01
ที่เธอทำมันแรงเกินไป เกินคนรับไหวใครจะทน
ก็เธอมีใครอีกคนทนได้ไง
ก่อนวันมีเธอเคียงกาย
ข้ามวันฉันคล้ายเพียงกากเดน
กว่าจะมองเห็น
ไม่นึกเลยเธอจะเป็น เลือดเย็นเหลือเกิน
ไว้ใจ – ไฮดรา
…………………………………………………………………………………………………………………………………
‘ผมกำลังไปครับ’
‘ไม่เกินสิบนาทีผมน่าจะถึงนะครับ’
‘ขอโทษอีกครั้งครับ’
‘ขอโทษอีกครั้งครับ’
โดยปกติ
การต้องแกร่วรอคู่นัดสร้างความหงุดหงิดแก่ผมนับครั้งได้ ยิ่งเมื่ออีกฝ่ายบอกเล่าถึงเหตุสุดวิสัยให้รู้ล่วงหน้าเช่นหนนี้
ถึงอย่างนั้น เมื่อจำเป็นต้องปล่อยเวลาทิ้งขว้างไปพร้อม ๆ
กับโดนสายเรียกเข้าจากอดีตคนรักกวนประสาททุก ๆ สองนาที
ผมจึงไม่มีแก่ใจรักษามารยาทพิมพ์ตอบข้อความล่าสุดที่เพื่อนเที่ยวรุ่นพี่ส่งมารายงานตัว
ไม่นานหลังจากนั้น เสียงเครื่องยนต์หวีดแหลมแสบแก้วหูดังสนั่นลานจอดรถที่กระชั้นเข้าใกล้ก็ทำให้ผมหยุดไถทวิตเตอร์กะทันหันก่อนจะถูกท่วงท่าน่ามองของชายนิรนามคนหนึ่งสะกดสายตาตรึงไว้กับที่
แม้จะเป็นการสอดส่องระยะไกลผ่านกระจกหน้ารถติดฟิล์มดำสนิทของตัวเอง
แต่ผมกลับรู้สึกถูกใจผู้ชายที่เพิ่งตวัดช่วงขายาว ๆ ก้าวลงจากท้ายรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างคนนั้นอย่างไม่มีสาเหตุ สงสัยผมจะตัดใจเรื่องไอ้พี่บูมได้เด็ดขาดแล้วแหละ
ไม่อย่างนั้น จู่ ๆ ผมจะรู้สึกร้อนวูบวาบสลับกับว้าวุ่นใจเพียงเพราะเห็นขายาว ๆ
ตูดปอด ๆ ของชายแปลกหน้าอย่างนั้นเหรอ เอ๊ะ หรือจริง ๆ ผมหื่น?
ทว่าสิ่งที่ทำให้ผมใจเต้นไม่เป็นส่ำยิ่งกว่าได้แอบมองเจ้าของรูปร่างกระแทกใจโดยไม่มีใครขัดขวาง
คือการที่อยู่ ๆ ฝ่ายซึ่งตกเป็นเป้าสายตายกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูพร้อม ๆ
กันกับที่มือถือของผมแผดเสียงดังลั่นห้องโดยสารน่ะสิ
“เฮ่ย!!” ถึงจะเชื่อว่าเรื่องบังเอิญไม่มีในโลก แต่ผมกลับตกประหม่าจนแข้งขาสั่นเมื่อเห็นหมายเลขไม่คุ้นตาบนหน้าจอโทรศัพท์
“สะ... สวัสดีครับ” เสียงผมสั่นจนกระทั่งตัวเองยังอดนึกรำคาญไม่ได้
หากผู้ชายคนนั้นใช่เพื่อนเที่ยวของผมจริง แล้วตัวผมในสภาพตื่นตระหนกยิ่งกว่าหมาตกใจเสียงประทัดอย่างที่กำลังเป็นอยู่นี่จะรอดไหม...
เจ้าประคู้ณ ขออย่าให้ใช่เลย ขออย่าให้เป็นคนนั้นเลย ได้โปรด
“สวัสดีครับ ผมมาถึงแล้วครับ
ไม่ทราบรถคุณคันไหนครับ” ฉิบหาย!
