรอ?

หลังจากคืนนี้ พวกมึงจะได้รู้ว่า...อย่าได้เที่ยวไปเรียกใครว่าตุ๊ดแค่เพราะหน้าตา
เพราะตุ๊ดจริงๆ...คงไม่สนุกกับการได้เห็นเลือดหัวพวกมึงไหลนองสะท้อนแสงนีออนเหมือนกูแน่


ผมจ้องหน้าไอ้ห้าตัวระหว่างรอจังหวะวิ่งเข้าชาร์จ
อยากรู้จัง...พวกมันจะกรูกันเข้ามาแบบหมาหมู่ หรือ ทยอยเข้ามาแบบดูเชิง

ไอ้หน้าปลวกกับลิ่วล้อก็จ้องผมไม่วาง
ผิดที่สายตาของพวกมันไม่ได้ถูกใช้เพื่อประเมินสถานการณ์
หากแต่มีไว้แสดงความเหยียดหยามอย่างโจ่งแจ้ง แฝงล่วงเกินจาบจ้วงอยู่ในที

อาห์...ถึงสายตาพวกมันจะน่ารังเกียจ
แต่ก็เย้ายวนชวนกระทืบเสียให้ปลิ้นถลนโปนปูดออกมาเสียจริง


“เมี๊ยว เมี๊ยว เมี๊ยว เมี๊ยว เมี๊ยว...มานี่มะเจ้าเหมียวน้อย” เสียงทุ้มต่ำน่ายำเกรงเปล่งอย่างนุ่มนวล อ่อนโยน และระมัดระวัง แค่ฟังก็รู้ว่าคนพูดเอ็นดูเจ้าสัตว์หน้าขนมากขนาดไหน


แต่...หืออออ?!
ใครมันมีแก่ใจมาเล่นกับแมวเอาตอนหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้?!
ไม่ต้องนัดหมาย... ทั้งผมและไอ้สวะทั้งห้าต่างเหลียวไปยังทิศต้นเสียงโดยพร้อมเพรียง


แค่แสงเพียงรำไรตกกระทบเข้ากับวัตถุอันทรงพลังตรงหน้า
ภาพซึ่งมีผลรุนแรงต่อความรู้สึกก็สะท้อนอยู่ในแววตาของเราทั้งหมด...
สิ่งที่อยู่ตรงหลืบลึกสุดซอย คือ เงาทมึนขนาดมหึมา ซึ่งกระจุกตัวเรี่ยติดพื้นบดบังแสงไฟริมถนนแถบนั้นไปเสียสิ้น 


แน่ล่ะ...คงไม่มีอะไรหลอนสุดติ่งยิ่งกว่าความมืดมิดไร้ตัวตนที่พูดภาษาคนได้แน่ๆ
ถึงอย่างนั้น....ผมกลับไม่อาจละสายตาจากเงายักษ์ไปได้

ไม่ใช่อะไร...
แค่อยากรู้ว่า จังหวะนี้ควรทำสิ่งไหนก่อน...

ระหว่าง...
...ใส่เกียร์หมาโกยหนีผีขี้เล่นที่ออกมาหยอกแมวจรจัดตามตรอกร้างกลางดึก...
...หรือ ขยี้ไอ้ห้าปัญญาอ่อนตรงหน้าให้จมดิน เพื่อคลายอาการคันหมัดยิบๆ



เพียงไม่นาน...หลังจากสายตาเริ่มชินกับความมืด
ผมก็ได้รู้ว่า แท้จริงแล้ว เงาดำสุดสยอง...คือร่างใหญ่โตผิดมนุษย์มนาของผู้ชายคนหนึ่งเท่านั้น
แม้ความเข้าใจว่าเงาดำเป็นสิ่งลี้ลับจะตกไป
แต่ระดับความน่าเกรงขามของร่างเหมือนหมีกริซลี่โตเต็มวัย...กลับไม่ลดลงเลย

เพียงมองจากตรงนี้...
สัญชาตญาณก็ร้องเตือนว่า  ชายผู้นั้น...หาใช่ไก่กาที่จะปรามาสได้
ลำพังหันหลังนั่งยองนิ่ง ยังแผ่รังสีทำลายล้างออกมาให้สิ่งมีชีวิตทั้งหลาย เกิดครั่นคร้ามหวามไหวกันทั่วหน้า
แล้วถ้าเจ้าของร่างนั้นขยับล่ะ...แม่งจะน่ากลัวขนาดไหน?


อาห์...ฟ้าช่างเป็นใจ!
เพราะทันทีที่ผมตั้งข้อสงสัย...
ร่างใหญ่โตมโหฬารนั่นก็ค่อยๆหยัดกายลุกขึ้น แล้วหันกลับมาช้าๆ


อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!! พ่อจ๋า แม่จ๋า ช่วยลูกด้วยยยยยยยยยย!!” สิ้นเสียงตะโกนสุดคอหอยของไอ้ตัวหัวหน้า ไอ้ห้ากร่างก็พร้อมใจกันวิ่งหางจุกตูดเผ่นแน่บลับสายตาด้วยเวลาไม่ถึงนาที


ผมไม่ติดใจเลยว่าทำไมไอ้ห้าห่วยถึงได้หนีเตลิด
แม่เจ้า! ...ใครมันจะไปมีหน้าตาเข้าตำราฆาตกรต่อเนื่องได้เป๊ะเว่อร์ขนาดนี้

โอยยยย! ขอร้องเถอะครับ...อย่าจ้องกันแบบนั้นเลย
พี่คงไม่รู้ใช่ไหม...สายตาอำมหิตของพี่น่ะ  ทำหัวใจผมสั่นสะท้าน

ขอบคุณที่สวรรค์เมตตา
ประทานลูกสมุนผู้ควรค่ากับตำแหน่งมือขวามาให้ท่านเรียวผู้นี้จนได้!


“อ๊ะ! เจ้าเหมียวจะไปไหน? โอ๊ะ!!!! (โครม!!)”


ร่างยักษ์ซึ่งไล่สายตามองตามลูกแมว แล้วดันกวาดหางตาผ่านมาทางผมโดยบังเอิญ
อยู่ดีๆก็เกิดตกใจ หลุดปากร้องอุทานเสียงดัง จนทั้งผมและเขาต่างผงะถอยหลัง...
นั่นจึงทำให้ ว่าที่มือขวาของท่านเรียวเผลอก้าวพลาดเหยียบลงบนขวดเบียร์ที่ถูกทิ้งเรี่ยราดเข้าอย่างจัง


เมื่อภาพสโลว์โมชั่นของการล้มหมีด้วย(ขวด)เบียร์เปล่าสิ้นสุด
สิ่งที่ผมเห็นตรงหน้ากลับทำให้ผมพูดไม่ออก บอกไม่ถูก...


