<|No.08|>
ซักผ้า
หุงหาอาหาร ทำงานบ้าน ทักษะพื้นฐานของยอดเมีย
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………...
“แล้วเดี๋ยวยิมทำอะไรต่อ?”
เนื่องจากขณะนี้เป็นช่วงเวลาสาย ๆ ของวันเสาร์ คนรับหน้าที่เช็ดโต๊ะญี่ปุ่นหลังกินข้าวเช้าเสร็จจึงตะโกนถามเจ้าของห้องที่ออกไปนั่งยอง
ๆ ล้างชามโจ๊กอยู่ตรงระเบียงด้วยความสนอกสนใจ
“ผมว่าจะทำห้องแล้วก็ซักผ้าอ่ะพี่
แดดดี ๆ อย่างนี้ เที่ยง ๆ ก็น่าจะแห้ง” ยิมละมือจากจานชามตรงหน้าแล้วเอี้ยวตัวกลับเข้ามาชะเง้อมองรุ่นพี่ต่างคณะเป็นกรณีพิเศษ
“พี่ชายซักผ้าเป็นหรือเปล่าครับ?”
“ก็ต้องเป็นสิยิม
ตอนอยู่คอนโด พี่ชายก็ซักผ้าเองนะ” ชายชาตรีนิ่งนึกอยู่อึดใจก่อนจะเอียงคอถามด้วยสีหน้ากึ่งประเมินกึ่งติติงคล้ายจะบอกกลาย
ๆ ว่าเด็กปีหนึ่งเพิ่งพูดเรื่องไม่เข้าท่าออกมาหยก ๆ
ทำไมอยู่
ๆ ถึงถามกันแบบนี้?
จริงอยู่ที่ตลอดมา
เขาจะอยู่อย่างราชา กินอย่างมหาเศรษฐี แต่ยิมก็ไม่ควรเหมาว่าเขาจะทำอะไรเองไม่เป็นเสียหน่อย!
อารามโล่งใจหลังได้ยินคำตอบของอีกฝ่าย
เด็กวิศวะหน้าหนวดจึงไม่ได้ใส่ใจกับอารมณ์แอบแฝงของสายเปย์เท่าไรนัก “ดีเลยครับ
งั้นตอนผมทำห้อง พี่ชายก็ซักผ้าไปพลาง ๆ แล้วกัน” ยิมจำเป็นต้องจัดแจงหน้าที่ของทั้งเขาและชายชาตรีให้ชัดเจนเสียแต่เนิ่น
ๆ เพื่อความสะดวกต่อการสะสางงานบ้านของพวกเขาทั้งคู่
“เดี๋ยวผมรองน้ำใส่กะละมังเอาไว้ให้เลยนะพี่”
“หืม?! เครื่องรุ่นนี้ต้องรองน้ำใส่กะละมังด้วยเหรอยิม?”
ที่สุดแล้วสายเปย์หน้าเข่าก็ย้ายมวลร่างกายมาหยุดยืนใกล้ ๆ กับกรอบประตูระเบียงพลางพยักเพยิดด้วยสีหน้ากังขาไปยังเครื่องซักผ้าฝาหน้าสุดไฮเทคที่เจ้าตัวเฮละโลขนซื้อมาพร้อมกับบรรดาสิ่งกีดขวางแปลกใหม่มากมายภายในห้อง
“เอ แล้วทำไมตอนนั้นเซลล์ถึงบอกพี่ชายว่าให้ใส่ผ้ากับน้ำยา กดปุ่มนี่ แล้วก็รอเดี๋ยวเดียวไง
หรือเขาจะลืมบอกว่าต้องใช้กะละมังใส่น้ำด้วยนะ? สงสัยพี่ชายคงต้องไปอ่านคู่มือดูหน่อยแล้วล่ะ”
ยิมปรายตามองหน้ารุ่นพี่สลับกับตู้เหล็กสีขาวทรงสี่เหลี่ยมซึ่งยึดครองพื้นที่ระเบียงไปกว่าครึ่งอย่างหนักอก
“เฮ่อ! ไม่ต้องหรอกพี่” เมื่อเห็นเด็กบริหารทำหน้างงงวย
เจ้าของห้องหนวดฟูจึงช่วยชี้ทางสว่างให้แก่ควายหลงทางเป็นวิทยาทาน
“ก็ไอ้เครื่องนี่น่ะมันยังไม่ได้ติดตั้งนี่ครับ
ต่อให้พี่อ่านคู่มือให้ตาย มันก็ซักผ้าให้พี่ไม่ได้อยู่ดี” ยิมโบกสายยางด้านหลังเครื่องไหว
ๆ เพื่อยืนยันคำพูดอีกคำรบ
“อ้าว! แล้วทำไมตอนเขามาส่งของ
เขาถึงไม่ติดตั้งเครื่องซักผ้าให้พี่เลยล่ะ? ว้า! แล้วอย่างนี้พี่ชายจะซักผ้าได้ยังไงกัน?” สายเปย์โอดโอยระโหยไห้เมื่อทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผน...
หมดกัน! แล้วอย่างนี้เขาจะสาธิตอภินิหารย์ด้านงานบ้านงานเรือนให้รูมเมทประจักษ์จนอ้าปากค้างได้อย่างไร?
เด็กวิศวะส่ายหัวพลางยักไหล่ไม่ยี่หระก่อนจะยิงตรงเข้าประเด็นสำคัญเหนืออื่นใด
“ต่อให้เครื่องซักผ้าพี่จะใช้งานได้จริง ๆ ผมก็ไม่ให้พี่ใช้หรอก มันเปลืองไฟ”
“อ้าว! แล้วถ้าไม่ใช่เครื่องพี่ชายจะซักผ้าได้ยังไงล่ะยิม?”