ริมฝีปากเขาขยับพอดีกับเสียงทุ้ม ๆ ที่ดังกรอกเข้าหูผมเป๊ะเลย แต่ของอย่างนี้จะมั่วไม่ได้
เพื่อความแน่ใจ ผมต้องพิสูจน์
“รถผมจอดอยู่ข้างเสา ล็อค B
-12 แต่ผมว่าผมเห็นคุณแล้วล่ะ ไหนคุณลองโบกมือซ้ายหน่อยได้ไหมครับ” ไม่ทันไร
ผู้ชายคนนั้นก็โบกมือตามที่ผมขอ โอ๊ย ใช่เขาจริง ๆ ด้วย ทำไมรูปดิสเพลย์หน้าเว็บกับตัวจริงถึงต่างกันหลายเบอร์ขนาดนี้วะ
ทำไงดี ตอนนี้ผมโคตรตื่นเต้น มือไม้เย็นไปหมดแล้ว?!
สาธุ ขอให้เขาแก่จนหูเริ่มเสื่อมทีเถอะ
เขาจะได้ไม่ต้องทนฟังเสียงหัวใจผมที่เต้นดังยิ่งกว่ากลองตรุษจีน
ส่วนผมเองก็จะได้ไม่ต้องแบไต๋ว่าตัวเองหวั่นไหวกับผู้ชายรุ่นน้อง ๆ พ่อ
.
.
.
.
“สวัสดีครับ คุณทูใช่ไหมครับ” พอรู้พิกัดแน่ชัดคู่นัดของผมก็กระวีกระวาดตรงมาหาผมที่รถทันที
ภาพที่เห็นไกล ๆ ว่าดูดีแล้ว
กลับสู้ตัวเขาที่กำลังยืนประจันหน้ากับผมในตอนนี้ไม่ได้เลยสักนิด
ถึงจะไม่หล่อเหลาตามสมัยนิยม แต่ใบหน้าคมคายนั่นก็ดูสะอาดสะอ้าน
จมูกโด่งจนน่าอิจฉา ริมฝีปากน่าจูบ ฟันขาวเรียงสวยเป็นระเบียบ
รวม ๆ แล้วผมว่าเครื่องหน้าทั้งหลายทั้งมวลเหล่านั้นช่วยส่งเสริมให้เขาดูน่าค้นหาเกินกว่าจะมองเลยผ่าน
กะจากสายตาแล้วก็แอบดีใจที่เขาไม่ใช่พวกก้ามปู แต่บ่ากว้าง ๆ อกแน่น ๆ นั่นก็ประมาทไม่ได้
ที่สำคัญตัวสูงกว่าผมเกือบคืบ กอดอุ่น พิงไหล่สบายล่ะทรงนี้
เสื้อผ้าหน้าผมของเขาไม่ล้ำ แต่ก็ไม่เลว
รสนิยมน้ำหอมถูกจริตจนพลอยคิดซื่อ ๆ ด้วยไม่ได้ ทว่าคุณสมบัติอันโดดเด่นเหนืออื่นใด
คือ บริเวณใต้ซิปกางเกงยีนส์ที่ดูมีมิติล้ำหน้าจนผมต้องเสสายตาเหลือบมองพื้นพลางลอบกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว... ได้พ่อมาเยอะจริง
ๆ พับผ่าสิ
“ขอโทษที่ทำให้คุณต้องรอนาน ผมหนาวครับ”
“ฮึ?!” ประโยคทักทายของเขาทำผมเกือบสำลักน้ำลาย
อะไรคือเจอหน้ากันแล้วบอกหนาว ขาดความอบอุ่นมากเหรอ?
