Wednesday, January 11, 2017

ถ้าต้อยได้ ชายจะเป็นอมตะ ||#08|| 11.01.2017



<|No.08|>
ซักผ้า หุงหาอาหาร ทำงานบ้าน ทักษะพื้นฐานของยอดเมีย


……………………………………………………………………………………………………………………………………………………...


“แล้วเดี๋ยวยิมทำอะไรต่อ?” เนื่องจากขณะนี้เป็นช่วงเวลาสาย ๆ ของวันเสาร์ คนรับหน้าที่เช็ดโต๊ะญี่ปุ่นหลังกินข้าวเช้าเสร็จจึงตะโกนถามเจ้าของห้องที่ออกไปนั่งยอง ๆ ล้างชามโจ๊กอยู่ตรงระเบียงด้วยความสนอกสนใจ

“ผมว่าจะทำห้องแล้วก็ซักผ้าอ่ะพี่ แดดดี ๆ อย่างนี้ เที่ยง ๆ ก็น่าจะแห้ง” ยิมละมือจากจานชามตรงหน้าแล้วเอี้ยวตัวกลับเข้ามาชะเง้อมองรุ่นพี่ต่างคณะเป็นกรณีพิเศษ “พี่ชายซักผ้าเป็นหรือเปล่าครับ?”

“ก็ต้องเป็นสิยิม ตอนอยู่คอนโด พี่ชายก็ซักผ้าเองนะ” ชายชาตรีนิ่งนึกอยู่อึดใจก่อนจะเอียงคอถามด้วยสีหน้ากึ่งประเมินกึ่งติติงคล้ายจะบอกกลาย ๆ ว่าเด็กปีหนึ่งเพิ่งพูดเรื่องไม่เข้าท่าออกมาหยก ๆ

ทำไมอยู่ ๆ ถึงถามกันแบบนี้?
จริงอยู่ที่ตลอดมา เขาจะอยู่อย่างราชา กินอย่างมหาเศรษฐี แต่ยิมก็ไม่ควรเหมาว่าเขาจะทำอะไรเองไม่เป็นเสียหน่อย!

อารามโล่งใจหลังได้ยินคำตอบของอีกฝ่าย เด็กวิศวะหน้าหนวดจึงไม่ได้ใส่ใจกับอารมณ์แอบแฝงของสายเปย์เท่าไรนัก “ดีเลยครับ งั้นตอนผมทำห้อง พี่ชายก็ซักผ้าไปพลาง ๆ แล้วกัน” ยิมจำเป็นต้องจัดแจงหน้าที่ของทั้งเขาและชายชาตรีให้ชัดเจนเสียแต่เนิ่น ๆ เพื่อความสะดวกต่อการสะสางงานบ้านของพวกเขาทั้งคู่

“เดี๋ยวผมรองน้ำใส่กะละมังเอาไว้ให้เลยนะพี่”  

“หืม?! เครื่องรุ่นนี้ต้องรองน้ำใส่กะละมังด้วยเหรอยิม?” ที่สุดแล้วสายเปย์หน้าเข่าก็ย้ายมวลร่างกายมาหยุดยืนใกล้ ๆ กับกรอบประตูระเบียงพลางพยักเพยิดด้วยสีหน้ากังขาไปยังเครื่องซักผ้าฝาหน้าสุดไฮเทคที่เจ้าตัวเฮละโลขนซื้อมาพร้อมกับบรรดาสิ่งกีดขวางแปลกใหม่มากมายภายในห้อง “เอ แล้วทำไมตอนนั้นเซลล์ถึงบอกพี่ชายว่าให้ใส่ผ้ากับน้ำยา กดปุ่มนี่ แล้วก็รอเดี๋ยวเดียวไง หรือเขาจะลืมบอกว่าต้องใช้กะละมังใส่น้ำด้วยนะ? สงสัยพี่ชายคงต้องไปอ่านคู่มือดูหน่อยแล้วล่ะ”

ยิมปรายตามองหน้ารุ่นพี่สลับกับตู้เหล็กสีขาวทรงสี่เหลี่ยมซึ่งยึดครองพื้นที่ระเบียงไปกว่าครึ่งอย่างหนักอก “เฮ่อ! ไม่ต้องหรอกพี่” เมื่อเห็นเด็กบริหารทำหน้างงงวย เจ้าของห้องหนวดฟูจึงช่วยชี้ทางสว่างให้แก่ควายหลงทางเป็นวิทยาทาน

“ก็ไอ้เครื่องนี่น่ะมันยังไม่ได้ติดตั้งนี่ครับ ต่อให้พี่อ่านคู่มือให้ตาย มันก็ซักผ้าให้พี่ไม่ได้อยู่ดี” ยิมโบกสายยางด้านหลังเครื่องไหว ๆ เพื่อยืนยันคำพูดอีกคำรบ

“อ้าว! แล้วทำไมตอนเขามาส่งของ เขาถึงไม่ติดตั้งเครื่องซักผ้าให้พี่เลยล่ะ? ว้า! แล้วอย่างนี้พี่ชายจะซักผ้าได้ยังไงกัน?” สายเปย์โอดโอยระโหยไห้เมื่อทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผน... หมดกัน! แล้วอย่างนี้เขาจะสาธิตอภินิหารย์ด้านงานบ้านงานเรือนให้รูมเมทประจักษ์จนอ้าปากค้างได้อย่างไร?