สายเปย์ทำหน้ายู่หูตก
สิ้นคำถามของชายชาตรี
ยาจกเฟรชชี่ก็ยกยิ้มมุมปากพร้อมกับผายมือให้อีกฝ่ายได้ทำความรู้จักกับอุปกรณ์ซักผ้าขวัญใจแม่บ้านยุคเก้าศูนย์แบบเต็มสองตา
ทั้งกะละมัง แปรงซักผ้า และผงซักฟอกหนึ่งถุงย่อม “เดี๋ยวผมจะสอนพี่ซักผ้าด้วยมือเอง
รับรอง... ประหยัดแถมยังสะอาดกว่าซักเครื่องเป็นไหน ๆ ”
“ขอโทษนะยิม
พี่ไม่เคยซักผ้าแบบนี้มาก่อนจริง ๆ ” เด็กบริหารปีสามเปรยขึ้นขณะโยนเสื้อยืดของอีกฝ่ายที่บิดหมาดแล้วใส่ลงในกะละมังน้ำสุดท้ายที่เจ้าของห้องรับหน้าที่ดูแล
“พี่ชายเลิกขอโทษผมได้แล้วครับ
ถึงตอนนี้พี่จะยังซักผ้าไม่เป็น แต่เดี๋ยวพออยู่ ๆ ไป พี่ก็ทำได้เองแหละครับ” เป็นเพราะสีหน้าของคู่สนทนายังดูจ๋อยอยู่
เด็กวิศวะจึงรีบอัดฉีดกำลังใจให้ซ้ำ ๆ อย่างไม่ตระหนี่ “จริง ๆ ตอนแรก ๆ ผมซักผ้าไม่ได้เรื่องหนักกว่าพี่อีกนะครับ
เชื่อไหม?”
“ยิมพูดจริงเหรอ?”
ดวงตาของชายชาตรีเบิกโพลงด้วยความประหลาดใจคล้ายกับเพิ่งได้ยินว่าควายตกลูกเป็นไก่อย่างไรอย่างนั้น
“หึ
หึ ก็จริงน่ะสิครับ ผมจะโกหกพี่ชายไปทำไมล่ะ” ฝ่ายผู้อ่อนอาวุโสกว่าพยักหน้ารับคำเจือรอยยิ้ม
“เสื้อผ้าคนอื่นมีแต่ขาวสะอาดขึ้นหลังตากเสร็จ แต่ของผมนี่สิ กระดำกระด่างหมองคล้ำจนหลวงพ่อท่านต้องให้คนอื่นมาช่วยจับมือสอนกันเลยทีเดียว”
“อย่างนั้นเลยเหรอ?
แล้วใครสอนยิมซักผ้าล่ะ?” ไหน ๆ การเรียนการสอนก็ล้มเหลวไม่เป็นท่าเนื่องจากความสามารถในการซักผ้าด้วยมือขยันของชายชาตรีต่ำกว่ามาตรฐานไปหลายล้านปีแสงแล้ว
ฝ่ายผู้รับหน้าที่ซักน้ำเปล่าอย่างจำยอมจึงซักไซ้เฟรชชี่ผู้คร่ำหวอดในวงการงานบ้านแก้เก้อมันเสียเลย
“ก็พวกเด็กวัดรุ่นพี่น่ะครับ”
“หืม?
มีเด็กวัดคนอื่นนอกจากยิมด้วยเหรอ?” รูปแบบชีวิตอันมั่งคั่งพรั่งพร้อมทำให้ชายชาตรีนึกภาพสิ่งแวดล้อมที่หล่อหลอมตัวตนของรุ่นน้องหน้าหนวดแทบไม่ออก
จึงไม่แปลกหากสายเปย์จะหลุดปากถามคนเกิดทีหลังโดยไม่ทันยั้งคิด
“ครับ
พูดก็พูดเถอะ ผมว่าแถววัดที่ผมอยู่อ่ะน่าจะเป็นจุดทิ้งเด็กยอดนิยมประจำจังหวัดเลยล่ะมั้งพี่
สงสัยเขาคงรู้กันว่าทิ้งแล้วมีคนเลี้ยงต่อให้ คนที่เลี้ยงลูกไม่ไหวเลยชอบเอาเด็กเล็ก
ๆ มาทิ้งกันบ่อย ๆ นาน ๆ เข้าพวกเราเลยมีกันหลายคนน่ะครับ” แม้ใจความที่ยิมเอื้อนเอ่ยจะทำให้คนฟังสะท้อนใจ
ทว่าเด็กวิศวะกลับพูดถึงความเป็นมาของตัวเองด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ โดยไม่ละมือจากงานตรงหน้าเลยสักวินาที
“...เหรอ...”