“ขอโทษทีครับ ผมชื่อหนาวครับ” เขาอธิบายทันทีราวกับรู้ว่าออกตัวพลาด “จะเรียกพี่หรือเรียกหนาวเลยก็ได้ครับ
ผมไม่ถือ” ยังดีที่เมื่อพูดจบเขาแค่เกาหัวแก้เขินแล้วยกมุมปากยิ้มพอเป็นพิธี
ลองเขาเขินแรงกว่านี้สิ ผมคงชิงระเบิดตัวเองตายเพราะทนความน่ารักของเขาไม่ไหว
Rrrrr Rrrrr Rrrrr Rrrrr ความสุขของผมยังไม่ทันจะเบ่งบาน
อดีตแฟนก็โทรมารังควานจนผมหมดอารมณ์ระรื่น
“กำลังเดินเข้าไป ไม่ต้องโทรมาแล้วนะ”
ผมตัดสายเรียกเข้าล่าสุดอย่างไร้เยื่อใยก่อนจะหันไปตีหน้านิ่งแล้วป้อนคำสั่งกับเพื่อนเที่ยวแบบรวบรัดรวดเร็ว
“อีกเดี๋ยวผมจะไปเจอแฟนเก่า ผมอยากให้คุณช่วยเป็นแฟนใหม่ให้ผมหน่อย”
อิดออดไปก็ป่วยการ ขอแค่วันนี้ผมกำจัดไอ้พี่บูมไปจากชีวิตได้
ต่อให้ต้องสาวไส้ทุกขดออกมาเร่ขาย ผมก็ถือว่าคุ้มค่า
“ฮะ?!”
บ้าจริง คนอะไร ขนาดขมวดคิ้วทำหน้าตกใจยังเพลินตา
แต่เพราะรู้ว่าไม่ใช่เวลา ผมจึงวกกลับเข้าเรื่องสำคัญก่อนหัวสมองจะเตลิดไปถึงไหน ๆ
“ไม่เป็นไร ถ้าเจอเขาแล้ว คุณไม่ต้องพูดอะไรหรอก
แค่ทำตัวเป็นแฟนผมให้เนียน ๆ ก็พอ”
“...” เขายังคงยืนประมวลผลอยู่ที่เดิม
ในขณะที่ตัวผมเริ่มหมดความอดทน บอกเลยว่า วินาทีนี้จะหาใครอยากเป็นโสดมากเท่าผมคงไม่มี
“ไปครับพี่หนาว ไปเจอแฟนเก่าของทูกัน”
พูดจบผมก็ออกเดิน ยังดีที่เขาเป็นมืออาชีพมากพอ
ไม่อย่างนั้นผมคงต้องทั้งจูงทั้งลากผู้ชายตัวใหญ่กว่าให้ตามหลังกันเข้าห้างไปแน่ ๆ
••••••
“พี่นึกว่าทูจะไม่มาแล้วซะอีก” ผมเบือนหน้าหนีผู้ชายที่เพิ่งลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยท่าทางกระตือรือล้นคนนั้นเพราะทนมองไม่ไหว
ยิ่งล่าสุดเฟมมันแคปหน้าจอข้อความนัดยิ้มที่พี่บูมโพสลงแอพฯ
ชุมทางเกย์เมื่ออาทิตย์ก่อนส่งมาให้ดู ผมก็ยิ่งแน่ใจว่าการตัดสินใจครั้งนี้ถูกต้องที่สุด
“นั่งก่อนสิทู เดี๋ยวไปพี่สั่งกาแฟให้นะ”
“ไม่ต้อง ผมคุยไม่นาน” ช่วงความรักสุกงอม ผมเคยลำพองใจว่าความสัมพันธ์ของผมกับผู้ชายตรงหน้าจะคงอยู่ชั่วลูกชั่วหลาน
แต่ในเมื่อทุกอย่างพังพินาศด้วยน้ำมืออีกฝ่าย การต้องกลับมาเจอหน้ากันอย่างช่วยไม่ได้จึงควรยุติโดยเร็ว
“ทูพาเพื่อนมาด้วยเหรอ” แม้คนข้างตัวผมจะเป็นเพียงชายแปลกหน้า แต่สายตาเหยียด ๆ
ที่แฟนเก่าใช้มองพี่หนาวหัวจรดเท้าก็ทำให้คนกลางอย่างผมรู้สึกอดรนทนไม่ได้
“เขาไม่ใช่เพื่อนผม แต่เป็นแฟนใหม่ผมเอง”
“สวัสดีครับ” นอกจากจะไม่แสดงสีหน้าประดักประเดิดจนดูผิดสังเกตแล้ว ผู้ถูกพาดพิงยังยืดอกยิ้มรับสถานะที่ผมยัดเยียดให้เสียน่ามองเชียว
แหม... บริการทุกระดับประทับใจสมกับเงินหลายพันที่จ่ายไปจริง ๆ
“ฮะ?! เมื่อกี้ทูว่าไงนะ!”