เด็กวิศวะส่ายหัวพลางยักไหล่ไม่ยี่หระก่อนจะยิงตรงเข้าประเด็นสำคัญเหนืออื่นใด “ต่อให้เครื่องซักผ้าพี่จะใช้งานได้จริง ๆ ผมก็ไม่ให้พี่ใช้หรอก มันเปลืองไฟ”

“อ้าว! แล้วถ้าไม่ใช่เครื่องพี่ชายจะซักผ้าได้ยังไงล่ะยิม?” สายเปย์ทำหน้ายู่หูตก

สิ้นคำถามของชายชาตรี ยาจกเฟรชชี่ก็ยกยิ้มมุมปากพร้อมกับผายมือให้อีกฝ่ายได้ทำความรู้จักกับอุปกรณ์ซักผ้าขวัญใจแม่บ้านยุคเก้าศูนย์แบบเต็มสองตา ทั้งกะละมัง แปรงซักผ้า และผงซักฟอกหนึ่งถุงย่อม “เดี๋ยวผมจะสอนพี่ซักผ้าด้วยมือเอง รับรอง... ประหยัดแถมยังสะอาดกว่าซักเครื่องเป็นไหน ๆ ”




“ขอโทษนะยิม พี่ไม่เคยซักผ้าแบบนี้มาก่อนจริง ๆ ” เด็กบริหารปีสามเปรยขึ้นขณะโยนเสื้อยืดของอีกฝ่ายที่บิดหมาดแล้วใส่ลงในกะละมังน้ำสุดท้ายที่เจ้าของห้องรับหน้าที่ดูแล

“พี่ชายเลิกขอโทษผมได้แล้วครับ ถึงตอนนี้พี่จะยังซักผ้าไม่เป็น แต่เดี๋ยวพออยู่ ๆ ไป พี่ก็ทำได้เองแหละครับ” เป็นเพราะสีหน้าของคู่สนทนายังดูจ๋อยอยู่ เด็กวิศวะจึงรีบอัดฉีดกำลังใจให้ซ้ำ ๆ อย่างไม่ตระหนี่ “จริง ๆ ตอนแรก ๆ ผมซักผ้าไม่ได้เรื่องหนักกว่าพี่อีกนะครับ เชื่อไหม?”

“ยิมพูดจริงเหรอ?” ดวงตาของชายชาตรีเบิกโพลงด้วยความประหลาดใจคล้ายกับเพิ่งได้ยินว่าควายตกลูกเป็นไก่อย่างไรอย่างนั้น

“หึ หึ ก็จริงน่ะสิครับ ผมจะโกหกพี่ชายไปทำไมล่ะ” ฝ่ายผู้อ่อนอาวุโสกว่าพยักหน้ารับคำเจือรอยยิ้ม “เสื้อผ้าคนอื่นมีแต่ขาวสะอาดขึ้นหลังตากเสร็จ แต่ของผมนี่สิ กระดำกระด่างหมองคล้ำจนหลวงพ่อท่านต้องให้คนอื่นมาช่วยจับมือสอนกันเลยทีเดียว”

“อย่างนั้นเลยเหรอ? แล้วใครสอนยิมซักผ้าล่ะ?” ไหน ๆ การเรียนการสอนก็ล้มเหลวไม่เป็นท่าเนื่องจากความสามารถในการซักผ้าด้วยมือขยันของชายชาตรีต่ำกว่ามาตรฐานไปหลายล้านปีแสงแล้ว ฝ่ายผู้รับหน้าที่ซักน้ำเปล่าอย่างจำยอมจึงซักไซ้เฟรชชี่ผู้คร่ำหวอดในวงการงานบ้านแก้เก้อมันเสียเลย

“ก็พวกเด็กวัดรุ่นพี่น่ะครับ”

“หืม? มีเด็กวัดคนอื่นนอกจากยิมด้วยเหรอ?” รูปแบบชีวิตอันมั่งคั่งพรั่งพร้อมทำให้ชายชาตรีนึกภาพสิ่งแวดล้อมที่หล่อหลอมตัวตนของรุ่นน้องหน้าหนวดแทบไม่ออก จึงไม่แปลกหากสายเปย์จะหลุดปากถามคนเกิดทีหลังโดยไม่ทันยั้งคิด

“ครับ พูดก็พูดเถอะ ผมว่าแถววัดที่ผมอยู่อ่ะน่าจะเป็นจุดทิ้งเด็กยอดนิยมประจำจังหวัดเลยล่ะมั้งพี่ สงสัยเขาคงรู้กันว่าทิ้งแล้วมีคนเลี้ยงต่อให้ คนที่เลี้ยงลูกไม่ไหวเลยชอบเอาเด็กเล็ก ๆ มาทิ้งกันบ่อย ๆ นาน ๆ เข้าพวกเราเลยมีกันหลายคนน่ะครับ” แม้ใจความที่ยิมเอื้อนเอ่ยจะทำให้คนฟังสะท้อนใจ ทว่าเด็กวิศวะกลับพูดถึงความเป็นมาของตัวเองด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ โดยไม่ละมือจากงานตรงหน้าเลยสักวินาที

“...เหรอ...” จากเดิมที่หลงคิดว่าจะเป็นการพูดคุยฆ่าความประหม่า ฟังไปฟังมาชายชาตรีกลับยิ่งอมพะนำทำหน้าไม่ถูก

ระหว่างก้มหน้าก้มตาขยี้เนื้อผ้าในน้ำสะอาดจนหมดฟองก่อนจะบิดจนเสื้อเชิ้ตสีขาวเนื้อดีของรุ่นพี่ต่างคณะขมวดเป็นก้อนชื้น ๆ  ภาพความหลังที่ปรากฏขึ้นสมองก็ทำให้คนพูดน้อยอย่างยิมค่อย ๆ พรั่งพรูเรื่องราวของตัวเองออกมาไม่ยากนัก “ผมต้องหัดทำทุกอย่างให้เป็นตั้งแต่เล็ก ๆ เพราะพวกเราทุกคนจะต้องช่วยเหลือคนอื่นพร้อม ๆ กับดูแลตัวเองให้ได้ ผมไม่อยากทำตัวเป็นภาระของหลวงพ่อ ลำพังแค่ท่านเมตตาเก็บพวกผมมาเลี้ยงดู ท่านก็เหนื่อยมากแล้ว”