จากเดิมที่หลงคิดว่าจะเป็นการพูดคุยฆ่าความประหม่า
ฟังไปฟังมาชายชาตรีกลับยิ่งอมพะนำทำหน้าไม่ถูก
ระหว่างก้มหน้าก้มตาขยี้เนื้อผ้าในน้ำสะอาดจนหมดฟองก่อนจะบิดจนเสื้อเชิ้ตสีขาวเนื้อดีของรุ่นพี่ต่างคณะขมวดเป็นก้อนชื้น
ๆ ภาพความหลังที่ปรากฏขึ้นสมองก็ทำให้คนพูดน้อยอย่างยิมค่อย
ๆ พรั่งพรูเรื่องราวของตัวเองออกมาไม่ยากนัก “ผมต้องหัดทำทุกอย่างให้เป็นตั้งแต่เล็ก
ๆ เพราะพวกเราทุกคนจะต้องช่วยเหลือคนอื่นพร้อม ๆ กับดูแลตัวเองให้ได้ ผมไม่อยากทำตัวเป็นภาระของหลวงพ่อ
ลำพังแค่ท่านเมตตาเก็บพวกผมมาเลี้ยงดู ท่านก็เหนื่อยมากแล้ว”
“พี่ชายอย่าเพิ่งท้อนะครับ
ผมรู้ว่าการหัดทำงานบ้านช่วงแรก ๆ น่ะมันยากสำหรับมือใหม่ อย่างซักเสื้อผ้านี่ กว่าจะซักได้
ผมก็นั่งซักไป ร้องไห้ไปตั้งแต่ยังไม่เข้าประถมเลยครับ แต่จนแล้วจนรอดผมก็ทำได้” เฟรชชี่หน้าหนวดโปรยยิ้มบาง
ๆ พลางสรุปพร้อมกับโยนเสื้อที่บิดจนหนำใจแล้วลงในตะกร้าเพื่อรอตาก “งานบ้านไม่ฆ่าใครหรอกพี่
เชื่อผม”
“พี่ชายขอโทษนะ
พี่ชายไม่น่าถามเลย” รุ่นพี่ปรารภเสียงอ่อย... ยิ่งฟังเรื่องราวความลำบากตรากตรำของรุ่นน้อง
ชายชาตรีก็ยิ่งรู้สึกละอายใจกับความไม่ได้เรื่องของตัวเองมากขึ้นทุกที ๆ
“ถามได้ครับ
พี่ชายอยากรู้อะไรก็ถามเถอะ ถ้าตอบได้ ผมก็จะตอบพี่ชายทุกเรื่องนั่นแหละ”
แม้เจ้าของห้องจะสำทับรับรองอย่างจริงจังสักแค่ไหน
แต่ด้วยความเกรงใจและไม่อยากทำให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ดีไปกันใหญ่ ชายชาตรีจึงอาศัยสถานการณ์ตรงหน้ามาเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างแนบเนียน
“พี่ชายว่าเราตากผ้ากันก่อนเถอะยิม เมฆฝนมาโน่นแล้ว”
“ครับ
ๆ ”
“เอาล่ะ
ทีนี้เป็นผัดเผ็ด ในเมนูมีผัดเผ็ดอะไรบ้างพี่?” เสียงตะโกนถามจากในห้องน้ำทำให้เด็กบริหารผู้ล้มเหลวกับการช่วยทำความสะอาดห้องอันเป็นภารกิจที่สองต่อจากการซักผ้านิ่วหน้าพลางเค้นความทรงจำอย่างหนักหน่วง
“ผัดเผ็ดปลาช่อน
ผัดเผ็ดกบ ผัดเผ็ดนก ผัดเผ็ดไก่บ้าน ผัดเผ็ดไข่อ่อน ผัดเผ็ดปลาอินทรี ผัดเผ็ดทะเล”
“มีอีกอันพี่ชาย...
ผัดเผ็ดอะไร?”
“...ช่อน
กบ นก ไก่ ไข่ อิน – ซี (sea)... ทะเลแล้วอะไรน้า?...” ชายชาตรีพึมพำชื่อเมนูย่อ ๆ ในแบบฉบับส่วนตัวพร้อม
ๆ กับขัด ๆ ถู ๆ คราบฝุ่นที่ยังตกค้างอยู่ตามซอกต่าง ๆ ไปพลาง ๆ จังหวะที่ยังเหม่ออยู่นั้นเอง
สุ้มเสียงทุ้มต่ำที่เคยเล็ดลอดออกมาจากห้องน้ำก็ย้ายทำเลมาดังอยู่เบื้องหลังแบบไม่ใกล้ไม่ไกลแทนเสียแล้ว
“หมูป่าไงพี่”
“เฮ่ย!” อารามตกใจชายชาตรีจึงรีบหมุนตัวกลับไปยังต้นเสียงเพื่อที่จะพบว่า
รุ่นน้องหน้าหนวดกำลังยืนคลี่ยิ้มอยู่ในสภาพทำลายล้างสติสตังอย่างยิ่งยวด...
ใครเลยจะคิดว่า
ห้องน้ำเล็ก ๆ ของห้องเช่าเก่าสุดอนาถา แท้ที่จริงแล้วคือดินแดนสนธยาสุดมหัศจรรย์
เพราะเมื่อใดก็ตามที่เด็กวิศวะหายผลุบเข้าด้านใน ยามเจ้าตัวปรากฏกายออกมาอีกครั้ง มักจะนำพาภาพเด็ด
ๆ ออกมาอวดโฉมให้รูมเมทหน้าเข่าได้ละเมอเพ้อหาอยู่เสมอ
ครั้งนี้ก็เช่นกัน
เพราะทันทีที่ยกหน้าที่พักผ่อนตามอัธยาศัยให้กับชายชาตรีเมื่อกว่าครึ่งชั่วโมงที่แล้ว
ยาจกเคราซึ่งหายจ้อยเข้าไปขัดห้องน้ำก็กลับออกมาโดยไร้เสื้อผ้าปกปิดอกผึ่งผาย แถมเหงื่อที่ไหลบ่าท่วมตัวอยู่นั้นยังฉาบมัดกล้ามน้อยใหญ่ให้ยิ่งแวววาวแปลบปลาบแลดูน่าลับคมฟันเสียนี่กระไร
นี่ยังไม่นับกลิ่นกายเจือคราบไคลของพ่อเจ้าประคุณรุนช่องเลยนะ
คนอะไรจะกลิ่นตัวเย้ายวนใจจนเขานึกอยากจะแกล้งหน้ามืดทิ้งตัวใส่
จะได้แอบเอาหน้าซุกนมเพื่อสูดดมที่มาของกลิ่นใกล้ ๆ เสียให้รู้แล้วรู้รอด
“ผัดเผ็ดหมูป่าครับ
พี่ชายอย่าลืมล่ะ”
“...เอ่อ...เอ้อ
ไม่ลืม ๆ ช่อนกบนกไก่ไข่อินซีพิกกี้ป่า คราวนี้พี่ชายจะจำให้ขึ้นใจเลย” คนโตกว่ากระดกลิ้นระรัวด้วยความตื่นตัวระคนตื่นเต้นด้วยเพราะกล้ามเนื้อเจือกลิ่นกรุ่น
ๆ ร่นระยะเข้าใกล้ยิ่งขึ้น
อย่าเข้ามา...
อีกนิด
อย่านะ...
อีกนิด
อย่าสิยิม...
พี่ชายบอกแล้วไงว่าอย่าช้า!
“เหลืออะไรอีกพี่ที่พี่ยังจำไม่ได้?”