พนันได้เลยว่าไอ้พี่บูมตกใจแรงได้ไม่ถึงครึ่งตอนที่ผมรู้เช่นเห็นชาติมันหรอก
แต่ถ้าใช้ความทุเรศของหนังหน้าเป็นตัวชี้วัด ผมฟันธงว่ามงฯ ต้องลงหัวมันนี่แหละ
“ผมมีแฟนใหม่แล้ว
เพราะฉะนั้นพี่ก็เลิกยุ่งกับผม ครอบครัวผม แล้วก็พวกเพื่อน ๆ ผมซะที
หลังจากนี้ผมอยากให้เราต่างคนต่างอยู่ ถ้าไม่จำเป็น จะตอนไหน ๆ พี่ก็ไม่ต้องมายุ่งกับผมอีก”
พอได้พูดจนสาแก่ใจ
ผมก็คว้าแขนแฟนแอบอ้างมาควงพร้อมตั้งท่าหมุนตัวกลับ “ไปครับพี่หนาว
ทูหิวข้าวแล้ว”
“เดี๋ยวสิทู คุยกับพี่ให้รู้เรื่องก่อน” พอเห็นไอ้พี่บูมมันลุกพรวดขึ้นมา ผมก็ดึงแขนเพื่อนเที่ยวรุ่นดึกถอยกรูดไปอีกทางก่อนขู่ฟ่อ
“แต่ผมไม่มีอะไรจะคุย” สิ้นคำ ผมก็ควงแขนแฟนรับสมอ้างเดินจากมาด้วยความโล่งอก ในที่สุด ผมก็ไม่ต้องปวดหัวเพราะคนรักเก่าชั่ว
ๆ อีกต่อไป
.
.
.
.
เมื่อตัดขาดจากรักแรกได้ตามแผน ผมก็หันไประงับบริการกับเพื่อนเที่ยวรุ่นพี่ที่ยังยอมให้ผมเกาะเกี่ยววงแขนเดินร่อนไปค่อนห้างทันที
“เมื่อกี้ขอบคุณคุณมากนะครับ ผมหมดธุระแล้ว พวกเราแยกย้ายกันตรงนี้เลยดีกว่า”
“เดี๋ยวครับคุณทู” เขาท้วงเสียงหลงจนผมต้องเลิกคิ้วมองอย่างสงสัย “ยังไม่ครบหนึ่งชั่วโมงเลยครับ”
“ไม่เป็นไรครับ คิดเสียว่าวันนี้คุณเลิกงานก่อนเวลาก็ได้ ผมโอเค” ระหว่างที่แสร้งพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดอยู่นั้น
ผมต้องต่อสู้กับจิตใจด้านมืดที่ปรารถนาจะแทะโลมอีกฝ่ายผ่านสายตาอย่างยากเย็น
พอรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวร่ำ ๆ ว่าจะเพลี่ยงพล้ำ ผมก็นึกถึงหน้าเฟมแล้วใช้วาจาเผ็ดร้อนของมันเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว
ไม่ได้! มึงจะตกเป็นทาสของลุงไซด์ไลน์ไม่ได้เด็ดขาด ขืนมึงเทิร์นโปรเป็นสายเปย์ซื้อผู้เสพสมตั้งแต่ยังไม่สามสิบ
แล้วหลังเกษียณมึงจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายค่าหมอ ค่ายา ค่าแนนนี่ที่เดย์แคร์ หาอีทู?
“แต่ผ...”