ตามพื้นรอบๆร่างกายใหญ่โตที่นอนคว่ำหน้าร้องไห้กระซิกๆเหมือนเด็กผู้หญิง มีของกระจุกกระจิกหล่นกระจัดกระจาย...
ปากกา กระเป๋าน้อยใหญ่หลายใบ พวงกุญแจ ผ้าเช็ดหน้า เคสมือถือ สมุดโน้ต พัด หวี กระปุก และอื่นๆอีกมากมาย
ซึ่งไอ้บรรดาสิ่งของที่ว่านั้น ล้วนแล้วแต่แต่งแต้มด้วยลวดลายคิตตี้บนพื้นสีชมพูทั้งสิ้น



ก่อนจะออกตัวว่ารับไม่ได้...
ผมพยายามกล่อมตัวเองในใจแล้วหลายรอบ

ทั้งออกรับแทนว่าเป็นของน้อง ของเพื่อน...แต่เล่นมีเกือบครบทุกไอเทม...
อืมมมม...ผมว่า คงเป็นของคนอื่นไปไม่ได้แล้วว่ะ

ทั้งพยายามคิดเสียว่า พี่เขาคงซื้อให้ใครต่างของขวัญ
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ข้าวของส่วนใหญ่เก่าจนสีชมพูเริ่มจะดูมอๆ
เหยดดดดดดด!! ไอ้หมีเห้นี่แม่งหน่อมแน้ม และ บ้าคิตตี้ชัดๆเลยนี่หว่า
หน้าโคตรชั่ว แต่เสือกทำตัวคิกขุ...


จบกันเท่านี้....
ลาทีความฝันที่ท่านเรียวจะมีมือขวาคู่ใจอย่างใครๆเขา!!


๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑


ถุงพลาสติกใสซึ่งด้านในบรรจุคุกกี้หนึ่งกระปุก
กับกระดาษโน๊ตลายน้องหมีสีน้ำตาลถูกแขวนรอผมอยู่ตรงประตูห้อง


 ‘ถึงคุณเจ้าของห้อง 1002...

คุกกี้กระปุกนี้อัดแน่นด้วยความรักเต็มเปี่ยม
หวังว่ารสชาติจะถูกปาก
ถ้าติดใจ...พร้อมอบใหม่ให้ทานได้เสมอ...
ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ ^_^...

...เพื่อนบ้านใหม่ห้อง 1001...
ห้องทางขวาของคุณ...


ข้อความกุ๊กกิ๊ก เขียนด้วยลายมือสวยเทพไร้ที่ติแบบนี้... 

...ผู้หญิงแหงมๆ...

บอกตรงๆ ผมไม่ได้เห่ออะไรเลย
ก็แค่รีบแงะฝากระปุก แล้วยัดชิ้นขนมเข้าปาก...เพราะว่าอยากลองชิม ก็เท่านั้น

อุ๊วะ! อร่อยโคตร!!
มีเสน่ห์ปลายจวัก ลายมือน่ารัก แถมใจกว้าง...
นี่มันแม่ในฝันของลูกผมชัดๆ!



หึ! ก็ยังดี...ที่ก่อนนอนคืนนี้มีเรื่องน่ายินดีหลงเหลือให้ชื่นใจบ้าง
จะได้ล้างความจำดำมืดเกี่ยวกับไอ้หน้าโหดโหมดตุ๊ดนั่นไปให้หมดๆ

แต่หืยยยย!... 
ไม่น่าเผลอย้อนคิดถึงเรื่องนั้นขึ้นมาเลยกู
หน้าตาดูไม่ได้ของไอ้หมีตอนร้องไห้ฟูมฟายแม่งยังติดตาไม่หาย...
ไม่ไหว ไม่ไหว...คนอะไร หลอนสัดๆ

เปลี่ยนมาคิดเรื่องจรรโลงใจแทนดีกว่า...
พี่คุกกี้ครับ คืนนี้...ท่านเรียวจะให้เกียรติฝันถึงพี่แล้วกันนะครับ





เย็นวันรุ่งขึ้น ผมไม่ลืมซื้อขนมเจ้าดังแถวโรงเรียนมาแขวนหน้าประตูห้องข้างๆ
ใช่ว่าไม่อยากเจอหน้า...แต่เคาะเรียกแล้วเงียบ เจ้าของห้องคงไม่อยู่
สงสัย...ไม่ทำงาน ก็ต้องเรียนมหาลัย
เพื่อป้องกันห้องอื่นรับสมอ้างเหมาความดีความชอบไป
เลยแปะโน้ตให้เครดิตผู้สนับสนุนขนมอย่างเป็นทางการเอาไว้เสียหน่อย


 ‘ถึงคุณคุกกี้ห้อง 1001...

โตเกียวร้านนี้อร่อยสุดๆ โดยเฉพาะไส้หมูแดง
อยากกินอีกเมื่อไร...บอกผมได้นะ
เจ้าประจำหน้าโรงเรียน ซื้อกินแทบทุกวัน
 ถ้าไม่ลำบาก...ผมขอฝากท้องบ้างได้ไหมครับ?  55555+...

...เจ้าของห้อง 1002...มองไปทางซ้ายซิครับ ^,^’



ใครจะรู้ว่า คุกกี้ไม่กี่ชิ้น...
จะนำพาชีวิตผมให้พบเจอกับเรื่องบันเทิงประจำวันอีกขนาน อันนอกไปจากการไล่อัดไอ้พวกวอนหาที่ตาย


แต่วันหลังๆมานี่ กลับไม่ใช่คุกกี้...
เพราะมาแต่ละที มีแต่อาหารจานหลัก ที่อร่อยจนน้ำตาพราก น้ำหมากกระจาย
ของวันนี้ เป็นกล่องพลาสติกสองใบวางซ้อนกันขวางหน้าประตู


 ‘น้องโตเกียว ห้องสองชั้นสิบ...

เมนูประจำวันนี้ได้แก่...
...ท๊าดา...
ข้าวผัดเจ็ดสีมณีเจ็ดแสง และแกงเผ็ดเป็ดย่าง!!
ลองกินดู รับรองน้องโตเกียวต้องชอบ

พี่ติดรับน้องที่คณะจนถึงวันศุกร์นะ...
ช่วงนี้  ช่วยอดทนกับข้าวกล่องไปพลางๆ
เดี๋ยวอาทิตย์หน้า...ไม่ต้องเคาะห้องเรียกหา
พี่ก็ยินดีอาสารับฝากท้องทุกเมื่อเลยล่ะ

ขนมปังสังขยาอร่อยมาก...อิจฉาเด็กโรงเรียนนี้จัง!

...พี่คุกกี้ที่อยู่ขวามือห้องน้อง @(>\\\\<)@’



ทุกครั้งที่คิดเรื่องพี่คุกกี้ มีอันต้องคิดถึงคำที่หมอดูคนดังทักโต้ซัง(คุณพ่อ)ว่า
อีกหน่อยผมจะสบาย เพราะได้เนื้อคู่อายุมากกว่า
แถมเนื้อคู่เป็นแม่บ้านแม่เรือน ช่างเอาอกเอาใจ รักและเชื่อฟังผมสุดๆ
ที่สำคัญ...ผมกับคนๆนั้น สนิทชิดเชื้อกันมาตั้งแต่ครั้งยังเด็ก

เรื่องอายุมากกว่า เป็นแม่ศรีเรือน คอยห่วงและเอาใจใส่...
วินาทีนี้ บอกเลยว่า...ไม่มีใครแจ่มเกินเนื้อคู่ประตูข้างๆ
เหลือแค่อดใจรอให้พ้นวันพรุ่งนี้ จะได้รู้กันสักทีว่า...เคยคบหากันมาก่อนหรือไม่


ถ้าไม่...ผมก็จะทำให้เป็นไปได้
สนิทกันมันเสียตั้งแต่วันนี้จะเป็นไร...
ไหนๆผมก็ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ยังพอหยวนนับตัวเองเป็นเด็กได้อยู่

แต่ถ้าใช่...ผมจะใส่เกียร์เดินหน้า
โดยไม่สนว่า ตอนนี้อีกฝ่ายจะรักผมหรือไม่
เพราะไม่ว่าอะไรที่ต้องใจท่านเรียวผู้นี้ จะไม่มีวันหลุดมือไปไหนได้



๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑



เหี้ย!