เฟรชชี่ผู้หวังดีต่อรุ่นพี่หน้าเข่ายังคงยื่นความช่วยเหลืออย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ฝ่ายสายเปย์ที่ถูกฤทธิ์กล้ามมอมเมาก็เอาแต่จับจ้องหน้าอกกับช่วงท้องของคนเป็นน้องไม่พูดไม่จา
“...”
อา... แค่ยืนมองเฉย ๆ เขายังแอบรู้สึกอึดอัดแทน ไม่อยากจะนึกเลยว่า ถ้าเขาได้ลองสัมผัสร่างกายน่ามองนั่นจริง
ๆ เนื้อตัวยิมจะแน่น จะลื่นจนน่าขยำขยี้ให้หายหมั่นเขี้ยวสักแค่ไหนนะ?
“พี่ชาย
เหนื่อยเหรอพี่? ยืนเหม่อเชียว” เด็กวิศวะอดเป็นห่วงอาการเลื่อนลอยของชายชาตรีไม่ได้
ชายหนุ่มหน้าหนวดจึงสืบเท้าเข้าใกล้จนสายเปย์เผลอทำตัวเสียมารายาทด้วยการไม่ยอมมองหน้าคู่สนทนา
เนื่องจากไม่อาจละสายตาจากระลอกคลื่นตรงหน้าท้องของรุ่นน้องได้สักวินาที “เหนื่อยแล้วทำไมไม่บอกผมล่ะครับ
ฝืนตัวเองทำไม คืนนี้จะทำงานไหวไหมเนี่ย?”
“...”
แทนที่จะตอบคำ ชายชาตรีกลับยิ่งถลำลึกลงสู่นิพพานแห่งเนื้อนมไข่จนไม่อาจหันหลังกลับ
และก่อนที่ใครจะไหวตัว เด็กบริหารก็เอื้อมมือคว้าก้อนเนื้อแน่น ๆ ตรงหน้าเข้าเต็มเปา
เมื่อฝ่ามือระอุต้องโดนเนื้อนูนหนั่น สายเปย์ก็บีบกล้ามอกของรุ่นน้องอย่างเมามันตามแรงขับภายในพร้อมกับคลี่ยิ้มพรายด้วยความพึงพอใจสูงสุด
อืม...
มันดีกว่าที่คิดเอาไว้เยอะมาก
“เฮ่ยพี่ชาย! นมผมพี่ นมผม!” แม้ลึก ๆ แล้วยิมจะไม่ได้รู้สึกรังแครังคัดรุ่นพี่ต่างคณะแต่อย่างใด
ทว่าการโดนอีกฝ่ายจู่โจมหน้าอกเอาดื้อ ๆ ก็น่าตกใจอยู่ไม่หยอก
“ห๊ะ?! ใคร? ไหนใครทำอะไรยิม?”
เด็กวิศวะลอบอมยิ้มเมื่อเห็นว่าสายเปย์หน้าเข่าสะดุ้งสุดตัวก่อนจะชักมือกลับพลางพยายามปรับสีหน้าหลุกหลิกให้เปลี่ยนเป็นเรียบเฉยอย่างเต็มความสามารถ
จริงอยู่ที่ชายหนุ่มจะไม่รู้สึกติดใจกับอาการสุดเพี้ยนของอีกฝ่าย แต่เขากลับห้ามตัวเองไม่ให้แซวชายชาตรีไม่ได้เลยสักนิด
“บีบนมผมแล้วหิวเหรอพี่ชาย? น้ำลายไหลย้อยแล้วนั่น”
คนโตกว่าที่สติสตังยังไม่เข้าที่เข้าทางยกมือขึ้นลูบหน้าลูบตาพลางต่อบทสนทนาอย่างส่งเดช
“อ๋อ... เอ้อ! ใช่ ๆ พี่ชายเริ่มหิวแล้ว ยิมล่ะ
หิวยัง?”
“พี่ชายจะกินมาม่าหรือจะลงไปกินข้าวร้านป้าล่ะครับ?”
เจ้าของคำถามว่าพลางขยับเข้าใกล้เพื่อแหย่รุ่นพี่ให้เผลอไผลทำอะไรแปลก ๆ ตลก ๆ ออกมาอีกคราว
ซึ่งความตั้งใจดังกล่าวของยิมส่งผลให้เด็กปีสามหลุดเข้าไปในโลกแห่งจินตนากล้ามอีกจนได้
กระนั้น
ทันทีที่เจ้าตัวได้ยินเสียงพัดลมครางโหยหวนคล้ายคนจวนขาดใจ
ชายชาตรีก็วาร์ปตัวเองกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงได้อีกครั้ง “อ่อ... เอ่อ อะไรก็ได้”
สายเปย์หน้าเข่าส่งยิ้มกลบเกลื่อนตบท้ายก่อนจะเบือนสายตาเสมองไปอีกทาง
“งั้นพี่นั่งรอผมอาบน้ำแป๊บนึงนะครับ”
ท่าทางจ๋อง ๆ ของคนตรงหน้าทำให้ยิมยอมรามือโดยง่าย เฟรชชี่สั่งความสั้น ๆ ก่อนจะเดินไปฉวยถุงผักบุ้งที่ซื้อติดมือกลับมาตั้งแต่เช้าไปแช่ในถังตรงระเบียง
จากนั้นจึงฉวยผ้าขาวม้ากลับเข้าห้องน้ำไปอีกรอบ ทว่าสังหรณ์บางอย่างก็ทำให้ชายหนุ่มโผล่หน้าออกมาอีกครั้งแล้วกำชับกำชารุ่นพี่เสียงเข้ม
“พี่ชายไม่ต้องทำอะไรนะครับ นั่งเฉย ๆ เดี๋ยวผมออกมาต้มมาม่าให้กินเอง”
“เอ้อ
ๆ ได้ ๆ ”
สุดท้ายแล้ว
ผลจากความชะล่าใจดังกล่าว ทำให้ทั้งสองหนุ่มต้องถ่อสังขารลงจากตึกแล้วออกมาเดินฝ่าแดดร้อนเปรี้ยงตอนเที่ยงวันเพื่อลัดเลาะไปยังร้านอาหารตามสั่งซอยข้าง
ๆ แทนการล้อมวงกินมาม่าหม้อใหญ่... เมนูซึ่งต้องเป็นหมันไปภายหลังจากที่ชายชาตรีได้อาสาหยดน้ำยาล้างจานลงในถังแช่ผักบุ้งเพราะเจ้าตัวเผลอเข้าใจผิดว่า
สรรพคุณช่วยลดแบ็คทีเรียและฆ่าเชื้อโรคได้เกือบร้อยเปอร์เซนต์ตรงข้างขวดนั้นจะสามารถบันดาลให้ทุก
ๆ สิ่งสะอาดเอี่ยมเรี่ยมเร้เรไรได้เฉกเช่นจานชามทั้งหลายนั่นเอง
$$$$$$$$
“ปล่อย! กูบอกให้ปล่อยไง!”