“ทำตามที่ผมบอกเถอะครับ ผมกลับก่อนนะครับ ยังไงก็ขอบคุณคุณมาก ๆ
ที่ช่วยผมไว้วันนี้” เขาดูพะวักพะวน แต่เพราะตระหนักว่าเงินทองไม่ได้หามาง่าย ๆ
อีกทั้งยังมั่นใจว่าคนในสายงานเช่นเขาน่าจะคุ้นเคยกับเรื่องทำนองนี้
ผมจึงไม่ลังเลที่จะตัดบทอย่างแห้งแล้งก่อนจะบ่ายหน้าเดินไปยังลานจอดรถโดยไม่รั้งรอ
••••••
“เฮ่ย?!” ขณะกำลังล้วงกระเป๋าสะพายควานหากุญแจรถอยู่นั้น
ข้อมือข้างหนึ่งของผมก็ถูกกระชากอย่างแรงจากด้านหลัง
เอาแล้วไง ผมโดนเล่นแล้วไง คิดมาถึงตรงนี้
ภาพเหตุการณ์จี้ปล้นกลางลานจอดรถห้างดังที่เคยดูเมื่อชาติปางก่อนก็โลดแล่นอยู่ในหัว
แต่เมื่อทั้งตัวถูกรั้งให้หันหลังกลับไปแล้วนั่นแหละ ผมจึงเพิ่งสำเหนียกว่า ถ้าเปลี่ยนไอ้คนตรงหน้าเป็นโจรคงดีกว่ากันเยอะ
“ปล่อยผมนะพี่บูม”
“ไม่!”
“ปล่อย ถ้าไม่ปล่อยผมจะตะโกนเรียกรปภ.”
“เอาเลย เรียกคนมาดูเยอะ ๆ เลย
ถ้าถูกถ่ายคลิปเราก็ดังกันทั้งคู่ พี่ไม่อายหรอกนะทู ถ่ายคลิปคู่กับทู... จะแบบไหนพี่ก็ชอบ”
สาบานว่านั่นปาก จะคลิปไหน กูก็ไม่เคยถ่ายกับมึงเว้ย แต่ถึงจะเคย...
กูก็ลบทิ้งหมดแล้ว อย่ามาบลัฟหน่อยเลย!
“ปล่อยสิวะ” ยิ่งผมขัดขืน แรงที่บีบรอบข้อมือก็ยิ่งทำให้ผมเจ็บจนนิ่วหน้า
“คลิปฉาว ๆ น่ะคนดูเป็นล้านนะทู หรือทูอยากเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์”
ให้ตาย ผมไม่น่าชะล่าใจกับชัยชนะจนลืมความร้ายกาจของอีกฝ่ายไปสนิทใจ คนเลวบริสุทธิ์อย่างไอ้พี่บูมน่ะเหรอจะยอมทำตามคำขอของผมง่าย
ๆ ... ที่ตอนนั้นมันไม่แย้งผมสักคำคงเพราะกำลังรักษาภาพลักษณ์จอมปลอมของมันอยู่ยังไงล่ะ
“แล้วพี่ต้องการอะไร...
ยังจะเอาอะไรจากผมอีก?”
“พี่ไม่เลิก ยังไงพี่ก็ไม่เลิกกับทู!” เอ๊ะไอ้เหี้ยพี่บูมนี่ ก็กูบอกว่าเลิกไง
อย่างี่เง่าได้ไหมวะ
“แต่ผมจะเลิกเพราะผมมีแฟนใหม่แล้ว”
ผมยังคงยืนกระต่ายขาเดียว แม้ภายในใจจะกำลังหวาดหวั่นกับความหน้าด้านของอีกฝ่ายอยู่มากก็ตาม
“หึ อย่าโกหกสิทู พี่รู้นะว่าทูไม่มีทางคบคนอื่นทั้ง
ๆ ที่ยังรักพี่อยู่” ไอ้พี่บูมมันแสยะยิ้มเยาะเย้ยราวกับเห็นไส้ผมครบทุกขดก่อนจะกระชากผมเข้าหาตัวจนหน้าผมเกือบคะมำ
“น่า อย่าเล่นตัวนักเลย วันนี้พี่ก็มาง้อทูแล้วไง หายโกรธแล้วกลับบ้านกับพี่เถอะนะครับที่รัก”
“ทุเรศ! พูดออกมาได้ไม่อายปาก”
ผมระเบิดโทสะใส่อีกฝ่ายอย่างเหลืออด “สจ๊วตคนนั้นต่างหากล่ะสุดที่รักของพี่ ผมมันก็แค่ไอ้โง่ที่โดนพี่หลอกอยู่ได้เป็นชาติ”
ยังจะต้องให้ผมบอกอีกเหรอว่าพี่แม่งเหี้ย
หนอย... ตอแหลใส่ผมมาได้ตั้งสามปี ถ้าไม่ใช่เหี้ย
ผมก็ไม่รู้จะเรียกพี่ว่าอะไรแล้ว
“ไม่เอาน่าทู ก็ไหนวันนั้นเราคุยกันรู้เรื่องแล้วไง”
อย่านะมึง อย่าพูดเรื่องอัปรีย์นั่นขึ้นมาอีกเชียวนะ ผมขึงตามองขู่ แต่ไอ้พี่บูมกลับพูดเรื่องแทงใจผมได้หน้าตาเฉย
“ตอนเมธไม่อยู่เมืองไทย เราก็เป็นแฟนกันเต็มเวลา ส่วนสองสามอาทิตย์ที่เมธมา
ทูก็กลับบ้านไปอยู่กับครอบครัว ไปเที่ยวกับเฟม ไปร้องเกะ ไปสปากับพวกพี่ฟี่เหมือนเมื่อก่อนไง...