ทันทีที่ผวาตื่น แล้วพบกับความสยดสยองจ่อติดหัวแม่ตีน
ผมก็ลืมตัวแหกปากสุดเสียง...
ถ้ากรี๊ดได้...เข้าใจว่าคงทำไปแล้ว

แต่มันยังไม่จบง่ายๆ...
เพราะความวินาศสันตะโรไม่มีที่สิ้นสุด
ดักรอสกรัมผมอยู่ในอีกไม่กีวินาทีหลังจากนั้นต่างหาก...

เสียงโหยหวนหลังจากโดนไอ้ตัวหัวโจกดอดมาแทะตีน
ทำเอาลูกสมุนที่เร้นกายอยู่ตามหลืบวิ่งถลาออกมาราวกับโดนยาสั่ง

แต่ที่โหดสัดเห็นจะเป็น...
ฝูงบินปีเตอร์กลุ่มหนึ่ง เร่งเทคออฟในชั่วพริบตา ก่อนร่อนมุ่งหน้าตรงมาหาผม
เยสเป้!!!!....ไม่เคยรู้สึกใกล้ชิดกับความตายได้เท่าตอนนี้มาก่อนเลยให้ตาย!

เคยได้ยินไอ้เนียร์บอกว่า คนกลัวหมา...หมามักกระโจนใส่
แต่กระจั๊วไม่ใช่หมา...แม่งจะเสือกบินเข้าหาท่านเรียวให้ได้อะไรขึ้นมาล่ะคร๊าบบบบ
...กูกราบล่ะ ไปไกลๆกูเท๊อะ!!...


“เหี้ย เหี้ย เหี้ย เหี้ย เหี้ย เหี้ย เหี้ย!!!!...
.
.
...ฮืออออ....กระจั๊วเหี้ย....พวกมึงหยุดบินซักทีจะได้ไม๊!!!!!!!!!!


เมื่อการเจรจาไม่ได้ผล...
คนหล่ออย่างท่านเรียวคงต้องอพยพตัวเองออกจากที่เกิดเหตุโดยด่วน
ต่อให้ต้องหนาวตายข้างถนน ก็ดีกว่าต้องผจญอยู่ในอาณาจักรกระจั๊วเพียงลำพัง
คิดแล้วผมก็ฉวยของใช้จำเป็น แล้วเผ่นออกจากห้องทันที


ตายห่า!..ดึกป่านนี้ จะหนีไปไหนได้วะเนี่ยะ?
แล้วทำไมถึงเพิ่งคิดเรื่องนี้ได้เอาตอนออกจากห้องในสภาพบ็อกเซอร์ตัวเดียว เสื้อผ้า รองเท้าไม่เกี่ยวอย่างนี้ด้วยวะ?


เหลียวซ้าย...
เจอลิฟท์

แลขวา....
เจอทางสว่าง!!!


 (ก็อก ก็อก ก็อก ก็อก ก็อก ก็อก เสียงเคาะประตูห้องเร็ว แรง และรัว)


“ใครครับ?”

เสียงใหญ่ๆหลังบานประตูฟังงัวเงีย
ถึงอย่างนั้น...รอเพียงไม่นาน เสียงปลดล็อคกลอน และเสียงเปิดประตูก็ตามมา
ช่างแม่ง!! ตอนนี้ใครจะอยู่ในห้อง 1001 บ้างก็ช่างแม่ง...
ขอแค่พี่คุกกี้ยอมแบ่งที่ให้นอนด้วยสักคืน ผมก็รอดตายแล้วว่ะ


 (แอ๊ดดดดด เสียงประตูห้องเปิด)


โอ๊ะ!!!!” เสียงแหบใหญ่ร้องตกใจ เพราะผมอาศัยจังหวะประตูอ้ากว้าง วิ่งสวนร่างหลังประตูผลุบเข้าด้านใน

“พี่คุกกี้ครับ ขอผมนอนด้วยคนนะพี่” ผมหลับหูหลับตาไหว้ พลางอ้อนวอน
“คือ...ห้องผมกลายเป็นอาณานิคมของแมลงสาบไปแล้วอ่ะพี่”

เรียว?


หืม?! เมื่อกี๊อีกฝ่ายเรียกชื่อผม...
หรือผมจะตระหนกจนหูฝาด


“ห๊ะ? อะไรนะครับ? / อ่ะ...เปล่าๆ...เมื่อกี๊พี่พูดว่า น้องโตเกียวน่ะ”


ผมเงยหน้ามองจ้องอีกคนที่อยู่ในห้องเป็นครั้งแรก
แล้วก็ต้องตกใจ...จนเผลอร้องออกมา


เหยดดดดดด!!!!!!!!!


นี่เรื่องจริงหรืออินเซปชัน?!!
ทำไมคนที่ยืนมองหน้าผมในตอนนี้...
ถึงกลายเป็นไอ้หน้าโหดร่างหมีหัวใจคิตตี้เมื่อคืนวันนั้นไปได้...
แล้วพี่คุกกี้อยู่ไหน?
อย่าบอกนะว่า....


“น้องโตเกียว...เป็นอะไรรึเปล่า?”


นั่นไง!!  ทำไมทีตอนซื้อหวยไม่แม่นอย่างนี้มั่งวะ...
ที่แท้...พี่คุกกี้กับไอ้หมี ก็มีร่างอวตารเดียวกัน


ช่างแม่ง!!...
เพราะถ้าเทียบความอัปรีย์ระหว่างปีเตอร์ยั้วเยี้ย กับ พี่คุกกี้หมียักษ์...
จังหวะนี้ หมีเท่านั้น...ที่ท่านเรียวคู่ควร!!


ในยามคับขัน และคู่สนทนาอยู่เหนือความคาดหมาย...
เห็นทีต้องงัดเอาตัวตนบังหน้าฐานะนักเรียนดีเด่นมาใช้กลบเกลื่อนอาการแขยงจนตกใจไปก่อนแล้วล่ะมั้ง


“เอ่อ...ปละ ปละ เปล่าครับ...คือผมผวา...
.
...วิ่งหนีกระจั๊วจนหลอนน่ะครับ แหะ แหะ” ผมยิ้มหวาน กระพริบตาปริบๆ

“หึ หึ...กลัวแมลงสาบมากเลยเหรอ?...
.
...ถ้างั้น น้องโตเกียวเข้าไปนอนเตียงพี่ก็ได้นะ เดี๋ยวพี่นอนข้างนอกเอง”


เชี่ย!! อย่ามาทำเสียงนุ่มใส่กู๊...
เห็นแมนๆไล่ต่อยตีคนอื่นไปทั่วอย่างนี้....ก็กลัวมึงไม่ใช่ขรี้ๆนะคร๊าบ
แต่มีหรือที่ผมจะหลุดปากเอ่ยสิ่งที่คิด


“ขอบคุณครับพี่คุกกี้... แต่เรียกผมว่าเรียวเถอะครับ” ผมยิ้มกว้าง...ยังไม่ออกจากโหมดโปรยเสน่ห์มัดใจแฟนคลับ

“ฮื่อออ...พี่รู้แล้วล่ะ”

“แล้วพี่ล่ะครับ...ชื่ออะไร?”