“พี่ชายอย่าเพิ่งท้อนะครับ ผมรู้ว่าการหัดทำงานบ้านช่วงแรก ๆ น่ะมันยากสำหรับมือใหม่ อย่างซักเสื้อผ้านี่ กว่าจะซักได้ ผมก็นั่งซักไป ร้องไห้ไปตั้งแต่ยังไม่เข้าประถมเลยครับ แต่จนแล้วจนรอดผมก็ทำได้” เฟรชชี่หน้าหนวดโปรยยิ้มบาง ๆ พลางสรุปพร้อมกับโยนเสื้อที่บิดจนหนำใจแล้วลงในตะกร้าเพื่อรอตาก “งานบ้านไม่ฆ่าใครหรอกพี่ เชื่อผม”

“พี่ชายขอโทษนะ พี่ชายไม่น่าถามเลย” รุ่นพี่ปรารภเสียงอ่อย... ยิ่งฟังเรื่องราวความลำบากตรากตรำของรุ่นน้อง ชายชาตรีก็ยิ่งรู้สึกละอายใจกับความไม่ได้เรื่องของตัวเองมากขึ้นทุกที ๆ

“ถามได้ครับ พี่ชายอยากรู้อะไรก็ถามเถอะ ถ้าตอบได้ ผมก็จะตอบพี่ชายทุกเรื่องนั่นแหละ”

แม้เจ้าของห้องจะสำทับรับรองอย่างจริงจังสักแค่ไหน แต่ด้วยความเกรงใจและไม่อยากทำให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ดีไปกันใหญ่ ชายชาตรีจึงอาศัยสถานการณ์ตรงหน้ามาเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างแนบเนียน “พี่ชายว่าเราตากผ้ากันก่อนเถอะยิม เมฆฝนมาโน่นแล้ว”

“ครับ ๆ ”




“เอาล่ะ ทีนี้เป็นผัดเผ็ด ในเมนูมีผัดเผ็ดอะไรบ้างพี่?” เสียงตะโกนถามจากในห้องน้ำทำให้เด็กบริหารผู้ล้มเหลวกับการช่วยทำความสะอาดห้องอันเป็นภารกิจที่สองต่อจากการซักผ้านิ่วหน้าพลางเค้นความทรงจำอย่างหนักหน่วง

“ผัดเผ็ดปลาช่อน ผัดเผ็ดกบ ผัดเผ็ดนก ผัดเผ็ดไก่บ้าน ผัดเผ็ดไข่อ่อน ผัดเผ็ดปลาอินทรี ผัดเผ็ดทะเล”

“มีอีกอันพี่ชาย... ผัดเผ็ดอะไร?”

“...ช่อน กบ นก ไก่ ไข่ อิน ซี (sea)... ทะเลแล้วอะไรน้า?...” ชายชาตรีพึมพำชื่อเมนูย่อ ๆ ในแบบฉบับส่วนตัวพร้อม ๆ กับขัด ๆ ถู ๆ คราบฝุ่นที่ยังตกค้างอยู่ตามซอกต่าง ๆ ไปพลาง ๆ จังหวะที่ยังเหม่ออยู่นั้นเอง สุ้มเสียงทุ้มต่ำที่เคยเล็ดลอดออกมาจากห้องน้ำก็ย้ายทำเลมาดังอยู่เบื้องหลังแบบไม่ใกล้ไม่ไกลแทนเสียแล้ว

“หมูป่าไงพี่”

“เฮ่ย!” อารามตกใจชายชาตรีจึงรีบหมุนตัวกลับไปยังต้นเสียงเพื่อที่จะพบว่า รุ่นน้องหน้าหนวดกำลังยืนคลี่ยิ้มอยู่ในสภาพทำลายล้างสติสตังอย่างยิ่งยวด...

ใครเลยจะคิดว่า ห้องน้ำเล็ก ๆ ของห้องเช่าเก่าสุดอนาถา แท้ที่จริงแล้วคือดินแดนสนธยาสุดมหัศจรรย์ เพราะเมื่อใดก็ตามที่เด็กวิศวะหายผลุบเข้าด้านใน ยามเจ้าตัวปรากฏกายออกมาอีกครั้ง มักจะนำพาภาพเด็ด ๆ ออกมาอวดโฉมให้รูมเมทหน้าเข่าได้ละเมอเพ้อหาอยู่เสมอ

ครั้งนี้ก็เช่นกัน
เพราะทันทีที่ยกหน้าที่พักผ่อนตามอัธยาศัยให้กับชายชาตรีเมื่อกว่าครึ่งชั่วโมงที่แล้ว ยาจกเคราซึ่งหายจ้อยเข้าไปขัดห้องน้ำก็กลับออกมาโดยไร้เสื้อผ้าปกปิดอกผึ่งผาย แถมเหงื่อที่ไหลบ่าท่วมตัวอยู่นั้นยังฉาบมัดกล้ามน้อยใหญ่ให้ยิ่งแวววาวแปลบปลาบแลดูน่าลับคมฟันเสียนี่กระไร

นี่ยังไม่นับกลิ่นกายเจือคราบไคลของพ่อเจ้าประคุณรุนช่องเลยนะ
คนอะไรจะกลิ่นตัวเย้ายวนใจจนเขานึกอยากจะแกล้งหน้ามืดทิ้งตัวใส่ จะได้แอบเอาหน้าซุกนมเพื่อสูดดมที่มาของกลิ่นใกล้ ๆ เสียให้รู้แล้วรู้รอด

“ผัดเผ็ดหมูป่าครับ พี่ชายอย่าลืมล่ะ”

“...เอ่อ...เอ้อ ไม่ลืม ๆ ช่อนกบนกไก่ไข่อินซีพิกกี้ป่า คราวนี้พี่ชายจะจำให้ขึ้นใจเลย” คนโตกว่ากระดกลิ้นระรัวด้วยความตื่นตัวระคนตื่นเต้นด้วยเพราะกล้ามเนื้อเจือกลิ่นกรุ่น ๆ ร่นระยะเข้าใกล้ยิ่งขึ้น

อย่าเข้ามา... อีกนิด
อย่านะ... อีกนิด
อย่าสิยิม... พี่ชายบอกแล้วไงว่าอย่าช้า!