“หืม?!” จังหวะที่นายหนึ่งเดียวแห่งคณะวิศวะกำลังจะเดินพ้นตัวรถอีโคคาร์คันเก่งที่เขาเพิ่งถอยจอดเข้าซองไปเมื่อไม่กี่อึดใจก่อนหน้า
เสียงตวาดกร้าวจากมุมมืดมิดของลานจอดรถชั้นห้างก็ทำให้ความตั้งใจที่จะแค่แวะมาเลือกซื้อมือถือเครื่องใหม่ของชายหนุ่มตกอันดับไปในทันใด
“เมื่อกี๊เสียงใครวะ?
คุ้น ๆ ” นอกจากจิตวิญญาณของการเป็นพลเมืองดีจะร่ำร้องการสำแดงเดชแล้ว น้ำเสียงฉุนเฉียวที่ติดหูอย่างไรบอกไม่ถูกก็ตรึงฝ่าเท้าของเฟรชชี่ให้หยุดอยู่ตรงหลังเสาเพื่อดูลาดเลาอย่างไม่อาจหักห้ามความเผือกได้
“ผมชอบพี่นะครับ
คบกับผมเถอะนะ”
‘ฮี่โธ่! นึกว่าเรื่องอะไร
ที่แท้ก็เรื่องผัวเมีย’ เดียวนึกพลางถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะหมุนตัวหันหลังแล้วตั้งพิกัดใหม่
ทว่าชื่อของรุ่นพี่ตัวแสบที่ลอยเข้ากระทบโสตประสาทก็ทำให้ชายหนุ่มยืนปักหลักแน่นิ่งในบัดดล
พร้อม ๆ กับชะโงกหัวมองหาคู่อริอย่างกระวีกระวาด
“พี่พิชญ์
คบกับผมเถอะนะครับ”
“ไอ้เหี้ยฟรายเดย์
ปล่อย!
กูบอกมึงแล้วใช่ไหมว่ากูไม่ชอบให้ใครโดนตัว!”
ดูเหมือนว่าเพลิงแค้นที่กัดกินหัวใจจะช่วยให้ความสามารถในการสอดแนมจากที่ห่างไกลของนายหนึ่งเดียวพัฒนารุดหน้าว่องไวจนน่าชื่นใจดีแท้
ๆ เพราะแม้เขาจะยืนหลบอยู่หลังเสาห่างจากจุดเกิดเหตุกว่าหลายร้อยเมตร
แต่เด็กวิศวะกลับเห็นรุ่นพี่ต่างคณะขณะพยายามต่อสู้ดิ้นรนพาตัวเองออกจากวงแขนของผู้ชายแปลกหน้าตัวสูงใหญ่ได้อย่างชัดเจนราวกับตัวเองเป็นเห็บเหาที่เกาะอยู่ตามราวนมของพิชญ์ก็ไม่ปาน
“ไม่ปล่อย
จนกว่าพี่จะยอมคบกับผม!”
‘จิ๊ ๆๆ! มึงนี่ไม่รักตัวกลัวตายเลยนะไอ้ล่ำ
พี่พิชญ์แม่งมือหนักตีนหนักอย่างกับอะไร พิศวาสลงไปได้ยังไงวะคนแบบนั้น’
“ได้! กูเตือนมึงแล้วนะ!”
‘นั่นไง นั่นไง
ไอ้พี่พิชญ์มันทำหน้าแบบนั้นแล้วนั่นไง... เดี๋ยวมึงได้ร้องเอ๋งแน่ ๆ ไอ้ล่ำเอ๊ย’
“โอ๊ยยย!!”
“ซี๊ดส์!” ไม่ทันไร เดียวก็เผลอสูดปากร้องด้วยใบหน้าเหยเกหลังจากเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับชายแปลกหน้าแบบเต็ม
ๆ ลูกตา เฟรชชี่รูปหล่อไม่รู้จริง ๆ ว่า เด็กบริหารปีสามทำให้คนตัวโตกว่าลงไปนอนงอก่องอขิงพร้อมกับส่งเสียงร้องครวญครางดั่งควายถูกเชือดได้อย่างไร
แต่เท่าที่เข้าใจ มันคงไม่ต่างอะไรกับประสบการณ์ตรงที่เขาเคยสัมผัสด้วยตัวเองแน่ ๆ
“มึงอย่ามาให้กูเห็นหน้าอีกนะไอ้ฟรายเดย์!!” พิชญ์ประเคนลูกเตะใส่กลางลำตัวของชายแปลกหน้าครั้งแล้วครั้งเล่าจนเหยื่อผู้โชคร้ายทำได้แค่นอนอ้าปากพะงาบ
ๆ ร้องขอชีวิต “แล้วถ้ามึงยังแอบตามกูต้อย ๆ อยู่อีกล่ะก็ กูจะจ้างคนไปกระทืบมึงให้ไส้แตกเลยคอยดู!” เด็กบริหารจอมเหวี่ยงชี้หน้าคู่กรณีเป็นการสั่งลาก่อนจะลงมือจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่เข้าทางแล้วจึงเดินดุ่ม
ๆ มุ่งหน้าไปยังทางเข้าห้างอย่างรวดเร็ว
อาจจะเป็นเพราะความแค้นที่สั่งสมมาเนิ่นนาน
บวกกับการสูญเสียเครื่องมือสื่อสารอันเป็นที่รักไปอย่างน่าสลดใจ เดียวจึงไม่ทันได้คิดอะไรตอนที่สับขาไล่กวดตามแผ่นหลังรุ่นพี่ต่างคณะไปติด
ๆ จนเมื่อตนเองอยู่ในระยะประชิดที่สามารถแตะต้องคนโตกว่าได้ เด็กวิศวะก็คว้าร่างสันทัดตรงหน้าเข้ามากอดเสียเต็มรัก
ในที่สุดผมก็รู้แล้วว่าควรจะล้างแค้นพี่ยังไง
พี่ไม่ชอบให้ใครโดนตัวนักใช่ไหม
ได้! เดี๋ยวผมจะจัดหนักทบต้นทบดอกให้คุ้มเชียว
“โลกกลมจังเลยนะครับพี่พิชญ์”
ทันทีที่เห็นรุ่นพี่สะบัดหน้าหันมามองตามเสียง ความแค้นที่อัดแน่นอยู่เต็มอกก็ทำให้เดียวบดปากลงประกบกับริมฝีปากสีแดงสดที่ลอยเด่นท้าทายสายตาอย่างไม่ห่วงหน้าพะวงหลัง...