“พี่ชื่อเบิ้ม...ในที่สุด เราก็ได้เจอกันซะที...
.
...พี่ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ”

“ครับพี่เบิ้ม...ราตรีสวัสดิ์ครับ”

“ฝันดีนะเรียว”


รอยยิ้มอ่อนโยน กับสายตาห่วงใยทำผมสตั๊นท์ไปหลายวิฯ
รู้ตัวอีกทีว่าเผลอนอนกุมหน้าอกด้านซ้ายของตัวเองจนเริ่มเจ็บนิดๆ
ก็เมื่อเห็นเงาทมึนๆรูปร่างหมีๆเดินออกจากห้องนอนไปแล้วนั่นแหละ...

อย่าบอกนะว่า...
เมื่อกี๊หมีทำเรียวใจสั่น  ถึงขั้นเดินใจลอยตามเข้ามานอนในห้องนี้ง่ายๆ

แค่ได้ยินคำว่าฝันดีออกจากปากหมีเนี่ยะนะ?
หื้ยยยยย....เป็น-ไป-ไม่-ได้!!


๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑



ผมฝันแปลกมาก...
ผมฝันว่า ผมตื่นมาท่ามกลางทุ่งดอกไม้ และลายคิตตี้
เอ่อ...ไม่ใช่ล่ะ...
ไอ้ที่อยู่ตรงหน้า แม่งไม่ใช่แค่ฝันเสียแล้วว่ะ

รอบๆตัวผมในตอนนี้ คงเป็นฝันชั้นดีของสาวๆส่วนใหญ่
ห้องนอนสีชมพูที่จัดเป็นสัดส่วน ตกแต่งน่ารัก สะอาดสะอ้าน เต็มไปด้วยพลพรรคคิตตี้และตุ๊กตาน้อยใหญ่
พอพ้นจากห้องนอนไป... สิ่งแวดล้อมก็ไม่ต่างกันนัก
หากโทนสีกลับปรานีสายตามากกว่า แถมประชากรคิตตี้ไม่หนาแน่นสักเท่าไร

หันไปเห็นนาฬิกาคิตตี้ข้างฝาบอกเวลาเกือบแปดโมง...
ตายห่า!!!...ถึงโรงเรียนสายแน่ๆกู
ผมเลยวิ่งหูตั้งออกจากห้องพี่คุกกี้ไปโดยไม่คิดบอกลา




พอเข้าห้องได้เท่านั้นแหละ...
ผมนี่ยอมเสียเวลาเพื่อหยิกตัวเองแรงๆอยู่นาทีกว่าๆเลยล่ะครับ
เพราะสภาพห้องที่ผมจากมาเมื่อคืน...ผิดกับตอนนี้ลิบลับ

ภายในห้องสะอาดเอี่ยมอ่องเป็นยองใย
พื้นกระเบื้องที่ไม่ได้เห็นกันมาเป็นแรมปี เงาวับรับกับสภาพไร้ขยะสุมกองท่วมไปทุกอณู
จานเน่าๆที่ถูกหมกซ้อนจนกลายเป็นประติมากรรมระยำหมา  เสื้อผ้าเก่าที่ควรเผามากกว่าเข้าเครื่องซัก หนังสือ ซีดี และ สิ่งของมากมายจิปาถะ ถูกทำความสะอาด แล้วจัดเรียงเข้าที่เข้าทางอย่างสวยงามเป็นระเบียบ


พอหายตะลึง ผมก็รีบบึ่งผ่านห้องนอนทะลุเข้าห้องน้ำไปจัดการตัวเองอย่างเร่งด่วน
แต่ก็ไม่หยุดชื่นชมทุกสิ่งในห้องที่หางตาลากผ่านเพียงชั่วครู่อยู่ในใจ...


“...ไม่ต้องนอนกับกระจั๊วอีกต่อไปแล้วว้อยยยยย!!!”  ผมตะโกนก้องห้องน้ำ...ใครมันจะไปห้ามความปลื้มใจสัดๆเอาไว้แค่ข้างในได้กัน



หลังจากนั้นไม่ถึงห้านาที ผมก็พร้อมออกจากบ้านในสภาพหล่อไม่ไว้หน้าใคร
จังหวะก้มลงใส่รองเท้า ก็เห็นถุงใสด้านในมีห่อฟอยล์รูปสามเหลี่ยมแขวนเตะตาอยู่ตรงลูกบิดด้านในประตูห้อง...
แน่ละ...ถุงแบบนี้ย่อมต้องมาพร้อมของกิน กับโน้ตอีกหนึ่งใบ 
ไม่ต้องบอกก็รู้...ว่าทั้งหมดนี้  ฝีมือใคร


 ‘เรียวครับ...

พี่ขอโทษที่ถือวิสาสะแอบเข้ามาทำห้องให้...
เห็นบอกว่ากลัวแมลงสาบ  เลยไม่อยากปล่อยไว้นาน

ส่วนเสื้อผ้า...พี่ส่งซักให้แล้ว  ไว้พรุ่งนี้ พี่จะไปรับให้...
 (เห็นเมื่อคืนวิ่งตัวเกือบเปล่ามาเคาะห้อง...
หวังว่าบ็อกเซอร์ตัวนั้น คงไม่ใช่ตัวสุดท้าย)

เรียวหาอะไรไม่เจอ...ถามพี่ได้นะ
ถ้ารีบก็โทรมา 081XXXXXXX
แต่ถ้ารอได้ ไว้มาเคาะประตูถามกันอีกที

อ้อ! พี่ทำแซนวิชทูน่ามาเผื่อ
กินอย่าให้เหลือล่ะ
เดี๋ยวแมลงเพื่อนรักจะขนกันมาปักหลักที่ห้องอีก


...พี่เบิ้มเอง @( ^,^)@’



อ่านโน้ตของพี่คุกกี้...เอ้ย
! พี่เบิ้มจบ
ผมก็พบว่า ตั้งแต่ที่พี่เบิ้มย้ายมา...
ชีวิตผมแม่งก็ดีสุดๆไปเลยครับ

ถ้าอย่างนั้น...คงไม่แปลก 
หากผมจะเผลอยิ้มกว้างไปเสียหน่อย...
พร้อมกับปล่อยให้ใจเต้นผิดจังหวะ เมื่อรับรู้ความห่วงใย และปรารถนาดีของอีกฝ่าย...