“เหลืออะไรอีกพี่ที่พี่ยังจำไม่ได้?” เฟรชชี่ผู้หวังดีต่อรุ่นพี่หน้าเข่ายังคงยื่นความช่วยเหลืออย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ฝ่ายสายเปย์ที่ถูกฤทธิ์กล้ามมอมเมาก็เอาแต่จับจ้องหน้าอกกับช่วงท้องของคนเป็นน้องไม่พูดไม่จา  

“...” อา... แค่ยืนมองเฉย ๆ เขายังแอบรู้สึกอึดอัดแทน ไม่อยากจะนึกเลยว่า ถ้าเขาได้ลองสัมผัสร่างกายน่ามองนั่นจริง ๆ เนื้อตัวยิมจะแน่น จะลื่นจนน่าขยำขยี้ให้หายหมั่นเขี้ยวสักแค่ไหนนะ?  

“พี่ชาย เหนื่อยเหรอพี่? ยืนเหม่อเชียว” เด็กวิศวะอดเป็นห่วงอาการเลื่อนลอยของชายชาตรีไม่ได้ ชายหนุ่มหน้าหนวดจึงสืบเท้าเข้าใกล้จนสายเปย์เผลอทำตัวเสียมารายาทด้วยการไม่ยอมมองหน้าคู่สนทนา เนื่องจากไม่อาจละสายตาจากระลอกคลื่นตรงหน้าท้องของรุ่นน้องได้สักวินาที “เหนื่อยแล้วทำไมไม่บอกผมล่ะครับ ฝืนตัวเองทำไม คืนนี้จะทำงานไหวไหมเนี่ย?”

“...” แทนที่จะตอบคำ ชายชาตรีกลับยิ่งถลำลึกลงสู่นิพพานแห่งเนื้อนมไข่จนไม่อาจหันหลังกลับ และก่อนที่ใครจะไหวตัว เด็กบริหารก็เอื้อมมือคว้าก้อนเนื้อแน่น ๆ ตรงหน้าเข้าเต็มเปา เมื่อฝ่ามือระอุต้องโดนเนื้อนูนหนั่น สายเปย์ก็บีบกล้ามอกของรุ่นน้องอย่างเมามันตามแรงขับภายในพร้อมกับคลี่ยิ้มพรายด้วยความพึงพอใจสูงสุด

อืม... มันดีกว่าที่คิดเอาไว้เยอะมาก

“เฮ่ยพี่ชาย! นมผมพี่ นมผม!” แม้ลึก ๆ แล้วยิมจะไม่ได้รู้สึกรังแครังคัดรุ่นพี่ต่างคณะแต่อย่างใด ทว่าการโดนอีกฝ่ายจู่โจมหน้าอกเอาดื้อ ๆ ก็น่าตกใจอยู่ไม่หยอก

“ห๊ะ?! ใคร? ไหนใครทำอะไรยิม?”

เด็กวิศวะลอบอมยิ้มเมื่อเห็นว่าสายเปย์หน้าเข่าสะดุ้งสุดตัวก่อนจะชักมือกลับพลางพยายามปรับสีหน้าหลุกหลิกให้เปลี่ยนเป็นเรียบเฉยอย่างเต็มความสามารถ จริงอยู่ที่ชายหนุ่มจะไม่รู้สึกติดใจกับอาการสุดเพี้ยนของอีกฝ่าย แต่เขากลับห้ามตัวเองไม่ให้แซวชายชาตรีไม่ได้เลยสักนิด “บีบนมผมแล้วหิวเหรอพี่ชาย? น้ำลายไหลย้อยแล้วนั่น” 

คนโตกว่าที่สติสตังยังไม่เข้าที่เข้าทางยกมือขึ้นลูบหน้าลูบตาพลางต่อบทสนทนาอย่างส่งเดช “อ๋อ... เอ้อ! ใช่ ๆ พี่ชายเริ่มหิวแล้ว ยิมล่ะ หิวยัง?”  

“พี่ชายจะกินมาม่าหรือจะลงไปกินข้าวร้านป้าล่ะครับ?” เจ้าของคำถามว่าพลางขยับเข้าใกล้เพื่อแหย่รุ่นพี่ให้เผลอไผลทำอะไรแปลก ๆ ตลก ๆ ออกมาอีกคราว ซึ่งความตั้งใจดังกล่าวของยิมส่งผลให้เด็กปีสามหลุดเข้าไปในโลกแห่งจินตนากล้ามอีกจนได้

กระนั้น ทันทีที่เจ้าตัวได้ยินเสียงพัดลมครางโหยหวนคล้ายคนจวนขาดใจ ชายชาตรีก็วาร์ปตัวเองกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงได้อีกครั้ง “อ่อ... เอ่อ อะไรก็ได้” สายเปย์หน้าเข่าส่งยิ้มกลบเกลื่อนตบท้ายก่อนจะเบือนสายตาเสมองไปอีกทาง

“งั้นพี่นั่งรอผมอาบน้ำแป๊บนึงนะครับ” ท่าทางจ๋อง ๆ ของคนตรงหน้าทำให้ยิมยอมรามือโดยง่าย เฟรชชี่สั่งความสั้น ๆ ก่อนจะเดินไปฉวยถุงผักบุ้งที่ซื้อติดมือกลับมาตั้งแต่เช้าไปแช่ในถังตรงระเบียง จากนั้นจึงฉวยผ้าขาวม้ากลับเข้าห้องน้ำไปอีกรอบ ทว่าสังหรณ์บางอย่างก็ทำให้ชายหนุ่มโผล่หน้าออกมาอีกครั้งแล้วกำชับกำชารุ่นพี่เสียงเข้ม “พี่ชายไม่ต้องทำอะไรนะครับ นั่งเฉย ๆ เดี๋ยวผมออกมาต้มมาม่าให้กินเอง”

“เอ้อ ๆ ได้ ๆ ”