ครั้งนี้แหละ เขาจะทำให้อีกฝ่ายเดือดเนื้อร้อนใจจนกระอักเลือดตายกันไปข้าง
กระนั้นแล้ว
ณ ห้วงเวลาที่ความแนบชิดอันฉุกละหุกทำให้ไม่มีใครเขยื้อนขยับ นายหนึ่งเดียวกลับสังเกตเห็นน้ำใส
ๆ รินไหลออกมาจากดวงตาหาเรื่องคู่นั้นโดยไม่มีขาดสาย ภาพเหลือเชื่อดังกล่าวทำให้ชายหนุ่มรุ่นน้องรู้สึกผิดขึ้นมาสนิทใจ
‘ซวยแล้ว! พี่พิชญ์แม่งร้องไห้!’
“อ๋อย!” ความที่มัวแต่ตะลึงตะลานจนไม่เป็นอันทำอะไร
พิชญ์จึงได้จังหวะสวนเข่าลอยขึ้นสอยกล่องดวงใจของเด็กปีหนึ่งต่างคณะได้อย่างจั๋งหนับราวจับวางอีกครั้ง
แต่ความพิเศษของสัมผัสในรอบนี้เห็นจะเป็น
แทนที่ร่างกายใหญ่โตของเดียวจะถูกความรู้สึกรวดร้าวเข้ายึดครองเหมือนทุกที แรงปะทะอันหนักหน่วงที่บังเกิดขึ้นตรงปลายคางก็ช่วยทำให้ความทรมานปางตายปลาสนาการไปอย่างน่าอัศจรรย์ใจ
ต้องขอบคุณอัปเปอร์คัตหมัดนั้นเสียจริง ๆ ที่ทำให้นายหนึ่งเดียวผู้นี้สลบไปพร้อม ๆ
กับดวงดาวพร่างพรายที่เห็นอยู่ใต้เปลือกตา
$$$$$$$$
“ถึงพี่จะทำงานบ้านไม่เก่ง
แต่พี่ก็โชคดีเรื่องงานมากเลยนะครับ” ยิมเปรยขึ้นเมื่อเห็นรูมเมทออกมาจากห้องน้ำในเครื่องแต่งกายพร้อมเข้านอน
“ทำไมยิมพูดอย่างนั้นล่ะ?”
“ก็ตั้งแต่เมื่อวานจนวันนี้
ที่ร้านไม่มีพวกขี้เมาขาประจำมานั่งแช่เลยน่ะสิครับ” เด็กวิศวะหน้าหนวดอธิบายสิ่งผิดปกติที่ทุก
ๆ คนในร้านต่างเห็นพ้องต้องกันเป็นเสียงเดียว เพราะตลอดมา แทบทุกคืนจะต้องมีคอเหล้าอย่างน้อยหนึ่งวงมาลงหลักปักฐานคอยสร้างสีสันรวมถึงก่อปัญหายิบย่อยให้กับสมาชิกร้านข้าวต้มเฮียคองมิได้ขาด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคืนก่อนวันหยุดสุดสัปดาห์และคืนวันเสาร์ด้วยแล้วล่ะก็
พี่ผึ้งถึงกับเคยเรียกรถร่วมฯ มารอเก็บซากความเสียหายกันเลยทีเดียว
“ลูกค้าประจำไม่เข้าร้านน่ะดีตรงไหนเหรอยิม?
การที่เขามานั่งกินเหล้าที่ร้านเรานาน ๆ คยองโอปป้าก็จะได้รายได้จากโซดา น้ำแข็ง
แล้วก็กับแกล้มมากกว่าลูกค้าขาจรอีกไม่ใช่เหรอ?” ชายชาตรียืนเช็ดผมพลางถามรุ่นพี่ในวงการร้านข้าวต้มอย่างพาซื่อ
“ถ้าพี่ชายนับแค่ยอดต่อบิลมันก็เยอะกว่าจริง
ๆ นั่นแหละครับ แต่ถ้าลองเทียบเวลากับจำนวนเรื่องวุ่นวายที่ลูกค้ากลุ่มนี้มักจะเป็นต้นเหตุแล้วล่ะก็
ผมว่าลูกค้าขาจรที่มาเพื่อกินข้าวต้มแล้วกลับบ้านไป คือลูกค้าที่เฮียคองอยากได้มากที่สุดแล้วล่ะพี่”
เด็กวิศวะให้เหตุผลยาวเหยียดก่อนจะสมทบตบท้ายด้วยข้อกังวลส่วนตัวเข้าให้อีกดอก
“อีกอย่าง พวกขี้เมาน่ะชอบลวนลามเด็กเสิร์ฟเป็นพิเศษ ผมถึงได้บอกยังไงล่ะครับว่า
พี่ชายน่ะโชคดีที่ไม่ต้องรับมือกับลูกค้าดื้อ ๆ แบบนั้นตั้งแต่วันแรก ๆ
ที่เริ่มทำงาน ไม่อย่างนั้นพี่ชายอาจจะกลัวจนฝ่อไปแล้วก็ได้”
ก่อนหน้าที่รุ่นพี่หน้าเข่าจะเข้ามาทำงานที่ร้าน
ยิมก็ไม่เคยนึกหวั่นใจกับอาการมือไวของลูกค้าโต๊ะไหน ๆ มาก่อน แต่เมื่อเผลอนึกภาพว่า
คนที่จะโดนแขกทำรุ่มร่ามใส่เป็นคนตัวใหญ่ไร้พิษสงตรงหน้า เด็กวิศวะก็เริ่มจะรู้สึกร้อนหัวแปลก
ๆ
“พี่ผึ้งก็โดนลวนลามเหรอ?”