ทูบอกพี่เองไม่ใช่เหรอว่าชอบให้เราห่างกันบ้าง เราจะได้รักกันมาก ๆ ”
โอ๊ย
ใครก็ได้ช่วยพาผมออกไปจากเรื่องบ้า ๆ นี่ที ผมจวนจะเป็นโรคประสาทกับตรรกะผี ๆ ของไอ้ตัวหน้าด้านนี่เต็มทนแล้ว
“ขอร้องล่ะ จะให้ผมไหว้ก็ได้ แต่ช่วยปล่อยผมไปทีเถอะ ผมมีแฟนใหม่แล้ว
ยังไงผมก็จะไม่กลับไปคบกับพี่”
“ถ้าทูยังพูดไม่รู้เรื่องก็อย่าหาว่าพี่ใจร้ายแล้วกัน”
พูดจบ ไอ้เหี้ยพี่บูมก็กระชากแขนผมให้เดินตามมันไป แต่มีหรือที่ผมจะยอมกลับไปตกนรกง่าย
ๆ ยิ่งคนข้างหน้าทำรุนแรงกับผมเท่าไร สองขาของผมก็ยิ่งปักหลักไม่ยอมก้าวไปไหนจนไอ้พี่บูมมันเริ่มขึ้นเสียง
“ทู กลับไปกับพี่”
“ไม่! ปล่อยผม” พอไอ้พี่บูมมันหันกลับมาแล้วใช้สองมือยื้อยุด
ผมก็เริ่มออกอาวุธเปะปะไปตามประสา... เอาสิวะ ผมเข้าคลาสบอดี้คอมแบทมานะเว่ย
“อยากเจ็บตัวหรือไง”
“ปล่อยดิวะ!”
“อย่าให้พี่โมโหนะทู”
“ก็ปล่อยมือดี้!”
“ทู!”
“ปล่อย! พูดภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง...
ปล่อย!”
“คุณช่วยปล่อยแฟนผมด้วยครับ” เสียงของบุคคลที่สามดังขึ้นพร้อมสัมผัสกระชับรอบข้อมืออีกข้างหนึ่งของผมที่ยังว่างอยู่
“ฮะ?!!”
ขณะที่ไอ้พี่บูมกำลังอวดสีหน้าโง่ ๆ
แก่คนทั้งโลก ผมเองก็กำลังเซอร์ไพรส์จนหน้าเสียทรงตามไปอีกคน... เฮ่ย มาไงอะ
ไม่ได้ตีปีกบินกลับบ้านไปนอนตีพุงแล้วเหรอ?
“ปล่อยทูเถอะครับ...
ก่อนผมจะหมดความอดทน” หากการเจอไอ้เหี้ยพี่บูมคือคราวเคราะห์ประจำวัน
ลุงไซด์ไลน์ที่กำลังออกหน้าเป็นแฟนให้ผมทั้ง ๆ ที่ธุระไม่ใช่คงลอยลำติดอันดับเรื่องมหัศจรรย์ที่สุดไปเลย
“ปล่อยทูเดี๋ยวนี้ครับ”
“ปล่อย!”