สุดท้ายแล้ว ผลจากความชะล่าใจดังกล่าว ทำให้ทั้งสองหนุ่มต้องถ่อสังขารลงจากตึกแล้วออกมาเดินฝ่าแดดร้อนเปรี้ยงตอนเที่ยงวันเพื่อลัดเลาะไปยังร้านอาหารตามสั่งซอยข้าง ๆ แทนการล้อมวงกินมาม่าหม้อใหญ่... เมนูซึ่งต้องเป็นหมันไปภายหลังจากที่ชายชาตรีได้อาสาหยดน้ำยาล้างจานลงในถังแช่ผักบุ้งเพราะเจ้าตัวเผลอเข้าใจผิดว่า สรรพคุณช่วยลดแบ็คทีเรียและฆ่าเชื้อโรคได้เกือบร้อยเปอร์เซนต์ตรงข้างขวดนั้นจะสามารถบันดาลให้ทุก ๆ สิ่งสะอาดเอี่ยมเรี่ยมเร้เรไรได้เฉกเช่นจานชามทั้งหลายนั่นเอง


$$$$$$$$


“ปล่อย! กูบอกให้ปล่อยไง!

“หืม?!” จังหวะที่นายหนึ่งเดียวแห่งคณะวิศวะกำลังจะเดินพ้นตัวรถอีโคคาร์คันเก่งที่เขาเพิ่งถอยจอดเข้าซองไปเมื่อไม่กี่อึดใจก่อนหน้า เสียงตวาดกร้าวจากมุมมืดมิดของลานจอดรถชั้นห้างก็ทำให้ความตั้งใจที่จะแค่แวะมาเลือกซื้อมือถือเครื่องใหม่ของชายหนุ่มตกอันดับไปในทันใด

“เมื่อกี๊เสียงใครวะ? คุ้น ๆ ” นอกจากจิตวิญญาณของการเป็นพลเมืองดีจะร่ำร้องการสำแดงเดชแล้ว น้ำเสียงฉุนเฉียวที่ติดหูอย่างไรบอกไม่ถูกก็ตรึงฝ่าเท้าของเฟรชชี่ให้หยุดอยู่ตรงหลังเสาเพื่อดูลาดเลาอย่างไม่อาจหักห้ามความเผือกได้

“ผมชอบพี่นะครับ คบกับผมเถอะนะ”

ฮี่โธ่! นึกว่าเรื่องอะไร ที่แท้ก็เรื่องผัวเมีย เดียวนึกพลางถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะหมุนตัวหันหลังแล้วตั้งพิกัดใหม่ ทว่าชื่อของรุ่นพี่ตัวแสบที่ลอยเข้ากระทบโสตประสาทก็ทำให้ชายหนุ่มยืนปักหลักแน่นิ่งในบัดดล พร้อม ๆ กับชะโงกหัวมองหาคู่อริอย่างกระวีกระวาด

“พี่พิชญ์ คบกับผมเถอะนะครับ”

“ไอ้เหี้ยฟรายเดย์ ปล่อย! กูบอกมึงแล้วใช่ไหมว่ากูไม่ชอบให้ใครโดนตัว!

ดูเหมือนว่าเพลิงแค้นที่กัดกินหัวใจจะช่วยให้ความสามารถในการสอดแนมจากที่ห่างไกลของนายหนึ่งเดียวพัฒนารุดหน้าว่องไวจนน่าชื่นใจดีแท้ ๆ เพราะแม้เขาจะยืนหลบอยู่หลังเสาห่างจากจุดเกิดเหตุกว่าหลายร้อยเมตร แต่เด็กวิศวะกลับเห็นรุ่นพี่ต่างคณะขณะพยายามต่อสู้ดิ้นรนพาตัวเองออกจากวงแขนของผู้ชายแปลกหน้าตัวสูงใหญ่ได้อย่างชัดเจนราวกับตัวเองเป็นเห็บเหาที่เกาะอยู่ตามราวนมของพิชญ์ก็ไม่ปาน

“ไม่ปล่อย จนกว่าพี่จะยอมคบกับผม!

จิ๊ ๆๆ! มึงนี่ไม่รักตัวกลัวตายเลยนะไอ้ล่ำ พี่พิชญ์แม่งมือหนักตีนหนักอย่างกับอะไร พิศวาสลงไปได้ยังไงวะคนแบบนั้น

“ได้! กูเตือนมึงแล้วนะ!

นั่นไง นั่นไง ไอ้พี่พิชญ์มันทำหน้าแบบนั้นแล้วนั่นไง... เดี๋ยวมึงได้ร้องเอ๋งแน่ ๆ ไอ้ล่ำเอ๊ย

“โอ๊ยยย!!

“ซี๊ดส์!” ไม่ทันไร เดียวก็เผลอสูดปากร้องด้วยใบหน้าเหยเกหลังจากเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับชายแปลกหน้าแบบเต็ม ๆ ลูกตา เฟรชชี่รูปหล่อไม่รู้จริง ๆ ว่า เด็กบริหารปีสามทำให้คนตัวโตกว่าลงไปนอนงอก่องอขิงพร้อมกับส่งเสียงร้องครวญครางดั่งควายถูกเชือดได้อย่างไร แต่เท่าที่เข้าใจ มันคงไม่ต่างอะไรกับประสบการณ์ตรงที่เขาเคยสัมผัสด้วยตัวเองแน่ ๆ  

“มึงอย่ามาให้กูเห็นหน้าอีกนะไอ้ฟรายเดย์!!” พิชญ์ประเคนลูกเตะใส่กลางลำตัวของชายแปลกหน้าครั้งแล้วครั้งเล่าจนเหยื่อผู้โชคร้ายทำได้แค่นอนอ้าปากพะงาบ ๆ ร้องขอชีวิต “แล้วถ้ามึงยังแอบตามกูต้อย ๆ อยู่อีกล่ะก็ กูจะจ้างคนไปกระทืบมึงให้ไส้แตกเลยคอยดู!” เด็กบริหารจอมเหวี่ยงชี้หน้าคู่กรณีเป็นการสั่งลาก่อนจะลงมือจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่เข้าทางแล้วจึงเดินดุ่ม ๆ มุ่งหน้าไปยังทางเข้าห้างอย่างรวดเร็ว  