ยิ่งเห็นรูมเมทกดหน้าต่ำรับคำ ชายชาตรีก็แทบเก็บอาการช็อกเอาไว้ไม่ได้ “ดุ ๆ
อย่างพี่ผึ้งเนี่ยนะ?”
“ครับ
พี่ผึ้งก็ไม่เว้นครับ” ยิมเลือกตอบเฉพาะส่วนที่อีกฝ่ายสนใจโดยละเหตุผลที่โจเพิ่งบอกให้เขารู้เมื่อหัวค่ำนี้เองว่า
การที่เฮียคองยอมรับสายเปย์หน้าเข่าเข้าทำงานง่าย ๆ ทั้ง ๆ
ที่ไม่เคยทำงานที่ไหนมาก่อน เป็นเพราะเจ้านายของเขาตั้งใจจะยกหน้าที่ต่อกรกับเหล่าลูกค้าขี้เมาให้ชายชาตรีเป็นกรณีพิเศษ
ผู้หญิงคนเดียวของร้านอย่างพี่ผึ้งจะได้ไม่ต้องเปลืองเนื้อเปลืองตัวอีกต่อไป
“โห! ถ้าขนาดพี่ผึ้งยังโดน
สงสัยต่อไปพี่ชายเองก็ต้องระวังตัวไว้บ้างเหมือนกัน สมัยนี้ผู้ชายก็ตกเป็นเหยื่อลวนลามออกเยอะแยะไป
เนอะยิมเนอะ” เด็กปีสามพูดเองเออเองเสร็จสรรพพร้อมกับอาศัยจังหวะชุลมุนเอื้อมไปหยิบรีโมทที่วางล่อตาล่อใจมากดหมับ
กระนั้นอาการไม่หือไม่อือของเครื่องปรับอากาศก็ทำให้สายเปย์ร้องลั่น “อ้าว! ทำไมไม่ติดล่ะ? แอร์เสียเหรอ?”
ยิมยืนอมยิ้มเมื่อเห็นรูมเมทบ่นเป็นหมีระหว่างที่เดินไปตรวจดูคัทเอาท์สำหรับจ่ายไฟเข้าแอร์โดยเฉพาะ
“เอ สวิตช์ก็เปิดอยู่นี่นา แล้วทำไมแอร์ไม่ติดล่ะ?” และแล้วอยู่ ๆ ชายชาตรีก็เกิดพุทธิปัญญา
เด็กบริหารจึงรีบแงะด้านหลังรีโมทเพื่อดูถ่านด้านในก่อนจะโวยวายด้วยเสียงกระเง้ากระงอด
“ยิม! ทำไมยิมเอาถ่านรีโมทออกล่ะ?
แล้วอย่างนี้คืนนี้พี่ชายจะเปิดแอร์ได้ยังไง?”
“ถ้าเปิดแอร์ไม่ได้
พี่ชายก็นอนพัดลมแทนสิครับ ตอนกลางคืนห้องนี้น่ะลมโกรกจะตายไป เวลาผมนอนนะแทบไม่ต้องเปิดพัดลมเลยสักคืน”
อาการหน้าบึ้งของรุ่นพี่ทำให้ยาจกยิมจาระไนบทสรุปเมื่อคืนให้อีกฝ่ายได้ทำความเข้าใจอีกครั้ง
“ไหนพี่ตกลงกับผมแล้วไงครับว่าจะไม่เปิดแอร์นอนอีก?”
“แต่ถ้าไม่เปิดแอร์
พี่ก็นอนไม่ได้หรอก” ชายชาตรีอุทธรณ์พร้อมกับให้เหตุผลครบครัน “เวลาร้อน ๆ
พี่นอนไม่หลับ ตอนไปเข้าค่ายร.ด.ที่เขาชนไก่
ยิมรู้ไหมว่าพี่ชายแทบไม่ได้นอนเลยสักคืน จะถอดเสื้อนอนก็ไม่กล้าเพราะบัดดี้ที่นอนข้าง
ๆ เป็นใครก็ไม่รู้”
“งั้นพี่ก็ถอดเสื้อนอนสิครับ
อยู่กับผม พี่ไม่ต้องอายหรอก” เด็กวิศวะโพล่งทันควันด้วยความรู้สึกกระหยิ่มในใจแบบไม่มีสาเหตุ
“จะดีเหรอยิม?”
สายเปย์ถึงกับเป๋ไปเมื่อนึกภาพตัวเองนอนอวดสายตาอีกฝ่ายในสภาพเปลือยท่อนบน...