เอาน่า...นานๆครั้ง


๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑


ก้มลงมองเต้าฮวยสามถุงในมือ
สลับกับเงยหน้ามองประตูหน้าห้อง 1001...
ใครเลยจะรู้ว่า ผมยืนทำสองท่านี้ไปมาอยู่กว่าสิบนาทีได้


จวนจะเที่ยงคืนอยู่แล้ว... ไฟห้องข้างๆยังไร้วี่แววว่าจะติด
ทั้งๆที่ตั้งแต่หลังเลิกเรียน  ผมก็พยายามหาโน่นนั่นนี่ทำเพื่อฆ่าเวลาไปได้หลายชั่วโมงแล้วแท้ๆ
...ไม่ว่าจะกลับไปกระทืบไอ้ห้าตัวนั่นแก้เบื่อ จนพวกมันงอมไม่เหลือสภาพ...
...นั่งรถเมล์กลับบ้าน  ซึ่งร้อยวันพันปี ท่านเรียวผู้นี้ไม่เคยคิดจะทำ...
...บรรจงอาบน้ำชำระคราบไคลอย่างพิถีพิถันจนหมดจด ต่อด้วยแต่งตัวเสริมหล่อหน้ากระจกอยู่นานสองนาน...
...ออกมายืนพ่นควันอย่างช้าๆ พลางใช้พลัง(มโน)จิตจ้องทะลุม่านห้องนอนมืดสนิท จนบุหรี่หมดไปเกือบสามมวน...
...ลงทุนขนาดยอมใส่ชุดนอนเดินลากขาช้าๆไปซื้อขนมนี่ถึงปากซอย จนกลับมาถึงหน้าห้องนี้ด้วยเวลานานกว่าครึ่งชั่วโมง


รู้อยู่หรอกว่า คืนนี้คงไม่แคล้วกลับดึกเหมือนเดิม...
แต่ยังหงุดหงิดอยู่ดี
พี่เบิ้มแม่งมัวไปทำอะไรอยู่วะ?...
รับน้องคณะ หรือ เข้ากะเฝ้ายาม?

เต้าฮวยน่ะ มันต้องกินตอนที่ยังร้อนๆ...ถึงจะอร่อย
เคยเข้าใจอะไรกับเขาบ้างไหมเนี่ยะ?


ผมกดโทรออกเบอร์ที่เพิ่งได้มาเมื่อเช้าโดยไม่รั้งรอ
มีเรื่องด่วนกวนใจ เพราะหาพี่ข้างห้องไม่เจอ...คงเป็นเหตุผลที่ใช้โทรหาอีกคนได้


“ฮัลโหล...พี่เบิ้มครับ”

(ใครเนี่ย? ทำไมถึงมีเบอร์เบิ้มได้?) เสียงคนรับปลายสายเล็กแหลมไม่คุ้นหู ผิดไปจากที่หวังจะได้ยินลิบลับ

“แล้วคุณน่ะเป็นใคร?...ผมจะคุยกับพี่เบิ้ม”...ทำไมผมถึงควบคุมเสียงตัวเองให้นุ่มนวลไม่ได้เลยวะ?  

(ผมชื่อตู๋...เพื่อนเบิ้ม......ตอนนี้เบิ้มไม่ว่างคุย มีอะไรก็ฝากเอาไว้)

“นี่ยังรับน้องไม่เสร็จกันอีกเหรอ? ดึกป่านนี้แล้วนะ!!”...เหลืออดแล้วนะเว่ย


อยากคุยด้วย...ก็ไม่ได้คุย...
ไหนบอกว่าถ้ามีอะไรด่วนให้โทรหาได้ไง?...
เต้าฮวยร้อนน่ะ มันคงร้อนรอพี่กลับมากินไม่ไหวหรอก


(คุณเป็นใครเนี่ยะ? ฮัลโหล.....ฮัลโหล....คุณ...คุณ...ยั......)


ผมกดตัดสายอย่างไม่สนใจ
หย่อนถุงเต้าฮวยลงปล่องทิ้งขยะประจำชั้น
แล้วจึงเดินล่องลอยกลับเข้าห้อง


พี่เบิ้ม  ผมสงสัยจริงๆว่ะ...
พี่ไม่คิดจะรีบกลับมารับผิดชอบดูแลความรู้สึกผมหน่อยเหรอ?

รู้ไหม...พี่ทำให้ของกินนอกบ้านรสชาติห่วยไปหมด
พี่ทำให้เวลาที่ผมต่อยใครร้องไห้ แล้วก็เอาแต่เห็นเป็นหน้าหลอนๆตอนล้มของพี่อยู่ตลอด
พี่ทำลายครอบครัวกระจั๊วนับสิบที่ตั้งรกรากอยู่ในห้องผมมาเป็นแรมปีภายในชั่วข้ามคืน
พี่แอบมาทำความรู้จักกับเสื้อผ้า...ลามไปถึงกางเกงในผม โดยไม่บอกกล่าว...แถมยังเอาไปให้คนนอกซักให้อีกต่างหาก
พี่ทำให้ผมต้องคอยคิดทั้งวันว่า คืนนี้ต้องทำอย่างไร...ถึงจะมีข้ออ้างในการเคาะประตูห้องพี่อีกครั้ง
ที่แย่ที่สุด คือ พี่ทำให้ผมต้องรับมือกับอารมณ์แปลกๆมากมาย โดยที่ผมไม่รู้วิธีจัดการแก้ไข...ซึ่งผมไม่ชอบใจเลย


อย่าคิดเชียวนะว่า...
ทำกับผมขนาดนี้ แล้วผมจะยอมปล่อยให้พี่ลอยนวลหายเข้ากลีบเมฆไปง่ายๆ
ไม่มีวันเสียล่ะ!!


๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑



เพราะตื่นสาย  ข้าวมื้อแรกเลยปาเข้าไปเกือบบ่ายสาม
ตามสั่งข้างล่างคอนโด...กินกันตายแบบง่ายๆ
อิ่มแล้วก็เดินเลี้ยวออกนอกรั้ว
ครั่นเนื้อครั่นตัว...เหมือนจะได้เอาเลือดชั่วของใครสักคนออกแก้เครียดในอีกไม่ช้า

เดินไปไม่นาน...ประมาณข้าวยังไม่ทันเรียงเม็ดดี
ผมก็ได้ยินเสียงร้องของคนและหมา
มาพร้อมกับเสียงตุ้บตั้บเหมือนใครทุบอะไรรัวๆลอยลมมา

ไอ้คนใจสัดชอบรังแกหมาน่ะถือว่าเหี้ยทั่วๆไป
ผมไม่ใส่ใจหรอก...ปล่อยให้เวรกรรมทำงาน
แต่ที่แปลกจนต้องเอะใจ
ก็ทุกๆครั้งที่เสียงทุบดัง...มันมีทั้งเสียงโอย เสียงเอ๋งดังประสานกันตามมานี่สิ

แต่เอ...เสียงโอดโอยฟังคุ้นๆว่ะ
ผมเลยยื่นหน้าส่องเข้าไปในซอกระหว่างหมู่บ้านจัดสรรกับคอนโด...ที่มาของเสียงร้องแปลกๆ
ภาพที่เห็นทำเอาเลือดทั้งตัว ฉีดขึ้นมารวมกันที่หน้าภายในเวลาเสี้ยววินาที



สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น...
เป็นเพียงภาพเคลื่อนไหวที่กรอไปข้างหน้าด้วยความเร็วราวกระพริบตา...ทว่าเชื่องช้าจนแทบขาดใจในความรู้สึก

ผมวิ่งง้างหมัดเข้าไปหาวัยรุ่นสามสี่ตัว
ไอ้พวกชั่วแม่งกำลังล้อมวงเตะลำตัวหมีๆที่หมอบตัวค้อมลงเหนืออะไรบางอย่าง
ผมอาศัยทุกส่วนของร่างกายถวายความเจ็บปวดให้พวกมันโดยไม่คิดชีวิต

แต่เพราะมัวแต่ห่วงเป้าหมายใหญ่ไร้ทางสู้
การออกอาวุธ จึงเข้าขั้นชำรุดฉิบหาย...
เข้าเป้ามั่ง...โดนตีนมั่ง นุงนังมั่วไปหมด
ยอมรับเลยว่า ตั้งแต่ขึ้นสังเวียนข้างถนนมานับครั้งไม่ถ้วน...
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเจ็บตัวมากที่สุด


...ไม่ใช่ครั้งแรก...
...หากแต่ผมเคยรู้สึกเจ็บกว่า ในสถานการณ์ทำนองนี้...
...เหตุการณ์ที่ๆมีผม มีคนตัวโต... และคนใจร้ายอีกหลายคน...
...ผมว่า ผมเคยสัมผัสมาก่อน...
...คลับคล้ายคลับคลา...แต่ว่าลางเลือนเหลือเกิน...