อาจจะเป็นเพราะความแค้นที่สั่งสมมาเนิ่นนาน บวกกับการสูญเสียเครื่องมือสื่อสารอันเป็นที่รักไปอย่างน่าสลดใจ เดียวจึงไม่ทันได้คิดอะไรตอนที่สับขาไล่กวดตามแผ่นหลังรุ่นพี่ต่างคณะไปติด ๆ จนเมื่อตนเองอยู่ในระยะประชิดที่สามารถแตะต้องคนโตกว่าได้ เด็กวิศวะก็คว้าร่างสันทัดตรงหน้าเข้ามากอดเสียเต็มรัก

ในที่สุดผมก็รู้แล้วว่าควรจะล้างแค้นพี่ยังไง
พี่ไม่ชอบให้ใครโดนตัวนักใช่ไหม ได้! เดี๋ยวผมจะจัดหนักทบต้นทบดอกให้คุ้มเชียว

“โลกกลมจังเลยนะครับพี่พิชญ์” ทันทีที่เห็นรุ่นพี่สะบัดหน้าหันมามองตามเสียง ความแค้นที่อัดแน่นอยู่เต็มอกก็ทำให้เดียวบดปากลงประกบกับริมฝีปากสีแดงสดที่ลอยเด่นท้าทายสายตาอย่างไม่ห่วงหน้าพะวงหลัง... ครั้งนี้แหละ เขาจะทำให้อีกฝ่ายเดือดเนื้อร้อนใจจนกระอักเลือดตายกันไปข้าง

กระนั้นแล้ว ณ ห้วงเวลาที่ความแนบชิดอันฉุกละหุกทำให้ไม่มีใครเขยื้อนขยับ นายหนึ่งเดียวกลับสังเกตเห็นน้ำใส ๆ รินไหลออกมาจากดวงตาหาเรื่องคู่นั้นโดยไม่มีขาดสาย ภาพเหลือเชื่อดังกล่าวทำให้ชายหนุ่มรุ่นน้องรู้สึกผิดขึ้นมาสนิทใจ

ซวยแล้ว! พี่พิชญ์แม่งร้องไห้!’

“อ๋อย!” ความที่มัวแต่ตะลึงตะลานจนไม่เป็นอันทำอะไร พิชญ์จึงได้จังหวะสวนเข่าลอยขึ้นสอยกล่องดวงใจของเด็กปีหนึ่งต่างคณะได้อย่างจั๋งหนับราวจับวางอีกครั้ง

แต่ความพิเศษของสัมผัสในรอบนี้เห็นจะเป็น แทนที่ร่างกายใหญ่โตของเดียวจะถูกความรู้สึกรวดร้าวเข้ายึดครองเหมือนทุกที แรงปะทะอันหนักหน่วงที่บังเกิดขึ้นตรงปลายคางก็ช่วยทำให้ความทรมานปางตายปลาสนาการไปอย่างน่าอัศจรรย์ใจ ต้องขอบคุณอัปเปอร์คัตหมัดนั้นเสียจริง ๆ ที่ทำให้นายหนึ่งเดียวผู้นี้สลบไปพร้อม ๆ กับดวงดาวพร่างพรายที่เห็นอยู่ใต้เปลือกตา

 $$$$$$$$

“ถึงพี่จะทำงานบ้านไม่เก่ง แต่พี่ก็โชคดีเรื่องงานมากเลยนะครับ” ยิมเปรยขึ้นเมื่อเห็นรูมเมทออกมาจากห้องน้ำในเครื่องแต่งกายพร้อมเข้านอน

“ทำไมยิมพูดอย่างนั้นล่ะ?”

“ก็ตั้งแต่เมื่อวานจนวันนี้ ที่ร้านไม่มีพวกขี้เมาขาประจำมานั่งแช่เลยน่ะสิครับ” เด็กวิศวะหน้าหนวดอธิบายสิ่งผิดปกติที่ทุก ๆ คนในร้านต่างเห็นพ้องต้องกันเป็นเสียงเดียว เพราะตลอดมา แทบทุกคืนจะต้องมีคอเหล้าอย่างน้อยหนึ่งวงมาลงหลักปักฐานคอยสร้างสีสันรวมถึงก่อปัญหายิบย่อยให้กับสมาชิกร้านข้าวต้มเฮียคองมิได้ขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคืนก่อนวันหยุดสุดสัปดาห์และคืนวันเสาร์ด้วยแล้วล่ะก็ พี่ผึ้งถึงกับเคยเรียกรถร่วมฯ มารอเก็บซากความเสียหายกันเลยทีเดียว  

“ลูกค้าประจำไม่เข้าร้านน่ะดีตรงไหนเหรอยิม? การที่เขามานั่งกินเหล้าที่ร้านเรานาน ๆ คยองโอปป้าก็จะได้รายได้จากโซดา น้ำแข็ง แล้วก็กับแกล้มมากกว่าลูกค้าขาจรอีกไม่ใช่เหรอ?” ชายชาตรียืนเช็ดผมพลางถามรุ่นพี่ในวงการร้านข้าวต้มอย่างพาซื่อ

“ถ้าพี่ชายนับแค่ยอดต่อบิลมันก็เยอะกว่าจริง ๆ นั่นแหละครับ แต่ถ้าลองเทียบเวลากับจำนวนเรื่องวุ่นวายที่ลูกค้ากลุ่มนี้มักจะเป็นต้นเหตุแล้วล่ะก็ ผมว่าลูกค้าขาจรที่มาเพื่อกินข้าวต้มแล้วกลับบ้านไป คือลูกค้าที่เฮียคองอยากได้มากที่สุดแล้วล่ะพี่” เด็กวิศวะให้เหตุผลยาวเหยียดก่อนจะสมทบตบท้ายด้วยข้อกังวลส่วนตัวเข้าให้อีกดอก “อีกอย่าง พวกขี้เมาน่ะชอบลวนลามเด็กเสิร์ฟเป็นพิเศษ ผมถึงได้บอกยังไงล่ะครับว่า พี่ชายน่ะโชคดีที่ไม่ต้องรับมือกับลูกค้าดื้อ ๆ แบบนั้นตั้งแต่วันแรก ๆ ที่เริ่มทำงาน ไม่อย่างนั้นพี่ชายอาจจะกลัวจนฝ่อไปแล้วก็ได้”