ต้องให้ผมตอกย้ำด้วยการกระชากแขนอีกทีนั่นแหละคนหน้าบางอย่างไอ้พี่บูมถึงยอมปล่อยผมเป็นอิสระ
ในเมื่อแฟนใหม่ (ปลอม ๆ ) ก็มารับแล้ว เรื่องอะไรผมจะทนเหม็นหน้าคนรักเก่าอยู่อีกล่ะ
“ไปกันเถอะครับพี่หนาว ทูไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว”
“มาครับ เดี๋ยวพี่ขับรถให้...
วันนี้ให้พี่ขับรถให้เถอะนะ ทูจะได้นั่งพักให้หายตกใจ” ข้อเสนอของเพื่อนเที่ยวต่างวัยทำผมชะงักไปนิดหนึ่ง
แต่พอฟังเหตุผลตบท้ายด้วยรอยยิ้มบาง ๆ กระชากใจ ดวงตาของผมก็พลันพร่าพรายจนเผลอพยักหน้ายินยอมเสียเฉย
ๆ
“ครับพี่หนาว” ไม่ทันพูดจบ
อีกฝ่ายก็ยื่นมือมาตบกุญแจไปจากมือผมด้วยความนุ่มนวล ก่อนจะจับจูงผมให้เดินตามหลังไปขึ้นรถอย่างว่าง่าย
ง่ายเสียจนผมยังแอบกลัวใจตัวเอง เฟม... ช่วยเพื่อนด้วย ลุงไซด์ไลน์ละมุนมาก
••••••
“คิดเสียว่ามีแค่สองชั้นก็แล้วกันนะ
ว่าไงเชน พอไหวไหม” โจโจ้ถามความเห็นรุ่นน้องที่เพิ่งเดินออกมาจากด้านในอาคารสามชั้นกลางเก่ากลางใหม่ใจกลางย่านชุมชนแนวรถไฟฟ้า
ก่อนหน้านี้เขามีศักดิ์เป็นเจ้านายและพี่ร่วมโลกของอีกฝ่าย หากคเชนทร์ตัดสินใจเช่าห้องแถวหลังนี้จากเขาจริง
ๆ โจโจ้จะกลายเป็นเจ้าของตึกแถวที่ผูกตนเองติดกับอดีตลูกน้องผู้นี้ไปอีกหลายปี
“ต้องไหวสิเจ๊
ทำเลดีแถมค่าเช่ายังถูกเหลือเชื่อ ยังไงผมก็ต้องไหว” คเชนทร์ละสายตาจากใบหน้าเคลือบเครื่องสำอางของนายจ้างแล้วกวาดตามองว่าที่บ้านหลังใหม่ซึ่งตนจะใช้ชั้นล่างทำมาหากินด้วยความหวัง
แม้สภาพภายนอกของสิ่งก่อสร้างตรงหน้าจะทรุดโทรมผิดจากคูหาข้าง
ๆ ไปสักหน่อย หนำซ้ำบริเวณชั้นสามยังถูกบิดาของโจโจ้ปรับทำเป็นห้องพักรายเดือนไปแล้วก็ตาม
กระนั้นพื้นที่สองชั้นที่เหลือซึ่งแต่เดิมเคยเปิดให้คนเช่าทำร้านค้าก็ยังเหมาะจะเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตใหม่ที่คเชนทร์ใฝ่ฝันอยู่ดี
“ขอบคุณเจ๊จริง
ๆ ที่ยอมให้ผมเช่า ถ้าไม่ใช่เพราะเจ๊คอยช่วยเหลือ ผมคงไม่มีวันนี้”
โจโจ้โบกมือไล่ไม่รับความซาบซึ้งในรูปแบบใด
ๆ เพิ่มเติมพลางบ่นขรม “พอแล้ว เลิกไหว้แล้วก็หยุดขอบคุณเสียที เชนจ่ายค่าเช่า
ไม่ได้ขออยู่ฟรี ๆ เพราะฉะนั้นเราไม่มีอะไรติดค้างกัน”
เหตุผลที่เจ้าของคณะคาบาเร่ต์คอยส่งเสริมคเชนทร์
ใช่แค่เพราะอีกฝ่ายเป็นลูกจ้างและน้องที่ดีเท่านั้น หากแต่อีกฝ่ายยังเคยผ่านเรื่องบัดซบร้อยแปดมาตามประสาคนหัวอกเดียวกัน