ผมปัดความคิดวูบนั้นทิ้งไป
เพราะยังคงง่วนกับการประมือกับแปดมือแปดตีนเป็นพัลวัน
แย่ล่ะสิ...ผมแน่ใจว่า ตัวเองคงอดทนได้อีกไม่นาน...
เพิ่งจะนึกรำคาญร่างกายเล็กๆ และพละกำลังอันจำกัดของตัวเองเอาวันนี้



แต่แล้ว อยู่ๆเวลาชั่วกัปชั่วกัลป์ก็สิ้นสุดลงแบบฉับพลันทันตา
หลังจากเสียงสวรรค์ไม่ทราบแหล่งตะโกน ตำรวจมา!!’ ดังก้องซอย
จากนั้น  คลื่นมือคลื่นเท้าสามัคคีก็สงบนิ่งงัน...ไอ้สี่ตัวนั่นมันหายหัวไปแล้ว
เหลือเพียงผม...กับอีกคน ที่ยังคงไม่ขยับไปไหน

ถึงจะเจ็บไม่น้อย แต่ผมก็ค่อยๆย่อตัวลงไปพยุงให้พี่เบิ้มลุกขึ้น
เมื่อนั้น ผมก็ได้เข้าใจ...ว่าอะไรที่ทำให้คนๆหนึ่งยอมทำถึงขนาดนี้...
แม่หมาท่าทางหวาดกลัวตัวหนึ่งคาบลูกน้อยไม่ปล่อยนอนขดอยู่ใต้ท้องพี่เบิ้ม
ทันทีที่ปลอดภัย แม่หมาก็คาบลูกวิ่งหนีไปอีกทาง


“คราวนั้นแมว...คราวนี้หมา แล้วคราวหน้าจะอะไรอีกพี่?” ผมบ่นพลางปาดหยดเลือดตรงหางคิ้ว ข้างในปากคงแตก...ขมเหล็กฉิบ

“ก็พี่น่าจะช่วยได้”


ร่างหมีก้มหน้างุด อ้อมแอ้มตอบ
แต่เพราะผมเตี้ยกว่า พออีกคนก้มลงมา
เลยได้เห็นสภาพหล่อไม่เสร็จของผมไปเต็มๆ
สีหน้าพี่เบิ้มดูตกใจอย่างเห็นได้ชัด เสียงใหญ่เอ่ยอย่างลนลาน


“เราอย่าเพิ่งพูดเรื่องนั้นเลยนะ พี่พาเรียวไปหาหมอก่อนดีกว่า!!...
.
...เรียวไม่เป็นอะไรมากใช่ไม๊? ปวดหัว...หรือรู้สึกแปลกๆอะไรรึเปล่า? โดนตรงหัวรึเปล่า?”


หึ! ตั้งนาน เพิ่งจะมาห่วง...
ที่เจ็บจะตายห่าอยู่เนี่ยะ...เพราะใครล่ะ?
แต่แค่โดนต่อย...ทำไมพี่ต้องทำท่าเหมือนผมใกล้จะตายอย่างนั้นด้วย?
คงจะรู้สึกผิดจริงๆล่ะมั้ง...

...ดูทำท่าเข้าสิ มือไม้พันกันไปหมดแล้ว...
...ดูๆไป พี่หมีนี่ก็น่ารักดี


แต่อารมณ์ผมก็เปลี่ยนฉับ
เมื่อเห็นอีกฝ่ายแต่งตัวเหมือนกำลังจะออกไปทำธุระข้างนอก
ยังจะมีแก่ใจออกไปเที่ยวไหนๆ...ทั้งที่เมื่อคืนทำเรื่องชวนปวดใจให้ผมเนี่ยะนะ?!


“ที่ออกมานี่ พี่จะไปไหน?”

“พี่จะไปหาเพื่อนน่ะ เค้าไม่ได้เข้าเรียน...พี่ว่าจะเอาเลคเชอร์ไปให้เค้าซะหน่อย”


เพื่อนคนไหน? สำคัญอะไรหนักหนา?
ถึงขนาดยอมออกจากบ้านวันเสาร์ เพื่อเอาของไปให้...
จะใช่ไอ้พี่ตู๋รึเปล่า?...
ถ้าใช่ก็ดี...มีเรื่องอยากสะสางด้วยอยู่เชียว


”งั้นผมไปด้วย”

“เรียว ทำแผลก่อนเถอะนะ...พี่เป็นห่วง”


มือใหญ่หนา แต่ว่านุ่มฉิบหายยื่นมารั้งข้อมือผมไว้
สายตาอ่อนโยนตรงหน้าฟ้องว่าคำว่า ห่วงนั้น ตรงกับใจ
ผมเลยเปลี่ยนเป็นฝ่ายกุมมือข้างนั้นเอาไว้เอง พลางพูดตัดบท


“เป็นห่วงก็คอยดูแลผมใกล้ๆซิ เดี๋ยวกลับมาพี่ค่อยทำแผลให้ผมก็ได้” ฉุดมือให้ออกเดินมาด้วยกัน...แต่พี่เบิ้มยังคงยืนนิ่ง

“แต่พี่ว่...

“ไม่มีแต่! ไปไหนคนเดียว เดี๋ยวก็เที่ยวไปช่วยตัวอะไรจนต้องเจ็บตัวเข้าให้อีก...
.
...ผมไปด้วยนี่แหละ ดีที่สุด” 


ไม่มีเสียงค้าน หรือคำพูดใดๆหลุดออกมา
มีแต่เสียงฝีเท้าของเราสองคน ดังคลอกันไประหว่างเดินออกปากซอย

ช่างเป็นความเงียบที่อบอุ่นอย่างน่าประหลาด
รู้สึกดีจนท่านเรียวอดยิ้มมุมปากอยู่คนเดียวไม่ได้...

แต่...อูยยยย! เจ็บแผลว่ะ


๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑



เพื่อนพี่เบิ้มคนนี้แม่งเป็นใคร?
หึ! ผมไม่ได้ติดใจเรื่องที่มันทำงานหาเลี้ยงตัวเองงกๆอะไรนี่หรอกนะ...

แต่ที่อยากรู้ คือ ทำไมต้องทำงานที่บาร์?
ไม่รู้เหรอว่า เขาห้ามเด็กอายุต่ำกว่ายี่สิบปีเข้าไปในสถานที่พวกนี้?
ดูสิ...ผมเลยต้องมานั่งเฝ้าลานจอดรถอยู่คนเดียว...ซวยชะมัด!