ไม่เอาหรอก เกิดยิมเผลอหน้ามืดขึ้นมากลางดึก ตำแหน่งเหนือชายที่เขาตั้งใจจะยัดเยียดให้น้องเดียวคงต้องมีอันหมองมัวเพราะความวันทองสองผัวของตัวเขาไปเสียก่อน
“ตามสบายเลยพี่
ขอแค่ไม่ต้องเปิดแอร์ ต่อให้พี่นอนแก้ผ้า ผมก็โอเค”
“เปลี่ยนจากแก้ผ้าเป็นเปิดแอร์นอนไม่ได้เหรอ
ยิมไม่เขินแต่พี่เขินนะ” ชายชาตรียกเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้มเพราะลำพังแค่ร้อนจนนอนไม่หลับน่ะคงไม่เท่าไร
แต่หากต้องนอนไม่หลับพร้อม ๆ กับสูดดมกลิ่นแมน ๆ ของอีกฝ่ายไปตลอดทั้งคืน เขาต้องเป็นบ้าตายไปก่อนถึงเช้าแน่
ๆ
“ถ้างั้นพี่ชายคงต้องใช้ตัวช่วยแล้วล่ะ”
สิ้นคำ เจ้าของห้องก็เดินไปค้นหาบางอย่างในตะกร้าเสื้อผ้าของตัวเองก่อนจะเอามายื่นให้
ชายชาตรีเหลือบมองกระป๋องเหล็กทรงสี่เหลี่ยมในมือตัวเองด้วยความสงสัย
“แป้งเหรอยิม?”
“ครับ
เข้าไปพรมน้ำตามตัวเสียหน่อยแล้วค่อยทานะพี่ มันจะได้ติดทน ๆ ” เด็กวิศวะใช้สีหน้าสงสัยของอีกฝ่ายเป็นข้อสนับสนุนในการโฆษณาคุณสมบัติของตัวช่วยที่เขาเพิ่งหยิบยื่นให้อย่างเต็มที่
“เดี๋ยวพอทาเสร็จ พี่จะไม่ร้องงอแงให้ผมเปิดแอร์ให้อีกเลย” ทันทีที่พูดจบ เฟรชชี่หนวดเฟิ้มก็รุนหลังรุ่นพี่ที่ยังมีทีท่าต่อต้านการปิดแอร์ของเขาให้เข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำโดยไม่รั้งรอ
เป็นอีกครั้งที่ห้องน้ำได้ประกาศศักดาความวิเศษเกินหน้าเกินตาของมัน
เพราะหลังจากคล้อยหายผ่านประตูพลาสติกสีเหลืองซีดไปได้ไม่ถึงสองนาที ควายไทยตัวดำมะเมื่อมก็กลายร่างเป็นตัวจามรีสีขาวปานวอกไปเสียแล้ว
“ซี๊ดดดส์! หนาว... บรื๋อออ! หนาวจริง ๆ ด้วยแหละยิม”
เด็กวิศวะหัวเราะลั่นเมื่อหันไปเห็นสารรูปล่าสุดของรุ่นพี่ต่างคณะที่เดินกระย่องกระแย่งพลางกอดตัวเองออกมาอย่างน่าขัน
“โหพี่ชาย! เล่นพอกไม่เห็นหูเห็นหัวแบบนั้น
ถ้าไม่หนาวก็แปลกแล้วล่ะครับ” ยิมว่าพลางตบฟูกนอนข้าง ๆ ตัวเพื่อเชื้อเชิญอีกฝ่ายทางอ้อม
“มาพี่ มานอนเร็ว เดี๋ยวผมห่มผ้าให้”
“...ฮื่อออ
หนาว...” ยิมลอบยิ้มด้วยความชอบใจเมื่อรุ่นพี่ตัวลายพร้อยค่อย ๆ ทอดตัวลงนอนให้เขาห่มผ้าให้อย่างไม่มีปากเสียง
หลังจากสิ้นสุดขั้นตอนเพิ่มความอบอุ่น
เจ้าของห้องหน้าหนวดก็ไม่ลืมเบี่ยงพัดลมมาจ่อให้คนตัวใหญ่ในโปงผ้าก่อนจะเดินไปปิดไฟเป็นรายการสุดท้าย
และแล้วเมื่อเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของอีกฝ่ายดังลอดเข้าหู
ชายหนุ่มก็ไม่ลืมกล่าวคำว่า ‘ราตรีสวัสดิ์’ กับเพื่อนร่วมห้องคนใหม่ที่ทำอะไรแทบไม่เป็น
นอกไปเสียจากสร้างรอยยิ้มและเรียกเสียงหัวเราะจากเขาได้ตลอดเวลาก็เท่านั้นเอง
.
.
.
.
.
.
.
.
“...อือ...”
ไม่ใช่แค่เสียงครางเครือในลำคอของคนนอนร่วมเตียงหรอกที่ทำให้ยาจกหน้าเครารู้สึกตัวขึ้นอีกครั้งในอีกไม่กี่ชั่วโมงให้หลัง
ไออุ่นของร่างหนา ๆ ที่ค่อย ๆ กระถดตัวเข้ามาใกล้ ๆ ก่อนจะพิงแหมะเข้ากับอกเขาต่างหากล่ะที่ทำให้มุมปากทั้งสองข้างของชายหนุ่มยกขึ้นจนแก้มตึงรั้งไปทุกหน่วย
แม้ว่าการจะพลิกตัวเปลี่ยนท่าหนีหรือถอยห่างจากวิถีคนนอนดิ้นจะเป็นคำตอบที่ดีกว่า
ทว่าเฟรชชี่วิศวะกลับหลับตาลงช้า ๆ แล้วปล่อยตัวเองให้จมลงในนิทรารมย์ทั้งที่ยังไม่หยุดยิ้ม
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………...
ความในใจทิ้งท้ายตามสไตล์ชายชิค ๆ :
ตอนเด็ก ๆ ชายเคยขออนุญาตคุณพ่อหัดทำงานบ้าน
แต่พอท่านเห็นชายนั่งเรียนกับนมสายได้ไม่ถึงครึ่งวัน ท่านก็เปลี่ยนใจกะทันหันแถมยังไม่อธิบายเหตุผล
จนป่านนี้ชายจึงไม่รู้วิธีปะชุนเสื้อผ้า อบบุหงาแป้งร่ำ กระทั่งเตรียมสำรับคาวหวาน
ชายก็ไม่กระดิกเลยสักนิด
$$$$<| TBC |>$$$$
No comments:
Post a Comment