ก่อนหน้าที่รุ่นพี่หน้าเข่าจะเข้ามาทำงานที่ร้าน ยิมก็ไม่เคยนึกหวั่นใจกับอาการมือไวของลูกค้าโต๊ะไหน ๆ มาก่อน แต่เมื่อเผลอนึกภาพว่า คนที่จะโดนแขกทำรุ่มร่ามใส่เป็นคนตัวใหญ่ไร้พิษสงตรงหน้า เด็กวิศวะก็เริ่มจะรู้สึกร้อนหัวแปลก ๆ

“พี่ผึ้งก็โดนลวนลามเหรอ?” ยิ่งเห็นรูมเมทกดหน้าต่ำรับคำ ชายชาตรีก็แทบเก็บอาการช็อกเอาไว้ไม่ได้ “ดุ ๆ อย่างพี่ผึ้งเนี่ยนะ?”

“ครับ พี่ผึ้งก็ไม่เว้นครับ” ยิมเลือกตอบเฉพาะส่วนที่อีกฝ่ายสนใจโดยละเหตุผลที่โจเพิ่งบอกให้เขารู้เมื่อหัวค่ำนี้เองว่า การที่เฮียคองยอมรับสายเปย์หน้าเข่าเข้าทำงานง่าย ๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยทำงานที่ไหนมาก่อน เป็นเพราะเจ้านายของเขาตั้งใจจะยกหน้าที่ต่อกรกับเหล่าลูกค้าขี้เมาให้ชายชาตรีเป็นกรณีพิเศษ ผู้หญิงคนเดียวของร้านอย่างพี่ผึ้งจะได้ไม่ต้องเปลืองเนื้อเปลืองตัวอีกต่อไป

“โห! ถ้าขนาดพี่ผึ้งยังโดน สงสัยต่อไปพี่ชายเองก็ต้องระวังตัวไว้บ้างเหมือนกัน สมัยนี้ผู้ชายก็ตกเป็นเหยื่อลวนลามออกเยอะแยะไป เนอะยิมเนอะ” เด็กปีสามพูดเองเออเองเสร็จสรรพพร้อมกับอาศัยจังหวะชุลมุนเอื้อมไปหยิบรีโมทที่วางล่อตาล่อใจมากดหมับ กระนั้นอาการไม่หือไม่อือของเครื่องปรับอากาศก็ทำให้สายเปย์ร้องลั่น “อ้าว! ทำไมไม่ติดล่ะ? แอร์เสียเหรอ?”

ยิมยืนอมยิ้มเมื่อเห็นรูมเมทบ่นเป็นหมีระหว่างที่เดินไปตรวจดูคัทเอาท์สำหรับจ่ายไฟเข้าแอร์โดยเฉพาะ “เอ สวิตช์ก็เปิดอยู่นี่นา แล้วทำไมแอร์ไม่ติดล่ะ?” และแล้วอยู่ ๆ ชายชาตรีก็เกิดพุทธิปัญญา เด็กบริหารจึงรีบแงะด้านหลังรีโมทเพื่อดูถ่านด้านในก่อนจะโวยวายด้วยเสียงกระเง้ากระงอด “ยิม! ทำไมยิมเอาถ่านรีโมทออกล่ะ? แล้วอย่างนี้คืนนี้พี่ชายจะเปิดแอร์ได้ยังไง?”

“ถ้าเปิดแอร์ไม่ได้ พี่ชายก็นอนพัดลมแทนสิครับ ตอนกลางคืนห้องนี้น่ะลมโกรกจะตายไป เวลาผมนอนนะแทบไม่ต้องเปิดพัดลมเลยสักคืน” อาการหน้าบึ้งของรุ่นพี่ทำให้ยาจกยิมจาระไนบทสรุปเมื่อคืนให้อีกฝ่ายได้ทำความเข้าใจอีกครั้ง “ไหนพี่ตกลงกับผมแล้วไงครับว่าจะไม่เปิดแอร์นอนอีก?”

“แต่ถ้าไม่เปิดแอร์ พี่ก็นอนไม่ได้หรอก” ชายชาตรีอุทธรณ์พร้อมกับให้เหตุผลครบครัน “เวลาร้อน ๆ พี่นอนไม่หลับ ตอนไปเข้าค่ายร.ด.ที่เขาชนไก่ ยิมรู้ไหมว่าพี่ชายแทบไม่ได้นอนเลยสักคืน จะถอดเสื้อนอนก็ไม่กล้าเพราะบัดดี้ที่นอนข้าง ๆ เป็นใครก็ไม่รู้”

“งั้นพี่ก็ถอดเสื้อนอนสิครับ อยู่กับผม พี่ไม่ต้องอายหรอก” เด็กวิศวะโพล่งทันควันด้วยความรู้สึกกระหยิ่มในใจแบบไม่มีสาเหตุ

“จะดีเหรอยิม?” สายเปย์ถึงกับเป๋ไปเมื่อนึกภาพตัวเองนอนอวดสายตาอีกฝ่ายในสภาพเปลือยท่อนบน... ไม่เอาหรอก เกิดยิมเผลอหน้ามืดขึ้นมากลางดึก ตำแหน่งเหนือชายที่เขาตั้งใจจะยัดเยียดให้น้องเดียวคงต้องมีอันหมองมัวเพราะความวันทองสองผัวของตัวเขาไปเสียก่อน

“ตามสบายเลยพี่ ขอแค่ไม่ต้องเปิดแอร์ ต่อให้พี่นอนแก้ผ้า ผมก็โอเค”