แล้วเข้าไปคุยอะไรกันตั้งนาน?
มันจะเกินครึ่งชั่วโมงอยู่แล้วนะ
ไหนบอกว่าจะรีบคุยรีบกลับ...ทำไมป่านนี้ยังไม่ออกมาอีก?
หรืออีกฝ่ายดึงดัน ตอแย และไม่ยอมปล่อยตัวพี่เบิ้มออกมาง่ายๆ?
หรือจริงๆแล้ว มันกับพี่เบิ้ม...จะเป็นมากกว่าเพื่อนกัน?


อีกห้านาที...

ผมจะให้เวลาพี่เบิ้มอีกห้านาทีเท่านั้น
ถ้าหลังจากห้านาที แล้วหมีของผมยังไม่กลับออกมา...
อย่าหาว่าท่านเรียวใจร้ายเป็นอันขาด


เพราะเอาแต่สอดส่องร่างยักษ์ตรงประตูทางเข้าร้าน
ทำให้ลืมสังเกตไปเลยว่า มีใครอื่นอีกบ้างที่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว
ผมแทบไม่รู้ตัว ตอนที่มีคนเดินมาหยุดยืนใกล้ๆ
จังหวะที่กำลังหันหน้ากลับไปมอง ก็พอดีกับคนข้างๆทักผมด้วยคำพูดแบบกันเองสุดๆ


“ไงเรียว...วันนี้มากับเบิ้มเหรอ?...
.
...ไม่เจอกันนาน  โตขึ้นเยอะเลยแฮะ...
...แต่หน้าตายังน่ารักไม่เปลี่ยนไปเลยเนอะ...
...เอ่อ...โทษที พี่ลืมไปว่าเรียวไม่ชอบให้คนอื่นชมว่าน่ารัก”


จากหน้าตา บอกได้เลยว่าคนพูดเป็นคนโคตรซื่อ...
ลักษณะภายนอกรวมๆแล้วดูบ้านๆ ง่ายๆ
น่าจะนิสัยดีพอใช้เลยล่ะ

ว่าแต่...แม่งเป็นใครวะเนี่ยะ?
ทักผมเหมือนสนิทกันมาเป็นชาติอย่างนั้นแหละ
ที่สำคัญ...แม่งเสือกรู้เสียด้วยว่า ผมโคตรเกลียดการถูกชมว่าน่ารักเป็นที่สุด


“เอ่อ...เรารู้จักกันที่ไหนมาก่อนเหรอครับ? ขอโทษจริงๆ คือ...ผมจำไม่ได้”

อีกฝ่ายยิ้มกว้าง แล้วจึงตอบคำถามผม “เคยซิ...
.
...เราเคยรู้จักกันนานมาแล้ว...
...เรียวรู้จักเบิ้ม   รู้จักพี่...
...พวกเรารู้จักกันดีเลยล่ะ...
...แต่ก็นะ เรื่องมันก็นานมาแล้ว แถมตอนนั้น เรียวยังเด็กมาก...
...เรียวคงจำรายละเอียดอะไรไม่ได้หรอก”

“ขอโทษนะครับ...พี่เป็นใครเหรอครับ?”

“ฮะ ฮะ ฮะ...จำไม่ได้จริงๆซินะ  ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร...
...เรามาทำความรู้จักกันใหม่ก็ได้...
.
...พี่ชื่อโย พี่เป็นเพื่อนกับเบิ้มมาตั้งแต่เด็กๆ...
...คนที่เบิ้มมันมาหา และเอาของมาให้นี่แหละ...
...พี่แค่อยากออกมาทักทาย  แล้วก็มาบอกว่า เบิ้มมันเข้าห้องน้ำอยู่ เดี๋ยวก็ออกมา ไม่ต้องเป็นห่วงไปล่ะ...
...พี่กลับไปทำงานก่อนนะ”

“เดี๋ยวครับ...
...ผมไม่สนใจหรอกนะ ว่าเราเคยรู้จักกันมาก่อนรึเปล่า...
.
...แต่หลังจากนี้...
...ถ้าไม่ลำบาก ขอร้อง...อย่ามายุ่งกับพี่เบิ้มของผมอีก...
...ผมถือว่า ผมเตือนพี่แล้วนะ”  

“ฮะ ฮะ ฮะ...ไม่ว่าตอนนั้น หรือ วันนี้... 
...เวลามีใครมายุ่งกับเบิ้ม เรียวก็ยังเฉียบขาดเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยแฮะ...
.
.
...ไม่ต้องห่วงไปหรอกเรียว...
...พี่ไม่ได้คิดอะไรกับเบิ้มอย่างที่เรียวกังวลเลยแม้แต่นิดเดียว...
...เรียวคงยังไม่รู้ซินะว่า ตลอดหลายปีมานี่  เรียวคือคนๆเดียวที่เบิ้มเฝ้ารอ...
.
...ขอให้มีความสุขนะครับ...
...พี่ไปล่ะ”


อะไรของเขาวะ?
พอพล่ามเสร็จ...ก็เดินหนีไปดื้อๆเสียอย่างนั้น

แต่จะว่าไป พี่โยนี่ก็หน้าคุ้นๆ...เหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน
หรือหลังจากฟังพี่โยพูดจาวกไปวนมามากๆ
ผมก็ชักจะอุปทานเชื่อตามน้ำไปจนได้?
แล้วไอ้สิ่งที่พี่โยพูดมาเสียยืดยาวเมื่อกี๊ มันหมายความว่ายังไงวะ?


ผม...กับพี่เบิ้ม เคยรู้จักกันมาก่อนเหรอ?
แล้วเรารู้จักกันเมื่อไร?

มันเนิ่นนานจนผมลืม หรือ ผมเด็กเกินกว่าจะจำความได้?...
เอาไว้ค่อยถามโต้ซังอีกที
ว่าเมื่อก่อน...ตอนผมอยู่กับแม่ที่นี่ ผมเคยมีเพื่อนชื่ออะไรบ้าง
แต่ตอนนี้ช่างแม่ง...หมดห่วงเรื่องไอ้พี่โยกับพี่เบิ้มไปได้เปลาะหนึ่ง...


เหลือก็แต่พี่หมีคนเดียวนี่แหละ...
จะยอมผมง่ายๆ หรือต้องให้ใช้ไม้แข็งเข้าขู่


“ไปเรียว...เรากลับบ้านกันเถอะ”


เสียงเรียกชื่อผมของพี่เบิ้ม
กับใบหน้ายิ้มแย้มนั้นทำใจเต้นโครมคราม...
กลายเป็นว่า ความรู้สึกไม่พอใจเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว หายวับไปง่ายๆด้วยการกระทำพื้นๆของคนๆนี้
หรือนี่จะเป็นครั้งแรกที่ท่านเรียวต้องพบกับความแพ้ไม่เป็นท่า?