จึงไม่แปลกถ้าโจโจ้จะเห็นใจและพร้อมสนับสนุนคเชนทร์มากกว่าเด็กในร้านคนอื่น ๆ
“แล้วนี่นังสาวมันไปไหน
หรือว่าตกส้วมตายไปแล้ว” โจโจ้ถามหาลูกน้องในปกครองอีกคน
รายนี้ปล่อยห่างหูห่างตานาน ๆ ไม่ได้ หายหัวทีไรเป็นต้องหาเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจมาให้เขาอยู่เรื่อย
“เมื่อกี้ผมเห็นสาวเดินไปทางนั้นไว
ๆ น่ะครับ อีกเดี๋ยวคงกลับมา”
“ขุ่นแม่ พี่ช่า
หนูมาแล้ว!” ไม่ทันขาดคำ
บุคคลที่ทั้งสองกำลังมองหาก็เดินยิ้มร่าหิ้วหอบถุงก๊อบแก๊บใบใหญ่กลับมาอย่างร่าเริง
“ขุ่นแม่ขา ตรงโน้นมีร้านเบเกอรี่ด้วย
ขนมงี้ยั่วน้ำลายมาก” ชายหนุ่มผู้เรียกตัวเองว่าสาวพยักเพยิดพลางลากหางเสียงยืดยาวจนคนฟังทั้งสองต่างพากันทอดถอนใจ
ลองว่าเจ้าตัวหอบขนมกลับมาเต็มสองไม้สองมือ อีหรอบนี้แสดงว่าพ่อค้าจะต้องน่ากินกว่าขนมเป็นไหน
ๆ “พี่ช่า ไว้วันไหนหนูจะมาช่วยพี่ช่าเฝ้าร้านนะ”
คเชนทร์อมยิ้มพลางพยักหน้ารับคำรุ่นน้อง
“ถ้าช่างทำร้านเสร็จเมื่อไร สาวก็แวะมานั่งเล่นนอนเล่นที่นี่ได้ตลอดเลยนะ”
“ขอบคุณนะคะพี่ช่า
หนูรักพี่ม้ากมาก” กระดี๊กระด๊าได้ไม่ทันไร สาวก็หุบยิ้มทำหน้าเศร้าหมองใส่คเชนทร์เสียแล้ว
“พี่จะออกมาขายดอกไม้จริง ๆ เหรอ แล้วต่อไปถ้าหนูกับอีเฟิร์นมีปัญหา พวกหนูจะปรึกใครล่ะคะ”
“โอ๊ยนังสาว หล่อนจะฟูมฟายอะไรนักหนา
เชนมันแค่เลิกเต้นกินรำกินมาเปิดร้านดอกไม้ มันไม่ได้จะไปตายที่ไหน”
“โห่ขุ่นแม่ล่ะก็
อย่าดุหนูสิคะ หนูยิ่งบอบบาง ๆ อยู่”
“ย่ะ แม่คนบอบบาง...
บางทีก็ล่ำ บางทีก็ลงพุงใช่ไหมยะหล่อนน่ะ” โจโจ้แขวะนางโชว์ดาวเด่นสายตลกประจำร้านด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง
“นี่ไงพี่ช่า
ถ้าพี่ช่าไม่อยู่ ขุ่นแม่ต้องโขกสับหนูตลอด ๆ แน่ ๆ เลยอ่ะ”
เมื่อเห็นโจโจ้เริ่มส่งสายตาประหัตถ์ประหารใส่รุ่นน้องร่างใหญ่
ชายหนุ่มจึงรีบห้ามทัพเพื่อไม่ให้สาวต้องถึงฆาตก่อนวัยอันควร “เรากลับไปทำสัญญากันเถอะครับเจ๊
ผมอยากเป็นเจ้าของร้านดอกไม้เต็มทีแล้ว”
••• TBC •••
มีใครในนี้เล่นทวิตบ้างไหมคะ
ส่วนตัวเราเองก็เล่นบ้าง เลยอยากมีแท็กประจำนิยายของตัวเองซักนิดนึง
ถ้ายังไงช่วยแนะนำกันมาหน่อยนะคะ ขอบพระคุณค่ะ (ยกมือไหว้ท่วมหัว)
เจอกันวันจันทร์หน้าค่ะ
No comments:
Post a Comment