“เปลี่ยนจากแก้ผ้าเป็นเปิดแอร์นอนไม่ได้เหรอ ยิมไม่เขินแต่พี่เขินนะ” ชายชาตรียกเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้มเพราะลำพังแค่ร้อนจนนอนไม่หลับน่ะคงไม่เท่าไร แต่หากต้องนอนไม่หลับพร้อม ๆ กับสูดดมกลิ่นแมน ๆ ของอีกฝ่ายไปตลอดทั้งคืน เขาต้องเป็นบ้าตายไปก่อนถึงเช้าแน่ ๆ

“ถ้างั้นพี่ชายคงต้องใช้ตัวช่วยแล้วล่ะ” สิ้นคำ เจ้าของห้องก็เดินไปค้นหาบางอย่างในตะกร้าเสื้อผ้าของตัวเองก่อนจะเอามายื่นให้

ชายชาตรีเหลือบมองกระป๋องเหล็กทรงสี่เหลี่ยมในมือตัวเองด้วยความสงสัย “แป้งเหรอยิม?”

“ครับ เข้าไปพรมน้ำตามตัวเสียหน่อยแล้วค่อยทานะพี่ มันจะได้ติดทน ๆ ” เด็กวิศวะใช้สีหน้าสงสัยของอีกฝ่ายเป็นข้อสนับสนุนในการโฆษณาคุณสมบัติของตัวช่วยที่เขาเพิ่งหยิบยื่นให้อย่างเต็มที่ “เดี๋ยวพอทาเสร็จ พี่จะไม่ร้องงอแงให้ผมเปิดแอร์ให้อีกเลย” ทันทีที่พูดจบ เฟรชชี่หนวดเฟิ้มก็รุนหลังรุ่นพี่ที่ยังมีทีท่าต่อต้านการปิดแอร์ของเขาให้เข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำโดยไม่รั้งรอ

เป็นอีกครั้งที่ห้องน้ำได้ประกาศศักดาความวิเศษเกินหน้าเกินตาของมัน เพราะหลังจากคล้อยหายผ่านประตูพลาสติกสีเหลืองซีดไปได้ไม่ถึงสองนาที ควายไทยตัวดำมะเมื่อมก็กลายร่างเป็นตัวจามรีสีขาวปานวอกไปเสียแล้ว “ซี๊ดดดส์! หนาว... บรื๋อออ! หนาวจริง ๆ ด้วยแหละยิม”

เด็กวิศวะหัวเราะลั่นเมื่อหันไปเห็นสารรูปล่าสุดของรุ่นพี่ต่างคณะที่เดินกระย่องกระแย่งพลางกอดตัวเองออกมาอย่างน่าขัน “โหพี่ชาย! เล่นพอกไม่เห็นหูเห็นหัวแบบนั้น ถ้าไม่หนาวก็แปลกแล้วล่ะครับ” ยิมว่าพลางตบฟูกนอนข้าง ๆ ตัวเพื่อเชื้อเชิญอีกฝ่ายทางอ้อม “มาพี่ มานอนเร็ว เดี๋ยวผมห่มผ้าให้”

“...ฮื่อออ หนาว...” ยิมลอบยิ้มด้วยความชอบใจเมื่อรุ่นพี่ตัวลายพร้อยค่อย ๆ ทอดตัวลงนอนให้เขาห่มผ้าให้อย่างไม่มีปากเสียง

หลังจากสิ้นสุดขั้นตอนเพิ่มความอบอุ่น เจ้าของห้องหน้าหนวดก็ไม่ลืมเบี่ยงพัดลมมาจ่อให้คนตัวใหญ่ในโปงผ้าก่อนจะเดินไปปิดไฟเป็นรายการสุดท้าย และแล้วเมื่อเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของอีกฝ่ายดังลอดเข้าหู ชายหนุ่มก็ไม่ลืมกล่าวคำว่า ราตรีสวัสดิ์ กับเพื่อนร่วมห้องคนใหม่ที่ทำอะไรแทบไม่เป็น นอกไปเสียจากสร้างรอยยิ้มและเรียกเสียงหัวเราะจากเขาได้ตลอดเวลาก็เท่านั้นเอง
.
.
.
.
.
.
.
.
“...อือ...”

ไม่ใช่แค่เสียงครางเครือในลำคอของคนนอนร่วมเตียงหรอกที่ทำให้ยาจกหน้าเครารู้สึกตัวขึ้นอีกครั้งในอีกไม่กี่ชั่วโมงให้หลัง ไออุ่นของร่างหนา ๆ ที่ค่อย ๆ กระถดตัวเข้ามาใกล้ ๆ ก่อนจะพิงแหมะเข้ากับอกเขาต่างหากล่ะที่ทำให้มุมปากทั้งสองข้างของชายหนุ่มยกขึ้นจนแก้มตึงรั้งไปทุกหน่วย

แม้ว่าการจะพลิกตัวเปลี่ยนท่าหนีหรือถอยห่างจากวิถีคนนอนดิ้นจะเป็นคำตอบที่ดีกว่า ทว่าเฟรชชี่วิศวะกลับหลับตาลงช้า ๆ แล้วปล่อยตัวเองให้จมลงในนิทรารมย์ทั้งที่ยังไม่หยุดยิ้ม


……………………………………………………………………………………………………………………………………………………...


ความในใจทิ้งท้ายตามสไตล์ชายชิค ๆ :
ตอนเด็ก ๆ ชายเคยขออนุญาตคุณพ่อหัดทำงานบ้าน
แต่พอท่านเห็นชายนั่งเรียนกับนมสายได้ไม่ถึงครึ่งวัน ท่านก็เปลี่ยนใจกะทันหันแถมยังไม่อธิบายเหตุผล
จนป่านนี้ชายจึงไม่รู้วิธีปะชุนเสื้อผ้า อบบุหงาแป้งร่ำ กระทั่งเตรียมสำรับคาวหวาน ชายก็ไม่กระดิกเลยสักนิด


 $$$$<| TBC |>$$$$





No comments:

Post a Comment