“ช้านะ”


พูดจบ ผมก็ยื่นมือไปข้างหน้าร่างหมี
แล้วก็ต้องหลุดยิ้มออกมาทันที เมื่อมือหนานุ่มของพี่เบิ้มเอื้อมมาจับมือผมไว้ โดยไม่เอ่ยถามอะไรสักคำ
ถ้าพี่จะยินยอมพร้อมใจ ไม่มีปากเสียงขนาดนี้ล่ะก็...
ผมจะไม่นิ่งเฉยอีกต่อไปแล้วนะ


“ผมเจ็บตัวเพราะพี่...รับผิดชอบผมด้วยล่ะ” ผมเงยหน้าจ้องตาดุๆ หากแต่อ่อนโยนของพี่เบิ้มนิ่งๆเพื่อยืนยันคำพูด

“เรียวอยากให้พี่ทำอะไร...พี่ยินดีทำทุกอย่างตามบัญชาเลยครับ”

“ถ้างั้น ห้ามพี่เบิ้มสนใจ หรือทำดีกับใครแบบออกนอกหน้า! ห้ามเห็นใครสำคัญกว่าผม!! เพราะ...

“เพราะเรียวไม่ชอบ เรียวอยากให้พี่มีเรียวคนเดียว...อย่างนั้นใช่ไหมครับ?”

“หรือพี่มีปัญหา?”

“พี่กำลังรอให้เรียวพูดคำนี้อยู่เหมือนกันครับ...
.
...เรากลับบ้านกันเถอะนะครับ...
...เดี๋ยวพอทำแผลเสร็จ...พี่ให้เรียวนอนกอดพี่ดีไหมครับ?” คนพูดดูจะเขินไม่น้อย...ทั้งที่ชงเอง หยอดเองแท้ๆ


ผมว่าไอ้อาการเขินแม่งต้องเป็นโรคติดต่อแน่ๆ
เพราะตอนที่ตอบพี่เบิ้มกลับไป...
ผมก็ใจเต้น หน้าร้อนผ่าวไม่น้อยเหมือนกัน


“เออ!..ผมก็รอให้พี่พูดคำนี้อยู่ตั้งนานแล้วล่ะ”


๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑



เพราะอะไรๆมันลงล็อคอย่างง่ายดายจนผมแทบไม่ต้องออกแรง
จึงทำให้ผมหลงคิดไปว่า เรื่องระหว่างผมกับพี่เบิ้ม น่าจะลงเอยกันอย่างแฮปปี้เอนดิ้งได้เสียที

หารู้ไม่...ผมเพิ่งตระหนักว่า ตัวเองมีมารหัวใจเยอะกว่าที่คิด
เหลือเชื่อ!  เดี๋ยวนี้...เทรนด์มีแฟนเป็นหมีกำลังเป็นที่นิยมของท้องตลาดอย่างนั้นหรือ?

หลักฐานยืนยันเหรอครับ...
แม่งก็แขวนตำตาอยู่หน้าห้องพี่เบิ้มตอนนี้อย่างไรล่ะ


“พี่เบิ้ม...นี่อะไร?”


ผมถามเสียงเข้มทันทีที่เห็นของกลาง
แต่ที่น่าเหวี่ยงหมัดใส่ คือ ไอ้พี่เบิ้มของผมนี่แหละ
เพราะเมื่อเห็นถุงแทนใจ...ที่ไม่ได้มาจากผม
แม่งกลับไม่ได้แสดงท่าทางเดือดเนื้อร้อนใจ อยากทำลายหลักฐานห่าอะไรสักนิด


“อ๋อ...คงเป็นของพี่ห้องตรงข้ามมาแขวนเอาไว้ให้พี่น่ะ” ...ดูฟังพูดเข้าสิ แล้วอย่างนี้ ท่านเรียวจะไม่มีน้ำโหได้อย่างไร

“เอามานี่! เดี๋ยวผมเอาไปทิ้งให้” ผมกระชากถุงออก แต่ยังไม่ทันได้ก้าวไปไหน ข้อมือผมก็ถูกฉุดเอาไว้เสียก่อน

“แต่พี่เค้าจะเสียน้ำใจนะ”

“หรือพี่อยากให้มันเสียเลือดล่ะ? ผมจัดการได้นะ...ผมยินดี หึ หึ” แค่ผมส่งสายตาเย็นยะเยือกเหมือนตอนล่าเหยื่อไป พี่เบิ้มก็เหมือนจะเข้าใจอะไรๆได้ดีขึ้นทันตา

“ทิ้งไปก็ได้...
.
...เรียวอย่าติดใจเลยนะ” ฝ่ามือหนาบีบข้อมือผมเบาๆ...ง้อหรือไง?

“หึ! ผมไม่ติดใจหรอก...
.
...แต่อย่าให้ผมรู้ว่ามันติดใจพี่ก็แล้วกัน... 
...ผมเอามันตายแน่” ผมส่งสายตาเหี้ยมมองหน้าประตูห้องตรงข้าม
อยากให้ไอ้พี่นั่นมันแอบดูอยู่เหลือเกิน มันจะได้รู้ว่าอะไรควร...อะไรไม่ควร

“อย่านะเรียว...
.
...ถ้าคนอื่นตายเพราะเรียวจริงๆ พี่ก็ต้องเป็นหม้ายไปหลายปีพอดีน่ะซิ” หมียิ้มกรุ้มกริ่ม รับกับหน้าตากะลิ้มกะเหลี่ย

“หึ...ปากดี”

“อุ๊บ! โอ๊ยยย!(จุ๊บบบบบบ)”


เสียงนั่นดังขึ้นหลังจากผมต่อยเข้าที่ท้องแน่นๆของอีกฝ่ายเข้าอย่างจัง
เมื่อคนตัวสูงกว่างอตัวลงเพราะความเจ็บเสียด
ผมก็เหนี่ยวคอพี่เบิ้มลงมา แล้วกดจูบแนบแน่นแทนการตบรางวัล...

ช่วยไม่ได้...
ใครใช้ให้พูดจาท้าทายได้น่าฟัง ทั้งที่ตัวใหญ่เป็นตึกแบบนั้นกันเล่า...
พอคนฟังอย่างผมโดนกระเซ้า  ก็ย่อมอยากแสดงออกทางความรักตอบแทนบ้างเป็นธรรมดา
แต่อย่างว่า ขนาดตัวของเราสองคนต่างกันมาก...
เพราะฉะนั้น...พี่คงต้องทนเจ็บตัวเอาหน่อย


หึ หึ หึ...รอไว้ให้อยู่ในแนวราบก่อนเถอะ...
ท่านเรียวจะถนอมไม่ให้พี่หมีต้องช้ำแม้แต่น้อยเชียวล่ะ



๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑



สารภาพก่อนว่า ตั้งแต่ต้นไม่ได้คิดว่าจะเขียนเรื่องนี้
แต่อยู่ดีๆก็เกิดปิ๊งไอเดียขึ้นมาดื้อๆ
เลยต้องร่างพล็อตอย่างกะทันหัน...ซึ่งถ้ามันไม่ค่อยสมเหตุสมผล
ต้องขออภัยด้วยนะคะ T^T

ความตั้งใจแรกคืออยากเขียนให้เรื่องนี้เหมือนการ์ตูนญี่ปุ่น
โดยอารมณ์ของตัวละครจะสุดโต่ง และตลกๆหน่อย
แต่ไม่รู้ว่าผลลัพธ์จะเป็นตามนั้นไหม...ยังไงก็ฝากเอาไว้อีกเรื่องนะคะ
ขอให้อ่านอย่างมีความสุข และขอบคุณทุกๆท่านที่แวะมาทักทายค่ะ ^_^



๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑



No comments:

Post a Comment